ตับอักเสบ อี

ตับอักเสบ อี (อังกฤษ: Hepatitis E) เป็นตับอักเสบที่เกิดจากการการติดเชื้อไวรัสที่เรียกว่า hepatitis E virus (HEV) HEV เป็นไวรัส RNA สายเดียวประเภท positive-sense มีรูปทรงแบบ icosahedral และมีขนาดจีโนม 7.5 kilobase HEV ใช้ช่องทางแพร่เชื่อผ่านอุจจาระ/ช่องปาก เป็นไวรัสตับอักเสบหนึ่งในห้าชนิดที่รู้จักกันดี (A, B, C, D และ E) การติดเชื้อที่มีการบันทึกไว้ครั้งแรกเกิดใน ค.ศ. 1955 ณ เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย[1] วัคซีน (HEV 239) สำหรับป้องกันไวรัสนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศจีน

Hepatitis E
Hepatitis E virus
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก
ICD-10B17.2
ICD-9070.4
DiseasesDB5794
eMedicinemed/995
MeSHD016751

ชีววิทยาเชิงโมเลกุล

แม้ว่าเดิมจะถูกจัดอยู่ใน Caliciviridae family ไวรัสถูกจัดอยู่ในจีนัส Hepevirus และถูกย้ายไปอยู่ใน Hepeviridae family ตัวไวรัสเองเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ไม่มีซองห่อหุ้ม

ขนาดจีโนมมีความยาวราว 7200 เบส มีลักษณะเป็นโมเลกุล RNA สายเดี่ยวแบบ polyadenylated ที่มี open reading frames (ORFs) สามช่วงที่ไม่เชื่อมต่อและทับซ้อนกันตามแนว 5' and 3' cis-acting elements ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจำลองตัวของ HEV และในกระบวนการ transcription

  • ORF1 ประกอบด้วย methyltransferase, protease, helicase แบะ replicase
  • ORF2 ประกอบด้วย โปรตีนที่ทำหน้าที่เป็น capsid
  • ORF3 ประกอบด้วยโปรตีนที่ไม่ทราบหน้าที่

โครงสร้างสามมิติระดับอะตอมของโปรตีนที่เป็น capsid ในอนุภาคที่เป็นไวรัสถูกค้นพบและตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2009[2] อย่างไรก็ดียังไม่มีระบบเพาะเลี้ยงแบบ in vitro

สปีซีส์ภายใต้จีนัสของไวรัสนี้สามารถก่อโรคในคน หมู หมูป่า กวาง หนู กระต่าย และนก[3]

ระบาดวิทยา

การจัดจำแนก

มีเพียง serotype ชนิดเดียวแต่จัดจำแนกโดยลำดับ nucleotide ของจีโนม[4] Genotype 1 แบ่งออกเป็นชนิดย่อยห้าชนิด Genotype 2 แบ่งออกเป็นชนิดย่อย 2 ชนิด Genotype 3 แบ่งออกเป็นชนิดย่อย 10 ชนิด Genotype 4 แบ่งออกเป็นชนิดย่อย 7 ชนิด


พันธุศาสตร์ประชากร

บรรพบุรุษของ Hepatitis E วิวัฒนาการมาระหว่าง 536 ถึง 1344 ปีมาแล้ว[3] ซึ่งแยกออกเป็นสอง clades - เป็น anthropotropic แบบหนึ่งและ enzootic อีกแบบหนึ่ง - ซึ่งแตกย่อยออกเป็น genotypes 1 และ 2 และ genotypes 3 และ 4 ตามลำดับ เวลาในการแยกในแต่ละ genotypes เป็นดังนี้

  • Genotypes 1/2 367 – 656 ปีมาแล้ว
  • Genotypes 3/4 417 – 679 ปีมาแล้ว

สำหรับบรรพบุรุษร่วมกันของแต่ละ Genotypes

  • Genotype 1 ระหว่าง 87 ถึง 199 ปีมาแล้ว
  • Genotype 3 ระหว่าง 265 ถึง 342 ปีมาแล้ว
  • Genotype 4 ระหว่าง 131 ถึง 266 ปีมาแล้ว

การที่สายพันธุ์ anthropotropic (genotype 1 และ 2) มีวิวัฒนาการมาใหม่กว่าแสดงว่าไวรัสสายพันธุ์นี้เกิดมาจากสายพันธุ์ zooenosis

การใช้สายพันธุ์ไวรัสจากสัตว์ปีกยืนยันความสัมพันธ์ดังกล่าวใน genotypes 1-4 และระบุว่าสกุลดังกล่าวอาจวิวัฒนาการมา 1.36 ล้านปีก่อน (ระหว่าง 0.23 ล้านปีก่อน ถึง 2.6 ล้านปีก่อน)[3] ไวรัสที่แยกได้จากหนูก็ยืนยันข้อมูลนี้ด้วยและประมาณการณ์เวลาที่สายพันธุ์ในคนและหมูแยกจากกันที่ประมาณ 7.44×104 ปีมาแล้ว (อยู่ในช่วงระหว่าง 2.1×104 ถึง 1.4×105 ปีมาแล้ว) เนื่องจากเวลาดังกล่าวสัมพันธุ์กับการเริ่มต้นเกษตรกรรมจึงอาจอนุมานว่าไวรัสเริ่มติดหนูก่อน แล้วจึงติดสุกล สุดท้ายจึงมาติดต่อสุ่คน อย่างไรก็ดี ยังมีการศึกษาทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยันหรือหักล้างข้อสังเกตดังกล่าว

Genotypes 1,3 และ 4 ต่างเพิ่มจำนวนประชากรในคริสต์ศตวรรษที่ 20 [3] จำนวนประชากรใน genotype 1 เพิ่มอย่างรวดเร็วในช่วง 30–35 ปีที่ผ่านมา ส่วน Genotypes 3 และ 4 เพิ่มประชากรตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนถึงช่วง ค.ศ. 1940-1945 อย่างไรก็ดี Genotype 3 ยังมีการเพิ่มจำนวนประชากรอีกจนกระทั่งคริสทศวรรษ 1960s นับแต่ ค.ศ. 1990 ประชากรในทั้งสอง genotype สดลงไปยังระดับที่พบในคริสต์ศตวรรษที่ 19

อัตราการกลายพันธุ๋โดยรวมอยู่ที่ ~1.4 x 10−3 substitutions/site/year.[3]

การป้องกัน

การพัฒนาการสุขาภิบาลเป็นวิธีการที่สำคัญที่สุด ซึ่งเริ่มจากการกำจัดของเสีย การจัดให้มีน้ำสะอาด การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และการจัดเตรียมอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ซึ่งก็เป็นวิธีการทั่ีวไปในการป้องกันโรคอื่นด้วยในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งต้องอาศัยเงินทุนขนาดใหญ่และอาจพึ่งพาความช่วยเหลือจากนานาชาติในโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำประปาและกาบำบัดน้ำเสีย

มีการพัฒนาและทดลองวัคซีนที่ผลิตจาก recombinant viral proteins ในกลุ่มเสี่ยง (กองทหารของประเทศกำลังพัฒนาแห่งหนึ่ง)[5] เบื้องต้นพบว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพและปลอดภัย แต่โครงการได้ระงับไปด้วยเหตุผลทางการเงิน เนื่องจากตับอักเสบ อี พบได้น้อยในประเทศที่พัฒนาแล้ว[6]

วัคซีนอีกตัวหนึ่ง (HEV 239 จำหน่ายภายใต้ชื่อ Hecolin โดยผู้พัฒนา Xiamen Innovax Biotech) ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ใน ค.ศ. 2012 โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศจีน หลังจากมีการทดลองเฟสสามในประชาชนสองกลุ่ม กลุ่มละ 50,000 คนจากจังหวัด Jiangsu โดยพบว่าไม่มีใครในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนติดเชื้อเลยในระยะเวลา 12 เดือน เทียบกับ 15 คนในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน (แต่ได้รับยาหลอก)[7] วัคซีนลอตแรกออกจากโรงงานของ Innovax ในปลายเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012[6]

ผลกระทบ

มีการติดเชื้อไวรัสตับเอกเสบ อี ราว 20 ล้านรายต่อปีทั่วโลก ซึ่งก่อให้เกิดความเจ็บป่วยราว 3 ล้านราย และถึงตายประมาณ 70,000 คน ซึ่งส่วนมากเป็นอัตรากับหญิงมีครรภ์ซึ่งอัตราการตายมีสูงถึง 20% ไวรัส HEV เป็นสาเหตุหลักของการตายในประเทศกำลังพัฒนาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงมีครรภ์ แม้ว่าจะมีการทดลองวัคซีน HEV รวมถึงการทดลองในเอเชียใต้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพและปลอดภัย แต่ว่ายังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประชากรที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ยกเว้นแต่เพียงในประเทศจีน หลังจากการตรวจสอบโดย State Food and Drug Administration (SFDA) เป็นเวลาปีกว่า ก็อนุญาตให้ใช้วัคซีนได้ในสิ้นปี ค.ศ. 2012 ในสหรัฐอเมริกายังไม่มีการอนุญาตให้ใช้วัคซีนนี้แต่อย่างใด

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: หน้าหลักสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024บางกอกคณิกาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)เนติพร เสน่ห์สังคมวิทยาศาสตร์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)วันวิสาขบูชาวอลเลย์บอลลมเล่นไฟตารางธาตุอันดับโลกเอฟไอวีบีอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์หมวดหมู่:จังหวัดของประเทศไทยไลเกอร์รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยไอแซก นิวตันศาสนาพุทธราชวงศ์จักรีกาลิเลโอ กาลิเลอีประวัติศาสตร์ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนารายชื่อเครื่องดนตรีจังหวัดชัยนาทสังคายนาในศาสนาพุทธประเทศไทยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดนิวแคลิโดเนียวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยศาสนาพุทธในประเทศพม่าพระสุนทรโวหาร (ภู่)นริลญา กุลมงคลเพชร