การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน
บทความนี้แสดงประเทศและดินแดนที่ได้รับผลกระทบและมีการตอบสนองต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) อันเนื่องมาจากการระบาดทั่วของโคโรนาไวรัส พ.ศ. 2562–2563 ซึ่งปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในอู่ฮั่น ประเทศจีน ทั้งนี้อาจไม่รวมถึงการตอบสนองและมาตรการสำคัญ
การระบาดตามประเทศและดินแดน
มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว
ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 ประเทศไมโครนีเซีย พบผู้ติดเชื้อ 1 รายนับเป็นประเทศล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) [337]
ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2564 ที่สนามบินเซนต์เฮเลนา พบผู้ติดเชื้อ 1 รายส่งผลให้เซนต์เฮเลนาเป็นดินแดนล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)[338]โดยผู้ป่วยเดินทางด้วยเที่ยวบิน สายการบินเช่าเหมาลำ เดินทางจากท่าอากาศยานลอนดอนสแตนสเต็ด
ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 สัดส่วนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเป็นดังนี้ ทวีปยุโรป 29.98% ทวีปอเมริกาเหนือ 24.18% ทวีปเอเชีย 22.17% ทวีปอเมริกาใต้ 19.50% ทวีปแอฟริกา 3.69% ทวีปออสเตรเลีย 0.47% เสียชีวิตรวม 7,007,695 ราย
ยุโรป
ผู้ป่วยรายแรก ๆ ของทวีปยุโรปมีรายงานจากในประเทศฝรั่งเศสและในประเทศเยอรมนีรวมถึงประเทศอื่น ๆ โดยเป็นผู้ป่วยเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในประเทศอิตาลี ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณตอนเหนือของมิลาน จากนั้นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแพร่กระจายของโรคไปทั่วทั้งทวีปยุโรป โดยหลังจากที่ประเทศมอนเตเนโกรได้รายงานการพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ทำให้มีผู้ป่วยอยู่ในทุกประเทศเอกราชของทวีปยุโรป
ต่อเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563 ได้มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อในไอล์ออฟแมนซึ่งเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร และพบการติดเชื้อในดินแดนที่ยังมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องอำนาจอธิปไตยของตนเองอย่างทรานส์นีสเตรีย[339]นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในดินแดนปกครองตนเองอย่างหมู่เกาะโอลันด์ทำให้การติดเชื้อพบในทุกประเทศเอกราชและของทวีปยุโรป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของไวรัสหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นในประเทศจีน[340][341] [342][343][344][345]ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2563 วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อแต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ สฟาลบาร์ และ นครรัฐวาติกัน พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดได้แก่ หมู่เกาะแฟโร เสียชีวิต 28 ราย และ หมู่เกาะโอลันด์ เสียชีวิต 9 ราย พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อได้แก่ ยานไมเอน ไม่พบผู้ติดเชื้อ
ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 เมื่อเรียงตามจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในแต่ละประเทศ 29 อันดับแรกของโลก พบว่า 13 ประเทศอยู่ในทวีปยุโรปคิดเป็นอัตราร้อยละ 44.82 % โดยจำนวนประเทศ 29 อันดับแรกของโลกมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 37,869 รายของแต่ละประเทศ และเมื่อเรียงตามจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด 12 อันดับแรกของโลก พบว่าอยู่ในทวีปยุโรป 6 ประเทศ หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 50.00 % ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปยุโรปอยู่ที่ สหราชอาณาจักร ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศเยอรมนี ประเทศรัสเซีย ประเทศสเปน
ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปจำนวนสูงสุด 13 อันดับแรก (นับเฉพาะทวีปยุโรป) ได้แก่ ประเทศรัสเซีย 402,541 ราย สหราชอาณาจักร 232,112 ราย ประเทศอิตาลี 196,420 ราย ประเทศเยอรมนี 182,797 ราย ประเทศฝรั่งเศส 167,642 ราย ประเทศสเปน 121,760 ราย ประเทศโปแลนด์ 120,597 ราย ประเทศยูเครน 112,418 ราย ประเทศโรมาเนีย 68,917 ราย ประเทศฮังการี 49,040 ราย ประเทศเช็กเกีย 43,516 ราย ประเทศบัลแกเรีย 38,746 ราย ประเทศกรีซ 37,869 ราย ทั้ง 13 ประเทศยังจัดว่าเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิต ติด 29 อันดับแรกของโลก (มากกว่า 37,868 รายขึ้นไป)
ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลามาตรฐานกรีนิช 01.00 น. ผู้ติดเชื้อในทวีปยุโรป 253,317,367 ราย และเสียชีวิตรวม 2,101,166 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปวันและเวลาดังกล่าว คิดเป็น 29.98 % ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก
ดินแดนอาณานิคม
วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 บีบีซีรายงานว่าที่ เกิร์นซีย์ มีผู้เสียชีวิต 23 ราย[346]ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566 หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (หมู่เกาะในทวีปอเมริกาเหนือ) มีผู้เสียชีวิต 64 ราย ส่วน หมู่เกาะเคย์แมน มีผู้เสียชีวิต 37 ราย ไอล์ออฟแมน มีผู้เสียชีวิต 116 ราย หมู่เกาะแชนเนล มีผู้เสียชีวิต 228 ราย เรอูนียง มีผู้เสียชีวิต 921 ราย หมู่เกาะเติกส์และเคคอส มีผู้เสียชีวิต 39 ราย แซ็งปีแยร์และมีเกอลง ผู้เสียชีวิต 2 ราย แองกวิลลา มีผู้เสียชีวิต 12 ราย
รัสเซีย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศรัสเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 24,057,759 ราย เป็นอันดับ 10 ของโลก และเสียชีวิต 402,541 ราย เป็นอันดับที่ 4 ของโลก
รัสเซียเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุดโดยมีผู้เสียชีวิตที่เขตปกครองตนเองชูคอตคา 4 ราย
ทวีปอเมริกาเหนือ
ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565 สหรัฐอเมริกา ประเทศเม็กซิโก และ ประเทศแคนาดา เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาเหนือ
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ทวีปอเมริกาเหนือมีจำนวน 4 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตในแต่ละประเทศมากกว่า 20000 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประเทศเม็กซิโก ประเทศแคนาดา ประเทศกัวเตมาลา จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งทวีปอเมริกาเหนือคิดเป็น 24.18 % ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก
ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส
พบผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 4 คน โดยมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 2 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 ในเกาะเซนต์มาร์ติน ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส โดยตัวผู้ป่วยได้เดินทางมาจากฝรั่งเศสผ่านดินแดนซินต์มาร์เตินของเนเธอร์แลนด์ และแซ็ง-บาร์เตเลมี ซึ่งบุตรชายของผู้ป่วยได้เกิดการติดเชื้อขึ้น ทั้งคู่เดินทางกลับไปยังเกาะเซนต์มาร์ตินและถูกตรวจพบที่ท่าอากาศยาน และได้ถูกส่งตัวต่อไปกักโรคที่โรงพยาบาลบนเกาะ[347] ขณะที่ในกัวเดอลุป มีรายงานผู้ป่วยจำนวนหนึ่งคน[348]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 เกาะเซนต์มาร์ติน มีผู้เสียชีวิต 63 ราย กัวเดอลุป มีผู้เสียชีวิต 1,021 ราย แซ็ง-บาร์เตเลมี มีผู้เสียชีวิต 6 ราย
คอสตาริกา
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศคอสตาริกา มีผู้เสียชีวิต 9,428 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,238,883 ราย
กัวเตมาลา
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศกัวเตมาลา มีผู้เสียชีวิต 20,286 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,290,854 ราย
เม็กซิโก
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประเทศเม็กซิโกมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 3 คน เป็นชายอายุ 35 ปี และ 59 ปีในเม็กซิโกซิตี และชายอายุ 41 ปีในรัฐซีนาโลอา ซึ่งทั้งสามมีผลการทดสอบเป็นบวกและได้ถูกกักโรคไว้ที่โรงพยาบาลและโรงแรม ตามลำดับ สองคนแรก ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังเมืองเบอร์กาโม ประเทศอิตาลี และพำนักอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์[349][350][351][352] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วยรายที่สี่ เป็นหญิงอายุ 20 ปี ซึ่งได้มีการเดินทางไปยังประเทศอิตาลีมา[353] วันที่ 1 มีนาคม มีการพบผู้ป่วยรายที่ 5 เป็นนักศึกษาในรัฐเชียปัส ซึ่งเพิ่งได้เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[354]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิต 334,958 ราย และ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 7,702,809 ราย
แคนาดา
ณ วันที่ 4 มีนาคม มีรายงานผู้ป่วยโคโรนาไวรัสในประเทศแคนาดา 33 คน โดยแบ่งเป็นพบในบริติชโคลัมเบีย 8 คน รัฐออนแทรีโอ 24 คน และรัฐควิเบก 1 คน[355] ผู้ป่วยทุกคนมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และรักษาหายแล้วจำนวน 8 คน (แบ่งเป็นบริติชโคลัมเบีย 5 คน และรัฐออนแทรีโอ 3 คน)[356]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 แคนาดามีผู้เสียชีวิต 58,643 ราย พบผู้ติดเชื้อ 4,939,288 ราย
สหรัฐ
วันที่ 21 มกราคม 2563 สหรัฐรายงานพบผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุ 35 ปีที่อาศัยอยู่ในเทศมณฑลสโนโฮมิช รัฐวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นที่ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเทิล–ทาโคมา ในวันที่ 15 มกราคม
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 มีการพบผู้ป่วย 66 คน[357] และมีผู้หายป่วยจำนวน 7 คน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐรายงานพบผู้ป่วยใน รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอาจเป็นกรณีแรกของการติดต่อกันภายในประเทศ[344] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ทางการรัฐวอชิงตันแถลงยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคโคโรนาไวรัสในสหรัฐ[358]
วันที่ 2 มีนาคม 2563 เทศมณฑลคิง รัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 14 คน และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 5 คน[359] ศูนย์อนามัยออรีกอนยังได้รายงานว่าพบผู้อาจติดเชื้อใหม่จำนวนสามรายในรัฐด้วย ซึ่งเป็นชายในเทศมณฑลอูมาทิลลา ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในวัลลาวัลลา รัฐวอชิงตัน[360]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 1,218,467 ราย และมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 111,728,488 ราย
สาธารณรัฐโดมินิกัน
วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสรายแรกในประเทศโดมินิกัน และภูมิภาคแคริบเบียน เป็นชายอายุ 62 ปีจากประเทศอิตาลี ซึ่งเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเกิดอาการป่วยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยผู้นี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทหารรามอนลารา[361]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 4,384 ราย มีผู้ติดเชื้อ 675,890 ราย
ประเทศตรินิแดดและโตเบโก
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มี ประเทศตรินิแดดและโตเบโก มีผู้เสียชีวิต 4,390 ราย มีผู้ติดเชื้อ 191,496 ราย
ฮอนดูรัส
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศฮอนดูรัส มีผู้เสียชีวิต 11,165 ราย มีผู้ติดเชื้อ 474,590 ราย
อาร์กติก
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดในพื้นที่วงกลมอาร์กติก ได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ (Murmansk Oblast) มีผู้เสียชีวิตแล้ว 728 ราย เทศบาลทรุมเซอ และ เทศมณฑลฟินมาร์ก ประเทศนอร์เวย์ ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตรัฐอะแลสกา เฉพาะพื้นที่ใน วงกลมอาร์กติก ได้แก่ เขตนอร์ทสโลป (North Slope Borough) เสียชีวิต 17 ราย และ เขตนอร์ทเวสต์ อาร์กติก (Northwest Arctic Borough) เสียชีวิต 20 ราย รวมเสียชีวิต 765 ราย
ดินแดนในอาร์กติกที่อยู่ในวงกลมอาร์กติก มีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่โรงงานแก๊สธรรมชาติเหลว ในหมู่บ้านเบโลคาเมนกา (Belokamenka) ในเมือง มูร์มันสค์ ในประเทศรัสเซีย ราว 200 ราย[362][363]
ทวีปอเมริกาใต้
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาใต้ อยู่ที่ ประเทศบราซิล ประเทศโคลอมเบีย และ ประเทศอาร์เจนตินา ทวีปอเมริกาใต้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100000 ราย ทั้งหมด 4 ประเทศ พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในทวีปคือ เกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช
พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ได้แก่ที่ ประเทศบราซิล 710,966 ราย อันดับที่ 2 ของโลก รองลงมาได้แก่ ประเทศเปรู 222,161 ราย อันดับที่ 7 ของโลก ประเทศโคลอมเบีย 143,200 ราย อันดับที่ 13 ของโลก ประเทศอาร์เจนตินา 130,733 ราย อันดับที่ 14 ของโลก ประเทศชิลี 64,497 ราย อันดับที่ 23 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิตคิดเป็น 19.50 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก
พบผู้ติดเชื้อ 1,930 ราย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์
ประเทศชิลี
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อ 5,376,599 ราย เสียชีวิต 64,497 ราย ประเทศชิลีเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้แอนตาร์กติกามากที่สุดโดยพบที่ แคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา มีผู้เสียชีวิต 767 ราย[364]
ประเทศบราซิล
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้ติดเชื้อ 38,694,221 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 710,966 ราย
ประเทศเปรู
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้ติดเชื้อ 4,572,667 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 222,161 ราย
ประเทศโคลอมเบีย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้ติดเชื้อ 6,400,173 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 143,200 ราย
ประเทศอาร์เจนตินา
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้ติดเชื้อ 10,094,643 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 130,733 ราย
ทวีปแอนตาร์กติกา
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ 36 รายในฐานวิจัยนายพลเบอร์นาร์โด โอ’ฮิกกินส์ เกลเม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ฐานวิจัยของชิลีที่ตั้งอยู่ในดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี
ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565 รอสส์ดีเพนเดนซี รายงานผู้ติดเชื้อและหายป่วย 125[365]รายดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี รายงานผู้ติดเชื้อ 58 รายและหายป่วย[366][367]
เอเชีย
ตั้งแต่ วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปเอเซีย อยู่ที่ ประเทศอินเดีย ประเทศอิหร่าน
ใน วันที่ 24 ธันวาคม 2565 พื้นที่ที่ไม่ประสงค์จะรายงานผู้ติดเชื้อได้แก่ ประเทศเติร์กเมนิสถาน เกาะคริสต์มาส หมู่เกาะโคโคส (คีลิง)
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 1,553,389 ราย คิดเป็น 22.17 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก
กัมพูชา
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ กัมพูชายืนยันพบผู้ป่วยครั้งแรกในเมืองพระสีหนุ เป็นชายชาวจีนอายุ 60 ปี เดินทางไปยังเมืองนี้จากนครอู่ฮั่นพร้อมครอบครัว[368] โดยคนในครอบครัวของเขาถูกกักไว้ พวกเขาไม่มีการแสดงอาการของไวรัส ขณะที่ชายคนดังกล่าวถูกแยกไว้เพื่อรักษาที่โรงพยาบาลส่งต่อพระสีหนุ (Preah Sihanouk Referral Hospital)[369] มีรายงานว่าอาการของเขาคงที่แล้ว[370][371]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 139,099 ราย มีผู้เสียชีวิต 3,056 ราย
กาตาร์
กระทรวงสาธารณสุขแห่งกาตาร์ รายงานว่าพบผู้ป่วยไวรัสรายแรกในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยเป็นชาวกาตาร์ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน[372][373][374]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 514,524 ราย ผู้เสียชีวิต 690 ราย
เกาหลีใต้
ประเทศเกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมดในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน 34,571,873 ราย และผู้เสียชีวิตรวม 35,934 ราย เป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน[375] ผู้ป่วยรายแรกของการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในประเทศเกาหลีใต้ ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563[376] วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 20 คน และวันที่ 20 เพิ่มขึ้นอีก 53 คน ทำให้มีผู้ป่วยรวมขณะนั้นที่ 104 คน ตามการรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งเกาหลีใต้ (KCDC) ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนมากมาจาก "ผู้ป่วยรายที่ 31" ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมที่โบสถ์ชินช็อนจีในแดกู[377]
เกาหลีเหนือ
ประเทศเกาหลีเหนือ มีผู้ป่วยในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน 4,772,813 ราย และเสียชีวิต 74 ราย
คูเวต
ประเทศคูเวตในปัจจุบันเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลกอาหรับ และมีจำนวนผู้ป่วยเป็นรองเพียงประเทศอิหร่านในเอเชียตะวันตก โดยมีผู้ป่วยในประเทศถูกพบแล้วในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน 667,094 ราย[378]เสียชีวิต 2,570 ราย
จอร์เจีย
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์เจียยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นชายอายุ 50 ปี ซึ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี ซึ่งผู้ป่วยรายนี้กลับเข้าสู่จอร์เจียทางพรมแดนประเทศอาร์เซอร์ไบจานโดยรถแท็กซี[379][380][381][382]
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันว่าผู้หญิงชาวจอร์เจียอายุ 31 ปีที่เพิ่งเดินทางไปประเทศอิตาลีมามีผลการทดสอบเป็นบวก และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี[382] นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกกักกันอยู่ณโรงพยาบาลทบิลิซีอีก 29 คน โดยที่ อามิรัน กัมเกรลิเซ รัฐมนตรีอนามัยระบุว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่ "มีความเป็นไปได้สูง" ที่อาจมีไวรัสอยู่[383]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 17,132 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,855,289 ราย
จอร์แดน
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์แดนริเริ่มการห้ามบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิหร่านเข้าสู่ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว[384] ประเทศจอร์แดนได้ทำการคัดกรองทุกคนที่เดินทางเข้าสู่ประเทศผ่านทางท่าอากาศยาน โดยมีการตรวจสอบทรวงอกและลำคอตลอดจนอุณหภูมิร่างกาย ส่วนชาวจอร์แดนที่มีผลทดสอบเป็นบวกจะถูกกักโรคไว้เป็นเวลา 2 สัปดาห์[385]
วันที่ 2 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจอร์แดนแถลงว่าพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในประเทศ[386][387] เป็นชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการกักโรคชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[386][388]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 14,122 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,746,997 ราย
จีนแผ่นดินใหญ่
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 5,272 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อ 503,302 ราย ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนดำเนินการปิดเมืองอู่ฮั่นเนื่องด้วยการระบาดทั่วของโควิด-19
ซาอุดีอาระเบีย
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศซาอุดีอาระเบียประกาศระงับการเข้าประเทศเป็นการชั่วคราวสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในเมกกะ หรือผู้ที่ต้องการเดินทางไปเข้าชมมัสยิดอันนะบะวี รวมถึงนักท่องเที่ยว ต่อมากฎนี้ได้ขยายไปครอบคลุมนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่[389]
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งซาอุดีอาระเบีย ประกาศระงับการเข้าสู่ประเทศของพลเมืองในประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าว (GCC) ยังเมกกะและมะดีนะหฺเป็นการชั่วคราว โดยพลเมืองของประเทศกลุ่ม GCC ที่พำนักอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียนานเกิน 14 วันติดต่อกัน และไม่ปรากฏอาการใด ๆ อันแสดงถึงโรคโควิด-19 นั้นจะอยู่นอกเหนือกฎดังกล่าว[389]
วันที่ 2 มีนาคม ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าพบผู้ป่วยเป็นรายแรก เป็นชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านผ่านทางประเทศบาห์เรน[390]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้เสียชีวิต 9,646 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 841,469 ราย
ซีเรีย
ประเทศซีเรีย ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 3,165 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 57,743 ราย
ญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นยืนยันผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวจีนอายุ 30 ปี ซึ่งเคยมีการเดินทางไปยังอู่ฮั่นมาก่อน มีอาการเมื่อวันที่ 3 มกราคม และกลับเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 6 มกราคม
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 74,694 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 33,803,572 ราย
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตอีก 14 ราย บนไดมอนด์พรินเซส (เรือ)โดยเป็นชาวญี่ปุ่น 9 รายจาก 14 ราย แต่มีผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเพียง 13 ราย เนื่องจากอีกชาวออสเตรเลียหนึ่งราย เสียชีวิตในโรงพยาบาลที่ประเทศออสเตรเลีย[391]
ไต้หวัน
ประเทศไต้หวันพบผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 21 มกราคม[392]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิตรวม 19,005 ราย และผู้ติดเชื้อ 10,241,523 ราย
ตุรกี
ประเทศตุรกีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไวรัสโคโรนารายแรก เป็นผู้หญิงชาวจีนอุย อายุ 32 ปี ที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมีผลตรวลหา SARS-CoV-2 เป็นบวก ทำให้ชาวตุรกีถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในอิสตันบูล
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศตุรกีมีผู้เสียชีวิต 102,174 ราย และ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 17,232,066 ราย
ไทย
วันที่ 13 มกราคม ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นการพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก[393][394][395] วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตเป็นรายแรก[396]ในวันที่ 6 เมษายน เที่ยวบินจากจาการ์ตาที่ทำการบินลงที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่จังหวัดจำนวน 18 ราย ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตรวม 34,569 ราย ผู้ติดเชื้อ 4,767,700 ราย
ทาจิกิสถาน
ประเทศทาจิกิสถาน ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 พบติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา เป็นผู้ชายชาวประเทศทาจิกิสถานสามคนกลับมาจากประเทศอินเดีย มีผู้ป่วย 15 ราย วันที่ 2 พฤษภาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก
ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ประเทศทาจิกิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกันอัฟกานิสถาน ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 125 ราย ผู้ติดเชื้อ 17,786 ราย
เนปาล
นักศึกษาชาวเนปาลซึ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่นและถูกกักโรคอยู่ในกาฐมาณฑุ[397] กลายเป็นผู้ป่วยรายแรกของประเทศเนปาลและภูมิภาคเอเชียใต้ในวันที่ 24 มกราคม หลังจากตัวอย่างถูกส่งไปยังศูนย์ร่วมองค์การอนามัยโลกในฮ่องกง[398][399] และถูกเลิกกักตัวหลังจากที่อาการดีขึ้น[400]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 รายงานผู้เสียชีวิต 12,031 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,003,450 ราย
บาห์เรน
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 729,549 ราย และเสียชีวิต 1,574 ราย
บังคลาเทศ
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศบังคลาเทศมีผู้เสียชีวิต 29,488 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 2,048,186 ราย
เยเมน
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศเยเมน มีผู้เสียชีวิต 2,159 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 11,945 ราย
พม่า
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศพม่า มีผู้ติดเชื้อ 641,868 ราย และเสียชีวิต 19,495 ราย
ปากีสถาน
รัฐบาลปากีสถานเริ่มใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานในอิสลามาบาด การาจี ลาฮอร์ และเปศวาร์ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ประเทศของไวรัสโคโรนา[401] นอกจากนี้ปากีสถานอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ยังประกาศใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารก่อนเดินทางขึ้นเครื่องในเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งด้วย[402] วันที่ 27 มกราคม สภานิติบัญญัติกิลกิต-บัลติสตันประกาศหน่วงเวลาการเปิดด่านแนวเขตแดนจีน–ปากีสถานที่ช่องผ่านแดนคุนเยรับในเดือนกุมภาพันธ์[403] และยังประกาศปิดพรมแดนปากีสถาน–อิหร่านด้วย[404]
วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมในการาจีและอิสลามาบาด ทำให้จำนวนผู้ป่วยของประเทศเพิ่มเป็นสี่ราย[405] ส่วนผู้ป่วยรายแรกและรายที่สองมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศอิหร่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื้อว่าเขาติดเชื้อ[406]
วันที่ 3 มีนาคม ทางการปากีสถานยืนยันพบผู้ป่วยรายที่ห้า ในแคว้นสินธ์ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการแสวงบุญที่ประเทศอิหร่านจำนวน 960 ราย ถูกกักโรคในทันที[407]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 30,664 ราย มีผู้ติดเชื้อ 1,581,936 ราย
ฟิลิปปินส์
ผู้ป่วยรายแรกของประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยืนยันในวันที่ 30 มกราคม[408] วันที่ 5 กุมภาพันธ์ กรมอนามัย (DOH) ได้มีการยืนยันผู้ป่วยรายที่สาม[409]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 66,864 ราย ผู้ติดเชื้อ 4,140,383 ราย
มองโกเลีย
ประเทศมองโกเลีย ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 1,011,459 ราย เสียชีวิต 2,284 ราย
มาเลเซีย
ชาวจีนแปดคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในรัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม หลังจากที่มีการติดต่อกับผู้ป่วยในประเทศสิงคโปร์[410] แม้จะมีรายงานในตอนแรกว่าผลการทบสอบให้ผลเป็นลบ[411] แต่ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันว่าทั้งสามคนติดเชื้อ และถูกส่งตัวไปกักไว้ที่โรงพยาบาลสุไหงบูโลห์ในรัฐเซอลาโงร์[412][413]
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยรายที่สิบห้าซึ่งเป็นชาวจีนได้หายป่วยอย่างสมบูรณ์ นับเป็นผู้ป่วยที่หายป่วยเป็นรายที่แปดของประเทศมาเลเซีย[414] ต่อมาก็มีรายงานว่าชาวมาเลเซียอีกคนที่ติดเชื้อก็หายดีเป็นรายที่ 9[415]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 5,277,541 ราย และ มีผู้เสียชีวิต 37,348 ราย
เลบานอน
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศเลบานอนยีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรก เป็นหญิงอายุ 45 ปีที่เดินทางมาจากกอม ประเทศอิหร่าน ซึ่งมีผลตรวจหา SARS-CoV-2 เป็นบวก โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในเบรุต[416]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 1,243,838 ราย และเสียชีวิต 10,952 ราย
เวียดนาม
ผู้ป่วยยืนยันสองรายแรกเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 22 มกราคม และรับการรักษาที่โรงพยาบาลโช่เซย ในนครโฮจิมินห์ กรณีแรกเป็นชาวจีนที่เดินทางจากนครอู่ฮั่นไปฮานอย เพื่อเยื่ยมลูกชายที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม และรายที่สองคือลูกชายของเชื่อว่าติดโรคจากผู้เป็นพ่อ[417] หลังจากที่ยืนยันแล้ว รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งให้เปิดใช้งานศูนย์ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดฉุกเฉิน[418]
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ บิดาของผู้ป่วยดังกล่าวมีผลการทดสอบเป็นบวก และกลายเป็นผู้ป่วยรายที่สิบหก[419] วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พวกเขาทั้งหมดได้หายป่วย[420]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 11,625,195 ราย เสียชีวิต 43,206 ราย
ศรีลังกา
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้เสียชีวิต 16,897 ราย มีผู้ติดเชื้อ 672,750 ราย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ผู้ป่วยรายแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการยืนยันในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563 พรัอมกับครบครัว ของ ชาวอู่ฮั่น[421][422] เป็นผู้หญิงชราชาวจีน อายุ 72 ปี และ ลูกชาย อายุ 34 ปี ที่กรณีแรกเป็นชาวจีนเดินทางมาจากนครอู่ฮั่นไปนครดูไบ ซึ่งมีผลตวรจหา SASR-Cov-2 ถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวไปเข้าโรงพยาบาลในดูไบ
ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 หลังจากชาวเอมิเรตส์ได้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อลูกสาวที่อาศัยอยู่ที่ดูไบ และรายที่สามคือลูกสาวของเชื้อว่าติดโรคกับแม่
วันที่ 2 มืนาคม พ.ศ. 2563 กรุงอาบูดาบียีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นผู้ชายชาวรัสเซีย อายุ 38 ปี และผู้หญิงชาวรัสเซีย อายุ 36 ปี กรณีแรกเป็นชาวรัสเซียเดินทางจากกรุงมอสโกไปอาบูดาบี ชาวรัสเซียสองคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในอาบูดาบี ต่อมา วันที่ 25 มืนาคม รัฐบาลเอมิเรตส์ได้โอกาศปัญหากับ อาบูดาบีและดูไบ จากปิดชั่วคราว เช่า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงภาพยนตร์ และทั้งหมด ยกเว้น โรงพยาบาล และร้านขายยา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศปิดพรมแดนที่ตัดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 1,067,030 ราย เสียชีวิต 2,349 ราย
สิงคโปร์
ผู้ป่วยรายแรกในประเทศสิงคโปร์ได้รับการยืนยันในวันที่ 23 มกราคม[423] ต่อมามีการรายงานพบผู้ป่วยในท้องถิ่นเป็นรายแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ร้านย่งไทฮั่ง (Yong Thai Hang) เป็นร้านค้าที่ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับการระบุเป็นสถานที่ที่เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากมีผู้หญิงจำนวนสี่คนที่ไม่เคยเดินทางไปยังประเทศจีนเกิดติดเชื้อไวรัสขึ้น[424]
วันที่ 4 มีนาคม มีผู้ป่วยในประเทศรวม 112 คน[425]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 3,006,155 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 2,024 ราย
อัฟกานิสถาน
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 มีพลเมืองในเฮรัตอย่างน้อยสามคน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากกอม ถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ตัวอย่างเลือดถูกส่งไปยังคาบูลเพื่อทดสอบเพิ่มเติม[426] ภายหลังอัฟกานิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับอิหร่าน
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนจากเฮรัตดังกล่าว โดยเป็นชายอายุ 35 ปีซึ่งมีผลการทดสอบ SARS-CoV-2 เป็นบวก[427]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 7,985 ราย ผู้ติดเชื้อ 232,152 ราย
อาเซอร์ไบจาน
ประเทศอาเซอร์ไบจานมีการยืนยันผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากรัสเซีย ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน[428] และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาอาเซอร์ไบจานได้ประกาศปิดชายแดนที่ติดกับประเทศอิหร่าน[429]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 10,400 ราย ผู้ติดเชื้อ 834,649 ราย
คาซัคสถาน
ประเทศคาซัคสถานยีนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายในวันที่ 13 มีนาคม จากจีน ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศตุรกี และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาคาซัคสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศรัสเซีย ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศคาซัคสถาน มีผู้ติดเชื้อ 1,411,831 ราย และ ผู้เสียชีวิต 13,848 ราย
อาร์มีเนีย
ประเทศอาร์มีเนียยืนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในช่วงปลายของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 1 มีนาคม เป็นชาวอาร์มีเนียอายุ 29 ปีที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านและมีรายงานยืนยันผลทดสอบเป็นบวก ภริยาของบุคคลนี้ได้ถูกนำไปทดสอบเช่นกัน โดยผลออกมาเป็นลบ นายกรัฐมนตรีนิกอล ปาชินยันแถลงว่าผู้ป่วยนั้น "มีอาการดีขึ้นแล้ว" นอกจากนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยประมาณ 30 คนถูกนำไปทดสอบและจะถูกกักโรค ซึ่งก่อนหน้านี้อาร์มีเนียได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศอิหร่านไปแล้ว[430]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 8,776 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 451,426 ราย
อินเดีย
รัฐบาลอินเดียออกคำแนะนำการเดินทางแก่ประชาชน โดยเฉพาะกับนครอู่ฮั่น ซึ่งมีนักศึกษาแพทย์ชาวอินเดียกำลังศึกษาอยู่ประมาณ 500 คน[431]
ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีนเข้าสู่ท่าอากาศยานหลักเจ็ดแห่งของประเทศอินเดีย ต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อน[432][433]
วันที่ 24 มกราคม มีรายงานผู้ต้องสงสัยจำนวนสองราย ซึ่งกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในมุมไบ[434]
ณ วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2565 รัฐชัมมูและกัศมีร์ เสียชีวิต 4785 ราย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้เสียชีวิตในอินเดียมากถึง 533,537 ราย มีผู้ติดเชื้อ 45,033,512 ราย เฉพาะ หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ มีผู้เสียชีวิต 78 ราย
อินโดนีเซีย
ประเทศอินโดนีเซียได้ทำการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิที่เกตและท่าเรือโดยกระทรวงอนามัย และยังมีการจัดเตรียมห้องกักโรคที่โรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง
อินโดนีเซียประกาศห้ามทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้า รวมถึงออกจากประเทศ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป และยังยกเลิกการให้ฟรีวีซ่าและวีซ่าเมื่อมาถึงกับบุคคลสัญชาติจีนด้วย และยังห้ามผู้ที่อยู่หรือพำนักในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันเข้าหรือผ่านประเทศอินโดนีเซีย[435]
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ชาวอินโดนีเซียจำนวน 9 คนที่เดินทางไปบนเรือไดมอนด์พรินเซสมีผลการทดสอบการติดเชื้อเป็นบวก ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมส่งลูกเรือที่เหลือ 68 คนจาก 188 คนจากเรือเวิลด์ดรีม ไปยังเกาะเซอบารูเคกิล ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ในบรรดาหมู่เกาะนับพัน[436][437][438]
วันที 2 มีนาคม ทางการอินโดนีเซียได้ยืนยันติดเชื้อว่าพบผู้ป่วย ชาวอินโดนีเซียที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน
วันที่ 4 ตุลาคม ที่ หมู่เกาะมาลูกู พบผู้เสียชีวิต 115 ราย[439]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศอินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตรวม 162,062 ราย ผู้ติดเชื้อ 6,829,087 ราย
อิรัก
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศอิรัก มี ผู้ติดเชื้อรวม 2,465,545 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 25,375 ราย[440]
อิหร่าน
ประเทศอิหร่านเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโลกในทวีปเอเซียในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เจอผู้ติดเชื้อรายแรกที่เมืองกอม (Qom City)
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 7,626,527 ราย ประเทศอิหร่าน มีผู้เสียชีวิต 146,799 ราย
โอมาน
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยโคโรนาไวรัสสองรายแรก เป็นหญิงชาวโอมานสองคนที่กลับมาจากประเทศอิหร่าน[441][442]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิตรวม 4,628 ราย ผู้ติดเชื้อ 399,449 ราย
อิสราเอล
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 12,707 ราย ติดเชื้อ 4,841,772 ราย
ฮ่องกง
วันที่ 26 พฤษภาคม ศูนย์ปกป้องอนามัยฮ่องกงพบผู้ป่วยรวม 1,206 คน ในฮ่องกง และผู้เสียชีวิต 7 คน[443][444][445]ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ฮ่องกง มีผู้เสียชีวิต 14,731 ราย ติดเชื้อ 2,933,613 ราย
โอเชียเนีย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีจำนวน 6 ประเทศที่พบว่ามีผู้เสียชีวิตเกิน 300 ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศฟิจิ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชีย นิวแคลิโดเนีย ในจำนวนนี้มี 2 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเกิน 5000 รายได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย และ ประเทศนิวซีแลนด์ พื้นที่ไม่มีผู้เสียชีวิตได้แก่ ประเทศนีวเว โตเกเลา
ทั้งทวีปมีรายงานผู้ติดเชื้อรวม 14,874,585 ราย เสียชีวิตรวม 32,904 ราย เฉพาะจำนวนผู้สียชีวิตคิดเป็น 0.47 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก
ประเทศออสเตรเลีย
วันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุราว 50 ปี ซึ่งเดินทางจากเมืองกว่างโจวมายังเมลเบิร์นในวันที่ 19 มกราคม ผ่านสายการบินไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ321 เขาเข้ารับการรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์โมนาชในเมลเบิร์น[446][447] จากนั้นมีการประกาศว่ามีผู้ป่วยอีกสามรายที่มีผลการทดสอบเป็นบวกในรัฐนิวเซาท์เวลส์[448][449] ต่อมามีการเฝ้าสังเกตอาการอีกหกราย และมีการยืนยันว่าจะเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลหลังจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่น จากในหกราย มีผู้ต้องสงสัยถึงสองรายที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัส ส่วนที่เหลืออีกสี่รายอาจถูกสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส[450]
หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ออสเตรเลีย ระบุว่าเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางชีวภาพ จะเริ่มคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงในสามสัปดาห์โดยเที่ยวบินจากอู่ฮั่นถึงซิดนีย์ ในวันที่ 23 มกราคม ผู้โดยสารจะได้รับแผ่นพับข้อมูล และข้อให้แสดงตัวหากมีไข้หรือต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อโรค[451]รัฐแทสเมเนีย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิตรวม 24,326 ราย ผู้ติดเชื้อ 11,839,399 ราย
ประเทศนิวซีแลนด์
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยรายแรกกลับมาจากประเทศอิหร่าน[452]วันที่ 25 มีนาคม ประเทศนิวซีแลนด์ พบผู้ติดเชื้อ 205 ราย รักษาหายแล้ว 22 ราย ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน[453] 29 มีนาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก[454]
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้เสียชีวิต 5,647 ราย ผู้ติดเชื้อ 2,613,670 ราย หมู่เกาะแชทัม เกาะสจวร์ต ไม่พบผู้เสียชีวิต
ประเทศฟิจิ
ประเทศฟิจิ ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 69,117 ราย เสียชีวิต 885 ราย
ประเทศปาปัวนิวกินี
ประเทศปาปัวนิวกินี ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 46,864 ราย เสียชีวิต 670 ราย
เฟรนช์พอลินีเชีย
เฟรนช์พอลินีเชีย ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 79,254 ราย เสียชีวิต 650 ราย
แอฟริกา
ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นายกรัฐมนตรีประเทศเอสวาตีนี ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อโควิด 19
ณ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้ติดเชื้อพบทั้ง 58 ดินแดน ทั้ง ทวีปแอฟริกา ขณะที่ จำนวนผู้เสียชีวิตพบทั้ง 57 ดินแดน ทั้ง ทวีปแอฟริกา เนื่องจาก เซนต์เฮเลนา ไม่มีผู้เสียชีวิต จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 20000 ราย มีจำนวน 3 ประเทศ และจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 16,300 ราย มีทั้งหมด 4 ประเทศ
สัดส่วนผู้เสียชีวิตคิดเป็น 3.69 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก
ศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศอียิปต์ และ ประเทศตูนิเซีย
พื้นที่ไม่พบผู้เสียชีวิตได้แก่ เซนต์เฮเลนา
ประเทศแอฟริกาใต้
ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นประเทศพบผู้ป่วยรายแรก 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 102,595 ผู้ติดเชื้อ 4,076,463 ราย
ประเทศอียิปต์
ประเทศอียิปต์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 อียิปต์ได้ยืนยันติดเชื้อผู้ป่วย มีผู้ชายชาวจีนอายุ 30 ปี ใด้เดินทางมาจาก ประเทศจีน ต้องหา ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นบวก ทำไห้ชาวอียิปต์ถูกติดเชิ้อโควิด-19 ต้องสั่งไปเข้าโรงพยาบาลในไคโร
วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 สายการบิน อียิปต์แอร์ ถูกยกเลิกเที่ยวบินแล้ว ต่อมา วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563 ท่าอากาศยานนานาชาติไคโรได้ปิดทำการ อียิปต์ได้ประกาศปิดแดนทะเลประเทศซาอุดีอาระเบีย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 24,613 ผู้ติดเชื้อ 516,023 ราย
ประเทศโมร็อกโก
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 16,301 ผู้ติดเชื้อ 1,278,944 ราย
ประเทศตูนิเซีย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 29,423 ราย ผู้ติดเชื้อ 1,153,361 ราย
ประเทศเอธิโอเปีย
ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศเอธิโอเปีย ผู้เสียชีวิต 7,574 ผู้ติดเชื้อ 501,117 ราย
เส้นเวลาของการยืนยันผู้ป่วยกรณีแรกเรียงตามประเทศและดินแดน
วันที่ | ประเทศหรือดินแดน |
---|---|
1 ธันวาคม 62 | จีน (แผ่นดินใหญ่) |
13 มกราคม 63 | ไทย |
16 มกราคม 63 | ญี่ปุ่น |
20 มกราคม 63 | เกาหลีใต้ • สหรัฐ |
21 มกราคม 63 | ไต้หวัน[a] |
22 มกราคม 63 | ฮ่องกง[b] • มาเก๊า[b] |
23 มกราคม 63 | สิงคโปร์ • เวียดนาม |
24 มกราคม 63 | ฝรั่งเศส • เนปาล |
25 มกราคม 63 | ออสเตรเลีย • แคนาดา • มาเลเซีย |
27 มกราคม 63 | กัมพูชา • เยอรมนี • ศรีลังกา |
29 มกราคม 63 | ฟินแลนด์ • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ |
30 มกราคม 63 | อินเดีย • อิตาลี • ฟิลิปปินส์ |
31 มกราคม 63 | รัสเซีย • สเปน • สวีเดน • สหราชอาณาจักร |
4 กุมภาพันธ์ 63 | เบลเยียม |
14 กุมภาพันธ์ 63 | อียิปต์ |
19 กุมภาพันธ์ 63 | อิหร่าน |
21 กุมภาพันธ์ 63 | อิสราเอล • เลบานอน |
24 กุมภาพันธ์ 63 | อัฟกานิสถาน • บาห์เรน • อิรัก • คูเวต • โอมาน |
25 กุมภาพันธ์ 63 | แอลจีเรีย • ออสเตรีย • บราซิล • โครเอเชีย • สวิตเซอร์แลนด์ |
26 กุมภาพันธ์ 63 | จอร์เจีย • กรีซ • นอร์ทมาซิโดเนีย • นอร์เวย์ • ปากีสถาน • โรมาเนีย |
27 กุมภาพันธ์ 63 | เดนมาร์ก • เอสโตเนีย • เนเธอร์แลนด์ • ไนจีเรีย • ซานมารีโน |
28 กุมภาพันธ์ 63 | อาเซอร์ไบจาน • เบลารุส • ไอซ์แลนด์ • ลิทัวเนีย • เม็กซิโก • โมนาโก • นิวซีแลนด์ • เวลส์[c] |
29 กุมภาพันธ์ 63 | เอกวาดอร์ • ไอร์แลนด์ • ลักเซมเบิร์ก • กาตาร์ |
1 มีนาคม 63 | อาร์เมเนีย • เช็กเกีย • สาธารณรัฐโดมินิกัน • แซ็ง-บาร์เตเลมี[d] • แซ็ง-มาร์แต็ง[d] • สกอตแลนด์[c] |
2 มีนาคม 63 | อันดอร์รา • อินโดนีเซีย • จอร์แดน • ลัตเวีย • โมร็อกโก • โปรตุเกส • ซาอุดีอาระเบีย • เซเนกัล • ตูนิเซีย |
3 มีนาคม 63 | อาร์เจนตินา • ชิลี • ยิบรอลตาร์[e] • ลิกเตนสไตน์ • ยูเครน |
4 มีนาคม 63 | หมู่เกาะแฟโร[f] • เฟรนช์เกียนา[g] • ฮังการี • โปแลนด์ • สโลวีเนีย |
5 มีนาคม 63 | บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา • มาร์ตีนิก[g] • ปาเลสไตน์ • แอฟริกาใต้ |
6 มีนาคม 63 | ภูฏาน • แคเมอรูน • โคลอมเบีย • คอสตาริกา • เปรู • เซอร์เบีย • สโลวาเกีย • โตโก • นครรัฐวาติกัน |
7 มีนาคม 63 | มัลดีฟส์ • มอลตา • มอลโดวา • ปารากวัย |
8 มีนาคม 63 | แอลเบเนีย • บังกลาเทศ • บัลแกเรีย |
9 มีนาคม 63 | บรูไน • ไซปรัส • เกิร์นซีย์[h] • ปานามา |
10 มีนาคม | โบลิเวีย • บูร์กินาฟาโซ • สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก • จาเมกา • เจอร์ซีย์[h] • เมลียา[i] • มองโกเลีย • นอร์เทิร์นไซปรัส[a] • ตุรกี |
11 มีนาคม 63 | คิวบา • เฟรนช์พอลินีเชีย[d] • กายอานา • ฮอนดูรัส • โกตดิวัวร์ • เรอูนียง[g] |
12 มีนาคม 63 | เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ • ตรินิแดดและโตเบโก |
13 มีนาคม 63 | แอนติกาและบาร์บูดา • อารูบา[j] • หมู่เกาะเคย์แมน[e] • เซวตา[i] • กือราเซา[j] • เอธิโอเปีย • กาบอง • กานา • กัวเดอลุป[g] • กัวเตมาลา • กินี • คาซัคสถาน • เคนยา • คอซอวอ[a] • ปวยร์โตรีโก[k] • เซนต์ลูเซีย • ซูดาน • ซูรินาม • หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ[k] • อุรุกวัย • เวเนซุเอลา |
14 มีนาคม 63 | สาธารณรัฐแอฟริกากลาง • สาธารณรัฐคองโก • อิเควทอเรียลกินี • เอสวาตีนี • มอริเตเนีย • มายอต[g] • นามิเบีย • รวันดา • เซเชลส์ |
15 มีนาคม 63 | แอโครเทียรีและดิเคเลีย[e] • บาฮามาส • กวม[k] • อุซเบกิสถาน |
16 มีนาคม 63 | เบนิน • กรีนแลนด์[f] • ไลบีเรีย • โซมาเลีย • แทนซาเนีย |
17 มีนาคม 63 | บาร์เบโดส • แกมเบีย • มอนเตเนโกร • ซินต์มาร์เติน[j] |
18 มีนาคม 63 | เบอร์มิวดา[e] • จิบูตี • เอลซัลวาดอร์ • คีร์กีซสถาน • มอริเชียส • มอนต์เซอร์รัต[e] • นิวแคลิโดเนีย[l] • นิการากัว • แซมเบีย |
19 มีนาคม 63 | แองโกลา • ชาด • ฟิจิ • เฮติ • ไอล์ออฟแมน[h] • ไนเจอร์ |
20 มีนาคม 63 | กาบูเวร์ดี • ติมอร์-เลสเต • มาดากัสการ์ • ปาปัวนิวกินี • ยูกันดา • ซิมบับเว |
21 มีนาคม 63 | หมู่เกาะโอลันด์[m] • สาธารณรัฐไครเมีย[n] • เอริเทรีย • ทรานส์นีสเตรีย[o] |
22 มีนาคม 63 | โดมินิกา • เกรเนดา • โมซัมบิก • ซีเรีย |
23 มีนาคม 63 | เบลีซ • พม่า • หมู่เกาะเติกส์และเคคอส[e] |
24 มีนาคม 63 | เกาะอีสเตอร์[p] • อ่าวกวนตานาโม • ลาว • ลิเบีย |
25 มีนาคม 63 | หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน[e] • กินี-บิสเซา • มาลี • เซนต์คิตส์และเนวิส |
26 มีนาคม 63 | แองกวิลลา[e] |
28 มีนาคม 63 | หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา[k] |
30 มีนาคม 63 | บอตสวานา |
31 มีนาคม 63 | บุรุนดี • สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์[q] • สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์[q] • เซียร์ราลีโอน • ซินต์เอิสตาซียึส[r] • โซมาลีแลนด์[s] |
2 เมษายน 63 | มาลาวี |
3 เมษายน 63 | หมู่เกาะฟอล์กแลนด์[e][n] |
4 เมษายน 63 | เวสเทิร์นสะฮารา[n][t] |
5 เมษายน 63 | แซงปีแยร์และมีเกอลง[d] • เซาท์ซูดาน |
6 เมษายน 63 | เซาตูเมและปรินซีปี |
7 เมษายน 63 | อับคาเซีย[a] • นากอร์โน-คาราบัค[o] |
10 เมษายน 63 | เยเมน |
11 เมษายน 63 | ซาบา[r] |
16 เมษายน 63 | โบแนเรอ[r] |
30 เมษายน 63 | คอโมโรส • ทาจิกิสถาน |
6 พฤษภาคม 63 | เซาท์ออสซีเชีย[a] |
13 พฤษภาคม 63 | เลโซโท |
25 กรกฎาคม 63 | สาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี[a][n] |
3 ตุลาคม 63 | หมู่เกาะโซโลมอน |
16 ตุลาคม 63 | วาลิสและฟูตูนา[d] |
28 ตุลาคม 63 | หมู่เกาะมาร์แชลล์ |
พฤศจิกายน 63 | บริติชอินเดียนโอเชียนเทร์ริทอรี |
6 พฤศจิกายน 63 | อเมริกันซามัว [k] |
11 พฤศจิกายน 63 | วานูอาตู |
18 พฤศจิกายน 63 | ซามัว |
21 ธันวาคม 63 | แอนตาร์กติกา |
8 มกราคม 64 | ไมโครนีเซีย |
18 พฤษภาคม 64 | คิริบาส |
31 พฤษภาคม 64 | ปาเลา |
6 ตุลาคม 64 | สฟาลบาร์ |
29 ตุลาคม 64 | ตองงา |
หมายเหตุ |