การระบาดทั่วของโควิด-19

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทั่วโลก

การระบาดทั่วของโควิด-19 เป็นการระบาดทั่วโลกที่กำลังดำเนินไปของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19; โควิด-19) โดยมีสาเหตุมาจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 โดยพบครั้งแรกในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน[3][4] องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในวันที่ 30 มกราคม 2563 และประกาศให้เป็นโรคระบาดทั่ว ในวันที่ 11 มีนาคม 2563[5][6]

การระบาดทั่วของไวรัสโควิด-19
แผนที่แสดงจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันเฉลี่ยต่อ 100,000 คน ณ 20 พฤศจิกายน 2022
  ผู้ติดเชื้อยืนยันมากกว่า 3,000 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 1,000–3,000 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 300–1,000 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 100–300 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 30–100 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 0–30 คน
  ไม่มีผู้ติดเชื้อยืนยันหรือไม่มีข้อมูล
แผนที่แสดงจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันทั้งหมด
แผนที่การระบาดทั่ว ณ 20 พฤศจิกายน 2022
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1,000,000 คนขึ้นไป
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 100,000– 999,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 10,000–99,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1,000–9,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 100–999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1–99 คน
  ไม่มีผู้ติดเชื้อยืนยันหรือไม่มีข้อมูล
แผนที่แสดงผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อหัว
แผนที่แสดงผู้เสียชีวิตต่อหัว ณ 20 พฤศจิกายน 2022
  ผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 10–100 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 1–10 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 0.1–1 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 0–0.1 คนต่อล้านคน
  ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือไม่มีข้อมูล
(ตามเข็มนาฬิกาจากบนสุด)
  • ผู้ป่วยรับการรักษาในโรงพยาบาลในเตหะราน
  • รถฉีดฆ่าเชื้อในไทเป
  • ชั้นวางของที่ว่างเปล่าในห้างสรรพสินค้าในออสเตรเลีย
  • จุดคัดกรองด้านสุขภาพที่ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา
  • ศูนย์สั่งการของรัฐบาลอิตาลี
โรคโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19)
สถานที่ทั่วโลก
ผู้ป่วยต้นปัญหาอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน
30°35′14″N 114°17′17″E / 30.58722°N 114.28806°E / 30.58722; 114.28806
วันที่1 ธันวาคม 2019 – 5 พฤษภาคม 2023
(3 ปี 5 เดือน 4 วัน)
ผู้ป่วยยืนยันสะสม704,429,276 คน[1]
หาย675,269,773 คน[1]
เสียชีวิต7,007,695 คน[2]
ดินแดน224 ดินแดน[2]

ไวรัสมีการแพร่เชื้อระหว่างคนในลักษณะเดียวกับไข้หวัดใหญ่ โดยผ่านการติดเชื้อจากละอองเสมหะจากการไอ[7][8][9] ระยะระหว่างการสัมผัสเชื้อและมีอาการโดยทั่วไปแล้วอยู่ที่ 5 วัน แต่มีช่วงอยู่ระหว่าง 2 ถึง 14 วัน[9][10] อาการที่พบบ่อย ได้แก่ มีไข้ ไอ และหายใจลำบาก[9][10] ภาวะแทรกซ้อนอาจรวมไปถึงปอดบวม และกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน โดยยังไม่มีวัคซีนที่ได้รับอนุญาตหรือยาต้านไวรัสจำเพาะ แต่กำลังมีการวิจัยอยู่ขณะนี้ การรักษาจึงพยายามมุ่งเป้าไปที่การจัดการกับอาการ และรักษาแบบประคับประคอง มาตรการป้องกันที่มีการแนะนำ คือ การล้างมือ การอยู่ห่างจากบุคคลอื่น (โดยเฉพาะกับบุคคลที่ป่วย) ติดตามอาการ และกักตนเองเป็นเวลา 14 วัน ในกรณีที่สงสัยว่าตนอาจติดเชื้อ[8][9][11]

การตอบสนองทางสาธารณสุขทั่วโลก ประกอบด้วย การจำกัดการท่องเที่ยว การกักด่าน การห้ามออกจากเคหสถานเวลาค่ำคืน การยกเลิกการจัดงาน และการปิดสถานศึกษา นอกจากนี้ยังมีการกักด่านทั้งหมดของประเทศอิตาลีและมณฑลหูเป่ย์ของประเทศจีน และมีการใช้มาตรการการห้ามออกจากเคหสถานเวลาค่ำคืนอย่างหลากหลายในประเทศจีนและประเทศเกาหลีใต้[12][13][14] มีการคัดกรองตามท่าอากาศยานและสถานีรถไฟ[15] และมีการออกคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางไปยังภูมิภาคที่มีการแพร่เชื้อในระดับประชาคม[16][17][18][19] มีการปิดสถานศึกษาทั่วประเทศหรือส่วนท้องถิ่นในอย่างน้อย 115 ประเทศ ส่งผลกระทบกับนักเรียนนักศึกษามากกว่า 1.2 พันล้านคน[20]

การระบาดทั่วยังก่อให้เกิดอุบัติการณ์ ประกอบด้วย ความไม่มั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ[21][22] อาการกลัวคนแปลกหน้าและการเหยียดเชื้อชาติชาวจีนและชาวเอเชียตะวันออก[23][24][25][26][27] และการแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิด ๆ และทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับไวรัส[28][29][30]

จำนวนผู้ป่วยที่พบโรคนี้ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ และวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 อธิบดีองค์การอนามัยโลก เตโวโดรส อัดฮาโนม ได้ประกาศว่าการระบาดทั่วของโควิด-19 สิ้นสุดลงแล้ว ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มีเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 6,921,614[31] คนทั่วโลก

วิทยาการระบาด

ประเทศและดินแดน[A]ผู้ป่วย[B]เสียชีวิต[C]อ้างอิง
252765,222,1686,921,601[33]
สหรัฐ[D][E][F][G]103,266,4041,124,063[35][36]
สาธารณรัฐประชาชนจีน[H][I][J][K]99,248,443120,961[37]
อินเดีย44,952,996531,564[38]
ฝรั่งเศส[L][M]38,930,489162,868[39][40]
เยอรมนี[N]38,403,667173,044[41][42]
บราซิล37,449,418701,494[43][44]
ญี่ปุ่น33,720,73974,542[45]
เกาหลีใต้31,176,66034,487[46][47]
อิตาลี[O]25,788,387189,738[50][51]
สหราชอาณาจักร[P][Q]24,581,706224,106[53]
รัสเซีย[R][S]22,858,855398,366[57]
ตุรกี17,004,677101,419[58]
สเปน[T][U]13,825,052120,715[59]
เวียดนาม11,561,84843,191[60]
ออสเตรเลีย[V][W]11,210,65120,119[62]
อาร์เจนตินา10,044,957130,472[63][64]
ไต้หวัน9,970,93717,672[65]
เนเธอร์แลนด์[X][Y][Z]8,610,37222,992[67][68]
อิหร่าน[AA]7,607,744146,058[69][70]
เม็กซิโก7,587,447333,908[71]
อินโดนีเซีย6,776,984161,327[72]
โปแลนด์6,513,979119,555[36][73]
โคลอมเบีย6,364,636142,713[74]
ออสเตรีย6,065,71122,372[75]
กรีซ6,018,54436,754[76]
โปรตุเกส5,581,61926,575[77][78]
ยูเครน[AB][AC]5,529,459112,128[79][80]
ชิลี[AD][AE][AF][AG]5,283,90861,384[81]
มาเลเซีย5,071,84037,020[82]
อิสราเอล[AH]4,822,31312,493[83]
เบลเยียม[AI]4,793,42534,237[84][85]
ไทย4,732,30133,957[86][87]
แคนาดา4,659,97152,121[88][89]
เช็กเกีย4,640,35442,767[90]
เปรู4,501,130220,122[91][92]
  สวิสเซอร์แลนด์[AJ]4,402,43213,995[93][94]
เกาหลีเหนือ4,304,38080[95]
ฟิลิปปินส์4,092,15866,444[96][97]
แอฟริกาใต้4,072,533102,595[98][99]
เดนมาร์ก[AK][AL]3,411,9098,556[101][102]
โรมาเนีย3,393,90268,089[103][104]
ฮ่องกง2,876,10613,466[105]
สวีเดน[AM]2,706,12224,070[106]
เซอร์เบีย[AN]2,534,88618,021[107]
อิรัก2,465,54525,375[108]
สิงคโปร์2,368,5971,722[109][110]
นิวซีแลนด์2,251,4402,736[111]
ฮังการี2,201,35548,762[112]
บังกลาเทศ2,038,25029,446[113][114]
สโลวาเกีย1,866,47021,167[115]
จอร์เจีย[AO]1,840,18717,059[116]
จอร์แดน1,746,99714,122[117]
ไอร์แลนด์1,710,3028,849[118][119]
ปากีสถาน1,580,63130,656[120]
คาซัคสถาน1,502,66719,072[121][122]
นอร์เวย์[AP][AQ][AR]1,483,2225,435[124]
ฟินแลนด์[AS][AT]1,473,6039,308[127]
สโลวีเนีย1,343,4859,304[128][129]
ลิทัวเนีย1,318,5139,668[130]
บัลแกเรีย1,304,39338,328[131][132]
โมร็อกโก[AU]1,273,46316,297[133]
โครเอเชีย1,272,88618,180[134]
กัวเตมาลา1,248,17120,189[135]
เลบานอน1,236,70210,900[136]
คอสตาริกา1,228,6599,351[137]
โบลิเวีย1,197,23922,377[138]
ตูนิเซีย1,152,61229,387[139]
ปวยร์โตรีโก1,116,8235,891[140][141]
คิวบา[AV]1,113,0888,530[142]
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์1,062,3212,349[143]
เอกวาดอร์1,061,10036,019[144][145]
อุรุกวัย1,037,8937,625[146]
ปานามา1,036,7338,621[147][148]
มองโกเลีย1,007,9702,136[149]
  เนปาล1,003,00412,030[150][151]
เบลารุส994,0377,118[152][153]
ลัตเวีย977,6676,346[36][154]
ซาอุดีอาระเบีย840,3379,643[155]
อาเซอร์ไบจาน831,38610,242[156]
ปารากวัย735,75919,880[157]
ปาเลสไตน์703,2285,708[158]
บาห์เรน696,6141,536[159]
ศรีลังกา672,17716,843[160]
คูเวต665,7412,570[161]
สาธารณรัฐโดมินิกัน661,0454,384[162][163]
ไซปรัส[AW]658,4501,354[164]
พม่า635,10219,492[165]
มอลโดวา[AX]620,25312,112[166]
เอสโตเนีย618,1733,001[167]
เวเนซุเอลา552,5785,856[168]
อียิปต์[AY]515,97024,826[169]
ลิเบีย507,2506,437[170][171]
กาตาร์506,323690[172]
เอธิโอเปีย500,8377,574[173]
ฮอนดูรัส472,53311,112[174][175]
อาร์มีเนีย449,0628,747[176]
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา402,84816,337[177]
โอมาน399,4494,628[178]
มาซิโดเนียเหนือ348,1429,673[179][180]
แซมเบีย343,9104,058[181][182]
เคนยา343,0605,688[183]
แอลเบเนีย334,0903,604[184]
บอตสวานา329,8522,796[185][186]
ลักเซมเบิร์ก319,9591,232[187]
มอริเชียส301,0961,046[188]
มอนเตเนโกร289,2922,808[189]
บรูไน288,051157[190][191]
คอซอวอ273,8523,206[192]
แอลจีเรีย271,7196,881[193][194]
ไนจีเรีย266,6753,155[195]
ซิมบับเว264,6855,686[196][197]
อุซเบกิสถาน253,0091,637[198]
โมซัมบิก233,4172,243[199]
ลาว218,077671[200]
อัฟกานิสถาน214,8807,892[201]
ไอซ์แลนด์209,191260[202]
คีร์กีซสถาน206,8882,991[203]
เอลซัลวาดอร์201,7854,230[204]
ตรินิแดดและโตเบโก191,3504,387[205][206]
มัลดีฟส์186,435313[207][208]
กานา171,6531,462[209]
นามิเบีย171,2224,090[210]
ยูกันดา170,6023,632[211][212]
จาเมกา154,7863,536[213][214]
กัมพูชา138,7333,056[215]
รวันดา133,1941,468[216][217]
แคเมอรูน124,9831,971[218][219]
มอลตา118,524835[220]
บาร์เบโดส107,466588[221]
แองโกลา105,3841,934[222]
สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 96,2121,464[223]
เซเนกัล88,9971,971[224]
มาลาวี88,6382,686[225]
โกตดิวัวร์88,325834[226]
ซูรินาม82,4951,404[227]
นิวแคลิโดเนีย80,058314[228]
เฟรนช์พอลินีเชีย78,488649[229]
เอสวาตีนี74,6271,425[230]
กายอานา73,1621,298[231]
เบลีซ70,782688[232]
ฟีจี68,918883[233][234]
มาดากัสการ์68,2361,424[235]
เจอร์ซีย์[AZ]66,391161[236]
ซูดาน63,9935,046[237][238]
มอริเตเนีย63,617997[239][240]
กาบูเวร์ดี63,473413[241]
ภูฏาน62,66621[242]
ซีเรีย[BA]57,4233,163[243]
บุรุนดี53,74015[244]
กวม51,179413[35][245]
เซเชลส์50,937172[246]
ทรานส์นีสเตรีย[BB]49,1861,192[247]
กาบอง48,981306[248]
อันดอร์รา47,974159[249]
ปาปัวนิวกินี46,842670[250]
กือราเซา45,798301[251]
อารูบา44,114287[252]
แทนซาเนีย42,973846[253][254]
โตโก39,487290[255]
สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์[BC]38,8512,927[256]
กินี38,462467[257][258]
บาฮามาส38,084844[259][260]
ไอล์ออฟแมน[AZ]38,008116[261]
เกิร์นซีย์[AZ]35,32667[262]
หมู่เกาะแฟโร34,65828[263][102]
เลโซโท34,490706[264]
เฮติ34,228860[265]
มาลี33,144743[266]
หมู่เกาะเคย์แมน31,47237[267]
เซนต์ลูเชีย30,052409[268][269]
เบนิน28,014163[270]
โซมาเลีย[BD]27,3341,361[271]
สหพันธรัฐไมโครนีเซีย26,08064[272]
สาธารณรัฐคองโก25,192389[273][274]
หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ24,919130[275]
หมู่เกาะโซโลมอน24,575153[276][277]
ซานมารีโน24,132125[278]
ติมอร์-เลสเต23,428138[279]
บูร์กินาฟาโซ22,056396[280][281]
ลิกเตนสไตน์21,46487[282]
ยิบรอลตาร์20,550113[283]
เกรเนดา19,693238[284][285]
เบอร์มิวดา18,860165[286]
ซูดานใต้18,368138[287][288]
ทาจิกิสถาน17,786125[289][290]
อิเควทอเรียลกินี17,130183[291]
ตองงา16,81412[292]
โมนาโก16,74967[293]
ซามัว16,73731[294]
สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์16,08117[295][296]
โดมินิกา15,76074[297]
นิการากัว15,697245[36][298]
จิบูตี15,690189[299]
สาธารณรัฐแอฟริกากลาง15,367113[300]
อับคาเซีย15,292230[301]
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา13,83941[302]
แกมเบีย12,626372[303]
วานูอาตู12,01614[304]
กรีนแลนด์11,97121[305][102]
เยเมน11,9452,159[306]
ซินต์มาร์เติน11,03092[307]
เอริเทรีย10,189103[308]
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์9,611124[309]
ไนเจอร์9,513315[310]
กินี-บิสเซา9,350176[311]
คอโมโรส9,109160[312]
แอนติกาและบาร์บูดา9,106146[313]
อเมริกันซามัว8,32934[314]
ไลบีเรีย8,090294[315]
ชาด7,820194[316]
เซียร์ราลีโอน7,762125[317][318]
หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน7,30564[319]
นอร์เทิร์นไซปรัส7,13933[320]
หมู่เกาะคุก7,0622[321][322]
เซนต์คิตส์และเนวิส6,59846[323]
หมู่เกาะเติกส์และเคคอส6,56538[324][325]
เซาตูเมและปรินซีปี6,56280[326]
ปาเลา5,9999[327]
นาอูรู5,3931
คิริบาส5,02524[328][329]
สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์[BC]4,723437[330]
โซมาลีแลนด์4,608311[331][332]
แองกวิลลา3,90412[333]
มาเก๊า3,514121[334]
วาลิสและฟูตูนา3,4277[335][336]
แซงปีแยร์และมีเกอลง3,4262[337]
เซาท์ออสซีเชีย[BE]3,33960+[301]
ตูวาลู2,779
สาธารณรัฐอาร์ทซัค2,75131[301]
เซนต์เฮเลนา อัสเซนชัน และตริสตันดากูนยา2,166[338][339]
หมู่เกาะฟอล์กแลนด์1,923[340]
โบแนเรอ1,58617[341]
มอนต์เซอร์รัต1,4038[342]
นีอูเอ747
สาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี[BF]73242[343]
แอนตาร์กติกา580[344]
นครรัฐวาติกัน260[345]
ซินต์เอิสตาซียึส200[346]
ซาบา70[347]
บริติชอินเดียนโอเชียนเทร์ริทอรี50[348][349]
โตเกเลา50
หมู่เกาะพิตแคร์น4
อ่าวกวนตานาโม20[350]
พาหนะระหว่างประเทศ 
เรือยูเอสเอส ทีโอดอร์รูสเวลต์[BG]1,1021[351][352]
เรือชาร์ลเดอโกล[BH]1,0810[353]
เรือไดมอนด์พรินเซส[BI]71214[354][355]
เรือคอสตาแอตแลนติกา1480[356][357]
เรือเกร็กมอร์ติเมอร์[BJ]1281[358][359]
เรือเอ็มเอส ซานดัม[BK]134[361][362]
เรือคอรัลพรินเซส[BL]123[363]
เรือซีดรีมวัน[BM]90[364][365]
เรือฮาเอ็นเอลเอ็มเอส ดลแฟง[BN]80[366][367]
ณ วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
 หมายเหตุ 

ในปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 โดยที่ผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกจำนวนมากมีความเชื่อมโยงกับตลาดค้าอาหารทะเลหฺวาหนานมาก่อน ชี้ให้เห็นว่าไวรัสดังกล่าว "น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากสัตว์"[368] ไวรัสที่ก่อให้เกิดการระบาดนั้นรู้จักกันในชื่อ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสใหม่ที่สัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับไวรัสโคโรนาในค้างคาว[369] ไวรัสโคโรนาในลิ่น[370] และไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง[371] โดยเชื่อว่าไวรัสอาจมีต้นกำเนิดมาจากค้างคาวในสกุลค้างคาวมงกุฎ[372]

อาการแรกสุดมีรายงานในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ในบุคคลที่ไม่ได้มีการสัมผัสกับตลาดค้าอาหารทะเลหฺวาหนานหรืออีก 40 คนที่เหลือของกลุ่มผู้มีอาการครั้งแรกจากไวรัส[373][374] ขณะที่ 2 ใน 3 ของกลุ่มแรกนี้พบว่ามีความเชื่อมโยงกับตลาดสดซึ่งค้าสัตว์มีชีวิตแห่งนี้[373][375][376][377]

องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 30 มกราคม[5] โดยเทดรอส อัดเฮนอม ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยังคงกล่าวชื่นชมการตอบสนองของประเทศจีนต่อไวรัส เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ว่า "เป็นการหลีกเลี่ยงการมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย" แม้ว่าโรคจะมีศักยภาพในการแพร่ภายในท้องถิ่นในบริเวณอื่น ๆ ของโลกด้วยก็ตาม[378]

ในช่วงเริ่มแรก จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุก ๆ เจ็ดวันครึ่ง[379] ในช่วงต้นและกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ไวรัสเกิดการแพร่กระจายไปยังมณฑลอื่น ๆ ของประเทศจีน ผ่านการโยกย้ายของประชากรในช่วงตรุษจีน และเนื่องจากนครอู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางการขนส่งในประเทศจีน ผู้ติดเชื้อจึงเดินทางไปได้อย่างรวดเร็วทั่วประเทศ[380]

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 องค์การอนามัยโลกรายงานว่า จากการที่ผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศจีนลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศอิตาลี ประเทศอิหร่าน และประเทศเกาหลีใต้ ทำให้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่นอกประเทศจีนเพิ่มสูงกว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศจีนเป็นครั้งแรก[381] นอกจากนี้ยังมีรายงานการพบในเด็ก ซึ่งพบได้ "น้อยมาก" ด้วย[10] จากรายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มีผู้ป่วยที่อายุ 19 ปี และต่ำกว่าเพียงร้อยละ 2.4 จากจำนวนผู้ป่วยทั่วโลก[382]

การวิเคราะห์วิทยาการระบาดของการระบาดทั่ว ทำให้องค์การอนามัยโลกและหลายรัฐบาลยอมรับว่าเหตุนี้เป็นการระบาดทั่วครั้งแรก ที่สามารถควบคุมได้อย่างน้อยในหลายภูมิภาคของโลก[383]

ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งตรงกับวันสิ้นปี รายงานจำนวนผู้เสียชีวิต ทั่วโลก รายงานผู้เสียชีวิตที่ 5,453,867 ราย[384]ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งตรงกับวันสิ้นปี รายงาน จำนวนผู้เสียชีวิต ทั่วโลก รายงานผู้เสียชีวิต 6,962,397 ราย[385]ในระยะเวลาสองปีระหว่าง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 มีผู้เสียชีวิต 1,508,530 ราย

ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งตรงกับ วันวัณโรคโลก มีผู้เสียชีวิตรวม 7,007,695 ราย

การเสียชีวิต

ผู้ที่เสียชีวิตจากโรค มีระยะเวลาตั้งแต่การพัฒนาอาการของโรคโควิด-19 ไปจนถึงแก่ชีวิตนั้นมีช่วงอยู่ระหว่าง 6 ถึง 41 วัน โดยมีมัธยฐานอยู่ที่ 14 วัน[10]

ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 7,900 คน จากโควิด-19[1] จากข้อมูลของ NHC ประเทศจีนพบว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ประมาณร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตพบว่าเป็นผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และร้อยละ 75 มีภาวะทางสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจหลอดเลือด[386]

มีการยืนยันผู้เสียชีวิตรายแรกในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563 ในนครอู่ฮั่น[387] ส่วนผู้เสียชีวิตนอกประเทศจีนรายแรกเกิดขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์[388][389][390][391] และผู้ป่วยนอกเอเชียรายแรกเกิดขึ้นในกรุงปารีส[392] วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ผู้เสียชีวิตมากกว่าสิบสองรายนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เกิดขึ้นในประเทศอิหร่าน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิตาลี[393][394][395] วันที่ 13 มีนาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ประเทศและดินแดน ในทุกทวีป (ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา)[396]

แผนภาพ

อาการและอาการแสดง

อาการ[380]%
ไข้87.9%
ไอแห้ง67.7%
ล้า38.1%
มีเสมหะ33.4%
หายใจลำบาก18.6%
ปวดกล้ามเนื้อหรือปวดในข้อ14.8%
เจ็บคอ13.9%
ปวดศีรษะ13.6%
หนาวสะท้าน11.4%
คลื่นไส้หรืออาเจียน05.0%
คัดจมูก04.8%
อาการท้องร่วง03.7%
ไอเป็นเลือด00.9%
การคั่งในเยื่อตา00.8%
อาการของโควิด-19
หยุดการแพร่เชื ้อโรค

อาการของโรคโควิด-19 นั้นไม่เจาะจงและผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ได้ เช่น ไข้ ไอ ล้า หายใจลำบาก หรือปวดกล้ามเนื้อ โดยอาการทั่วไปและความชุกแสดงไว้ดังตาราง[380]

การพัฒนาต่อไปของโรคอาจนำไปสู่การปอดบวม กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ ช็อกเหตุพิษติดเชื้อ และเสียชีวิตได้ ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีการแสดงอาการ ซึ่งให้ผลการทดสอบที่ยืนยันว่าติดเชื้อแต่ไม่มีอาการแสดง ดังนั้น นักวิจัยจึงได้ออกคำแนะนำว่าบุคคลที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว ควรมีการติดตามและทดสอบการติดเชื้ออย่างใกล้ชิด[401][402][403][373]

ระยะฟักตามปกติ (เวลาระหว่างที่ได้รับเชื้อและมีอาการเกิดขึ้น) มีช่วงตั้งแต่ 1 ถึง 14 วัน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 5 วัน[404][405] อย่างไรก็ตาม มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่มีระยะฟักถึง 27 วัน[406]

สาเหตุ

การแพร่เชื้อ

วีดีโออภิปรายค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐานและอัตราป่วยตายในบริบทของการระบาดทั่วของโรคโควิด-19

การแพร่เชื้อหลักนั้นเป็นการแพร่ผ่านละอองเสมหะ (droplets) ที่บุคคลขับออกมา เช่น เมื่อไอหรือจาม[407][408][7] ละอองเสมหะจะค้างอยู่ในอากาศเป็นช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แต่อาจคงอยู่ต่อได้บนพื้นผิวที่เป็นโลหะ แก้ว หรือพลาสติก[409] รายละเอียดของไวรัสโควิด-19 นั้นไม่มีเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 และมีการสันนิษฐานว่ามันนั้นคล้ายไวรัสโคโรนาอื่น ซึ่งสามารถอยู่รอดได้นานถึงเก้าวันที่อุณหภูมิห้อง[410] สารฆ่าเชื้อที่ใช้บนพื้นผิวอาจใช้สาร เช่น เอทานอล 62–71% บนพื้นผิวเป็นเวลาหนึ่งนาที[410]

องค์การอนามัยโลกระบุว่าความเสี่ยงของการแพร่จากบุคคลที่ไม่มีอาการนั้น "ต่ำมาก" และการส่งผ่านอุจจาระนั้นก็ "ต่ำ"[411] แต่การวิเคราะห์การติดเชื้อในประเทศสิงคโปร์และเมืองเทียนจิน ประเทศจีน ได้เปิดเผยว่าการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายคนอาจแพร่ผ่านคนที่เพิ่งติดเชื้อไวรัส และยังไม่ได้เริ่มแสดงอาการ การค้นพบนี้หมายความว่า การแยกกักบุคคลเมื่อเริ่มต้นรู้สึกป่วยนั้นมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่คาดไว้[412]

ค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน (จำนวนเฉลี่ยของบุคคลที่บุคคลที่ติดเชื้อมีแนวโน้มจะแพร่ใส่) สำหรับการแพร่เชื้อระหว่างมนุษย์สู่มนุษย์ของไวรัสอยู่ที่ประมาณ 2.13[413] ถึง 4.82[414][415] ซึ่งคล้ายกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS-CoV)[416]

วิทยาไวรัส

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 2 (SARS-CoV-2) เป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงสายพันธุ์ใหม่ ผู้ป่วยสายรายแรกที่ถูกแยกมีอาการปอดบวมที่เชื่อมกับกลุ่มของผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจในอู่ฮั่น เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)[371]

SARS-CoV-2 มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ SARS-CoV แรกเริ่ม[417] โดยมีแนวคิดว่ามีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ (zoonotic) การวิเคราะห์ทางพันธุกรรม เปิดเผยว่ากลุ่มพันธุกรรมของไวรัสโคโรนากับสกุลเบตาไวรัสโคโรนา ในสกุลย่อยซาร์เบโคไวรัส (เชื้อสาย B) ร่วมกับไวรัสโคโรนาสองสายพันธุ์ที่ได้จากค้างคาว พบว่ามีความเหมือนกันในระดับจีโนมทั้งหมดร้อยละ 96 กับไวรัสโคโรนาตัวอย่างอื่น (BatCov RaTG13)[418][380] ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 นักวิจัยชาวจีนพบว่า มีความแตกต่างของกรดอะมิโนเพียงตัวเดียวในลำดับจีโนมบางอย่าง ระหว่างไวรัสที่พบในตัวลิ่นและจากมนุษย์ ซึ่งหมายความว่า ตัวลิ่น อาจเป็นพาหะขั้นกลางของไวรัส[419]

การวินิจฉัย

การติดเชื้อไวรัสนั้นสามารถวินิจฉัยเป็นการชั่วคราวบนพื้นฐานของอาการ โดยการยืนยันการติดเชื้อในท้ายที่สุดแล้วจะใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับ (rRT-PCR) จากสิ่งคัดหลั่งที่ติดเชื้อ (ความไวร้อยละ 71) และการใช้การถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ (CT scan) (ความไวร้อยละ 98)[420]

การทดสอบไวรัส

องค์การอนามัยโลกเผยแพร่เกณฑ์วิธีการทดสอบอาร์เอ็นเอสำหรับ SARS-CoV-2 มาหลายฉบับ โดยฉบับแรกเมื่อวันที่ 17 มกราคม[421][422][423][424] ซึ่งใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับแบบตามเวลาจริง[425] การทดสอบสามารถทำได้โดยใช้ตัวอย่างจากระบบหายใจหรือเลือด[426] และโดยทั่วไป ผลจะพร้อมใช้ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงจนถึงเป็นวัน[427][428]

บุคคลที่ถือว่ามีความเสี่ยง หากมีการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดภายใน 14 วันก่อนหน้า หรือมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ จะมีตัวชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่ มีไข้ ไอ หายใจลำบาก ส่วนตัวชี้วัดอื่น ๆ ได้แก่ ล้า อาการปวดกล้ามเนื้อ ภาวะเบื่ออาหาร มีเสมหะ และเจ็บคอ[429]

การถ่ายภาพ

สมบัติการถ่ายภาพแบบการถ่ายภาพรังสีและการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ได้รับการอธิบายในผู้คิดเชื้อจำนวนจำกัด[430] สมาคมรังสีวิทยาอิตาลีกำลังรวบรวมข้อมูลออนไลน์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการถ่ายภาพที่นำไปสู่การค้นพบผู้ติดเชื้อยืนยัน[431] อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทับซ้อนกับการติดเชื้ออื่น เช่น Adenoviridae การถ่ายภาพโดยไม่มีการยืนยันโดยวิธี PCR จึงถูกใช้ยืนยันการป่วยโรคโควิด-19 อย่างจำกัด[430]

การป้องกัน

อธิบายวิธีการหยุดการแพร่ของเชื้อโรค

คำแนะนำในการป้องกัน ได้แก่ การรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือเมื่อเหมาะสม หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูก หรือปากด้วยมือที่ไม่ได้ล้าง ไอและจามใส่กระดาษชำระและทิ้งกระดาษชำระนั้นลงถังขยะโดยตรง และ (สำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว) สวมหน้ากากในที่สาธารณะ[432][433][434] มาตรการการทิ้งระยะทางสังคมก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่แนะนำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดด้วย[435][436]

รัฐบาลหลายแห่งแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น ไปยังประเทศและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด[437] ในประเทศจีนมีการห้ามการค้าและการบริโภคสัตว์ป่าด้วย[438]

สำหรับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ต้องดูแลบุคคลอื่น อาจดำเนินการตามข้อระวังมาตรฐานการติดเชื้อ (infected standard precautions) ข้อระวังการสัมผัส (contact precautions) และข้อระวังทางอากาศ (airborne precautions) โดยแนะนำให้ป้องกันดวงตา[439]

ผู้สัมผัสโรค (contact tracing) เป็นวิธีการที่สำคัญสำหรับหน่วยงานสาธารณสุข ในการกำหนดแหล่งของการติดเชื้อ และป้องกันการแพร่ต่อของเชื้อ[440]

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ นั้นกำลังถูกเผยแพร่ไป เช่น การล้างจมูก การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก และการกินกระเทียม ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสแต่อย่างใด[441]

การล้างมือ

มีการแนะนำให้ล้างมือ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค โดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ (CDC) แนะนำให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้บ่อยครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเข้าห้องน้ำหรือเมื่อมือสกปรกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากไอหรือจาม นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้ใช้สารล้างมือที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อย่างน้อยร้อยละ 60 โดยปริมาตร เมื่อไม่สามารถใช้สบู่และน้ำได้[432] องค์การอนามัยโลกยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูก หรือปากเมื่อไม่ได้ล้างมือด้วย[433][442]

การเว้นระยะทางสังคม

การเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) รวมถึงการควบคุมการติดเชื้อ มีจุดมุ่งหมายในการชะลอการแพร่ระบาดของโรค ด้วยการลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างบุคคลให้น้อยลง วิธีการนี้ประกอบด้วย การกักด่าน การจำกัดการเดินทาง และการปิดสถานศึกษา สถานที่ทำงาน สนามกีฬา โรงภาพยนตร์ หรือศูนย์การค้า โดยบุคคลอาจใช้การทิ้งระยะทางสังคม โดยการอยู่แต่บ้าน จำกัดการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด ไม่สัมผัสมือผู้อื่น และทิ้งระยะทางกายจากผู้อื่น[443][444][445] ขณะนี้หลายรัฐบาลกำลังสั่งการหรือแนะนำให้มีการทิ้งระยะทางสังคมในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด[446][447][448]

ผู้สูงอายุที่ป่วยโรคเรื้อรังรุนแรงจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการป่วยรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน โดย CDC ของสหรัฐแนะนำให้คนกลุ่มนี้หลีกเลี่ยงฝูงชนและอยู่แต่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในพื้นที่ที่เกิดการระบาดในระดับชุมชน[449]

อนามัยทางเดินหายใจ

ผู้คนสวมใส่ผ้าปิดจมูกในกว่างโจว

องค์การด้านอนามัยแนะนำให้ปิดปากและจมูกโดยการงอศอกเข้ามาปิด หรือใช้กระดาษชำระเมื่อไอหรือจาม (ซึ่งกระดาษชำระนั้นควรกำจัดทิ่งในทันที)[433][450]

มีการแนะนำให้ใช้ผ้าปิดจมูกในผู้ที่อาจติดเชื้อ[451][452][453] เนื่องจากสามารถจำกัดปริมาณและระยะในการเดินทางของละอองเสมหะลงได้ เมื่อพูดตุย จาม และไอ[454] โดยองค์การอนามัยโลกได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับเมื่อใดที่ควรใช้ผ้าปิดจมูกและควรใช้อย่างไร[455]

นอกจากนี้ยังมีการใช้ผ้าปิดจมูกสำหรับผู้ที่ดูแลบุคคลที่อาจเป็นโรคด้วย[453] นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพยังได้รับคำแนะนำให้สวมหน้ากากที่มีการป้องกันอย่างน้อยในระดับ N95 (ตามมาตรฐาน NIOSH), FFP2 (มาตรฐานสหภาพยุโรป) หรือเทียบเท่า นอกเหนือจากอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอื่น ๆ[453][ต้องการอ้างอิง]

แต่หน้ากากนั้นไม่ได้มีการแนะนำสำหรับคนส่วนใหญ่ โดยมีหลักฐานอย่างจำกัดว่า การสวมผ้าปิดจมูกในบุคคลที่ไม่ติดเชื้อนั้นมีประสิทธิภาพต่ำ[453] แม้ว่าอาจช่วยให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าได้ ผ้าปิดปาก (Surgical masks) นั้นมีระดับการป้องกันต่ำที่สุด และได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้อื่นจากผู้สวมใส่เป็นหลัก หน้ากากที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้สวมใส่เป็นทางเทคนิคเรียกว่า "เครื่องช่วยหายใจ" (respirators) แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกว่า "หน้ากาก" (masks) โดยมีเพียงประเทศจีนเท่านั้น ที่มีการแนะนำให้ใช้หน้ากากในสาธารณชนที่มีสุขภาพดี[397][454][456] อย่างไรก็ตาม การใช้หน้ากากอย่างกว้างขวางก็ถูกใช้โดยคนที่มีสุขภาพดีในฮ่องกง[457] ประเทศญี่ปุ่น[458] ประเทศมาเลเซีย[459] และประเทศสิงคโปร์[460][461]

การกักตัว

การกักตนเอง (self-isolation) ที่บ้านนั้นเป็นที่แนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 และผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อ[462]

เป็นที่เชื่อกันว่าไวรัสได้ไปถึงจุดที่มีการระบาดในชุมชนในส่วนใหญ่ของโลก ซึ่งหมายความว่า ไวรัสจะแพร่กระจายในชุมชนที่สมาชิกที่ไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง หน่วยงานด้านสุขภาพแนะนำให้บุคคลมีการกักตนเอง หากบุคคลเหล่านั้นมีอาการไออย่างต่อเนื่อง หรือมีไข้สูง โดยระยะเวลาการกักตนเองควรใช้เวลาอย่างน้อย 14 วัน แต่ควรนานกว่านั้น[463] นอกจากนี้ บุคคลที่เพิ่งเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง หรือผู้ที่มีการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยโรคโควิด-19 ก็จะถูกเรียกร้องจากหน้วยงานให้ทำการกักตนเอง หรือทิ้งระยะทางสังคมเป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่เวลาที่ได้สัมผัสที่เป็นไปได้ล่าสุด[8][9][464]

บริการอนามัยแห่งชาติสหราชอาณาจักร (National Health Services) ได้แนะนำให้ผู้ที่กักตนเองที่บ้าน อยู่ให้ห่างจากผู้อื่นในบ้านเป็นระยะสองเมตร บุคคลที่กำลังกักตนเองควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ที่กำลังกักตนเองควรล้างมือเป็นประจำเพื่อไม่ให้เป็นแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่นในบ้าน หรือบนพื้นผิวที่ผู้อื่นอาจจะสัมผัสได้ และตราบใดที่อาการไม่ได้แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ควรติดต่อกับบริการด้านสุขภาพ[462]

การวิจัยวัคซีน

ณ วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563 ยังไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19 ได้ บริษัทเอกชนและสถาบันวิจัยหลายแห่งกำลังพัฒนาวัคซีนขึ้น โดยโครงการวิจัยระดับนานาชาติ ซึ่งมีการประสานงานโดยพันธมิตรเพื่อการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนแก่ผู้สมัครที่เป็นไปได้จำนวนสามราย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่มีการทดลองทางคลินิกก่อนปี พ.ศ. 2564[465][466]

การจัดการ

การระบาด

เป้าหมายของการบรรเทาชุมชน (1) ชะลอจุดสูงสุดของการระบาด (2) ลดภาระสูงสุดของสาธารณสุข ทำให้เส้นโค้งแบนลง (3) ลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผลกระทบทางสุขภาพในภาพรวม[467][468]

กลยุทธ์พื้นฐานสองข้อในการควบคุมการระบาด คือ การยับยั้ง (containment) และ การบรรเทา (mitigation) การยังยั้งจะกระทำในระยะแรกของการระบาด และมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการติดตามและแยกผู้ติดเชื้อออก เพื่อหยุดโรคมิให้แพร่กระจายไปยังประชากรส่วนที่เหลือ เมื่อไม่สามารถยับยั้งการแพร่ของโรคได้อีกต่อไป จะมีการเปลี่ยนความพยายามไปเป็นการบรรเทาแทน โดยมาตรการจะถูกนำมาใช้เพื่อลดการแพร่และบรรเทาผลกระทบจากการระบาดต่อระบบสาธารณสุขและสังคม การรวมกันของทั้งมาตรการการยับยั้งและการบรรเทาอาจถูกนำมาใช้ไปพร้อมกัน[469]

ส่วนหนึ่งของการจัดการโรคระบาดติดเชื้อ คือการพยายามที่ลดลงจุดสูงสุดของการระบาด (epidemic peak) ลง เรียกว่า การทำให้เส้นโค้งการระบาดแบนลง (flattening the epidemic curve)[467] โดยสิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการบริการด้านสาธารณสุขที่กำลังจะพ่ายแพ้ และให้มีเวลาที่มากขึ้นในการพัฒนาวัคซีนและยารักษา[467]

การแทรกแซงที่ไม่ใช่ทางเภสัชภัณฑ์ที่อาจจัดการการระบาดได้ ประกอบด้วย มาตรการการป้องกันส่วนบุคคล เช่น การรักษาสุขอนามัยของมือ การสวมหน้ากากอนามัย และการกักตนเอง มาตรการทางชุมชนที่มุ่งเน้นไปที่การทิ้งระยะทางสังคม เช่น การปิดสถานศึกษา และการยกเลิกกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมกันของฝูงชน การทำข้อตกลงของชุมชนเพื่อให้มีการส่งเสริมยอมรับ และมีส่วนร่วมในการแทรกแซงดังกล่าว รวมไปถึงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส[470]

การกระทำเหล่านี้รุนแรงมากขึ้นในประเทศจีน เมื่อความรุนแรงของการระบาดชัดเจนขึ้น เช่น มีการกักด่านเมืองทั้งเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากร 60 ล้านคนในมณฑลหูเป่ย์ และการห้ามการท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด[471] ขณะที่ประเทศอื่นก็มีการใช้มาตรการที่หลากหลาย เพื่อกำจัดการแพร่ของไวรัส ตัวอย่างเช่น เกาหลีใต้มีการนำการตรวจคัดกรองมวลชน การกักด่านในท้องถิ่น และใช้การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบุคคลที่ได้รับผลกระทบมาใช้ สิงคโปร์ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ติดเชื้อที่ทำการกักตนเอง ในทางกลับกันก็มีการตั้งค่าปรับจำนวนมากสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเช่นกัน ไต้หวันเพิ่มการผลิตหน้ากาก และมีแนวทางการลงโทษสำหรับการกักตุนเวชภัณฑ์[472] ส่วนบางประเทศได้มีการกำหนดให้พลเมืองต้องรายงานอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ต่อแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเพิ่งมีการเดินทางไปยังจีนมา[473]

การป่วย

ยังไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะกับไวรัสนี้ แต่อยู่ในระหว่างการพยายามพัฒนา ความพยายามในการบรรเทาอาการจึงอาจประกอบด้วย การรับประทานยาแก้ไข้ตามปกติ (ยาที่สามารถซื้อขายกันได้โดยตรงโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์)[474] การดื่มน้ำ และพักผ่อน[432] อาจต้องใช้การรักษาด้วยออกซิเจน การฉีดเข้าหลอดเลือดดำ และการช่วยหายใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ[475] ส่วนการใช้สเตียรอยด์อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาแย่ลง[476] และยังมีการตรวจสอบสารประกอบหลายชนิด ที่ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้สำหรับการรักษาไวรัสตัวอื่น เช่น ฟาวิพิราเวียร์, ไรบาวิริน, เรมเดซิเวียร์,[477] และกาลิเดซิเวียร์[478][479]

ประวัติ

กรณีผู้ป่วยในแต่ละประเทศ มาตราส่วนกึ่งเชิงลอการิทึม

มีหลายทฤษฎีว่าผู้ป่วยรายแรก (First case) หรือผู้ป่วยต้นปัญหา (Index Case) อาจเกิดที่ใด[480] กรณีที่เป็นที่ทราบกันครั้งแรกของผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ถูกตรวจสอบย้อนกลับไปในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน[481] การกล่าวอ้างที่ไม่ยืนยันในภายหลังได้อ้างถึงเอกสารรัฐบาลจีนที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยกรณีแรกเป็นชายอายุ 55 ปีที่ป่วยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562[482]

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม กลุ่มแพทย์จากโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่นนำโดย พญ. อ้าย เฟิน (艾芬) ได้เริ่มเผยแพร่การแจ้งเตือนเรื่อง "ไวรัสโคโรนา-คล้ายโรคซาร์ส" แพทย์ชาวจีนแปดคนถูกรัฐบาล จับกุมตัวในข้อหาแพร่ข่าวลือที่เป็นเท็จ รวมถึงนายแพทย์ หลี่ เหวินเลี่ยง (李文亮) ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร เหรินวู่ (人物) อ้าย เฟิน กล่าวว่าเธอถูกตำหนิหลังจากแจ้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานของเธอเกี่ยวกับการพบกรณี ไวรัส-คล้ายโรคซาร์ส ในผู้ป่วยในเดือนธันวาคม[483]

ภายในเดือนถัดมา จำนวนผู้ป่วยกรณีไวรัสโคโรนาในมณฑลหูเป่ย์ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยคนก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีการรายงานผู้ป่วยโรคปอดบวมที่ไม่ทราบสาเหตุจำนวนหนึ่งต่อหน่วยงานด้านสุขภาพในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์[484] ซึ่งทำให้เกิดการเริ่มต้นสอบสวนโรค[485] กรณีเหล่านี้ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับตลาดขายส่งอาหารทะเลหวฺหนาน ซึ่งขายสัตว์มีชีวิตด้วย ดังนั้นจึงเชื่อว่าโรคจากไวรัสนี้เป็นโรครับจากสัตว์[486]

ในช่วงแรกของการระบาดจำนวนผู้ป่วยเพิ่มเป็นสองเท่าทุก 7 1/2 วัน[379] ในช่วงต้นและกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ไวรัสแพร่กระจายไปยังมณฑลอื่น ๆ ของจีน โดยอาจเกิดจากช่วงเวลาชุน-ยฺวิ่น หรือการเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีน[380] เมื่อวันที่ 20 มกราคม จีนได้รายงานผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 140 กรณีในหนึ่งวัน รวมถึงสองรายในนครปักกิ่ง และอีกหนึ่งรายในเชินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง[487] ข้อมูลอย่างเป็นทางการในภายหลังได้แสดงว่ามี 6,174 คนที่มีอาการป่วยแล้วภายในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563[488]

เมื่อวันที่ 10 มกราคมจากรายงานของทางการจีน องค์การอนามัยโลกได้ออกคำแนะนำการเดินทางเพื่อขอให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามแนวทาง "เพื่อลดความเสี่ยงโดยทั่วไปของการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน ขณะเดินทางในหรือจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ (นครอู่ฮั่น)"[489] ในขณะที่ข้อสังเกตรูปแบบของการแพร่กระจายของไวรัสนั้นไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้ "การใช้การ จำกัดการเดินทางหรือการค้ากับจีน" เมื่อวันที่ 12 มกราคม ตามข้อมูลเพิ่มเติมจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน ทาง WHO ระบุว่า "ในขั้นตอนนี้ไม่มีการติดเชื้อในหมู่คนทำงานด้านการดูแลสุขภาพ และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามนุษย์มีการถ่ายทอดสู่มนุษย์"[490]

ในวันที่ 13 มกราคม กรณีผู้ติดเชื้อไวรัสที่ทราบกันเป็นครั้งแรกนอกประเทศจีนได้รับการยืนยันในประเทศไทย โดยเป็นกรณีนักเดินทางชาวจีน องค์การอนามัยโลกระบุว่าคาดว่าจะมีกรณีเช่นนี้และเรียกร้องให้ "มีการติดตามและเตรียมความพร้อมในประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง"[491] เมื่อวันที่ 20 มกราคมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนยืนยันว่า การติดเชื้อโรค COVID-19 จากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว[492] เมื่อวันที่ 24 มกราคม องค์การอนามัยโลก ได้ปรับปรุงคำแนะนำการเดินทาง โดยแนะนำการคัดกรองการผ่านเข้าออกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในขณะที่ยังคงให้คำแนะนำต่อการจำกัดการเดินทาง[493] เมื่อวันที่ 27 มกราคม WHO ประเมินความเสี่ยงของโรค COVID-19 ว่า "สูงในระดับโลก"[494]

เมื่อวันที่ 30 มกราคม องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศว่าการแพร่ระบาดของโรคเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยเตือนว่า "ทุกประเทศควรเตรียมพร้อมสำหรับการกักกันโรค รวมถึงการเฝ้าระวังอย่างแข็งขัน การตรวจหาเชื้อแต่เนิ่น ๆ การแยกผู้ป่วยและการจัดการรายกรณี การติดตามการติดต่อของผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย และการป้องกันการเพิ่มการแพร่กระจายโรค[5][495]

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดเฮนอม เตือนว่าไวรัสอาจกลายเป็น "โรคระบาดทั่ว (Pandemic)" เนื่องจากมีผู้ป่วยนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก[378] เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ WHO ได้เพิ่มการประเมินความเสี่ยงของการแพร่ระบาดไปทั่วโลกว่า "สูงมาก"[496]

ในวันที่ 11 มีนาคม องค์การอนามัยโลกได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า การระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็น "โรคระบาดทั่ว" หลังจากมีการติดต่อเชื้อในระดับชุมชนอย่างต่อเนื่องช่วงเวลาหนึ่งในหลายภูมิภาคของโลก[383] ในวันที่ 13 มีนาคม WHO ได้ประกาศให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางของการระบาดใหญ่ครั้งใหม่ หลังจากที่อัตราผู้ป่วยรายใหม่ในยุโรปสูงกว่าภูมิภาคอื่นของโลกนอกเหนือจากจีน[497] เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 จำนวนกรณีผู้ป่วยทั่วโลกที่อยู่นอกประเทศจีนมีจำนวนมากกว่าในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่[498] ในวันที่ 19 มีนาคม 2563 ประเทศจีนรายงานว่าไม่มีกรณีผู้ป่วยในประเทศกรณีใหม่ (ยกเว้นกรณีผู้ป่วยเดินทางมาจากต่างประเทศ) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาด ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในอิตาลีมากกว่าในประเทศจีน[499]

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 นักวิทยาศาสตร์จีนได้รายงานว่า มากถึง 10% ของผู้ที่รักษาหายจากโรคติดเชื้อ COVID-19 และมีผลทดสอบการติดเชื้อเป็นลบ สามารถมีผลทดสอบการติดเชื้อเป็นบวกอีกครั้ง[500]

การตอบสนองระหว่างประเทศ

[378]การวิจัยการรักษา

หลายองค์กรทั่วโลกกำลังพัฒนาวัคซีน หรือทำการทดสอบยาต้านไวรัส โดยองค์กรที่กำลังพยายามอยู่ประกอบด้วย:

  • สถาบันอนามัยแห่งชาติสหรัฐ (NIH) คาดว่าจะมีการทดลองวัคซีนในมนุษย์ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563[501][502]
  • ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งจีน (CCDC) ได้เริ่มพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และกำลังทดสอบประสิทธิภาพของยาที่มีอยู่กับโรคปอดบวม[503][504]
  • ศูนย์ร่วมนวัตกรรมการเตรียมพร้อมโรคระบาด (CEPI) กำลังระดมทุนสำหรับวัคซีนรวมสามโครงการ[505] และหวังว่าจะมีวัคซีนทดลองใช้ภายในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 และอนุมัติพร้อมใช้ภายในปีนี้ โดยมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ได้รับเงินทุนจำนวน 10.6 ล้านดอลลาร์จาก CEPI เพื่อพัฒนา "molecular clamp"[506] vaccine platform.[507][508]
  • บริษัทโมเดอร์นา กำลังพัฒนาวัคซีน mRNA ขึ้นด้วยเงินทุนจาก CEPI[509][510] ขณะที่ Inovio Pharmaceuticals ก็ได้รับเงินอุดหนุนจาก CEPI เช่นกัน และได้ออกแบบวัคซีนภายในสองชั่วโมงหลังจากได้รับลำดับยีน[511] โดยวัคซีนที่กำลังผลิตนั้น สามารถนำไปใช้ทดลองกับสัตว์ได้เป็นครั้งแรก[511]
  • Yuen Kwok-yung นักวิจัยชาวฮ่องกงและทีมในมหาวิทยาลัยฮ่องกง ประกาศว่าได้พัฒนาวัคซีนขึ้นใหม่แล้ว แต่จำเป็นต้องนำไปทดลองกับสัตว์เสียก่อน ก่อนที่จะนำมาทดสอบทางคลินิกกับมนุษย์[512]

ผลกระทบ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคม

การซื้อจากความตื่นตระหนกในการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสิงคโปร์และที่อื่น ๆ รวมถึงกระดาษชำระ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปังข้าว ผัก ยาฆ่าเชื้อ และแอลกอฮอล์

การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นเหตุให้เกิดการขาดแคลนอุปทานสินค้าในหลายภาคส่วนอันเนื่องมาจาก การใช้อุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับการระบาด, การซื้อจากความตื่นตระหนกและการหยุดชะงักของโรงงานและห่วงโซ่อุปทาน องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการขาดแคลนยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น และการหยุดชะงักของผู้ผลิตและจัดหาสินค้า[513] หลายท้องที่เช่นสหรัฐ[514], อิตาลี[515] และฮ่องกง[516] มีปรากฏการณ์การซื้อจากความตื่นตระหนกที่นำไปสู่ชั้นวางสินค้าอุปโภคจำเป็นในร้านขายของชำที่ว่างเปล่า เช่น อาหาร, กระดาษชำระ และน้ำดื่มบรรจุขวด ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนอุปทานสินค้าตามมา[517] อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้รับคำเตือนโดยเฉพาะ เกี่ยวกับความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์[518] คุณ Tedros Adhanom ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกระบุว่า ความต้องการอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 100 เท่า และความต้องการนี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสูงถึงยี่สิบเท่าของราคาปกติ และทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดหาเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ประมาณสี่ถึงหกเดือน[519][520]

ผู้บริหารระดับจังหวัดจำนวนมากของพรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกให้ออกตำแหน่ง จากปัญหาการจัดการการกักกันโรคในภาคกลางของจีน ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงความไม่พอใจต่อหน่วยงานทางการเมืองในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคในภูมิภาคนั้น[521] นักวิจารณ์บางคนเสนอว่าการกล่าวร้องออกมาดัง ๆ ในเรื่องโรคอาจเป็นการประท้วงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน[522] นอกจากนี้การประท้วงในเขตการปกครองพิเศษของฮ่องกง มีความเข้มข้นเนื่องจากความกลัวการอพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่[523] ไต้หวันก็แถลงแสดงความกังวลเกี่ยวกับการถูกรวมอยู่ในการห้ามการเดินทางใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเนื่องจาก "นโยบายจีนเดียว" และสถานะทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน[524]

เนื่องจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้า การระบาดของไวรัสจึงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก Agathe Demarais จากหน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์ (EIU) ได้คาดการณ์ว่าตลาดจะยังคงมีความผันผวนจนกว่าภาพที่ชัดเจนจะปรากฏในผลของเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า อัตราการล่มสลายทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคในครั้งนี้ ที่มีต่อการเจริญเติบโตของโลกอาจเกินกว่าครั้งการระบาดของโรคซาร์สได้[525] ดร. Panos Kouvelis ผู้อำนวยการ "ศูนย์โบอิง" ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันในนครเซนต์หลุยส์ คาดการณ์ผลกระทบมากกว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐในระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก ที่อาจกินเวลานานถึงสองปี[526] องค์การของประเทศผู้ส่งออกปิโตรเลียม (โอเปก) รายงานว่า "มีการโต้เถียงกัน" หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างหนักเนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากจีน[527] ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกร่วงลงเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เนื่องจากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนอกจีนแผ่นดินใหญ่[528][529] เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ดัชนีหุ้นของสหรัฐ หลายดัชนีรวมถึง แนสแด็ก-100, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมของดาวน์โจนส์ ติดลบมากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2551 โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 1,191 จุด ซึ่งมากที่สุดในการลดลงในหนึ่งวันนับตั้งแต่การเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินใน พ.ศ. 2550-2551[530] ดัชนีทั้งสามลดลงกว่าร้อยละ 10 เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์[531] เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์บริษัทจัดอันดับเครดิต สโคปเรตติง (Scope Ratings) จากเยอรมัน ยืนยันการจัดอันดับเครดิตของจีน แต่ยังคงมุมมองเชิงลบ[532] หุ้นตกต่ำอีกครั้งตามความวิตกเรื่องไวรัสโคโรนา ซึ่งการร่วงของราคาที่มากที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคม 2563.[533] ทำให้มีหลายความคิดเห็นคาดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย[534][535][536]

สภาพเกือบร้างของโถงผู้โดยสารขาเข้าที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน ในเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563

การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคที่ได้รับผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดเนื่องจากการห้ามเดินทาง การปิดสถานที่สาธารณะ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว และการให้คำแนะนำของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับการระมัดระวังการท่องเที่ยวใด ๆ ทั่วโลก เป็นผลให้สายการบินจำนวนมากยกเลิกเที่ยวบินเนื่องจากความต้องการลดลงรวมถึงบริติชแอร์เวย์, ไชน่าอีสเทิร์น และควอนตัส ในขณะที่สายการบินภูมิภาคของอังกฤษ ฟลายบี (Flybe) ต้องปิดกิจการ[537] สถานีรถไฟและท่าเรือเฟอร์รีหลายแห่งก็ปิดตัวลงเช่นกัน[538] การแพร่ระบาดของโรคใกล้เคียงกับ ชุน-ยฺวิ่น หรือ ฤดูเดินทางแห่งเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ที่เกี่ยวข้องกับวันหยุดปีใหม่ของจีน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับฝูงชนจำนวนมาก ถูกยกเลิกโดยรัฐบาลระดับชาติและระดับภูมิภาครวมถึงงานเทศกาลปีใหม่ บริษัทเอกชนต่างก็ปิดร้านค้าและแหล่งท่องเที่ยวเช่น ดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์พาร์ก[539][540] กิจกรรมวันตรุษจีนและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งถูกปิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงนครต้องห้ามในปักกิ่ง และงานประเพณีในวัดแบบดั้งเดิม[541] ใน 24 จาก 31 มณฑล, เขตเทศบาล และภูมิภาคของจีน เจ้าหน้าที่ได้ขยายวันหยุดปีใหม่จนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ โดยสั่งให้สถานที่ทำงานส่วนใหญ่ไม่เปิดทำการใหม่จนกระทั่งถึงวันนั้น[542][543] ภูมิภาคเหล่านี้คิดเป็น 80% ของจีดีพีของประเทศและ 90% ของการส่งออก[543] ฮ่องกงยกระดับการตอบสนองต่อโรคติดเชื้อให้อยู่ในระดับสูงสุด และประกาศภาวะฉุกเฉิน สั่งปิดโรงเรียนจนถึงเดือนมีนาคม และยกเลิกการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน[544][545]

แม้จะมีความชุกของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสูงในภาคเหนือของอิตาลี และพื้นที่บริเวณนครอู่ฮั่น และความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารที่สูงขึ้นในทั้งสองพื้นที่ทำให้เกิดผลกระทบจากการขาดแคลนอาหารเฉียบพลัน มาตรการที่มีประสิทธิภาพโดยจีนและอิตาลีต่อการกักตุนและการค้าผลิตภัณฑ์ที่สำคัญนั้นประสบความสำเร็จ โดยหลีกเลี่ยงการขาดแคลนอาหารเฉียบพลันที่มีการคาดว่าจะเกิดขึ้นในยุโรปและรวมทั้งในอเมริกาเหนือ ภาคเหนือของอิตาลีซึ่งมีการผลิตทางการเกษตรที่สำคัญไม่ได้มีผลผลิตลดลงมาก แต่ราคาอาจเพิ่มขึ้นจากการค้าของผู้แทนจำหน่าย ชั้นวางอาหารเปล่าพบเพียงชั่วคราวแม้กระทั่งในนครอู่ฮั่น ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนได้ปล่อยโควตาสำรองเนื้อสุกร เพื่อให้มั่นใจว่าประชากรมีอาหารบริโภคที่เพียงพอ มีกฎหมายที่คล้ายกันในอิตาลีที่กำหนดให้ผู้ผลิตอาหารต้องเก็บสำรองในกรณีฉุกเฉิน[546][547]

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกนั้นปรากฏขึ้นในประเทศจีน ตามรายงานของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ว่าเศรษฐกิจในประเทศจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงสองเดือนแรกของ พ.ศ. 2563 อันเนื่องมาจากมาตรการของรัฐบาลในการกำจัดการระบาดของไวรัส โดยตัวเลขยอดขายปลีกลดลงถึง 20.5%[548]


ดูเพิ่ม

อ้างอิง


บทอ่านเพิ่มเติม

จีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง

WHO

  • World Health Organization (2020). "Surveillance case definitions for human infection with novel coronavirus (nCoV)‎: interim guidance v1, January 2020". World Health Organization. hdl:10665/330376. WHO/2019-nCoV/Surveillance/v2020.1.
  • World Health Organization (2020). "Laboratory testing of human suspected cases of novel coronavirus (nCoV)‎ infection: interim guidance, 10 January 2020". World Health Organization. hdl:10665/330374. WHO/2019-nCoV/laboratory/2020.1.

ยุโรป

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง