ประเทศในยุโรปกลาง
47°20′N 13°20′E / 47.333°N 13.333°E / 47.333; 13.333
ออสเตรีย [d] มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐออสเตรีย [e] เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรปกลาง โดยเป็นสหพันธรัฐที่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 รัฐ โดยหนึ่งในเก้ารัฐนั้นคือเวียนนา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ ออสเตรียมีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับเยอรมนี ทางทิศเหนือติดกับเช็กเกีย ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับสโลวาเกีย ทางทิศตะวันออกติดกับฮังการี ทางทิศใต้ติดกับสโลวีเนีย และอิตาลี และทางทิศตะวันตกติดกับสวิตเซอร์แลนด์ และลีชเทินชไตน์ ออสเตรียมีเนื้อที่ 83,879 ตารางกิโลเมตร (32,386 ตารางไมล์) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และมีประชากร 9 ล้านคน[11]
ออสเตรียเกิดขึ้นมาจากพื้นที่ส่วนที่เหลือของแคว้นชายแดนตะวันออกและแคว้นชายแดนฮังการีในช่วงปลายคริสต์สหัสวรรษที่ 1 เดิมนั้นเป็นแคว้นชายแดนของไบเอิร์น ซึ่งในเวลาต่อมาได้พัฒนากลายเป็นดัชชีของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1156 และกลายเป็นอาร์ชดัชชี ใน ค.ศ. 1453 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 กรุงเวียนนา ได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงฝ่ายบริหารของจักรวรรดิ และออสเตรียจึงกลายเป็นดินแดนศูนย์กลางแห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค หลังจากที่จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ถูกยุบลง ใน ค.ศ. 1806 ออสเตรียได้สถาปนาจักรวรรดิเป็นของตนเอง ซึ่งได้กลายเป็นมหาอำนาจ และเป็นสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญในสมาพันธรัฐเยอรมัน ความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิออสเตรียในสงครามออสเตรีย-ปรัสเซีย ใน ค.ศ. 1866 นำไปสู่จุดสิ้นสุดของสมาพันธรัฐ และได้ปูทางให้กับการสถาปนาจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ในปีต่อมา
ภายหลังการลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุกฟรันทซ์ แฟร์ดีนันท์ ใน ค.ศ. 1914 จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟ ทรงประกาศสงครามกับเซอร์เบีย ซึ่งในท้ายที่สุดก็ได้ทวีความรุนแรงกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความพ่ายแพ้และการล่มสลายของจักรวรรดิในเวลาต่อมาได้นำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐเยอรมันออสเตรีย ใน ค.ศ. 1918 และในเวลาต่อเป็นสาธารณรัฐออสเตรียที่หนึ่ง ใน ค.ศ. 1919 ในสมัยระหว่างสงคราม ทัศนคติต่อต้านระบบรัฐสภาก็มาถึงจุดสูงสุด จนนำไปสู่การก่อตั้ง ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ออสเตรีย ภายใต้การนำของเอ็งเงิลแบร์ท ด็อลฟูส ใน ค.ศ. 1934 ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองเป็นเวลาหนึ่งปี ออสเตรียถูกผนวก เข้ากับนาซีเยอรมนี โดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และได้กลายเป็นเขตการปกครองในระดับต่ำกว่าชาติ หลังการปลดปล่อยออสเตรีย ใน ค.ศ. 1945 และการถูกฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครอง เป็นเวลายาวนาน ประเทศก็ได้รับอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาอีกครั้ง และได้ประกาศความเป็นกลางอย่างถาวรใน ค.ศ. 1955
ออสเตรียเป็นประเทศประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน โดยมีประธานาธิบดี ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นประมุขแห่งรัฐ และมีนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าฝ่ายบริหาร พื้นที่เมือง ขนาดใหญ่ ได้แก่ เวียนนา กราทซ์ ลินทซ์ ซัลทซ์บวร์ค และอินส์บรุค ออสเตรียได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต่อหัว ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานการครองชีพสูงสุด และได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก ในดัชนีการพัฒนามนุษย์ ใน ค.ศ. 2020
ออสเตรียเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ มาตั้งแต่ ค.ศ. 1955[12] และเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป มาตั้งแต่ ค.ศ. 1995[13] เป็นที่ตั้งขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป และองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก ออสเตรียเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำหรับการลงนามความตกลงเชงเกน ใน ค.ศ. 1995[14] และออสเตรียใช้สกุลเงินยูโร ใน ค.ศ. 1999[15]
ศัพทมูลวิทยา ชื่อของประเทศออสเตรียในภาษาเยอรมัน (Österreich ) มาจากคำในภาษาเยอรมันสูงเก่าว่า Ostarrîchi ซึ่งแปลว่า "อาณาจักรทางตะวันออก" และปรากฏเป็นครั้งแรกใน "เอกสารอาณาจักรทางตะวันออก" (Ostarrîchi document) จาก ค.ศ. 996[16] [17] คำดังกล่าวอาจเป็นคำแปลของวลีในภาษาละตินสมัยกลางว่า Marchia orientalis มาเป็นภาษาท้องถิ่น (ไบเอิร์น) อีกทอดหนึ่ง
ออสเตรียเป็นจังหวัดหนึ่งของไบเอิร์นซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นใน ค.ศ. 976 คำว่า ออสเตรีย เป็นชื่อในภาษาเยอรมันที่แผลงเป็นภาษาละตินและได้รับการบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 12[18] ในขณะนั้น พื้นที่บริเวณลุ่มน้ำดานูบของออสเตรีย (พื้นที่โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ และนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ ) เป็นอาณาเขตทางตะวันออกสุดของไบเอิร์น
ประวัติศาสตร์ การแบ่งเขตการปกครอง ออสเตรียเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 9 รัฐท้องถิ่น รัฐเหล่านี้แบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น เขต (Bezirke) และ นคร (Statutarstädte) ซึ่งในเขตแต่ละแห่งยังแบ่งออกเป็นเทศบาล (Gemeinden)
รัฐคารินเทีย (Kärnten)รัฐซัลทซ์บวร์ค (Salzburg)รัฐทีโรล (Tirol)รัฐบัวร์เกินลันท์ (Burgenland)รัฐฟอร์อาร์ลแบร์ค (Vorarlberg)รัฐนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ (Niederösterreich )รัฐเวียนนา (Wien)รัฐสตีเรีย (Styria)รัฐโอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ (Oberösterreich)ภูมิศาสตร์ ประเทศออสเตรียในปัจจุบัน ตามแผนที่ประเทศออสเตรียมีความกว้างจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกมากกว่า 575 กิโลเมตร มีความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้มากกว่า 294 กิโลเมตร
ประมาณ 60% ของสภาพภูมิประเทศของประเทศออสเตรียมีลักษณะเป็นภูเขาและเนินเขา ซึ่งได้รับการขานนามให้เป็น "ดินแดนแห่งขุนเขา" ประเทศออสเตรียมีการพาดผ่านของเส้นทาง "แม่น้ำดานูบ" (Donau) โดยผ่านรัฐโลเวอร์ออสเตรียหรือนีเดอร์เอิสเทอร์ไรช์ (Lower Austria; Niederösterreich) และรัฐอัปเปอร์ออสเตรียหรือโอเบอร์เอิสเทอร์ไรช์ (Upper Austria; Oberösterreich) ก่อนไหลต่อไปยังประเทศเช็กเกีย ภูมิประเทศของประเทศออสเตรียแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ
ภูเขา (Berge)กรอสส์กล็อคเนอร์ (Großglockner) ภูเขาสูงในประเทศออสเตรียมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 3,000 เมตร ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศออสเตรียตั้งอยู่ทางเทือกเขาด้านตะวันออก (Ostalpen) ด้วยความสูง 3,798 เมตร มีชื่อว่า โกรสส์กล็อกเนอร์ (Großglockner) ยอดเขาที่สูงรองลงมาคือ วิลด์ชปิทเซอ (Wildspitze) ด้วยความสูง 3,774 เมตร และยอดเขาที่สูงเป็นอันดับที่สามของประเทศออสเตรยคือ ไวสส์คูเกิล (Weißkugel) ด้วยความสูง 3,738 เมตร ด้วยลักษณะของภูเขาเป็นจุดสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาฤดูหนาว (Wintersport) ยกตัวอย่างเช่น สกี สโนว์บอร์ด เป็นต้น ส่วนในฤดูร้อน ก็ยังสามารถที่จะท่องเที่ยวชื่นชมสภาพป่า และการปีนเขา อีกด้วยทะเลสาบนอยซีดเดิล (Neusiedler See) ทะเลสาบ (Seen)แม่น้ำดานูบ ในลินซ์ (Donau at Linz) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรียมีชื่อว่า นอยซีดเลอร์เซ (Neusiedler See) โดยมีพื้นที่ประมาณ 77% หรือประมาณ 315 ตารางกิโลเมตร อยู่ที่รัฐบูร์เกนลันด์ (Burgenland) ส่วนพื้นที่อีกประมาณ 33% ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของประเทศฮังการี และยังมีทะเลสาบอื่นๆ ที่มีความสำคัญคือ อัทเทอร์เซ (Attersee) ด้วยพื้นที่ประมาณ 46 ตารางกิโลเมตร และเทราน์เซ (Traunsee) อยู่ในพื้นที่รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย และทะเลสาบอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความสำคัญมากสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน เช่น โบเดินเซ (Bodensee), ซัลซ์คัมเมอร์กูทส์ (Salzkammerguts), โวทเฮอร์ซี (Wörthersee), มิลล์ชเตทเทอร์เซ (Millstätter See), ออสเซียเคอร์เซ (Ossiacher See), ไวส์เซินเซ (Weißensee), โมนด์เซ (Mondsee), วอล์ฟกังเซ (Wolfgangsee) เป็นต้นแม่น้ำ (Flüsse)แม่น้ำดานูบ (Donau) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดสายหนึ่งในยุโรปและไหลผ่านภาคกลางตะวันออก แม่น้ำดานูบเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรีย เมืองหลวงของรัฐลินซ์และเวียนนาตั้งอยู่บนแม่น้ำดานูบ เศรษฐกิจ เป็นแบบเสรีนิยม ผสมสังคมนิยม โดยรัฐมีบทบาทในอุตสาหกรรม และวิสาหกิจหลัก เช่น อุตสาหกรรมขั้นปฐม การผลิตกระแสไฟฟ้า ธนาคาร และกิจการสาธารณูปโภค สาเหตุที่รัฐได้เข้ามาจัดการบริหารแบบรวมศูนย์ ก็เพื่อป้องกันการครอบครองจากโซเวียตภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ออสเตรียจึงเริ่มแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และได้พัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาดได้สำเร็จ ซึ่งทำให้ประชาชนมีมาตรฐานความเป็นอยู่สูง รัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพรรคขวา ได้มีแผนที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจการของรัฐเพิ่มเติม อันจะทำให้รัฐบาลออสเตรียมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจลดลง และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างแบบ Social Partnership ในช่วงทศวรรษที่ 60 และ 70 ได้ลดน้อยลงตามเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เปลี่ยนไป รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดยพรรคฝ่ายซ้ายสังคมนิยมจึงมีนโยบายชะลอการแปรรูปรัฐวิสาหกิจลง และเป็นที่คาดว่า จะมีนโนบายที่ทำให้ความสัมพันธ์ของนายจ้างและลูกจ้างในภาคอุตสาหกรรมเป็นไปแบบ Social Partnership ต่อไป
ประชากร เด็ก ๆ ในออสเตรีย ใกล้ Au, Vorarlberg สถิติออสเตรีย (Statistik Austria) รายงานว่าประชากรออสเตรียมีประมาณเกือบ 9 ล้านคน (8.9) ใน ค.ศ. 2020[19] โดยประชากรในเวียนนา เมืองหลวงของประเทศ มีมากกว่า 1.9 ล้านคน[20] (รวมชานเมืองที่มีประชากร 2.6 ล้านคน) ซึ่งเท่ากับหนึ่งส่วนสี่ของประชากรทั้งประเทศ
ผู้คนในกรุงเวียนนา (Wien) เวียนนาเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ รองลงมาคือกราทซ์ ที่มีประชากร 291,007 คน หลังจากนั้นคือลินทซ์ (212,538)[21] , ซัลทซ์บวร์ค (155,031), อินส์บรุค (131,989) และคลาเกินฟวร์ท (101,303) เมืองอื่น ๆ มีประชากรน้อยกว่า 100,000 คน
ตามรายงานจาก Eurostat ใน ค.ศ. 2018 มีพลเมืองต่างชาติในประเทศออสเตรียที่ 1.69 ล้านคน ซึ่งเท่ากับ 19.2% ของประชากรทั้งหมด แบ่งเป็น 928,700 คน (10.5%) ที่ถือกำเนิดนอกสหภาพยุโรป และ 762,000 คน (8.6%) ถือกำเนิดในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป[22] มีลูกหลานของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้มากกว่า 483,100 คน[23] ชาวเติร์กเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีมากที่สุดในประเทศออสเตรีย โดยมีจำนวนประมาณ 350,000 คน[24]
มีการประมาณอัตราการเจริญพันธุ์โดยรวม (TFR) ใน ค.ศ. 2017 ที่เด็ก 1.52 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน[25] ซึ่งต่ำกว่าอัตราการทดแทนที่ 2.1 และยังคงต่ำกว่าจำนวนเด็ก 4.83 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคนใน ค.ศ. 1873[26] ออสเตรียมีประชากรที่อยู่ในวัยชรามากเป็นอันดับ 12 ของโลก โดยชาวออสเตรียมีอายุเฉลี่ยที่ 44.2 ปี[27] การคาดหมายคงชีพ ใน ค.ศ. 2016 อยู่ที่ประมาณ 81.5 ปี (ชาย 78.9 ปี หญิง 84.3 ปี)[28]
สถิติออสเตรียประมาณการว่าใน ค.ศ. 2080 จะมีประชากรอาศัยอยู่ในประเทศนี้เกือบ 10 ล้านคน[29]
เมืองใหญ่สุด
เมืองที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรีย
สถิติ 1 มกราคม 2014
อันดับ ชื่อ รัฐ ประชากร อันดับ ชื่อ รัฐ ประชากร เวียนนา กราซ 1 เวียนนา เวียนนา 1,812,605 11 วีเนอร์น็อยชตัท นีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ 42,273 ลินทซ์ ซัลทซ์บวร์ค 2 กราซ สตีเรีย 269,997 12 ชไตเออร์ โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ 38,120 3 ลินทซ์ โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ 193,814 13 เฟ็ลท์เคียร์ช ฟอร์อาร์ลแบร์ค 31,428 4 ซัลทซ์บวร์ค ซัลทซ์บวร์ค 146,631 14 เบรเกินซ์ ฟอร์อาร์ลแบร์ค 28,412 5 อินส์บรุค ทีโรล 124,579 15 เลอ็อนดิง โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ 26,174 6 คลาเกินฟวร์ท คารินเทีย 96,640 16 โคลสเทอร์น็อยบวร์ค นีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ 26,395 7 ฟิลลัค คารินเทีย 60,004 17 บาเดิน นีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ 25,229 8 เว็ลส์ โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ 59,339 18 ว็อลฟส์แบร์ค คารินเทีย 24,993 9 ซังคท์เพิลเทิน นีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ 52,145 19 เลโอเบิน สตีเรีย 24,466 10 ดอร์นเบียร์น ฟอร์อาร์ลแบร์ค 46,883 20 เคร็มส์ นีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ 24,085
ศาสนา ศาสนาในประเทศออสเตรีย (2017) โรมันคาทอลิก
56.9% อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์
8.8% อิสลาม
8.0% โปรเตสแตนต์
3.3% พุทธ
0.3% ไม่มี
22.7% ข้อมูล:[30] [31] [32]
บาซิลิกาMariazell เป็นสถานที่แสวงบุญยอดนิยมในออสเตรีย ใน ค.ศ. 2001 ประชากรออสเตรียประมาณ 74% ระบุตนเองว่านับถือโรมันคาทอลิก[33] ในขณะที่ประมาณ 5% ระบุตนเองเป็นโปรเตสแตนต์ [33] ชาวออสเตรียที่นับถือศาสนาคริสต์ทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์[34] จำเป็นต้องจ่ายค่าสมาชิกบังคับ (คำนวณตามรายได้—ประมาณ 1%) ให้กับคริสต์จักร การชำระเงินนี้มีชื่อเรียกว่า "Kirchenbeitrag" ("คุณูปการคริสตจักร") เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีผู้นับถือและผู้เข้าโบสถ์น้อยลง ข้อมูลจากรายชื่อสมาชิก 5,050,000 คน หรือ 56.9% ของประชากรทั้งประเทศ ของคริสตจักรโรมัคาทอลิกออสเตรียใน ค.ศ. 2018 มีผู้เข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์ที่ 605,828 คน หรือ 7% ของประชากรทั้งประเทศใน ค.ศ. 2015[35] คริสตจักรลูเทอแรนก็รายงานว่าสูญเสียผู้นับถือ 74,421 คนในช่วง ค.ศ. 2001 ถึง 2016 รายงานสำมะโน ค.ศ. 2001 ระบุว่ามีประชากรประมาณ 12% ที่ประกาศว่าตนไม่มีศาสนา [33]
ตามรายงานจากโพล Eurobarometer ใน ค.ศ. 2010[36]
พลเมืองออสเตรีย 44% ตอบว่า "พวกเขาเชื่อว่ามีพระเจ้า" 38% ตอบว่า "พวกเขาเชื่อว่ามีวิญญาณหรือพลังชีวิต" 12% ตอบว่า "พวกเขาไม่เชื่อว่ามีวิญญาณ พระเจ้า หรือพลังชีวิต" วัฒนธรรม ออสเตรียมีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และดนตรี มีศิลปินและนักแต่งเพลงชื่อดังมากมาย Wolfgang Amadeus Mozart เป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงหลายคนในยุคคลาสสิก
หมายเหตุ อ้างอิง บรรณานุกรม Brook-Shepherd, Gordon (1998). The Austrians: a thousand-year odyssey . New York: Carroll & Graf Publishers, Inc. ISBN 978-0-7867-0520-7 . Jelavich, Barbara (1987). Modern Austria: empire and republic 1815–1986 . Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-31625-5 . Johnson, Lonnie (1989). Introducing Austria: a short history . Riverside, Calif.: Ariadne Press. ISBN 978-0-929497-03-7 . Rathkolb, Oliver. The Paradoxical Republic: Austria, 1945–2005 (Berghahn Books; 2010, 301 pages). Translation of 2005 study of paradoxical aspects of Austria's political culture and society. Schulze, Hagen (1996). States, nations, and nationalism: from the Middle Ages to the present . Cambridge, Massachusetts: Blackwell. ISBN 978-0-631-20933-1 . แหล่งข้อมูลอื่น วิกิซอร์ซมีเอกสารต้นฉบับในเรื่องนี้:
Austria รัฐบาล การค้า การท่องเที่ยว
บทความที่เกี่ยวข้อง
ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์
การเมือง
เศรษฐกิจ
เกษตรกรรม การธนาคาร พลังงาน ระบบภาษี การท่องเที่ยว
สังคม
รัฐเอกราช
เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สหราชอาณาจักร
นานาชาติ ประจำชาติ ภูมิศาสตร์ วิชาการ ประชาชน อื่น ๆ