เหตุกราดยิงที่เซติเญ พ.ศ. 2565
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2022 เกิดเหตุฆาตกรรมหมู่ในเมืองเซติเญ ประเทศมอนเตเนโกร เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน (ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 คน) และบาดเจ็บอีก 6 คน ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัย 33 ปี ชื่อ วุชกอ บอริลอวิช ถูกวิสามัญฆาตกรรมขณะยิงสู้กับตำรวจหลังเกิดเหตุ เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุกราดยิงหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่การสังหารหมู่ปี 1944 ซึ่งเกิดขึ้นที่เซติเญเช่นกันในสมัยยูโกสลาเวียท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่สอง[1]
เหตุกราดยิงที่เซติเญ พ.ศ. 2565 | |
---|---|
จุดเกิดเหตุกราดยิง | |
สถานที่ | เซติเญ ประเทศมอนเตเนโกร |
พิกัด | 42°23′19″N 18°55′19″E / 42.38861°N 18.92194°E |
วันที่ | 12 สิงหาคม 2022 ป. 15:30 น. – 16:15 น. (UTC+02:00) |
เป้าหมาย | พลเรือน |
ประเภท |
|
อาวุธ | ปืนคาร์ไบน์สำหรับล่าสัตว์ |
ตาย | 11 คน (รวมผู้ก่อเหตุ) |
เจ็บ | 6 คน |
วุชกอ บอริลอวิช | |
ผู้ต่อต้าน | เนนาด กาลูเจรอวิช (ผู้ต้องสงสัย) |
เหตุจูงใจ | ไม่ทราบ |
เหตุการณ์
เมื่อเวลาประมาณ 15:30 น. ของวันที่ 12 สิงหาคม 2022 บอริลอวิชเข้าไปในบ้านของเขาในย่านเมดอวินาของเมืองเซติเญ ก่อนจะมีปากเสียงกับครอบครัวที่เป็นผู้เช่าช่วง (sub-tenant) ในบ้านหลังนั้น[2][3][4][5][6] จากนั้นเขาใช้ปืนคาร์ไบน์ล่าสัตว์ยิงใส่สมาชิกของครอบครัวสามคนจนเสียชีวิต ในจำนวนนี้เป็นเด็กสองคน[6][7] เมื่อยิงเสร็จ บอริลอวิชโทรศัพท์หาผู้เป็นพ่อของครอบครัวดังกล่าวซึ่งไม่อยู่ในที่เกิดเหตุในเวลานั้น เพื่อแจ้งว่าได้สังหารภรรยาและลูก ๆ ของเขาแล้ว[6][8] ขณะเกิดเหตุยิง มีผู้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยเซติเญ[8] จากนั้นบอริลอวิชเดินออกไปนอกบ้านและยิงพลเรือนบนท้องถนนโดยไม่เลือกหน้า[4][9] เขาบุกเข้าบ้านหลังหนึ่งในละแวกนั้นและสังหารพลเมืองสูงอายุสองคน ส่วนหลานอายุ 32 ปี บาดเจ็บ จากนั้นจึงสังหารลูกชายของพลเมืองสูงอายุที่หน้าประตูบ้าน บอริลอวิชยังสังหารลุงของตนเองและเพื่อนบ้านอีกสามคน สองคนในจำนวนนี้เป็นสตรี[6]
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ บอริลอวิชปฏิเสธที่จะมอบตัวแต่กลับยิงใส่ตำรวจ เป็นผลให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บหนึ่งคน[6] บอริลอวิชยังยิงปืนใส่รถพยาบาลคันหนึ่งเพื่อกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลผู้ที่ถูกเขายิง[10] เมื่อเวลาราว 15:50 น. บอริลอวิชหยุดยิงและโทรศัพท์และกล่าวว่าเขา "คงไม่รอด"[8] จากนั้นเขาวิ่งหนีออกไปทางภูเขาออร์ล็อฟเกิร์ช ในขณะเดียวกันตำรวจก็เริ่มยิงใส่เขา[11] ต่อมามีรายงานว่าพลเมืองคนหนึ่งในพื้นที่ยิงบอริลอวิชเสียชีวิตด้วยปืนพกระหว่างที่บอริลอวิชยิงสู้กับตำรวจ[12][13][14] นอกจากนี้ยังมีพลเมืองพยายามเกลี้ยกล่อมให้บอริลอวิชยอมมอบตัว[6] เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงกระสุนใส่บอริลอวิชประมาณยี่สิบนัด แต่โดนเขาอย่างน้อยเพียงห้านัดตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ[8][15] ถนนหลายสายในพื้นที่ถูกสั่งปิดและมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่อย่างแน่นหนา[16][17]
ผู้เสียหาย
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมสิบเอ็ดคน[18] (รวมทั้งผู้ก่อเหตุ)[3] และส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหกคน[19][20] เด็กอายุ 8 ปี และ 11 ปีเสียชีวิตในบ้านของบอริลอวิช ส่วนผู้เป็นแม่เสียชีวิตที่โรงพยาบาล[3] เหยื่อที่เหลือเจ็ดคนเป็นพลเรือนในพื้นที่[3] ผู้บาดเจ็บสองคนถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเซติเญ[21] และผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอันตรายถึงชีวิตสี่คนถูกส่งตัวไปยังศูนย์คลินิกพอดกอรีตซา[4]
ผู้ก่อเหตุ
วุชกอ บอริลอวิช (มอนเตเนโกร: Вучко Бориловић / Vučko Borilović) เป็นผู้ก่อเหตุกราดยิงนี้ เขาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในอุทยานแห่งชาติลอฟเช็นเป็นเวลาห้าปีกระทั่งเสียชีวิต ก่อนหน้านี้เคยเป็นหัวหน้าบริการรักษาความสะอาดสิ่งแวดล้อม (environmental hygiene service)[22] เขาเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 1988 ในเซติเญ สาธารณรัฐมอนเตเนโกร ประเทศยูโกสลาเวีย จบการศึกษาระดับประถมในเมืองบ้านเกิดและจบการศึกษาระดับมัธยมในเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย[12][23] เขาเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นจากพรรคประชาธิปไตยสังคม เขาแต่งงานแล้วและมีลูกสามคน[24]
การสืบค้น
เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดและเหตุจูงใจที่ทำให้บอริลอวิชก่อเหตุกราดยิง[19] ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาอ้างว่าแรงจูงใจมาจากผู้เช่าช่วงค้างชำระค่าเช่าบ้านแก่บอริลอวิช[12]
รายงานระบุว่าพลเมืองท้องถิ่นที่ยิงบอริลอวิชเสียชีวิตขณะกำลังยิงโต้ตอบกับตำรวจคือ เนนาด "เนนอ" กาลูเจรอวิช (Ненад "Нено" Калуђеровић / Nenad "Neno" Kaluđerović)[25] อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจนว่าบอริลอวิชเสียชีวิตจากกระสุนของเนนาดจริงหรือไม่[26]