พระกุมารชีพ
พระกุมารชีพ (สันสกฤต: कुमारजीव, อักษรโรมัน: Kumārajīva) หรือชื่อในภาษาจีนว่า จิวหมัวหลัวสือ (จีนตัวเต็ม: 鳩摩羅什; จีนตัวย่อ: 鸠摩罗什; พินอิน: Jiūmóluóshí; เวด-ไจลส์: Chiu1 mo2 lo2 shih2; ค.ศ. 344–413)[1] เป็นพระภิกษุ นักวิชาการ และนักแปลจากกูชา (ปัจจุบันอยู่ใน Aksu Prefecture, ซินเจียง ประเทศจีน) พระกุมารชีพถืิอเป็นหนึ่งในนักแปลที่ดีที่สุดของศาสนาพุทธแบบจีน โดยลฺหวี เฉิงกล่าวถึงงานแปลของพระกุมารชีพว่า "ไม่มีใครเทียบได้ทั้งในด้านเทคนิคการแปลหรือระดับความเที่ยงตรง"[2]
พระกุมารชีพ | |
---|---|
![]() อนุสาวรีย์ของพระกุมารชีพ หน้าทางเข้าถ้ำคีซิลในเทศมณฑลกูชา เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน | |
ส่วนบุคคล | |
เกิด | ค.ศ. 344 กูชา (ปัจจุบันคือกูชา ประเทศจีน) |
มรณภาพ | ค.ศ. 413 (68-69 ปี) |
รู้จักจาก | ผู้แปลคัมภีร์ศาสนาพุทธจากภาษาสันสกฤตไปเป็นภาษาจีน ผู้ก่อตั้งสำนักซันลุ่นของศาสนาพุทธนิกายมหายาน |
อาชีพ | ภิกษุ, นักวิชาการ, นักแปล และนักปราชญ์ |
พระกุมารชีพในช่วงแรกศึกษาคำสอนในสำนักสรวาสติวาท ภายหลังศึกษากับพุทธสวามิน และท้ายที่สุดหันมานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน โดยศึกษามัธยมกะของนาคารชุนะ หลังเชี่ยวชาญในภาษาจีน พระกุมารชีพจึงตั้งถิ่นฐานในฉางอันในฐานะนักแปลและนักวิชาการ (ป. ค.ศ. 401)[3] ท่านเป็นหัวหน้ากลุ่มนักแปล ซึ่งรวมเลขานุการประจำตัวชื่อ Sengrui[4] กลุ่มนักแปลมีส่วนในการแปลคัมภีร์ศาสนพุทธในภาษาสันสกฤตหลายเล่มเป็นภาษาจีน
ชีวิต
ชีวิตช่วงต้น
กุมารยณะ บิดาของพระกุมารชีพ มาจากอินเดียโบราณ น่าจะมาจากบริเวณที่เป็นกัศมีร์ในปัจจุบัน[5][6][7] บิดาเป็นเจ้าชายอินเดีย[8] ผู้เป็นโอรสในรัฐมนตรีระดับสูงที่กษัตริย์แห่งกูชากดดันให้อภิเษกสมรสกับพระขนิษฐภคินี ชีพะ พระขนิษฐภคินีของพระมหากษัตริย์ สมรสกับพระองค์และให้กำเนิดพระกุมารชีพ ชีพะเข้าร่วมในสำนักนางชี Tsio-li ทางเหนือของกูชาตอนพระกุมารชีพอายุ 7 ขวบ[9]
อ้างอิง
ข้อมูล
- Chandra, Moti (1977), Trade and Trade Routes in Ancient India, Abhinav Publications, ISBN 9788170170556
- Pollard, Elizabeth (2015), Worlds Together Worlds Apart, New York: W.W. Norton Company Inc, p. 287, ISBN 978-0-393-91847-2
- Singh, Upinder (2009), A History of Ancient and Early Medieval India: From the Stone Age to the 12th Century, Pearson Education India, ISBN 978-8131716779
- Smith, David Howard (1971), Chinese Religions From 1000 B.C. to the Present Day, Weidenfeld & Nicolson
บทความนี้รวมเอาข้อความจาก The Chinese recorder and missionary journal, Volume 3, อันเผยแพร่มาแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1871, ปัจจุบันจึงกลายเป็นสาธารณสมบัติในสหรัฐ
แหล่งข้อมูลอื่น
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Commons-logo.svg/30px-Commons-logo.svg.png)