ตุ่น จินตะเวช
ตุ่น จินตะเวช (29 สิงหาคม พ.ศ. 2488 – 28 เมษายน พ.ศ. 2558) เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี 8 สมัย สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียงคนเดียวของพรรคฯ ที่ได้รับเลือกตั้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 และเป็นพี่ชายของนายปัญญา จินตะเวช[1] สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคเพื่อไทย
ตุ่น จินตะเวช | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 29 สิงหาคม พ.ศ. 2488 อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี |
เสียชีวิต | 28 เมษายน พ.ศ. 2558 (69 ปี) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี |
ศาสนา | พุทธ |
พรรคการเมือง | มหาชน (2546–2549) ชาติไทย (2549–2551) ชาติไทยพัฒนา (2551–2558) |
คู่สมรส | อรนุช จินตะเวช |
ประวัติ
ตุ่น จินตะเวช เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเกษตรศาสตร์ จาก Gregorio Araneta University ประเทศฟิลิปปินส์[2] ตุ่น สมรสกับนางอรนุช จินตะเวช รองนายกองค์หารบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี มีบุตร 4 คน คือ[1]
- นายทนงศักดิ์ จินตะเวช
- นายอัครพล จินตะเวช อดีตผู้สมัคร ส.ส. อุบลราชธานี สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
- นายนันท์นภัส จินตะเวช
- นางสาวตวงทิพย์ จินตะเวช ส.ส. อุบลราชธานี เขต11 สังกัดพรรคภูมิใจไทย
การทำงาน
ตุ่น จินตะเวช เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านและกำนันในอำเภอเดชอุดม ต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 สังกัดพรรคกิจสังคม และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมาในสังกัดพรรคการเมืองอื่น อาทิ พรรคปวงชนชาวไทย พรรคความหวังใหม่ ตามลำดับ ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 ได้ย้ายมาสังกัดพรรคมหาชน และเป็นหนึ่งในสอง ส.ส.ของพรรคมหาชน ที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 ได้ลงสมัครในสังกัดพรรคชาติไทย และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครในนามพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็น ส.ส.เพียงคนเดียวของพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน
ถึงแก่อนิจกรรม
ตุ่น จินตะเวช เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 สิริอายุรวม 69 ปี [3] มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ณ วัดเมืองเดช อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2548 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[4]
- พ.ศ. 2543 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[5]