ดันเจียนซีจ

เกมแอ็กชันเล่นตามบทบาท ค.ศ. 2002

ดันเจียนซีจ (อังกฤษ: Dungeon Siege) เป็นเกมแอ็กชันเล่นตามบทบาทที่พัฒนาโดยแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ ซึ่งไมโครซอฟท์ได้จัดจำหน่ายบนแพลตฟอร์มไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2002 และเดสทิเนียร์ได้จัดจำหน่ายบนแพลตฟอร์มแมคโอเอสเท็นในปีถัดไป โดยมีฉากอยู่ในอาณาจักรยุคกลางสมมติ ชื่อ เอห์บ เกมนี้ยังจัดเป็นแนวแฟนตาซีระดับสูงที่เดินเรื่องตามชาวไร่หนุ่มคนหนึ่งและเพื่อนร่วมทางขณะที่พวกเขาออกเดินทางเพื่อกำจัดกองกำลังที่รุกราน ในตอนแรก กลุ่มตัวเอกเพียงต้องการเตือนเมืองใกล้เคียงเกี่ยวกับการรุกรานของเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่ชื่อครุก และในอีกไม่นาน ชาวไร่คนดังกล่าวและเพื่อนร่วมทางกับเขาตกอยู่ในสถานการณ์หาทางเอาชนะเผ่าพันธุ์อื่นที่เรียกว่าเซกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งฟื้นคืนพลังใหม่หลังจากถูกคุมขังอยู่ 300 ปี โลกของดันเจียนซีจไม่ใช้ระบบเลเวลเหมือนกับวิดีโอเกมเล่นตามบทบาทอื่น ๆ ในยุคนั้น หากแต่เป็นพื้นที่เดียวที่ต่อเนื่อง โดยปราศจากการโหลดหน้าจอ ซึ่งผู้เล่นเดินทางผ่านเพื่อต่อสู้กับฝูงศัตรู นอกจากนี้ แทนที่จะกำหนดคลาสตัวละครและควบคุมตัวละครทั้งหมดในกลุ่มด้วยตนเอง ผู้เล่นจะควบคุมกลยุทธ์และอาวุธ ตลอดจนการใช้เวทมนตร์โดยรวมของพวกเขา ซึ่งกำกับการเติบโตของตัวละคร

ดันเจียนซีจ
ภาพกล่องวิดีโอเกมอย่างเป็นทางการของดันเจียนซีจ
ผู้พัฒนาแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์
ผู้จัดจำหน่าย
อำนวยการผลิตเจคอบ แม็กแมน
ออกแบบคริส เทย์เลอร์
เขียนบทนีล ฮอลฟอร์ด
แต่งเพลงเจเรมี โซล
เครื่องเล่น
วางจำหน่าย
  • 5 เมษายน ค.ศ. 2002 (วินโดวส์)
  • 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 (แมคโอเอสเท็น)
แนวแอ็กชันเล่นตามบทบาท
รูปแบบผู้เล่นเดี่ยว, หลายผู้เล่น

ดันเจียนซีจเป็นผลงานแรกของบริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1998 โดยคริส เทย์เลอร์ แล้วมีชื่อเสียงขึ้นมาจากเกมวางแผนเวลาจริงอย่างโทเทิลแอนไนอะเลชันใน ค.ศ. 1997 เทย์เลอร์ต้องการสร้างเกมประเภทอื่นหลังจากเพื่อนร่วมงานหลายคนจากเคฟด็อกเอนเตอร์เทนเมนต์ได้เข้าร่วม และพวกเขาก็ตัดสินใจสร้างเกมแอ็กชันเล่นตามบทบาทเป็นเกมแรกหลังจากลองใช้แนวคิดหลายอย่างแล้ว เทย์เลอร์ยังรับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้ออกแบบเกมนี้ รวมถึงเจคอบ แม็กแมน ในฐานะหัวหน้าผู้ออกแบบและผู้อำนวยการสร้างอีกคน ตลอดจนนีล ฮอลฟอร์ด เป็นหัวหน้าผู้เขียนเรื่องราวและบทสนทนา ส่วนเจเรมี โซล เป็นผู้แต่งเพลง ซึ่งเคยทำงานในโททัลแอนไนอิเลชัน บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้ตั้งมั่นไปที่การสร้างเกมสวมบทบาทที่ตัดส่วนเหล่านี้จากองค์ประกอบประเภททั่วไป ที่พวกเขาพบว่าช้าหรือน่าคับข้องใจ เพื่อให้ผู้เล่นจดจ่ออยู่กับการกระทำ การพัฒนาใช้เวลากว่าสี่ปี แม้ว่าในตอนแรกจะมีการวางแผนว่าจะใช้เวลาเพียงสองปีเท่านั้น กระบวนการสร้างจนเสร็จภายในสี่ปีทำให้ทีมต้องทำงาน 12 ถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน และวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่เกือบตลอดเวลา

เกมนี้ได้รับคะแนนสูงจากนักวิจารณ์เมื่อได้รับการเปิดตัว ซึ่งได้รับการระบุโดยเว็บไซต์ตัวรวบรวมบทวิจารณ์อย่างเมทาคริติกในฐานะเกมเล่นตามบทบาทคอมพิวเตอร์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสามแห่ง ค.ศ. 2002 นักวิจารณ์ชื่นชมกราฟิกและโลกที่ไร้รอยต่อ ตลอดจนรูปแบบการเล่นที่สนุกและเข้าถึงได้ แต่กลับไม่สนใจโครงเรื่อง ดันเจียนซีจขายได้มากกว่า 1.7 ล้านชุด และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเกมเล่นตามบทบาทคอมพิวเตอร์แห่งปีประจำ ค.ศ. 2003 จากอะคาเดมีอินเตอร์แอกทีฟออฟอาร์ตแอนด์ไซเอนซ์ แก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้เน้นการสร้างและเปิดตัวเครื่องมือสำหรับผู้เล่นเพื่อใช้ในการสร้างม็อดสำหรับเกมระหว่างการพัฒนา ส่งผลให้เกิดชุมชนม็อดที่ใช้งานได้หลังจากเปิดตัว ส่วนภาคเสริมอย่างดันเจียนซีจ: เลเจนส์ออฟอารานนา วางจำหน่ายใน ค.ศ. 2003 และมีการพัฒนาเกมซีรีส์เพิ่มเติมในแฟรนไชส์ ประกอบด้วยดันเจียนซีจ II (ค.ศ. 2005) รวมถึงภาคเสริมอย่างดันเจียนซีจ II: โบรเคนเวิลด์ (ค.ศ. 2006) ตลอดจนภาคแยกที่มีชื่อว่าดันเจียนซีจ: โธรนออฟแอกโกนี (ค.ศ. 2006) และเกมหลักภาคสามอย่างดันเจียนซีจ III (ค.ศ. 2011) ส่วนภาพยนตร์ไตรภาคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเนื้อเรื่องของดันเจียนซีจได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในชื่อศึกนักรบกองพันปีศาจ (ค.ศ. 2007 ในโรงภาพยนตร์), ศึกนักรบกองพันปีศาจ 2 (ค.ศ. 2011 ในรูปแบบโฮมวิดีโอ) และศึกนักรบกองพันปีศาจ 3 (ค.ศ. 2014 ในรูปแบบโฮมวิดีโอ)

รูปแบบการเล่น

คณะแปดคนต่อสู้กับหุ่นยนต์ในเหมืองก็อบลิน สถานะของตัวละครจะอยู่ที่ด้านซ้ายบน ในขณะที่การควบคุมทางยุทธวิธีอยู่ที่ด้านขวาล่าง

ดันเจียนซีจเป็นเกมแอ็กชันเล่นตามบทบาทฉากอยู่ในยุคกลางสมมติของโลกแฟนตาซีระดับสูง โดยนำเสนอในรูปแบบ 3 มิติ ด้วยระบบกล้องเสมือนจริงมุมมองบุคคลที่สามภายใต้การควบคุมของผู้เล่น ซึ่งตัวละครของผู้เล่นจะนำทางไปตามภูมิประเทศและต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่เป็นศัตรู[1] ผู้เล่นจะเลือกเพศและปรับแต่งลักษณะที่ปรากฏของตัวละครหลักของเรื่องก่อนเริ่มเกม และโดยทั่วไปจะควบคุมพวกเขา[2] ตัวละครหลักรวมตัวกันด้วยตัวละครอื่น ๆ อีกเจ็ดตัว ซึ่งควบคุมผ่านปัญญาประดิษฐ์ ผู้เล่นสามารถสลับตัวละครที่พวกเขาควบคุมได้ตลอดเวลา[1] ตัวละครอื่น ๆ เคลื่อนที่โดยสัมพันธ์กับตัวละครที่ควบคุมตามรูปขบวนและระดับของการรุกรานต่อศัตรูที่ผู้เล่นเลือก[3][4] ตัวละครเพิ่มเติมสามารถเอาออกจากกลุ่มและคัดเลือกใหม่ได้ตลอดเวลา[5]

โลกของเกมไม่ได้แบ่งออกเป็นเลเวล แต่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ไม่ได้แยกออกจากกันโดยการโหลดหน้าจอ ในขณะที่ผู้เล่นเดินทางผ่านโลกที่เป็นเส้นตรงส่วนใหญ่ พวกเขาจะพบกับสัตว์ประหลาดและศัตรูหลากหลายประเภทที่โจมตีเมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายของตัวละครของผู้เล่นเข้าใกล้ คณะของผู้เล่นจะป้องกันตัวเองและโจมตีศัตรูโดยใช้อาวุธระยะประชิดและระยะไกล รวมถึงสภาพธรรมชาติและเวทมนตร์ประจัญ ผู้เล่นไม่ได้เลือกคลาสสำหรับตัวละคร ซึ่งแตกต่างจากวิดีโอเกมเล่นตามบทบาทอื่น ๆ แทนที่จะใช้อาวุธหรือเวทมนตร์ประเภทใดประเภทหนึ่งที่จะเพิ่มทักษะของตัวละครเมื่อเวลาผ่านไป[3] เมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นได้รับค่าประสบการณ์เพียงพอจากการสังหารศัตรูและไปถึงเลเวลใหม่ในประเภทอาวุธนั้น พวกเขาจะได้รับค่าจำนวนหนึ่งจากสถิติความแข็งแกร่ง, ความชำนาญ หรือสติปัญญา ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับพลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ที่พวกเขามี รวมถึงค่าความแรงที่เกิดขึ้นจากอาวุธ[2]

ตัวละครสามารถสวมใส่อาวุธ, ชุดเกราะ, แหวน และเครื่องราง ซึ่งให้ค่าการโจมตีหรือการป้องกัน หรือให้โบนัสจนถึงสถิติอื่น นอกจากนี้ ยังมีไอเทมที่ใช้งานได้ เช่น ยาเพื่อฟื้นฟูพลังหรือมานาของตัวละคร ส่วนอาวุธ, ชุดเกราะ และไอเทมอื่น ๆ สามารถพบได้จากการสังหารศัตรู, ทำลายที่ใส่ของ หรือซื้อจากผู้ขาย ตัวละครแต่ละตัวมีรายการสิ่งของ ซึ่งแสดงเป็นเส้นตารางประจำที่ โดยแต่ละไอเทมจะแสดงเป็นรูปร่างโดยใช้ช่องว่างบนเส้นตาราง[6] ทั้งนี้ ม้าล่อ ซึ่งเป็นตัวละครประเภทหนึ่ง ไม่สามารถใช้อาวุธหรือเวทมนตร์ได้ แต่มีรายการสิ่งของที่ใหญ่กว่ามาก[1]

ดันเจียนซีจมีทั้งโหมดผู้เล่นเดี่ยวและหลายผู้เล่น โหมดผู้เล่นเดี่ยวประกอบด้วยเรื่องราวและโลกเดียว โดยผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครใหม่เมื่อเริ่มเรื่องหรือใช้ตัวละครที่สร้างขึ้นในการเล่นก่อนหน้า ส่วนโหมดหลายผู้เล่นแบบร่วมมือกันช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้ถึงแปดคนผ่านเนื้อเรื่องแบบผู้เล่นเดี่ยวหรือในแผนที่หลายผู้เล่น ซึ่งมีศูนย์กลางเมืองที่มีศัตรูยากต่อการกำจัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้เล่นกรีฑาพลห่างออกไป เกมที่มีหลายผู้เล่นสามารถตั้งค่าระดับความยากที่ต่างกัน ทำให้สามารถรองรับตัวละครที่มีเลเวลสูงกว่าได้ ทั้งนี้ ผู้เล่นสามารถสร้างแผนที่เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นหลายคนแทนได้ การแข่งแบบหลายผู้เล่นสามารถสร้างและเข้าร่วมผ่านแลน, เลขที่อยู่ไอพีโดยตรง และก่อนที่จะปิดตัวลงใน ค.ศ. 2006 ผ่านบริการจับคู่ไมโครซอฟท์โซน[7]

โครงเรื่อง

ดันเจียนซีจมีฉากอยู่ในราชอาณาจักรเอห์บ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่แตกต่างกันไปในทวีปอารานนา ที่มีทะเลทราย, หนองน้ำ, ป่าไม้ และภูเขา ซึ่งได้เนรมิตขึ้นเมื่อสามศตวรรษก่อนหน้าการสลายตัวของจักรวรรดิแห่งดวงดาว[8] ในช่วงเริ่มต้นของเกม หมู่บ้านเกษตรกรรมของตัวละครของผู้เล่นได้ถูกโจมตีโดยเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อครุก ตัวละครหลัก ซึ่งเป็นชาวไร่คนดังกล่าวที่ไม่มีภูมิหลัง ที่ได้รับการได้ตั้งชื่อโดยผู้เล่น ได้เดินทางผ่านกองกำลังครุกไปยังเมืองสโตนบริดจ์[9] เมื่อทำลายการปิดล้อมเมือง และได้สหายคนแรกของพวกเขา ผู้เล่นจะได้รับมอบหมายจากกียอร์นผู้เป็นหัวหน้ากองรักษาการณ์ของเมืองด้วยการเดินทางไปยังเมืองแกลซอร์น และแจ้งเตือนกองกำลังทหารเอห์บที่เรียกว่าพยุหะที่ 10 ถึงการรุกรานและเอาชนะกองกำลังใด ๆ ที่พวกเขาเผชิญหน้าระหว่างทาง[10] หลังจากเดินทางผ่านห้องใต้ดิน, เหมือง และภูเขา ตัวละครของผู้เล่นก็มาถึงแกลซอร์น ซึ่งพวกเขาได้รับแจ้งว่าการรุกรานของครุกเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่เมอริก จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ได้หายตัวไป และได้วางเงื่อนไขเดินทางข้ามภูเขาไปยังป้อมปราการครอธเพื่อช่วยเหลือกองทหารที่นั่น[11] พวกเขาพบเมอริกในภูเขา ซึ่งแจ้งให้พวกเขาทราบว่าการรุกรานของครุกเป็นส่วนหนึ่งของการบุกครองครั้งใหญ่ของเซก ผู้ซึ่งทำลายจักรวรรดิแห่งดวงดาวก่อนที่จะถูกคุมขังภายใต้ปราสาทเอห์บ รวมถึงผู้ที่หลบหนีและยึดปราสาท เมอริกขอให้ผู้เล่นช่วยเอาคทาแห่งดวงดาวกลับคืนจากเหล่าก็อบลิน โดยก่อนที่จะมีการชิงทรัพย์ คทาดังกล่าวได้ได้กักขังเซกไว้ในห้องแห่งนิรันดร์[12]

ผู้เล่นต่อสู้ผ่านสัตว์ประหลาดและโจรในถ้ำคริสตัล, ป่า, หนองน้ำ และป้อมปราการก็อบลินใต้ดินที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรสงคราม หลังจากเอาคทาแห่งก็อบลินกลับคืนมาแล้ว ผู้เล่นจะได้พบกับพยุหะที่ 10 และเล็งไปที่ป้อมปราการครอธ ซึ่งถูกบุกรุกด้วยอันเดด หลังจากเคลียร์ป้อมปราการและต่อสู้กับสัตว์ประหลาดกับมังกรในหน้าผาแห่งเพลิง พวกเขาก็เดินขบวนไปที่ปราสาทเอห์บ จากนั้นตัวละครของผู้เล่นจะบุกปราสาทและต่อสู้ผ่านกองกำลังเซกเพื่อช่วยเหลือกษัตริย์คอนรีด[13] เขาแจ้งให้พรรคพวกทราบว่ากอม ผู้นำของเซก กำลังมองหาอาวุธวิเศษจากจักรวรรดิแห่งดวงดาวที่เก็บไว้ในห้องแห่งดวงดาว และเหล่าตัวละครจะต้องรักษาความปลอดภัยของอาวุธ จากนั้นจึงเอาชนะเซกที่เหลืออยู่[14] ตัวละครของผู้เล่นรวบรวมอาวุธและต่อสู้ผ่านถ้ำลาวา และห้องแห่งนิรันดร์ที่เซกถูกคุมขัง กระทั่งตัวละครของผู้เล่นสังหารกอม, กำจัดเซก และกอบกู้อาณาจักร[15]

การพัฒนา

คริส เทย์เลอร์ ใน ค.ศ. 2006 ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผู้ก่อตั้งบริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์

บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้รับการก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1998 โดยคริส เทย์เลอร์ จากนั้นได้เป็นที่รู้จักจากเกมวางแผนเวลาจริงอย่างโทเทิลแอนไนอะเลชันใน ค.ศ. 1997[16] เทย์เลอร์ต้องการสร้างเกมประเภทที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งเพื่อนร่วมงานหลายคนจากเคฟด็อกเอนเตอร์เทนเมนต์ได้เข้าร่วม และหลังจากลองใช้แนวคิดหลายอย่าง ทีมงานจึงตัดสินใจสร้างเกมแอ็กชันเล่นตามบทบาทเป็นเกมแรก นอกเหนือจากการช่วยสร้างแนวคิดเริ่มต้นแล้ว เทย์เลอร์ยังรับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้ออกแบบเกมนี้ ร่วมกับเจคอบ แม็กแมน ในฐานะผู้ออกแบบและผู้อำนวยการสร้างรายอื่นของเกม และนีล ฮอลฟอร์ด ในฐานะผู้เขียนเรื่องราวและบทสนทนาของเกม ฮอลฟอร์ดได้รับการนำเข้าสู่โครงการหลังจากที่ได้เริ่มต้นแล้ว เทย์เลอร์ได้วางแผนจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเกม แต่ทิ้งรายละเอียดและเรื่องราวเบื้องหลังที่แทรกแซงไว้ให้เขา เพลงของเกมนี้แต่งโดยเจเรมี โซล ซึ่งเคยทำงานในโทเทิลแอนไนอะเลชัน ทีมพัฒนามีคนประมาณสามสิบคนในระหว่างการพัฒนา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และถึงสี่สิบคนในการจบของโครงการ[17] การพัฒนาเกมใช้เวลากว่าสี่ปี แม้ว่าในตอนแรกจะมีการวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาเพียงสองปี[18]

ดันเจียนซีจได้รับแรงบันดาลใจจากเกมเล่นตามบทบาทก่อนหน้านี้ เช่น บาลเดอส์เกต และซีรีส์อัลทิมา แต่ส่วนใหญ่มาจากเดียโบล ซึ่งเทย์เลย์ได้ชื่นชมที่มีประสบการณ์ "มุ่งเน้นไปที่แอ็กชัน" ที่ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องศึกษารายละเอียดรูปแบบการเล่นและการตั้งค่าก่อน[17] เทย์เลอร์ต้องการขยายแนวคิดดังกล่าวให้กลายเป็นเกมเล่นตามบทบาทที่มีความคล่องตัว, ดื่มด่ำ และมีแอ็กชันหนัก ๆ ซึ่งลบองค์ประกอบทั่วไปของประเภทที่เขาพบว่าน่าเบื่อ, น่าหงุดหงิด หรือเชื่องช้า[19] ซึ่งเขายังต้องการทำให้รูปแบบการเล่นนั้นง่ายขึ้นกว่าเกมเล่นตามบทบาทร่วมสมัย เพื่อดึงดูดผู้เล่นในวงกว้าง[16] ด้วยเหตุนี้ เขาจึงขอให้ฮอลฟอร์ดสร้างการบรรยายที่รวดเร็วและคล่องตัว เทย์เลอร์ได้ให้เขาเขียนเรื่องราวเบื้องหลังของเกมโดยละเอียด ซึ่งจะไม่นำเสนอต่อผู้เล่น แต่จะแจ้งและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนา โดยปล่อยให้ข้อความในเกมถูกจำกัดไว้เพื่อให้ผู้เล่นได้มีส่วนร่วมกับการกระทำ[17][20] ฮอลฟอร์ดได้อธิบายขั้นตอนการเขียนเกมว่าคล้ายกับโครงการเกมอื่น ๆ นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับความกะทัดรัดมากขึ้น แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาได้รับการนำเข้าสู่โครงการช้ากว่าปกติมากก็ตาม ซึ่งหมายความว่าเขาต้องสร้างเรื่องราวที่ทำงานในฐานะเบื้องหลัง ไปจนถึงชิ้นงานที่ได้รับการพัฒนาไปแล้ว[21][22] โครงเรื่องของเกมนี้ตั้งใจให้เทย์เลอร์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของรูปแบบการเล่น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่มั่นใจว่าส่วนโค้งเรื่องราวโดยรวมของเขาได้รับการพิจารณา แม้กระทั่งโดยทีมพัฒนา จะค่อนข้างมีความคิดเป็นสำนวนจำเจ ในขณะที่เขารู้สึกว่าการเดินทางเพื่อเอาชนะ "ความชั่วร้ายขั้นสูงสุด" นั้นสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้เล่นเป็นอย่างมาก[20] นอกจากนี้ เทย์เลอร์และฮอลฟอร์ดได้คุยกันว่าจะสร้างนวนิยายเรื่องดันเจียนซีจเพื่อสำรวจเรื่องราวของฮอลฟอร์ด แม้ว่ามันจะไม่เคยบรรลุผล[21]

เทย์เลอร์ต้องการปรับปรุงรูปแบบเกมเล่นตามบทบาทของเดียโบลให้ดียิ่งขึ้น โดยลบแนวคิดในการเลือกคลาสตัวละครทั้งหมด และละเว้นเวลาในการโหลดที่ยาวนานของเดียโบล[17] ทีมพัฒนายังพยายามทำให้เกมมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยขจัดความจำเป็นในการย้อนรอยไปยังเมืองที่เคยเยือนก่อนหน้าเพื่อขายไอเทม โดยการเพิ่มรายการสิ่งชองให้กับตัวละครที่เป็นเพื่อนร่วมทาง และม้าล่อซึ่งใช้บรรทุก จนถึงจุดหนึ่งในการพัฒนา เขาได้วางแผนที่จะมีตัวละคร "ผู้ช่วย" ที่จะหยิบไอเทมที่ศัตรูทำตก เพื่อให้ผู้เล่นหลีกเลี่ยงการทำเช่นนั้นเอง นักพัฒนายังเปลี่ยนองค์ประกอบบางอย่างที่เป็นมาตรฐานในเกมเล่นตามบทบาทที่เทย์เลอร์และนักพัฒนาคนอื่น ๆ พบว่าน่าคับข้องใจ เช่น ให้ผู้เล่นขายไอเทมให้แก่ผู้ขายเร่ในราคาเดียวกับที่ซื้อมาแทนที่จะเป็นส่วนลดที่สูงลิ่ว และ "จิบ" หรือใช้เพียงบางส่วนแทนการใช้ไอเทมทั้งหมดมาโดยตลอด[19]

บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้รวมเครื่องมือพัฒนาเกม ที่เรียกว่าซีจเอดิเตอร์ ในฐานะเครื่องมือสำหรับผู้เล่นไปสู่ตัวปรับแต่งเกม เมื่อเห็นผลลัพธ์ของผู้เล่นที่สร้างตัวปรับแต่งเกมสำหรับโทเทิลแอนไนอะเลชัน เทย์เลอร์ต้องการ "นำสิ่งนั้นไปสู่จุดสูงสุด" และจัดหาเครื่องมือครบชุดเพื่อส่งเสริมชุมชนของผู้เล่นในการปรับปรุง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเกมหลังจากวางจำหน่าย เขารู้สึกว่าเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เล่นสร้างโลกของเกม, ตัวละคร และรูปแบบการเล่นใหม่ ๆ จะช่วยสนับสนุนชุมชนขนาดใหญ่ในระยะยาวของผู้เล่นเกมรอบตัว[19] บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์หวังว่าการจัดหาสิ่งที่เดลีเรดาร์เรียกว่า "หนึ่งในชุดเครื่องมือระดับที่ครอบคลุมที่สุดที่เราเคยเห็นมา" จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถสร้างภูมิภาคเกมขนาดเล็กได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย รวมทั้งอนุญาตให้คนทำตัวปรับแต่งเกมที่จริงจังมากขึ้นสามารถพัฒนาเกมคู่ขนานทั้งหมดโดยใช้เกมเอนจินดันเจียนซีจ[23] พวกเขายังหวังว่าชุมชนคนทำตัวปรับแต่งเกมนี้จะสามารถปรับปรุงและขยายรูปแบบการเล่นแบบหลายผู้เล่นได้มากกว่าที่พวกเขาจะเปิดตัว[24] เทย์เลอร์ได้กล่าวถึงความกระตือรือร้นในการเปิดตัวเครื่องมือพัฒนาของตัวเองสำหรับการปรับแต่งเกมเพื่อความเพลิดเพลินของเขาที่ได้เห็นตัวปรับแต่งเกมสำหรับโทเทิลแอนไนอะเลชันที่ผลิตออกมาหลายปีหลังจากเปิดตัว ตลอดจนไม่มีผลกระทบเชิงลบต่อแนวโน้มในอดีตของจอห์น คาร์แมก และอิดซอฟต์แวร์ในการปล่อยซอร์ซโคดทั้งหมดไปยังเกมของพวกเขา[23] เทย์เลอร์คาดการณ์ในภายหลังว่า บริษัท ใช้งบประมาณไปประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในการพัฒนาเครื่องมือการปรับแต่งเกม[25]

หลังจากปีแรกของการพัฒนา บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้พบว่าพวกเขาจะไม่สามารถจบเกมได้ภายในสองปีที่วางแผนไว้ ไม่เพียงแต่เป็นโลกที่ไร้รอยต่อโดยไม่ต้องโหลดหน้าจอนั้นสร้างยากกว่าที่คิด แต่ตามที่นักพัฒนานำอย่างบาร์โตส คิยันกา กล่าวว่าพวกเขามีความทะเยอทะยานมากเกินไปในการเลือกจำนวนคุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่พวกเขาสามารถใส่ลงในเอนจินที่กำหนดเองของเกม เช่น ช่วงกว้างที่ระบบกล้องเสมือนจริงสามารถซูมเข้าและออกได้[17][18] ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ที่รองรับและลดลงในภายหลังรวมถึงอนุญาตให้ใช้ตัวละครได้สูงสุดสิบตัว—ดังนั้นจึงรักษาพื้นที่ได้ถึงสิบแห่งในโลกของผู้เล่นเดี่ยว—แทนที่จะเป็นค่าสูงสุดแปดคนในขั้นท้าย และระบบสภาพอากาศที่มีลมพัดโพรเจกไทล์ออกนอกเส้นทาง[26][27] จากข้อมูลของคิยันกา นักพัฒนายังใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างการพัฒนา เช่น การสร้างโปรแกรมแก้ไขภาพเคลื่อนไหวที่กำหนดเองก่อนที่จะย้ายไปยังโปรแกรมที่ได้รับอนุญาต และเริ่มต้นด้วยไลบรารีกราฟิกโอเพนจีแอลเพื่อเปลี่ยนเป็นไดเรกต์ทรีดีเท่านั้น[18] ด้วยเหตุนี้ ทีมจึงต้องทำงาน 12 ถึง 14 ชั่วโมงทั้งวัน และวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นเวลาส่วนใหญ่ในการพัฒนาเพื่อให้เกมจบภายในสี่ปี[17][18] ในการให้สัมภาษณ์เมื่อ ค.ศ. 2011 เทย์เลอร์ได้กล่าวว่าหากมองย้อนกลับไป ต้นทุนขั้นสุดท้ายในช่วงเวลาการพัฒนาของโลกที่ไร้รอยต่ออาจสูงเกินไป และทีมงานพยายามที่จะสร้างเกมที่ใหญ่เกินไปสำหรับงบประมาณของพวกเขา เทย์เลอร์เชื่อว่าเกมที่มีเวลาเล่นเกือบถึง 35 ชั่วโมงแทนที่จะเป็น 70 ชั่วโมงจะเป็นประสบการณ์ที่ดีกว่า และประสบการณ์ที่ไม่มีมลทินยิ่งขึ้นตามข้อจำกัดของพวกเขา[28]

ภายใน ค.ศ. 2000 บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้เริ่มค้นหาผู้เผยแพร่เกมดังกล่าว เทย์เลอร์อ้างว่ามีผู้เผยแพร่หลายรายสนใจเกมนี้ แต่เขาได้รับความเชื่อมั่นจากเอ็ด ฟรายส์ ที่จะร่วมมือกับกลุ่มเผยแพร่พีซี ของไมโครซอฟท์ แม้ว่าฝ่ายเผยแพร่ของไมโครซอฟท์จะก่อตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่เกมสำหรับเครื่องเล่นเอกซ์บอกซ์ที่เพิ่งประกาศใหม่ แต่บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์และไมโครซอฟท์ก็ไม่ได้พิจารณาอย่างยิ่งที่จะนำเกมดังกล่าวไปสู่เครื่องเล่นดังกล่าว เทย์เลอร์เชื่อว่านี่เป็นเพราะขนาดของเกม เช่นเดียวกับตลาดเล็ก ๆ สำหรับเกมเล่นตามบทบาทของคอนโซลในเวลานั้น[17] ซึ่งในตอนแรก ดันเจียนซีจได้รับการวางแผนสำหรับการเปิดตัวในไตรมาสที่สามของ ค.ศ. 2001 ก่อนที่จะถูกเลื่อนออกไปในปีถัดไป และแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้ใช้เวลาในการปรับแต่งรวมถึงขัดเกลาเกมเพิ่มเติม ตลอดจนขยายไอเทมของเกมและคุณสมบัติหลายผู้เล่น[29] ทั้งนี้ ดันเจียนซีจได้รับการเปิดตัวสำหรับไมโครซอฟท์ วินโดวส์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2002 โดยไมโครซอฟท์ และสำหรับแมคโอเอสเท็นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 โดยเดสทิเนียร์[18][30]

การตอบรับ

การตอบรับ
คะแนนรวม
ผู้รวมคะแนน
เมทาคริติก86 / 100 (29 บทวิจารณ์)[31]
คะแนนปฏิทรรศน์
สิ่งพิมพ์เผยแพร่คะแนน
เกมอินฟอร์เมอร์9.25 / 10[32]
เกมโปร5 / 5[33]
เกมสปอต8.4 / 10[1]
เกมสปาย89 / 100[34]
ไอจีเอ็น8.5 / 10[3]
พีซี เกมเมอร์ ยูเอส91 / 100[2]

ดันเจียนซีจประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์โดยขายได้มากกว่า 1.7 ล้านชุด[35] จากข้อมูลของบริษัทเอ็นพีดี กรุป การสั่งซื้อเกมล่วงหน้าในเดือนก่อนที่จะวางจำหน่ายทำให้เกมนี้เป็นเกมคอมพิวเตอร์ที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับแปดของเดือนมีนาคม ค.ศ. 2002 และเมื่อวางจำหน่ายในเดือนถัดมา เกมดังกล่าวก็มียอดขายดีเป็นอันดับสองรองจากเดอะซิมส์ วัยรักพักร้อน[36][37] เกมดังกล่าวตกลงมาอยู่อันดับที่เจ็ดและอันดับที่สิบสามในสองเดือนถัดไป[38][39] แล้วจบในอันดับที่ 14 ของปีโดยรวม[40] ภายในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2006 เกมนี้ขายได้ 360,000 ชุดและทำรายได้ 14.5 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐโดยลำพัง สิ่งนี้ทำให้นิตยสารเอดจ์ประกาศให้เป็นเกมคอมพิวเตอร์ที่ขายดีที่สุดอันดับที่ 44 ของประเทศระหว่างเดือนมกราคม ค.ศ. 2000 ถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2006[41] ภายในเดือนกันยายน ค.ศ. 2002 ดันเจียนซีจยังได้รับการรับรอง "โกลด์" จากแวร์บันด์เดอร์อุนเทอร์ฮัลทุงซ็อฟท์วาเรด็อยช์ลันด์ (VUD)[42] ซึ่งระบุยอดขายอย่างน้อย 100,000 หน่วยทั่วเยอรมนี, ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์[43]

เกมนี้ได้รับการจัดอันดับสูงจากนักวิจารณ์เมื่อเปิดตัว ซึ่งได้รับการระบุโดยตัวรวบรวมบทวิจารณ์อย่างเว็บไซต์เมทาคริติกว่าเป็นเกมเล่นตามบทบาทคอมพิวเตอร์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสามใน ค.ศ. 2002 รองจากเนเวอร์วินเทอร์ไนส์ และดิเอลเดอร์สโครลส์ III: มอร์โรววินด์ ตลอดจนเป็นเกมคอมพิวเตอร์ที่มีคะแนนสูงสุดยี่สิบอันดับแรกโดยรวมในปีดังกล่าว[44] ส่วนกราฟิกได้รับการยกย่องอย่างมาก แดน อดัมส์ จากเว็บไซต์ไอจีเอ็นเรียกสิ่งนี้ว่า "น่าขันน่าดู" ในขณะที่นักวิจารณ์จากเว็บไซต์เกมสปอตและนิตยสารเกมโปรได้ยกย่องสภาพแวดล้อมว่ามีรายละเอียดและหลากหลาย[1][3][33] ด้านโรเบิร์ต คอฟฟีย์ จากนิตยสารคอมพิวเตอร์เกมมิงเวิลด์ และเกรก เวเดอร์แมน จากนิตยสารพีซี เกมเมอร์ ได้ยกย่องสภาพแวดล้อมที่มีรายละเอียดในทำนองเดียวกัน ในขณะที่แอนดี แมคนามารา และคริสเตียน บร็อกเกอร์ จากนิตยสารเกมอินฟอร์เมอร์ รวมถึงปีเตอร์ ซูชิว จากเว็บไซต์เกมสปาย ได้เรียกเกมนี้ว่าเป็นโลกที่ไร้รอยต่อโดยไม่ต้องโหลดหน้าจอ ซึ่งควรค่าแก่การจดบันทึกเป็นพิเศษ[2][4][32][34] ซูชิวกล่าวเพิ่มเติมว่าแผนที่อิสระไร้รอยต่อได้รับการนำมาใช้เพื่อสร้างพื้นที่ ที่ไม่ได้มีรูปร่างเหมือนพื้นที่สี่เหลี่ยมที่มีเส้นทางคดเคี้ยวเติมเต็มพื้นที่ เช่นเดียวกับเกมเล่นตามบทบาทอื่น ๆ ในยุคนั้น[34] นอกจากนี้ นักวิจารณ์ของเว็บไซต์ไอจีเอ็นและนิตยสารเกมโปรต่างยกย่องว่าเอฟเฟกต์เสียงนั้นยอดเยี่ยมและช่วยสร้างบรรยากาศของเกม ในขณะที่นักวิจารณ์ของเว็บไซต์ไอจีเอ็นและเว็บไซต์เกมสปอตยังกล่าวยกย่อง "โน้ตดนตรีโดยรอบ"[1][3][33]

รูปแบบการเล่นได้รับการยกย่องในทำนองเดียวกัน บทวิจารณ์ของนิตยสารเกมโปรอ้างว่า "รูปแบบการเล่นของดันเจียนซีจอาจเป็นการปรับปรุงที่ใหญ่ที่สุดและชัดแจ้งที่สุดจากเกมก่อนหน้าในประเภทดังกล่าว"[33] นักวิจารณ์หลายคนได้เปรียบเทียบกับเดียโบล II (ค.ศ. 2000) ในทางที่ดี จากนั้นก็เป็นหนึ่งในเกมเล่นตามบทบาทคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยอดัมส์แห่งเว็บไซต์ไอจีเอ็นอ้างว่าเกมนี้คล้ายกับเดียโบล II มากเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงบางอย่าง และคอฟฟีย์แห่งนิตยสารคอมพิวเตอร์เกมมิงเวิลด์ระบุว่าสิ่งเดียวที่ทำให้มันไม่ได้รับการจัดอันดับโดยตรงให้ดีกว่าก็คือการเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการเล่นที่มียุทธวิธีมากขึ้น ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมที่จะเปรียบเทียบโดยตรงมากเกินไป[3][4] ซึ่งเวเดอร์แมนจากนิตยสารพีซี เกมเมอร์, คอฟฟีย์จากนิตยสารคอมพิวเตอร์เกมมิงเวิลด์ และนักวิจารณ์ของเว็บไซต์เกมสปอตได้ยกย่องว่ารูปแบบการเล่นมีความคล่องตัวและเข้าถึงได้ พวกเขาชอบยุทธวิธีในการควบคุมคณะของนักผจญภัยที่ปรับปรุงตามวิธีการใช้งาน แทนที่จะควบคุมการกระทำและสถิติของพวกเขาโดยตรง[1][2][4] อย่างไรก็ตาม อดัมส์จากเว็บไซต์ไอจีเอ็นได้กล่าวว่ารูปแบบการเล่นอาจดูซ้ำซากจำเจ ส่วนเวเดอร์แมนจากนิตยสารพีซี เกมเมอร์ รู้สึกว่าตัวเลือกการต่อสู้ในรูปแบบการเล่นค่อนข้างจำกัด และซูชิวจากเว็บไซต์เกมสปายไม่ชอบความเป็นเส้นตรงของเกมผู้เล่นเดี่ยว[2][3][34] อดัมส์กล่าวเพิ่มเติมว่าตัวเลือกทางยุทธวิธีหลายอย่างในเกมนั้นไม่สำคัญ เนื่องจากการต่อสู้ทั้งหมดกลายเป็นการตีรันฟันแทงอย่างรวดเร็ว และระบบการปรับเลเวลแบบอิสระนั้นโดยพื้นฐานแล้วเหมือนกับคลาสตัวละครสี่คลาส เนื่องจากการไล่ตามลู่หลายลู่นั้นใช้ไม่ได้ผล[3]

เนื้อหาหลายผู้เล่นได้รับการวิจารณ์ที่หลากหลาย: ซึ่งอดัมส์ได้ชื่นชมจำนวนเนื้อหาเพิ่มเติม ในขณะที่ซูชิวและนักวิจารณ์ของเว็บไซต์เกมสปอตตั้งข้อสังเกตว่ารูปแบบการเล่นแบบหลายผู้เล่นอาจไม่สมดุลระหว่างผู้เล่นที่แตกต่างกัน[1][3][34] โดยทั่วไปแล้วโครงเรื่องผู้เล่นเดี่ยวจะถูกมองว่าไม่สำคัญ นักวิจารณ์แห่งนิตยสารเกมโปรเรียกมันว่า "โครงร่าง" และนักวิจารณ์จากนิตยสาร เกมอินฟอร์เมอร์ กล่าวว่า "น่าเบื่อ" รวมถึงนักวิจารณ์แห่งเว็บไซต์เกมสปอตกล่วถึงเกมนี้ว่า "ไม่น่าสนใจและสามารถจะลืมได้" และสรุปว่าผู้เล่นที่ต้องการ "เกมเล่นตามบทบาทที่ลึกซึ้งกว่า" จะต้องผิดหวัง[1][32][33] โดยรวมแล้ว เวเดอร์แมนจากนิตยสารพีซี เกมเมอร์ กล่าวถึงดันเจียนซีจว่าเป็น "หนึ่งในเกมที่ดีที่สุด และสนุกที่สุดแห่งปี" และนักวิจารณ์ของนิตยสารเกมโปรอ้างว่า "เดินไปทั่วการแข่งด้วยความสง่างามที่แทบจะไม่ต้องใช้ความพยายาม" ในขณะที่อดัมส์จากเว็บไซต์ไอจีเอ็นได้สรุปว่าเกมนี้ให้ความบันเทิงแต่มี "ศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้"[2][3][33]

สิ่งสืบทอด

หลังจากเปิดตัวในงานอิเล็กทรอนิกเอ็นเตอร์เทนเมนต์เอ็กซ์โป ค.ศ. 2000 ดันเจียนซีจก็ได้รับรางวัลเกมเล่นตามบทบาทจากเว็บไซต์เกมเรโวลูชัน และรางวัลเกมเล่นตามบทบาทที่สมจริงที่สุดจากเว็บไซต์เกมสปอต[45][46] หลังจากเปิดตัว เกมนี้ได้รับการเสนอชื่อข้าชิงรางวัลความสำเร็จเชิงโต้ตอบประจำปี ค.ศ. 2003 ของอะคาเดมีอินเตอร์แอกทีฟออฟอาร์ตแอนด์ไซเอนซ์ ในสาขาเกมคอมพิวเตอร์เล่นตามบทบาทแห่งปี และนวัตกรรมในประเภทเกมคอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลในแต่ละสาขาก็ตาม โดยแพ้ต่อเนเวอร์วินเทอร์ไนส์ และแบตเทิลฟีลด์ 1942 ตามลำดับ[47] เกมนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล "เกมเล่นตามบทบาทยอดเยี่ยม ค.ศ. 2002" ของพีซี เกมเมอร์ ยูเอส แต่แพ้ต่อเนเวอร์วินเทอร์ไนส์อีกครั้ง[48] อย่างไรก็ตาม เกมได้รับรางวัลกราฟิกเกมพีซียอดเยี่ยมจากเว็บไซต์ไอจีเอ็น[49]

การเปิดตัวซีจเอดิเตอร์ของบริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้จุดประกายการเพิ่มขึ้นของชุมชนการปรับแต่งเกม โดยก่อนที่จะเปิดตัวกลุ่มการปรับแต่งเกมหลายกลุ่ม ได้ประกาศความตั้งใจที่จะใช้เอนจินเพื่อสร้างเกมรีเมคด้วยตัวปรับแต่งเกมขนาดใหญ่จากซีรีส์เกมเล่นตามบทบาทอย่างอัลทิมา[24] หลังจากเปิดตัวเกม ได้มีการสร้างตัวปรับแต่งเกมจำนวนมากรวมถึงตัวปรับแต่งเกม "การแปลงทั้งหมด" หลายตัวที่สร้างเกมและเรื่องราวใหม่ ๆ เช่น "เดอะแลนส์ออฟไฮเปอร์โบเรีย" และ "เอเลเมนทัล"[17][50][51][52] บริษัทแก๊สเพาเวิร์ดเกมส์ได้เปิดตัวตัวปรับแต่งเกมของตัวเองหนึ่งตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2002 ในชื่อ "เยสเตอร์เฮเวน" สร้างโดยนักออกแบบหกคนในช่วงหกสัปดาห์ ซึ่งมีโครงเรื่องแบบหลายผู้เล่นสั้น ๆ สำหรับตัวละครเลเวลต่ำ ที่พวกเขาได้ปกป้องเมืองจากภัยพิบัติสามประการของเหล่ามอนสเตอร์[53][54] ตามมาด้วยเลเจนส์ออฟอารานนา ซึ่งเป็นภาคเสริมเต็มรูปแบบที่พัฒนาโดยแมดด็อกซอฟต์แวร์ และเผยแพร่เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 สำหรับวินโดวส์และแมคโอเอสเท็นโดยไมโครซอฟท์[55] ภาคเสริมดังกล่าวได้เพิ่มรูปแบบการเล่นใหม่เล็กน้อยนอกเหนือจากภูมิประเทศ, สิ่งมีชีวิต และไอเทมใหม่ ๆ แต่มีเนื้อเรื่องที่แยกออกจากเกมต้นฉบับโดยสิ้นเชิง[56] ในภาคเลเจนส์ ผู้เล่นจะควบคุมชาวไร่ที่ไม่มีชื่อคนอื่น หลังจากที่คทาแห่งดวงดาวถูกสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าชาโดว์จัมเปอร์ขโมยไป พวกเขาก็เดินทางเพื่อเอากลับคืนมา โดยหลังจากต่อสู้ผ่านเหล่ามอนสเตอร์ในเนินน้ำแข็ง, ป่า และเกาะต่าง ๆ ผู้เล่นก็มาถึงมหานาฬิกาอันลึกลับ ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ขนาดยักษ์ที่ควบคุมฤดูกาลของอารานนา พวกเขากำจัดชาโดว์จัมเปอร์ที่นั่น และเอาคทาแห่งดวงดาวกลับคืนมา ซึ่งโดยทั่วไปได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกน้อยกว่าภาคดั้งเดิม[57] โดยนักวิจารณ์ยกย่องเนื้อหาจำนวนมาก แต่วิจารณ์ว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการเล่นพื้นฐาน[56][58][59][60]

เกมอื่น ๆ อีกหลายเกมได้รับการเผยแพร่ในซีรีส์ดันเจียนซีจ โดยเริ่มจากดันเจียนซีจ II (ค.ศ. 2005)[61] โดยเกมดังกล่าวได้มีภาคเสริมของตนเองคือดันเจียนซีจ II: โบรเคนเวิลด์ (ค.ศ. 2006) และตามมาด้วยเกมเพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล ภาคแยกที่ชื่อดันเจียนซีจ: โธรนออฟแอกโกนี (ค.ศ. 2006) และภาคหลักที่สามในชื่อดันเจียนซีจ III (ค.ศ. 2011)[62][63][64] ส่วนภาพยนตร์ที่กำกับโดยอูเวอ บ็อล และได้รับแรงบันดาลใจจากเกมต้นฉบับอย่างศึกนักรบกองพันปีศาจ ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อ ค.ศ. 2007 โดยได้รับการอธิบยว่า "อิงอย่างหลวม ๆ" จากเกม และเป็นความล้มเหลวในเชิงพาณิชย์รวมถึงการวิจารณ์[65][66] ซึ่งตามมาด้วยโฮมวิดีโอภาคต่ออย่างศึกนักรบกองพันปีศาจ 2 (ค.ศ. 2011) และศึกนักรบกองพันปีศาจ 3 (ค.ศ. 2014)[67][68]

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: หน้าหลักเอฟเอคัพองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)อสมทสโมสรฟุตบอลเชลซีสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพระบรมสารีริกธาตุพิเศษ:ค้นหาสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีเฟซบุ๊กไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซินสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหอแต๋วแตก (ภาพยนตร์ชุด)สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลาเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาอสุภญีนา ซาลาสสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลยูเวนตุสเอซี มิลานนางทาสหัวทองโอลด์แทรฟฟอร์ดยลดา สวนยศคิม ซู-ฮย็อนสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ดอามาด ดียาโลสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตีชาลี ไตรรัตน์สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็งประเทศไทยสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์