ญะฮ์มี
ญะฮ์มี (อาหรับ: جهمي) เป็นศัพท์ที่มีความหมายเชิงดูหมิ่นที่นักวิชาการอิสลามยุคแรกใช้กล่าวถึงผู้ติดตามของญะฮม์ อิบน์ ศ็อฟวาน (เสียชีวิตใน ฮ.ศ. 128/ ค.ศ. 746)[1] มัซฮับทั้งสี่ปฏิเสธแนวคิดของญะฮ์มี และอะฮ์มัด อิบน์ ฮันบัล อิหม่ามคนที่ 4 ถูกผู้นำมุสลิมเบียดเบียนจากการที่ท่านไม่ยอมรับแนวคิดญะฮ์มี
ตัวแทน
ญะฮม์ อิบน์ ศ็อฟวาน เกิดที่ซามาร์กันต์ ตอนแรกอาศัยที่เตร์มึส และต่อมาที่อัลกูฟะฮ์ที่ซึ่งเขาพบกับญัด อิบน์ ดิรฮัม ผู้กลายเป็นผู้ติดตามและนักเทศน์แนวคิดนี้ หลังกลับมายังบ้านเกิดแล้ว เขามีส่วนในการก่อกำเริบต่อผู้ว่าอุมัยยะฮ์แห่งโฆรอซอน จนถูกจับและประหารชีวิตที่เมร์ว[2] หนึ่งในบรรดานักเทศน์ ญะฮ์มี ที่โด่งดังได้แก่บิชเราะฮ์ อัลมะรีซี (เสียชีวิตใน ค.ศ. 833) ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 กลุ่มญะฮ์มีปฏิบัติการในแนฮอแวนด์ แต่บางส่วนถูกบังคับให้ยอมรับคำสอนของอัชอะรี[3]
ความเชื่อ
มุมมองหลายอย่างของญะฮ์มีถูกฝ่ายซุนนีมองว่านอกรีต และบางส่วนถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากสังคมอิสลามโดยทั่วไป ดังนั้น กลุ่มญะฮ์มีจึงปฏิเสธพระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮ์ ซึ่งเป็นการศรัทธาที่สำคัญของหลักคำสอนของมุสลิมสายดั้งเดิม ในปัญหาการตีความแนวคิด "อีมาน" กลุ่มญะฮ์มีมีความคล้ายกับอัลมุรญิอะฮ์ และโต้แย้งว่าความศรัทธาเป็นความรู้ของอัลลอฮ์เท่านั้น และความไม่ศรัทธาเป็นความโง่เขลาของพระองค์ พวกเขายังถือว่าสวรรค์และนรกจะหายไปไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งขัดแย้งทั้งในกุรอานและซุนนะฮ์ของศาสดามุฮัมมัด
ในหลักการพรหมลิขิต กลุ่มญะฮ์มียึดมั่นว่าบุคคลไม่มีเจตจำนงเสรีและถูกบังคับให้กระทำเช่นนั้น และตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมชาติของอัลลอฮ์ กลุ่มญะฮ์มีเป็นพวกสรรพเทวนิยม และกล่าวว่าพระองค์มีอยู่ทุกที่และอาศัยอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด นอกจากนี้ พวกเขายังปฏิเสธความเป็นไปได้ที่มุสลิมที่มีธรรมะจะได้พบอัลลอฮ์ในสวรรค์[ต้องการอ้างอิง]