การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน

บทความรายชื่อวิกิมีเดีย

บทความนี้แสดงประเทศและดินแดนที่ได้รับผลกระทบและมีการตอบสนองต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) อันเนื่องมาจากการระบาดทั่วของโคโรนาไวรัส พ.ศ. 2562–2563 ซึ่งปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในอู่ฮั่น ประเทศจีน ทั้งนี้อาจไม่รวมถึงการตอบสนองและมาตรการสำคัญ

แผนที่การระบาดของโคโรนาไวรัส พ.ศ. 2562–2563 (ณ วันที่ 24 มีนาคม):
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1,000,000 คนขึ้นไป
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 100,000– 999,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 10,000–99,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1,000–9,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 100–999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1–99 คน
  ไม่มีผู้ติดเชื้อยืนยันหรือไม่มีข้อมูล

การระบาดตามประเทศและดินแดน

ประเทศและดินแดน[A]ผู้ป่วย[B]เสียชีวิต[C]อ้างอิง
252765,222,1686,921,601[2]
สหรัฐ[D][E][F][G]103,266,4041,124,063[4][5]
สาธารณรัฐประชาชนจีน[H][I][J][K]99,248,443120,961[6]
อินเดีย44,952,996531,564[7]
ฝรั่งเศส[L][M]38,930,489162,868[8][9]
เยอรมนี[N]38,403,667173,044[10][11]
บราซิล37,449,418701,494[12][13]
ญี่ปุ่น33,720,73974,542[14]
เกาหลีใต้31,176,66034,487[15][16]
อิตาลี[O]25,788,387189,738[19][20]
สหราชอาณาจักร[P][Q]24,581,706224,106[22]
รัสเซีย[R][S]22,858,855398,366[26]
ตุรกี17,004,677101,419[27]
สเปน[T][U]13,825,052120,715[28]
เวียดนาม11,561,84843,191[29]
ออสเตรเลีย[V][W]11,210,65120,119[31]
อาร์เจนตินา10,044,957130,472[32][33]
ไต้หวัน9,970,93717,672[34]
เนเธอร์แลนด์[X][Y][Z]8,610,37222,992[36][37]
อิหร่าน[AA]7,607,744146,058[38][39]
เม็กซิโก7,587,447333,908[40]
อินโดนีเซีย6,776,984161,327[41]
โปแลนด์6,513,979119,555[5][42]
โคลอมเบีย6,364,636142,713[43]
ออสเตรีย6,065,71122,372[44]
กรีซ6,018,54436,754[45]
โปรตุเกส5,581,61926,575[46][47]
ยูเครน[AB][AC]5,529,459112,128[48][49]
ชิลี[AD][AE][AF][AG]5,283,90861,384[50]
มาเลเซีย5,071,84037,020[51]
อิสราเอล[AH]4,822,31312,493[52]
เบลเยียม[AI]4,793,42534,237[53][54]
ไทย4,732,30133,957[55][56]
แคนาดา4,659,97152,121[57][58]
เช็กเกีย4,640,35442,767[59]
เปรู4,501,130220,122[60][61]
  สวิสเซอร์แลนด์[AJ]4,402,43213,995[62][63]
เกาหลีเหนือ4,304,38080[64]
ฟิลิปปินส์4,092,15866,444[65][66]
แอฟริกาใต้4,072,533102,595[67][68]
เดนมาร์ก[AK][AL]3,411,9098,556[70][71]
โรมาเนีย3,393,90268,089[72][73]
ฮ่องกง2,876,10613,466[74]
สวีเดน[AM]2,706,12224,070[75]
เซอร์เบีย[AN]2,534,88618,021[76]
อิรัก2,465,54525,375[77]
สิงคโปร์2,368,5971,722[78][79]
นิวซีแลนด์2,251,4402,736[80]
ฮังการี2,201,35548,762[81]
บังกลาเทศ2,038,25029,446[82][83]
สโลวาเกีย1,866,47021,167[84]
จอร์เจีย[AO]1,840,18717,059[85]
จอร์แดน1,746,99714,122[86]
ไอร์แลนด์1,710,3028,849[87][88]
ปากีสถาน1,580,63130,656[89]
คาซัคสถาน1,502,66719,072[90][91]
นอร์เวย์[AP][AQ][AR]1,483,2225,435[93]
ฟินแลนด์[AS][AT]1,473,6039,308[96]
สโลวีเนีย1,343,4859,304[97][98]
ลิทัวเนีย1,318,5139,668[99]
บัลแกเรีย1,304,39338,328[100][101]
โมร็อกโก[AU]1,273,46316,297[102]
โครเอเชีย1,272,88618,180[103]
กัวเตมาลา1,248,17120,189[104]
เลบานอน1,236,70210,900[105]
คอสตาริกา1,228,6599,351[106]
โบลิเวีย1,197,23922,377[107]
ตูนิเซีย1,152,61229,387[108]
ปวยร์โตรีโก1,116,8235,891[109][110]
คิวบา[AV]1,113,0888,530[111]
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์1,062,3212,349[112]
เอกวาดอร์1,061,10036,019[113][114]
อุรุกวัย1,037,8937,625[115]
ปานามา1,036,7338,621[116][117]
มองโกเลีย1,007,9702,136[118]
  เนปาล1,003,00412,030[119][120]
เบลารุส994,0377,118[121][122]
ลัตเวีย977,6676,346[5][123]
ซาอุดีอาระเบีย840,3379,643[124]
อาเซอร์ไบจาน831,38610,242[125]
ปารากวัย735,75919,880[126]
ปาเลสไตน์703,2285,708[127]
บาห์เรน696,6141,536[128]
ศรีลังกา672,17716,843[129]
คูเวต665,7412,570[130]
สาธารณรัฐโดมินิกัน661,0454,384[131][132]
ไซปรัส[AW]658,4501,354[133]
พม่า635,10219,492[134]
มอลโดวา[AX]620,25312,112[135]
เอสโตเนีย618,1733,001[136]
เวเนซุเอลา552,5785,856[137]
อียิปต์[AY]515,97024,826[138]
ลิเบีย507,2506,437[139][140]
กาตาร์506,323690[141]
เอธิโอเปีย500,8377,574[142]
ฮอนดูรัส472,53311,112[143][144]
อาร์มีเนีย449,0628,747[145]
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา402,84816,337[146]
โอมาน399,4494,628[147]
มาซิโดเนียเหนือ348,1429,673[148][149]
แซมเบีย343,9104,058[150][151]
เคนยา343,0605,688[152]
แอลเบเนีย334,0903,604[153]
บอตสวานา329,8522,796[154][155]
ลักเซมเบิร์ก319,9591,232[156]
มอริเชียส301,0961,046[157]
มอนเตเนโกร289,2922,808[158]
บรูไน288,051157[159][160]
คอซอวอ273,8523,206[161]
แอลจีเรีย271,7196,881[162][163]
ไนจีเรีย266,6753,155[164]
ซิมบับเว264,6855,686[165][166]
อุซเบกิสถาน253,0091,637[167]
โมซัมบิก233,4172,243[168]
ลาว218,077671[169]
อัฟกานิสถาน214,8807,892[170]
ไอซ์แลนด์209,191260[171]
คีร์กีซสถาน206,8882,991[172]
เอลซัลวาดอร์201,7854,230[173]
ตรินิแดดและโตเบโก191,3504,387[174][175]
มัลดีฟส์186,435313[176][177]
กานา171,6531,462[178]
นามิเบีย171,2224,090[179]
ยูกันดา170,6023,632[180][181]
จาเมกา154,7863,536[182][183]
กัมพูชา138,7333,056[184]
รวันดา133,1941,468[185][186]
แคเมอรูน124,9831,971[187][188]
มอลตา118,524835[189]
บาร์เบโดส107,466588[190]
แองโกลา105,3841,934[191]
สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 96,2121,464[192]
เซเนกัล88,9971,971[193]
มาลาวี88,6382,686[194]
โกตดิวัวร์88,325834[195]
ซูรินาม82,4951,404[196]
นิวแคลิโดเนีย80,058314[197]
เฟรนช์พอลินีเชีย78,488649[198]
เอสวาตีนี74,6271,425[199]
กายอานา73,1621,298[200]
เบลีซ70,782688[201]
ฟีจี68,918883[202][203]
มาดากัสการ์68,2361,424[204]
เจอร์ซีย์[AZ]66,391161[205]
ซูดาน63,9935,046[206][207]
มอริเตเนีย63,617997[208][209]
กาบูเวร์ดี63,473413[210]
ภูฏาน62,66621[211]
ซีเรีย[BA]57,4233,163[212]
บุรุนดี53,74015[213]
กวม51,179413[4][214]
เซเชลส์50,937172[215]
ทรานส์นีสเตรีย[BB]49,1861,192[216]
กาบอง48,981306[217]
อันดอร์รา47,974159[218]
ปาปัวนิวกินี46,842670[219]
กือราเซา45,798301[220]
อารูบา44,114287[221]
แทนซาเนีย42,973846[222][223]
โตโก39,487290[224]
สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์[BC]38,8512,927[225]
กินี38,462467[226][227]
บาฮามาส38,084844[228][229]
ไอล์ออฟแมน[AZ]38,008116[230]
เกิร์นซีย์[AZ]35,32667[231]
หมู่เกาะแฟโร34,65828[232][71]
เลโซโท34,490706[233]
เฮติ34,228860[234]
มาลี33,144743[235]
หมู่เกาะเคย์แมน31,47237[236]
เซนต์ลูเชีย30,052409[237][238]
เบนิน28,014163[239]
โซมาเลีย[BD]27,3341,361[240]
สหพันธรัฐไมโครนีเซีย26,08064[241]
สาธารณรัฐคองโก25,192389[242][243]
หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ24,919130[244]
หมู่เกาะโซโลมอน24,575153[245][246]
ซานมารีโน24,132125[247]
ติมอร์-เลสเต23,428138[248]
บูร์กินาฟาโซ22,056396[249][250]
ลิกเตนสไตน์21,46487[251]
ยิบรอลตาร์20,550113[252]
เกรเนดา19,693238[253][254]
เบอร์มิวดา18,860165[255]
ซูดานใต้18,368138[256][257]
ทาจิกิสถาน17,786125[258][259]
อิเควทอเรียลกินี17,130183[260]
ตองงา16,81412[261]
โมนาโก16,74967[262]
ซามัว16,73731[263]
สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์16,08117[264][265]
โดมินิกา15,76074[266]
นิการากัว15,697245[5][267]
จิบูตี15,690189[268]
สาธารณรัฐแอฟริกากลาง15,367113[269]
อับคาเซีย15,292230[270]
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา13,83941[271]
แกมเบีย12,626372[272]
วานูอาตู12,01614[273]
กรีนแลนด์11,97121[274][71]
เยเมน11,9452,159[275]
ซินต์มาร์เติน11,03092[276]
เอริเทรีย10,189103[277]
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์9,611124[278]
ไนเจอร์9,513315[279]
กินี-บิสเซา9,350176[280]
คอโมโรส9,109160[281]
แอนติกาและบาร์บูดา9,106146[282]
อเมริกันซามัว8,32934[283]
ไลบีเรีย8,090294[284]
ชาด7,820194[285]
เซียร์ราลีโอน7,762125[286][287]
หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน7,30564[288]
นอร์เทิร์นไซปรัส7,13933[289]
หมู่เกาะคุก7,0622[290][291]
เซนต์คิตส์และเนวิส6,59846[292]
หมู่เกาะเติกส์และเคคอส6,56538[293][294]
เซาตูเมและปรินซีปี6,56280[295]
ปาเลา5,9999[296]
นาอูรู5,3931
คิริบาส5,02524[297][298]
สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์[BC]4,723437[299]
โซมาลีแลนด์4,608311[300][301]
แองกวิลลา3,90412[302]
มาเก๊า3,514121[303]
วาลิสและฟูตูนา3,4277[304][305]
แซงปีแยร์และมีเกอลง3,4262[306]
เซาท์ออสซีเชีย[BE]3,33960+[270]
ตูวาลู2,779
สาธารณรัฐอาร์ทซัค2,75131[270]
เซนต์เฮเลนา อัสเซนชัน และตริสตันดากูนยา2,166[307][308]
หมู่เกาะฟอล์กแลนด์1,923[309]
โบแนเรอ1,58617[310]
มอนต์เซอร์รัต1,4038[311]
นีอูเอ747
สาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี[BF]73242[312]
แอนตาร์กติกา580[313]
นครรัฐวาติกัน260[314]
ซินต์เอิสตาซียึส200[315]
ซาบา70[316]
บริติชอินเดียนโอเชียนเทร์ริทอรี50[317][318]
โตเกเลา50
หมู่เกาะพิตแคร์น4
อ่าวกวนตานาโม20[319]
พาหนะระหว่างประเทศ 
เรือยูเอสเอส ทีโอดอร์รูสเวลต์[BG]1,1021[320][321]
เรือชาร์ลเดอโกล[BH]1,0810[322]
เรือไดมอนด์พรินเซส[BI]71214[323][324]
เรือคอสตาแอตแลนติกา1480[325][326]
เรือเกร็กมอร์ติเมอร์[BJ]1281[327][328]
เรือเอ็มเอส ซานดัม[BK]134[330][331]
เรือคอรัลพรินเซส[BL]123[332]
เรือซีดรีมวัน[BM]90[333][334]
เรือฮาเอ็นเอลเอ็มเอส ดลแฟง[BN]80[335][336]
ณ วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
 หมายเหตุ 

มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว

แผนที่ภาพเคลื่อนไหวการแพร่ของผู้ป่วย 2019-nCoV ยืนยันแล้วตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563

ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 ประเทศไมโครนีเซีย พบผู้ติดเชื้อ 1 รายนับเป็นประเทศล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) [337]

ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2564 ที่สนามบินเซนต์เฮเลนา พบผู้ติดเชื้อ 1 รายส่งผลให้เซนต์เฮเลนาเป็นดินแดนล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)[338]โดยผู้ป่วยเดินทางด้วยเที่ยวบิน สายการบินเช่าเหมาลำ เดินทางจากท่าอากาศยานลอนดอนสแตนสเต็ด

ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 สัดส่วนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเป็นดังนี้ ทวีปยุโรป 29.98% ทวีปอเมริกาเหนือ 24.18% ทวีปเอเชีย 22.17% ทวีปอเมริกาใต้ 19.50% ทวีปแอฟริกา 3.69% ทวีปออสเตรเลีย 0.47% เสียชีวิตรวม 7,007,695 ราย

ยุโรป

ผู้ป่วยรายแรก ๆ ของทวีปยุโรปมีรายงานจากในประเทศฝรั่งเศสและในประเทศเยอรมนี​รวมถึงประเทศอื่น ๆ โดยเป็นผู้ป่วยเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในประเทศอิตาลี ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณตอนเหนือของมิลาน จากนั้นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแพร่กระจายของโรคไปทั่วทั้งทวีปยุโรป โดยหลังจากที่ประเทศมอนเตเนโกรได้รายงานการพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ทำให้มีผู้ป่วยอยู่ในทุกประเทศเอกราชของทวีปยุโรป​

ต่อเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563 ได้มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อในไอล์ออฟแมนซึ่งเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร และพบการติดเชื้อในดินแดน​ที่ยังมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องอำนาจอธิปไตยของตนเองอย่าง​ทรานส์นีสเตรีย[339]​นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในดินแดนปกครองตนเองอย่างหมู่เกาะโอลันด์​ทำให้การติดเชื้อพบในทุกประเทศเอกราชและของทวีปยุโรป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก​ได้ประกาศให้ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของไวรัสหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นในประเทศจีน[340][341] [342][343][344][345]ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2563 วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อแต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ สฟาลบาร์​ และ นครรัฐวาติกัน พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดได้แก่ หมู่เกาะแฟโร เสียชีวิต 28 ราย และ หมู่เกาะโอลันด์​ เสียชีวิต 9 ราย พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อได้แก่ ยานไมเอน ​ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 เมื่อเรียงตามจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในแต่ละประเทศ​ 29 อันดับแรกของโลก พบว่า​ 13 ประเทศอยู่ในทวีปยุโรปคิดเป็น​อัตราร้อยละ 44.82 % โดยจำนวนประเทศ​ 29 อันดับแรกของโลกมีผู้เสียชีวิตมากกว่า​ 37,869 รายของแต่ละประเทศ​ และเมื่อเรียงตามจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด 12 อันดับแรกของโลก พบว่าอยู่ในทวีปยุโรป 6 ประเทศ หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 50.00 % ศูนย์​กลางการแพร่ระบาดของทวีปยุโรป​อยู่ที่ สหราชอาณาจักร ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศเยอรมนี ประเทศรัสเซีย ประเทศสเปน

ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปจำนวนสูงสุด 13 อันดับแรก​ (นับเฉพาะทวีปยุโรป) ​ได้แก่ ​ประเทศรัสเซีย​ 402,541 ราย สหราชอาณาจักร 232,112 ราย​ ประเทศอิตาลี 196,420 ราย​ ประเทศเยอรมนี ​182,797 ราย ประเทศฝรั่งเศส 167,642 ราย ประเทศสเปน 121,760 ราย ประเทศโปแลนด์ 120,597 ราย ประเทศยูเครน 112,418 ราย ประเทศโรมาเนีย​ 68,917 ราย ประเทศฮังการี 49,040 ราย ประเทศเช็กเกีย 43,516 ราย ประเทศบัลแกเรีย 38,746 ราย ประเทศกรีซ 37,869 ราย ทั้ง 13 ประเทศยังจัดว่าเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิต ติด 29 อันดับแรกของโลก (มากกว่า 37,868 รายขึ้นไป)

ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลามาตรฐานกรีนิช 01.00 น. ผู้ติดเชื้อในทวีปยุโรป 253,317,367 ราย และเสียชีวิตรวม​ 2,101,166 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปวันและเวลาดังกล่าว คิดเป็น 29.98 % ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก

ดินแดนอาณานิคม​

วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 บีบีซีรายงานว่าที่ เกิร์นซีย์​ มีผู้​เสียชีวิต ​23 ราย[346]ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566 หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน​ (หมู่เกาะในทวีปอเมริกาเหนือ) มีผู้เสียชีวิต 64 ราย ส่วน หมู่เกาะเคย์แมน​ มีผู้เสียชีวิต 37 ราย ไอล์ออฟแมน​ มีผู้​เสียชีวิต​ 116 ราย หมู่เกาะแชนเนล​ มีผู้เสียชีวิต 228 ราย เรอูนียง​ มีผู้​เสียชีวิต ​921 ราย หมู่เกาะเติกส์และเคคอส มีผู้เสียชีวิต 39 ราย แซ็งปีแยร์และมีเกอลง ​ผู้เสียชีวิต 2 ราย แองกวิลลา มีผู้เสียชีวิต 12 ราย

รัสเซีย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศรัสเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 24,057,759 ราย เป็นอันดับ 10 ของโลก และเสียชีวิต 402,541 ราย เป็นอันดับที่ 4 ของโลก

รัสเซียเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุดโดยมีผู้เสียชีวิตที่เขตปกครองตนเองชูคอตคา 4 ราย

ทวีปอเมริกาเหนือ

ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565 สหรัฐอเมริกาประเทศเม็กซิโก และ ประเทศแคนาดา​ เป็นศูนย์กลาง​การแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาเหนือ

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ทวีปอเมริกาเหนือมีจำนวน​ 4 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​ในแต่ละประเทศมากกว่า 20000 ราย​ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาประเทศเม็กซิโก ประเทศแคนาดาประเทศกัวเตมาลา จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งทวีปอเมริกาเหนือคิดเป็น 24.18 % ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก

ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส

พบผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 4 คน โดยมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 2 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 ในเกาะเซนต์มาร์ติน ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส โดยตัวผู้ป่วยได้เดินทางมาจากฝรั่งเศสผ่านดินแดนซินต์มาร์เตินของเนเธอร์แลนด์ และแซ็ง-บาร์เตเลมี ซึ่งบุตรชายของผู้ป่วยได้เกิดการติดเชื้อขึ้น ทั้งคู่เดินทางกลับไปยังเกาะเซนต์มาร์ตินและถูกตรวจพบที่ท่าอากาศยาน และได้ถูกส่งตัวต่อไปกักโรคที่โรงพยาบาลบนเกาะ[347] ขณะที่ในกัวเดอลุป มีรายงานผู้ป่วยจำนวนหนึ่งคน[348]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 เกาะเซนต์มาร์ติน มีผู้เสียชีวิต 63 ราย กัวเดอลุป มีผู้เสียชีวิต 1,021 ราย แซ็ง-บาร์เตเลมี มีผู้เสียชีวิต 6 ราย

คอสตาริกา

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศคอสตาริกา มีผู้เสียชีวิต 9,428 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,238,883 ราย

กัวเตมาลา

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศกัวเตมาลา มีผู้เสียชีวิต 20,286 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,290,854 ราย

เม็กซิโก

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประเทศเม็กซิโกมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 3 คน เป็นชายอายุ 35 ปี และ 59 ปีในเม็กซิโกซิตี และชายอายุ 41 ปีในรัฐซีนาโลอา ซึ่งทั้งสามมีผลการทดสอบเป็นบวกและได้ถูกกักโรคไว้ที่โรงพยาบาลและโรงแรม ตามลำดับ สองคนแรก ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังเมืองเบอร์กาโม ประเทศอิตาลี และพำนักอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์[349][350][351][352] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วยรายที่สี่ เป็นหญิงอายุ 20 ปี ซึ่งได้มีการเดินทางไปยังประเทศอิตาลีมา[353] วันที่ 1 มีนาคม มีการพบผู้ป่วยรายที่ 5 เป็นนักศึกษาในรัฐเชียปัส ซึ่งเพิ่งได้เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[354]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิต 334,958 ราย และ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 7,702,809 ราย

แคนาดา

ณ วันที่ 4 มีนาคม มีรายงานผู้ป่วยโคโรนาไวรัสในประเทศแคนาดา 33 คน โดยแบ่งเป็นพบในบริติชโคลัมเบีย 8 คน รัฐออนแทรีโอ 24 คน และรัฐควิเบก 1 คน[355] ผู้ป่วยทุกคนมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และรักษาหายแล้วจำนวน 8 คน (แบ่งเป็นบริติชโคลัมเบีย 5 คน และรัฐออนแทรีโอ 3 คน)[356]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 แคนาดามีผู้เสียชีวิต 58,643 ราย พบผู้ติดเชื้อ 4,939,288 ราย

สหรัฐ

วันที่ 21 มกราคม 2563 สหรัฐรายงานพบผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุ 35 ปีที่อาศัยอยู่ในเทศมณฑลสโนโฮมิช รัฐวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นที่ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเทิล–ทาโคมา ในวันที่ 15 มกราคม

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 มีการพบผู้ป่วย 66 คน[357] และมีผู้หายป่วยจำนวน 7 คน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐรายงานพบผู้ป่วยใน รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอาจเป็นกรณีแรกของการติดต่อกันภายในประเทศ[344] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ทางการรัฐวอชิงตันแถลงยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคโคโรนาไวรัสในสหรัฐ[358]

วันที่ 2 มีนาคม 2563 เทศมณฑลคิง รัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 14 คน และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 5 คน[359] ศูนย์อนามัยออรีกอนยังได้รายงานว่าพบผู้อาจติดเชื้อใหม่จำนวนสามรายในรัฐด้วย ซึ่งเป็นชายในเทศมณฑลอูมาทิลลา ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในวัลลาวัลลา รัฐวอชิงตัน[360]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 1,218,467 ราย และมีจำนวนผู้​ติดเชื้อ 111,728,488 ราย

สาธารณรัฐโดมินิกัน

วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสรายแรกในประเทศโดมินิกัน และภูมิภาคแคริบเบียน เป็นชายอายุ 62 ปีจากประเทศอิตาลี ซึ่งเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเกิดอาการป่วยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยผู้นี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทหารรามอนลารา[361]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 4,384 ราย มีผู้ติดเชื้อ 675,890 ราย

ประเทศตรินิแดดและโตเบโก

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มี ประเทศตรินิแดดและโตเบโก มีผู้เสียชีวิต 4,390 ราย มีผู้ติดเชื้อ 191,496 ราย

ฮอนดูรัส

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศฮอนดูรัส​ มีผู้เสียชีวิต ​11,165 ราย มีผู้ติดเชื้อ 474,590 ราย

อาร์กติก

วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ศูนย์กลาง​การแพร่ระบาดในพื้นที่วงกลมอาร์กติก ได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ (Murmansk Oblast) ​มีผู้เสียชีวิตแล้ว 728 ราย เทศบาลทรุมเซอ และ ​เทศมณฑลฟินมาร์ก ประเทศนอร์เวย์​ ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตรัฐอะแลสกา เฉพาะพื้นที่ใน วงกลมอาร์กติก ได้แก่ เขตนอร์ทสโลป (North Slope Borough)​​ เสียชีวิต 17 ราย และ เขตนอร์ทเวสต์ อาร์กติก​ (Northwest Arctic Borough)​ เสียชีวิต 20 ราย รวมเสียชีวิต 765 ราย

ดินแดนในอาร์กติก​ที่อยู่ในวงกลมอาร์กติก มีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่โรงงานแก๊สธรรมชาติเหลว ในหมู่บ้านเบโลคาเมนกา (Belokamenka) ในเมือง มูร์มันสค์ ในประเทศรัสเซีย ราว 200 ราย[362][363]

ทวีปอเมริกาใต้

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ศูนย์​กลางการแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาใต้ อยู่ที่ ประเทศบราซิล ประเทศโคลอมเบีย และ ประเทศอาร์เจนตินา​ ทวีปอเมริกาใต้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า​ 100000 ราย ทั้งหมด​ ​4 ประเทศ​ พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในทวีปคือ เกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช

พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด​ ณ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​​ได้แก่ที่ ประเทศบราซิล 710,966 ราย อันดับที่ 2 ของโลก รองลงมาได้แก่ ประเทศเปรู 222,161 ราย อันดับที่ 7 ของโลก ​ประเทศโคลอมเบีย​ 143,200 ราย​ อันดับที่ 13 ของโลก ประเทศอาร์เจนตินา​ 130,733 ราย อันดับที่ 14 ของโลก ประเทศชิลี​ 64,497 ราย อันดับที่​ 23 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิตคิดเป็น 19.50 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก

พบผู้ติดเชื้อ 1,930 ราย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์

ประเทศชิลี

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​ ​​ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อ 5,376,599 ราย เสียชีวิต 64,497 ราย ประเทศชิลีเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้แอนตาร์กติกา​มากที่สุดโดยพบที่ แคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา​ มีผู้เสียชีวิต 767 ราย[364]

ประเทศบราซิล

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​​จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 38,694,221 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 710,966 ราย​

ประเทศเปรู

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 4,572,667 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 222,161 ราย​

ประเทศโคลอมเบีย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 6,400,173 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 143,200 ราย

ประเทศอาร์เจนตินา

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 10,094,643 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 130,733 ราย​

ทวีปแอนตาร์กติกา

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ 36 รายในฐานวิจัยนายพลเบอร์นาร์โด โอ’ฮิกกินส์ เกลเม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ฐานวิจัยของชิลีที่ตั้งอยู่ในดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี

ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565 รอสส์ดีเพนเดนซี รายงานผู้ติดเชื้อและหายป่วย 125[365]รายดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี รายงานผู้ติดเชื้อ 58 รายและหายป่วย[366][367]

เอเชีย

ตั้งแต่ วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปเอเซีย อยู่ที่ ​ประเทศอินเดีย ประเทศอิหร่าน

ใน วันที่ 24 ธันวาคม 2565 พื้นที่ที่ไม่ประสงค์จะรายงานผู้ติดเชื้อได้แก่ ประเทศเติร์กเมนิสถานเกาะคริสต์มาส หมู่เกาะโคโคส (คีลิง)

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​ จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 1,553,389 ราย คิดเป็น 22.17 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก

กัมพูชา

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศกัมพูชา
(ณ วันที่ 22 มีนาคม 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ กัมพูชายืนยันพบผู้ป่วยครั้งแรกในเมืองพระสีหนุ เป็นชายชาวจีนอายุ 60 ปี เดินทางไปยังเมืองนี้จากนครอู่ฮั่นพร้อมครอบครัว[368] โดยคนในครอบครัวของเขาถูกกักไว้ พวกเขาไม่มีการแสดงอาการของไวรัส ขณะที่ชายคนดังกล่าวถูกแยกไว้เพื่อรักษาที่โรงพยาบาลส่งต่อพระสีหนุ (Preah Sihanouk Referral Hospital)[369] มีรายงานว่าอาการของเขาคงที่แล้ว[370][371]ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​​มีผู้ติดเชื้อ 139,099 ราย มีผู้เสียชีวิต​ 3,056 ราย

กาตาร์

กระทรวงสาธารณสุขแห่งกาตาร์ รายงานว่าพบผู้ป่วยไวรัสรายแรกในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยเป็นชาวกาตาร์ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน[372][373][374]ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ​ 514,524 ราย ผู้เสียชีวิต 690 ราย

เกาหลีใต้

ประเทศเกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมดในวันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน​ 34,571,873 ราย และผู้เสียชีวิตรวม 35,934 ราย เป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน[375] ผู้ป่วยรายแรกของการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในประเทศเกาหลีใต้ ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563[376] วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 20 คน และวันที่ 20 เพิ่มขึ้นอีก 53 คน ทำให้มีผู้ป่วยรวมขณะนั้นที่ 104 คน ตามการรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งเกาหลีใต้ (KCDC) ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนมากมาจาก "ผู้ป่วยรายที่ 31" ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมที่โบสถ์ชินช็อนจีในแดกู[377]

เกาหลีเหนือ

ประเทศเกาหลีเหนือ มีผู้ป่วยในวันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​​จำนวน​ 4,772,813 ราย และเสียชีวิต 74 ราย

คูเวต

ประเทศคูเวตในปัจจุบันเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลกอาหรับ และมีจำนวนผู้ป่วยเป็นรองเพียงประเทศอิหร่านในเอเชียตะวันตก โดยมีผู้ป่วยในประเทศถูกพบแล้วในวันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวน 667,094 ราย[378]เสียชีวิต 2,570 ราย

จอร์เจีย

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์เจีย​ยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นชายอายุ 50 ปี ซึ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี ซึ่งผู้ป่วยรายนี้กลับเข้าสู่จอร์เจียทางพรมแดนประเทศอาร์เซอร์ไบจานโดยรถแท็กซี[379][380][381][382]

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันว่าผู้หญิงชาวจอร์เจียอายุ 31 ปีที่เพิ่งเดินทางไปประเทศอิตาลีมามีผลการทดสอบเป็นบวก และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี[382] นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกกักกันอยู่ณโรงพยาบาลทบิลิซีอีก 29 คน โดยที่ อามิรัน กัมเกรลิเซ รัฐมนตรีอนามัยระบุว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่ "มีความเป็นไปได้สูง" ที่อาจมีไวรัสอยู่[383]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 17,132 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,855,289 ราย

จอร์แดน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์แดนริเริ่มการห้ามบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิหร่านเข้าสู่ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว[384] ประเทศจอร์แดนได้ทำการคัดกรองทุกคนที่เดินทางเข้าสู่ประเทศผ่านทางท่าอากาศยาน โดยมีการตรวจสอบทรวงอกและลำคอตลอดจนอุณหภูมิร่างกาย ส่วนชาวจอร์แดนที่มีผลทดสอบเป็นบวกจะถูกกักโรคไว้เป็นเวลา 2 สัปดาห์[385]

วันที่ 2 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจอร์แดนแถลงว่าพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในประเทศ[386][387] เป็นชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการกักโรคชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[386][388]ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​ มีผู้เสียชีวิต 14,122 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,746,997 ราย

จีนแผ่นดินใหญ่

​​ ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 5,272 ราย จำนวน​ผู้ติดเชื้อ 503,302 ราย ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนดำเนินการปิดเมืองอู่ฮั่นเนื่องด้วยการระบาดทั่วของโควิด-19

ซาอุดีอาระเบีย

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศซาอุดีอาระเบียประกาศระงับการเข้าประเทศเป็นการชั่วคราวสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในเมกกะ หรือผู้ที่ต้องการเดินทางไปเข้าชมมัสยิดอันนะบะวี รวมถึงนักท่องเที่ยว ต่อมากฎนี้ได้ขยายไปครอบคลุมนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่[389]

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งซาอุดีอาระเบีย ประกาศระงับการเข้าสู่ประเทศของพลเมืองในประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าว (GCC) ยังเมกกะและมะดีนะหฺเป็นการชั่วคราว โดยพลเมืองของประเทศกลุ่ม GCC ที่พำนักอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียนานเกิน 14 วันติดต่อกัน และไม่ปรากฏอาการใด ๆ อันแสดงถึงโรคโควิด-19 นั้นจะอยู่นอกเหนือกฎดังกล่าว[389]

วันที่ 2 มีนาคม ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าพบผู้ป่วยเป็นรายแรก เป็นชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านผ่านทางประเทศบาห์เรน[390]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้เสียชีวิต 9,646 ราย และมี​ผู้​ติดเชื้อ​ 841,469 ราย

ซีเรีย

ประเทศซีเรีย ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​ มีผู้เสียชีวิต 3,165 ราย และมี​ผู้​ติดเชื้อ​ 57,743 ราย

ญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นยืนยันผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวจีนอายุ 30 ปี ซึ่งเคยมีการเดินทางไปยังอู่ฮั่นมาก่อน มีอาการเมื่อวันที่ 3 มกราคม และกลับเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 6 มกราคม

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต ​74,694 ราย​ และมีผู้​ติดเชื้อ​ 33,803,572 ราย

ที่ประเทศญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตอีก 14 ราย บนไดมอนด์พรินเซส (เรือ)โดยเป็นชาวญี่ปุ่น 9 รายจาก 14 ราย แต่มีผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเพียง 13 ราย เนื่องจากอีกชาวออสเตรเลียหนึ่งราย เสียชีวิตในโรงพยาบาลที่ประเทศออสเตรเลีย[391]

ไต้หวัน

ประเทศไต้หวันพบผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 21 มกราคม[392]​ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต​รวม 19,005 ราย และผู้ติดเชื้อ 10,241,523 ราย

ตุรกี

ประเทศตุรกีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไวรัสโคโรนารายแรก เป็นผู้หญิงชาวจีนอุย อายุ 32 ปี ที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมีผลตรวลหา SARS-CoV-2 เป็นบวก ทำให้ชาวตุรกีถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในอิสตันบูล

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศตุรกีมีผู้เสียชีวิต 102,174 ราย และ มีจำนวนผู้​ติดเชื้อ 17,232,066​ ราย

ไทย

วันที่ 13 มกราคม ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นการพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก[393][394][395] วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตเป็นรายแรก[396]ในวันที่ 6 เมษายน เที่ยวบินจากจาการ์ตาที่ทำการบินลงที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่จังหวัดจำนวน 18 ราย ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตรวม 34,569 ราย ผู้ติดเชื้อ 4,767,700 ราย

ทาจิกิสถาน

ประเทศทาจิกิสถาน ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 พบติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา เป็นผู้ชายชาวประเทศทาจิกิสถานสามคนกลับมาจากประเทศอินเดีย มีผู้ป่วย 15 ราย วันที่ 2 พฤษภาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก

ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ประเทศทาจิกิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกันอัฟกานิสถาน ​ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 125 ราย​ ผู้ติดเชื้อ 17,786 ราย

เนปาล

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศเนปาล
(ณ วันที่ 26 มกราคม 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

นักศึกษาชาวเนปาลซึ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่นและถูกกักโรคอยู่ในกาฐมาณฑุ[397] กลายเป็นผู้ป่วยรายแรกของประเทศเนปาลและภูมิภาคเอเชียใต้ในวันที่ 24 มกราคม หลังจากตัวอย่างถูกส่งไปยังศูนย์ร่วมองค์การอนามัยโลกในฮ่องกง[398][399] และถูกเลิกกักตัวหลังจากที่อาการดีขึ้น[400]ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 รายงานผู้เสียชีวิต ​12,031 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 1,003,450 ราย

บาห์เรน

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 729,549 ราย และเสียชีวิต 1,574 ราย

บังคลาเทศ​

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศบังคลาเทศ​มีผู้เสียชีวิต ​29,488 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 2,048,186 ราย

เยเมน

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศเยเมน มีผู้เสียชีวิต 2,159 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 11,945 ราย

พม่า

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​ ประเทศพม่า มีผู้ติดเชื้อ 641,868 ราย และเสียชีวิต 19,495 ราย

ปากีสถาน

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศปากีสถาน
(ณ วันที่ 9 เมษายน 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

รัฐบาลปากีสถานเริ่มใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานในอิสลามาบาด การาจี ลาฮอร์ และเปศวาร์ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ประเทศของไวรัสโคโรนา[401] นอกจากนี้ปากีสถานอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ยังประกาศใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารก่อนเดินทางขึ้นเครื่องในเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งด้วย[402] วันที่ 27 มกราคม สภานิติบัญญัติกิลกิต-บัลติสตันประกาศหน่วงเวลาการเปิดด่านแนวเขตแดนจีน–ปากีสถานที่ช่องผ่านแดนคุนเยรับในเดือนกุมภาพันธ์[403] และยังประกาศปิดพรมแดนปากีสถาน–อิหร่านด้วย[404]

วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมในการาจีและอิสลามาบาด ทำให้จำนวนผู้ป่วยของประเทศเพิ่มเป็นสี่ราย[405] ส่วนผู้ป่วยรายแรกและรายที่สองมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศอิหร่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื้อว่าเขาติดเชื้อ[406]

วันที่ 3 มีนาคม ทางการปากีสถานยืนยันพบผู้ป่วยรายที่ห้า ในแคว้นสินธ์ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการแสวงบุญที่ประเทศอิหร่านจำนวน 960 ราย ถูกกักโรคในทันที[407]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 30,664 ราย มีผู้ติดเชื้อ 1,581,936 ราย

ฟิลิปปินส์

ผู้ป่วยรายแรกของประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยืนยันในวันที่ 30 มกราคม[408] วันที่ 5 กุมภาพันธ์ กรมอนามัย (DOH) ได้มีการยืนยันผู้ป่วยรายที่สาม[409]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 66,864 ราย ผู้ติดเชื้อ 4,140,383 ราย

มองโกเลีย

ประเทศมองโกเลีย ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​มีผู้ติดเชื้อ 1,011,459 ราย เสียชีวิต 2,284 ราย

มาเลเซีย

ชาวจีนแปดคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในรัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม หลังจากที่มีการติดต่อกับผู้ป่วยในประเทศสิงคโปร์[410] แม้จะมีรายงานในตอนแรกว่าผลการทบสอบให้ผลเป็นลบ[411] แต่ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันว่าทั้งสามคนติดเชื้อ และถูกส่งตัวไปกักไว้ที่โรงพยาบาลสุไหงบูโลห์ในรัฐเซอลาโงร์[412][413]

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยรายที่สิบห้าซึ่งเป็นชาวจีนได้หายป่วยอย่างสมบูรณ์ นับเป็นผู้ป่วยที่หายป่วยเป็นรายที่แปดของประเทศมาเลเซีย[414] ต่อมาก็มีรายงานว่าชาวมาเลเซียอีกคนที่ติดเชื้อก็หายดีเป็นรายที่ 9[415]​ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​มีผู้ติดเชื้อ 5,277,541 ราย และ มีผู้เสียชีวิต 37,348 ราย

เลบานอน

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศเลบานอนยีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรก เป็นหญิงอายุ 45 ปีที่เดินทางมาจากกอม ประเทศอิหร่าน ซึ่งมีผลตรวจหา SARS-CoV-2 เป็นบวก โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในเบรุต[416]​ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 1,243,838 ราย และเสียชีวิต ​10,952 ราย

เวียดนาม

ผู้ป่วยยืนยันสองรายแรกเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 22 มกราคม และรับการรักษาที่โรงพยาบาลโช่เซย ในนครโฮจิมินห์ กรณีแรกเป็นชาวจีนที่เดินทางจากนครอู่ฮั่นไปฮานอย เพื่อเยื่ยมลูกชายที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม และรายที่สองคือลูกชายของเชื่อว่าติดโรคจากผู้เป็นพ่อ[417] หลังจากที่ยืนยันแล้ว รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งให้เปิดใช้งานศูนย์ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดฉุกเฉิน[418]

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ บิดาของผู้ป่วยดังกล่าวมีผลการทดสอบเป็นบวก และกลายเป็นผู้ป่วยรายที่สิบหก[419] วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พวกเขาทั้งหมดได้หายป่วย[420]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 11,625,195 ราย เสียชีวิต 43,206 ราย

ศรีลังกา

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้เสียชีวิต 16,897 ราย มีผู้ติดเชื้อ 672,750 ราย

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ผู้ป่วยรายแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการยืนยันในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563 พรัอมกับครบครัว ของ ชาวอู่ฮั่น[421][422]​ เป็นผู้หญิงชราชาวจีน อายุ 72 ปี และ ลูกชาย อายุ 34 ปี ที่กรณีแรกเป็นชาวจีนเดินทางมาจากนครอู่ฮั่นไปนครดูไบ ซึ่งมีผลตวรจหา SASR-Cov-2 ถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวไปเข้าโรงพยาบาลในดูไบ

ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 หลังจากชาวเอมิเรตส์ได้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อลูกสาวที่อาศัยอยู่ที่ดูไบ และรายที่สามคือลูกสาวของเชื้อว่าติดโรคกับแม่

วันที่ 2 มืนาคม พ.ศ. 2563 กรุงอาบูดาบียีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นผู้ชายชาวรัสเซีย อายุ 38 ปี และผู้หญิงชาวรัสเซีย อายุ 36 ปี กรณีแรกเป็นชาวรัสเซียเดินทางจากกรุงมอสโกไปอาบูดาบี ชาวรัสเซียสองคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในอาบูดาบี ต่อมา วันที่ 25 มืนาคม รัฐบาลเอมิเรตส์ได้โอกาศปัญหากับ อาบูดาบีและดูไบ จากปิดชั่วคราว เช่า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงภาพยนตร์ และทั้งหมด ยกเว้น โรงพยาบาล และร้านขายยา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศปิดพรมแดนที่ตัดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 1,067,030 ราย เสียชีวิต 2,349 ราย

สิงคโปร์

ผู้ป่วยรายแรกในประเทศสิงคโปร์ได้รับการยืนยันในวันที่ 23 มกราคม[423] ต่อมามีการรายงานพบผู้ป่วยในท้องถิ่นเป็นรายแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ร้านย่งไทฮั่ง (Yong Thai Hang) เป็นร้านค้าที่ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับการระบุเป็นสถานที่ที่เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากมีผู้หญิงจำนวนสี่คนที่ไม่เคยเดินทางไปยังประเทศจีนเกิดติดเชื้อไวรัสขึ้น[424]

วันที่ 4 มีนาคม มีผู้ป่วยในประเทศรวม 112 คน[425]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้ติดเชื้อ 3,006,155 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 2,024 ราย

อัฟกานิสถาน

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 มีพลเมืองในเฮรัตอย่างน้อยสามคน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากกอม ถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ตัวอย่างเลือดถูกส่งไปยังคาบูลเพื่อทดสอบเพิ่มเติม[426] ภายหลังอัฟกานิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับอิหร่าน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนจากเฮรัตดังกล่าว โดยเป็นชายอายุ 35 ปีซึ่งมีผลการทดสอบ SARS-CoV-2 เป็นบวก[427]ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต​ ​7,985 ราย ผู้ติดเชื้อ 232,152 ราย

อาเซอร์ไบจาน

ประเทศอาเซอร์ไบจานมีการยืนยันผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากรัสเซีย ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน[428] และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาอาเซอร์ไบจานได้ประกาศปิดชายแดนที่ติดกับประเทศอิหร่าน[429]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต ​10,400 ราย ผู้ติดเชื้อ 834,649 ราย

คาซัคสถาน

ประเทศคาซัคสถานยีนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายในวันที่ 13 มีนาคม จากจีน ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศตุรกี และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาคาซัคสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศรัสเซีย ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศคาซัคสถาน ​มีผู้​ติดเชื้อ​ 1,411,831 ราย ​และ ผู้​เสียชีวิต ​13,848 ราย

อาร์มีเนีย

ประเทศอาร์มีเนียยืนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในช่วงปลายของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 1 มีนาคม เป็นชาวอาร์มีเนียอายุ 29 ปีที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านและมีรายงานยืนยันผลทดสอบเป็นบวก ภริยาของบุคคลนี้ได้ถูกนำไปทดสอบเช่นกัน โดยผลออกมาเป็นลบ นายกรัฐมนตรีนิกอล ปาชินยันแถลงว่าผู้ป่วยนั้น "มีอาการดีขึ้นแล้ว" นอกจากนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยประมาณ 30 คนถูกนำไปทดสอบและจะถูกกักโรค ซึ่งก่อนหน้านี้อาร์มีเนียได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศอิหร่านไปแล้ว[430]​ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​มีผู้เสียชีวิต 8,776 ราย และมี​ผู้ติดเชื้อ 451,426 ราย

อินเดีย

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศอินเดีย
(ณ วันที่ 9 เมษายน 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

รัฐบาลอินเดียออกคำแนะนำการเดินทางแก่ประชาชน โดยเฉพาะกับนครอู่ฮั่น ซึ่งมีนักศึกษาแพทย์ชาวอินเดียกำลังศึกษาอยู่ประมาณ 500 คน[431]

ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีนเข้าสู่ท่าอากาศยานหลักเจ็ดแห่งของประเทศอินเดีย ต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อน[432][433]

วันที่ 24 มกราคม มีรายงานผู้ต้องสงสัยจำนวนสองราย ซึ่งกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในมุมไบ[434]

ณ​ วันที่​ 24 กันยายน พ.ศ. 2565 รัฐชัมมูและกัศมีร์ เสียชีวิต 4785 ราย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้เสียชีวิตในอินเดียมากถึง 533,537 ราย มีผู้ติดเชื้อ 45,033,512 ราย เฉพาะ หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ มีผู้เสียชีวิต 78 ราย

อินโดนีเซีย

ประเทศอินโดนีเซียได้ทำการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิที่เกตและท่าเรือโดยกระทรวงอนามัย และยังมีการจัดเตรียมห้องกักโรคที่โรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง

อินโดนีเซียประกาศห้ามทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้า รวมถึงออกจากประเทศ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป และยังยกเลิกการให้ฟรีวีซ่าและวีซ่าเมื่อมาถึงกับบุคคลสัญชาติจีนด้วย และยังห้ามผู้ที่อยู่หรือพำนักในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันเข้าหรือผ่านประเทศอินโดนีเซีย[435]

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ชาวอินโดนีเซียจำนวน 9 คนที่เดินทางไปบนเรือไดมอนด์พรินเซสมีผลการทดสอบการติดเชื้อเป็นบวก ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมส่งลูกเรือที่เหลือ 68 คนจาก 188 คนจากเรือเวิลด์ดรีม ไปยังเกาะเซอบารูเคกิล ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ในบรรดาหมู่เกาะนับพัน[436][437][438]

วันที 2 มีนาคม ทางการอินโดนีเซียได้ยืนยันติดเชื้อว่าพบผู้ป่วย ชาวอินโดนีเซียที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน

วันที่ 4 ตุลาคม ที่ หมู่เกาะมาลูกู พบผู้เสียชีวิต 115 ราย[439]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศอินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตรวม 162,062 ราย ผู้ติดเชื้อ 6,829,087 ราย

อิรัก

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​​ ประเทศอิรัก มี ผู้ติดเชื้อรวม 2,465,545 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 25,375 ราย[440]

อิหร่าน

ประเทศอิหร่านเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโลกในทวีปเอเซียในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เจอผู้ติดเชื้อรายแรกที่เมืองกอม (Qom City)

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 7,626,527 ราย ประเทศอิหร่าน มีผู้เสียชีวิต 146,799 ราย

โอมาน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยโคโรนาไวรัสสองรายแรก เป็นหญิงชาวโอมานสองคนที่กลับมาจากประเทศอิหร่าน[441][442]ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิตรวม 4,628 ราย ผู้ติดเชื้อ 399,449 ราย

อิสราเอล

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​​ ประเทศอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 12,707 ราย ติดเชื้อ 4,841,772 ราย

ฮ่องกง

วันที่ 26 พฤษภาคม​ ศูนย์ปกป้องอนามัยฮ่องกงพบผู้ป่วยรวม 1,206 คน ในฮ่องกง และผู้เสียชีวิต 7 คน[443][444][445]​​​​​ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ฮ่องกง มีผู้เสียชีวิต 14,731 ราย ติดเชื้อ 2,933,613 ราย

โอเชียเนีย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีจำนวน ​6 ประเทศที่พบว่ามีผู้เสียชีวิตเกิน 300 ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศฟิจิ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชียนิวแคลิโดเนีย ในจำนวนนี้มี 2 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเกิน 5000 รายได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย และ ประเทศนิวซีแลนด์ พื้นที่ไม่มีผู้เสียชีวิตได้แก่ ประเทศนีวเว โตเกเลา

ทั้งทวีปมีรายงานผู้ติดเชื้อรวม 14,874,585 ราย เสียชีวิตรวม 32,904 ราย เฉพาะจำนวนผู้สียชีวิตคิดเป็น 0.47 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก

ประเทศออสเตรเลีย

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศออสเตรเลีย
(ณ วันที่ 9 เมษายน​ 2563):
  มีรายงานยืนยันผู้ป่วย

วันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุราว 50 ปี ซึ่งเดินทางจากเมืองกว่างโจวมายังเมลเบิร์นในวันที่ 19 มกราคม ผ่านสายการบินไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ321 เขาเข้ารับการรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์โมนาชในเมลเบิร์น[446][447] จากนั้นมีการประกาศว่ามีผู้ป่วยอีกสามรายที่มีผลการทดสอบเป็นบวกในรัฐนิวเซาท์เวลส์[448][449] ต่อมามีการเฝ้าสังเกตอาการอีกหกราย และมีการยืนยันว่าจะเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลหลังจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่น จากในหกราย มีผู้ต้องสงสัยถึงสองรายที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัส ส่วนที่เหลืออีกสี่รายอาจถูกสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส[450]

หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ออสเตรเลีย ระบุว่าเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางชีวภาพ จะเริ่มคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงในสามสัปดาห์โดยเที่ยวบินจากอู่ฮั่นถึงซิดนีย์ ในวันที่ 23 มกราคม ผู้โดยสารจะได้รับแผ่นพับข้อมูล และข้อให้แสดงตัวหากมีไข้หรือต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อโรค[451]รัฐแทสเมเนีย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิตรวม​ 24,326 ราย ผู้ติดเชื้อ 11,839,399 ราย

ประเทศนิวซีแลนด์

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยรายแรกกลับมาจากประเทศอิหร่าน[452]วันที่ 25 มีนาคม ประเทศนิวซีแลนด์ พบผู้ติดเชื้อ 205 ราย รักษาหายแล้ว 22 ราย ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน[453] 29 มีนาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก[454]

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​ ประเทศนิวซีแลนด์​มีผู้เสียชีวิต 5,647 ราย ​ผู้ติดเชื้อ 2,613,670 ราย หมู่เกาะแชทัมเกาะสจวร์ต​ ไม่พบผู้เสียชีวิต

ประเทศฟิจิ

ประเทศฟิจิ​ ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 69,117 ราย เสียชีวิต 885 ราย

ประเทศปาปัวนิวกินี

ประเทศปาปัวนิวกินี ​ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 46,864 ราย เสียชีวิต 670 ราย

เฟรนช์พอลินีเชีย

เฟรนช์พอลินีเชีย ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 พบผู้ติดเชื้อ 79,254 ราย เสียชีวิต 650 ราย

แอฟริกา

ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นายกรัฐมนตรีประเทศเอสวาตีนี ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อโควิด 19

ณ​ วันที่​ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567 จำนวนผู้ติดเชื้อพบทั้ง 58 ดินแดน ทั้ง ทวีปแอฟริกา ขณะที่ จำนวนผู้เสียชีวิตพบทั้ง 57 ดินแดน ทั้ง ทวีปแอฟริกา เนื่องจาก เซนต์เฮเลนา ไม่มีผู้เสียชีวิต จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 20000 ราย มีจำนวน 3 ประเทศ และจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 16,300 ราย มีทั้งหมด 4 ประเทศ

สัดส่วนผู้เสียชีวิตคิดเป็น 3.69 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก

ศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศอียิปต์ และ ประเทศตูนิเซีย

พื้นที่ไม่พบผู้เสียชีวิตได้แก่ เซนต์เฮเลนา

ประเทศแอฟริกาใต้

ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นประเทศพบผู้ป่วยรายแรก 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ​มีผู้เสียชีวิต 102,595 ผู้ติดเชื้อ 4,076,463 ราย

ประเทศอียิปต์​

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศอียิปต์
(ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563):
  มีรายงานยืนยันผู้ป่วย
  มีการรายงานผู้ต้องสงสัย

ประเทศอียิปต์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 อียิปต์ได้ยืนยันติดเชื้อผู้ป่วย มีผู้ชายชาวจีนอายุ 30 ปี ใด้เดินทางมาจาก ประเทศจีน ต้องหา ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นบวก ทำไห้ชาวอียิปต์ถูกติดเชิ้อโควิด-19 ต้องสั่งไปเข้าโรงพยาบาลในไคโร

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 สายการบิน อียิปต์แอร์ ถูกยกเลิกเที่ยวบินแล้ว ต่อมา วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563 ท่าอากาศยานนานาชาติไคโรได้ปิดทำการ อียิปต์ได้ประกาศปิดแดนทะเลประเทศซาอุดีอาระเบีย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567​ มีผู้เสียชีวิต 24,613 ผู้ติดเชื้อ 516,023 ราย

ประเทศโมร็อกโก

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 16,301 ผู้ติดเชื้อ 1,278,944 ราย

ประเทศตูนิเซีย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีผู้เสียชีวิต 29,423 ราย ผู้ติดเชื้อ 1,153,361 ราย

ประเทศเอธิโอเปีย

ณ​ วันที่​ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศเอธิโอเปีย ผู้เสียชีวิต 7,574 ผู้ติดเชื้อ 501,117 ราย

เส้นเวลาของการยืนยันผู้ป่วยกรณีแรกเรียงตามประเทศและดินแดน

ผู้ป่วยกรณีแรกเรียงตามประเทศและดินแดน
วันที่ประเทศหรือดินแดน
1 ธันวาคม 62 จีน (แผ่นดินใหญ่)
13 มกราคม 63 ไทย
16 มกราคม 63 ญี่ปุ่น
20 มกราคม 63 เกาหลีใต้ สหรัฐ
21 มกราคม 63 ไต้หวัน[a]
22 มกราคม 63 ฮ่องกง[b] มาเก๊า[b]
23 มกราคม 63 สิงคโปร์ • เวียดนาม
24 มกราคม 63 ฝรั่งเศส • เนปาล
25 มกราคม 63 ออสเตรเลีย • แคนาดา มาเลเซีย
27 มกราคม 63 กัมพูชา เยอรมนี ศรีลังกา
29 มกราคม 63 ฟินแลนด์ • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
30 มกราคม 63 อินเดีย • อิตาลี ฟิลิปปินส์
31 มกราคม 63 รัสเซีย สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร
4 กุมภาพันธ์ 63 เบลเยียม
14 กุมภาพันธ์ 63 อียิปต์
19 กุมภาพันธ์ 63 อิหร่าน
21 กุมภาพันธ์ 63 อิสราเอล • เลบานอน
24 กุมภาพันธ์ 63 อัฟกานิสถาน • บาห์เรน • อิรัก • คูเวต • โอมาน
25 กุมภาพันธ์ 63 แอลจีเรีย • ออสเตรีย • บราซิล • โครเอเชีย • สวิตเซอร์แลนด์
26 กุมภาพันธ์ 63 จอร์เจีย • กรีซ • นอร์ทมาซิโดเนีย • นอร์เวย์ • ปากีสถาน • โรมาเนีย
27 กุมภาพันธ์ 63 เดนมาร์ก • เอสโตเนีย • เนเธอร์แลนด์ • ไนจีเรีย • ซานมารีโน
28 กุมภาพันธ์ 63 อาเซอร์ไบจาน • เบลารุส • ไอซ์แลนด์ • ลิทัวเนีย • เม็กซิโก โมนาโก • นิวซีแลนด์ เวลส์[c]
29 กุมภาพันธ์ 63 เอกวาดอร์ • ไอร์แลนด์ • ลักเซมเบิร์ก • กาตาร์
1 มีนาคม 63 อาร์เมเนีย • เช็กเกีย • สาธารณรัฐโดมินิกัน • แซ็ง-บาร์เตเลมี[d] แซ็ง-มาร์แต็ง[d] สกอตแลนด์[c]
2 มีนาคม 63 อันดอร์รา • อินโดนีเซีย • จอร์แดน • ลัตเวีย • โมร็อกโก • โปรตุเกส • ซาอุดีอาระเบีย เซเนกัล • ตูนิเซีย
3 มีนาคม 63 อาร์เจนตินา • ชิลี • ยิบรอลตาร์[e] ลิกเตนสไตน์ • ยูเครน
4 มีนาคม 63 หมู่เกาะแฟโร[f] เฟรนช์เกียนา[g] ฮังการี • โปแลนด์ • สโลวีเนีย
5 มีนาคม 63 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา • มาร์ตีนิก[g] ปาเลสไตน์ • แอฟริกาใต้
6 มีนาคม 63 ภูฏาน แคเมอรูน • โคลอมเบีย • คอสตาริกา • เปรู • เซอร์เบีย • สโลวาเกีย • โตโก • นครรัฐวาติกัน
7 มีนาคม 63 มัลดีฟส์ • มอลตา • มอลโดวา • ปารากวัย
8 มีนาคม 63 แอลเบเนีย • บังกลาเทศ บัลแกเรีย
9 มีนาคม 63 บรูไน • ไซปรัส • เกิร์นซีย์[h] ปานามา
10 มีนาคม โบลิเวีย • บูร์กินาฟาโซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก • จาเมกา • เจอร์ซีย์[h] เมลียา[i] มองโกเลีย นอร์เทิร์นไซปรัส[a] ตุรกี
11 มีนาคม 63 คิวบา • เฟรนช์พอลินีเชีย[d] กายอานา • ฮอนดูรัส • โกตดิวัวร์ • เรอูนียง[g]
12 มีนาคม 63 เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ • ตรินิแดดและโตเบโก
13 มีนาคม 63 แอนติกาและบาร์บูดา • อารูบา[j] หมู่เกาะเคย์แมน[e] เซวตา[i] กือราเซา[j] เอธิโอเปีย • กาบอง • กานา • กัวเดอลุป[g] กัวเตมาลา • กินี • คาซัคสถาน • เคนยา • คอซอวอ[a] ปวยร์โตรีโก[k] เซนต์ลูเซีย • ซูดาน • ซูรินาม • หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ[k] อุรุกวัย • เวเนซุเอลา
14 มีนาคม 63 สาธารณรัฐแอฟริกากลาง • สาธารณรัฐคองโก • อิเควทอเรียลกินี • เอสวาตีนี มอริเตเนีย • มายอต[g] นามิเบีย • รวันดา • เซเชลส์
15 มีนาคม 63 แอโครเทียรีและดิเคเลีย[e] บาฮามาส • กวม[k] อุซเบกิสถาน
16 มีนาคม 63 เบนิน • กรีนแลนด์[f] ไลบีเรีย • โซมาเลีย • แทนซาเนีย
17 มีนาคม 63 บาร์เบโดส • แกมเบีย • มอนเตเนโกร • ซินต์มาร์เติน[j]
18 มีนาคม 63 เบอร์มิวดา[e] จิบูตี • เอลซัลวาดอร์ • คีร์กีซสถาน • มอริเชียส • มอนต์เซอร์รัต[e] นิวแคลิโดเนีย[l] นิการากัว • แซมเบีย
19 มีนาคม 63 แองโกลา • ชาด • ฟิจิ • เฮติ • ไอล์ออฟแมน[h] ไนเจอร์
20 มีนาคม 63 กาบูเวร์ดี • ติมอร์-เลสเต • มาดากัสการ์ ปาปัวนิวกินี • ยูกันดา • ซิมบับเว
21 มีนาคม 63 หมู่เกาะโอลันด์[m] สาธารณรัฐไครเมีย[n] เอริเทรีย • ทรานส์นีสเตรีย[o]
22 มีนาคม 63 โดมินิกา • เกรเนดา • โมซัมบิก • ซีเรีย
23 มีนาคม 63 เบลีซ • พม่า หมู่เกาะเติกส์และเคคอส[e]
24 มีนาคม 63 เกาะอีสเตอร์[p] อ่าวกวนตานาโม ลาว ลิเบีย
25 มีนาคม 63 หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน[e] กินี-บิสเซา • มาลี • เซนต์คิตส์และเนวิส
26 มีนาคม 63 แองกวิลลา[e]
28 มีนาคม 63 หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา[k]
30 มีนาคม 63 บอตสวานา
31 มีนาคม 63 บุรุนดี • สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์[q] สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์[q] เซียร์ราลีโอน • ซินต์เอิสตาซียึส[r] โซมาลีแลนด์[s]
2 เมษายน 63 มาลาวี
3 เมษายน 63 หมู่เกาะฟอล์กแลนด์[e][n]
4 เมษายน 63เวสเทิร์นสะฮารา[n][t]
5 เมษายน 63 แซงปีแยร์และมีเกอลง[d] เซาท์ซูดาน
6 เมษายน 63 เซาตูเมและปรินซีปี
7 เมษายน 63 อับคาเซีย[a] นากอร์โน-คาราบัค[o]
10 เมษายน 63 เยเมน
11 เมษายน 63 ซาบา[r]
16 เมษายน 63 โบแนเรอ[r]
30 เมษายน 63 คอโมโรส • ทาจิกิสถาน
6 พฤษภาคม 63 เซาท์ออสซีเชีย[a]
13 พฤษภาคม 63 เลโซโท
25 กรกฎาคม 63 สาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี[a][n]
3 ตุลาคม 63 หมู่เกาะโซโลมอน
16 ตุลาคม 63 วาลิสและฟูตูนา[d]
28 ตุลาคม 63 หมู่เกาะมาร์แชลล์
พฤศจิกายน 63 บริติชอินเดียนโอเชียนเทร์ริทอรี
6 พฤศจิกายน 63 อเมริกันซามัว [k]
11 พฤศจิกายน 63 วานูอาตู
18 พฤศจิกายน 63 ซามัว
21 ธันวาคม 63แอนตาร์กติกา
8 มกราคม 64 ไมโครนีเซีย
18 พฤษภาคม 64 คิริบาส
31 พฤษภาคม 64 ปาเลา
6 ตุลาคม 64 สฟาลบาร์
29 ตุลาคม 64 ตองงา
 หมายเหตุ 

ประเทศที่พบผู้ต้องสงสัย

เอเชีย

ประเทศเกาหลีเหนือ

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศเกาหลีเหนือ
(ณ วันที่ 31 มกราคม 2563):
  มีรายงานยืนยันผู้ป่วย
  มีการรายงานผู้ต้องสงสัย

ประเทศเติร์กเมนิสถาน

อ้างอิง

🔥 Top keywords: หน้าหลักเอฟเอคัพองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)อสมทสโมสรฟุตบอลเชลซีสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพระบรมสารีริกธาตุพิเศษ:ค้นหาสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีเฟซบุ๊กไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซินสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหอแต๋วแตก (ภาพยนตร์ชุด)สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลาเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาอสุภญีนา ซาลาสสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลยูเวนตุสเอซี มิลานนางทาสหัวทองโอลด์แทรฟฟอร์ดยลดา สวนยศคิม ซู-ฮย็อนสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ดอามาด ดียาโลสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตีชาลี ไตรรัตน์สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็งประเทศไทยสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์