ผู้ใช้:Idia1975/กระบะทราย2

จักรยาน (อังกฤษ: Bicycle, Bike) คือ การขนส่งโดยใช้พลังงานที่ได้จากมนุษย์ ขับเคลื่อนโดยการกดลูกบันได พาหนะสำหรับเส้นทางทุรกันดาร มีสองล้อเชื่อมต่ออยู่กับเฟรม ล้อทั้งคู่เรียงกันในทิศทางเดียวกัน โดยคนที่ขับขี่จักรยานเรียกว่านักปั่นจักรยาน

จักรยานถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในยุโรป ช่วงศตวรรษที่ 19 ในปีคริสศักราช 2003 มีจำนวนมากกว่าพันล้านคันทั่วโลก คิดเป็นสองเท่าของรถยนต์.[1] เป็น การคมนาคมขั้นพื้นฐาน ในหลายภูมิภาค นอกจากกนี้ยังใช้ในการพักผ่อนหย่อนใจ และนำไปใช้เป็นของเล่นเด็ก ใช้ออกกำลังกาย เป็นเครื่องมือสำหรับทหารตำรวจ การจัดส่งสินค้าและใช้ในการแขงขัน

รูปร่างพื้นฐานและองค์ประกอบของจักรยานที่ถูกต้อง หรือจักรยานที่ปลอดภัย มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยตั้งแต่จักรยานรูปแบบแรกได้รับการพัฒนาขึ้นประมาณปี 1885.[2] แต่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งแต่มีการพัฒนาของวัสดุรูปแบบใหม่ๆขึ้น และ การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ สิ่งนี้เป็นการเริ่มต้นของการออกแบบจักรยานแบบพิเศษต่างๆ

การออกแบบจักรยานมีผลกระทบอย่างมากต่อสังคม ทั้งในด้านของวัฒนธรรม และความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม ส่วนประกอบหลายๆอย่างเป็นแรงผลักดันที่เกิดจากการพัฒนาของรถยนต์และนำมาใช้กับจักรยานรวมถึง ลูกปืน ยางที่ใช้ลม โซ่ขับเคลื่อน เฟืองเกียร์ และ ซี่ลวด[3]

นิรุกติศาสตร์

คำว่าจักรยานปรากฎครั้งแรกในภาษาอังกฤษถูกตีพิมพ์ในหนังสือ The Daily News ในปี ค.ศ. 1868 เพื่ออธิบายความหมายระหว่าง "Bysicles และ trysicles" ในบทความ "Champs Elysées and Bois de Boulogne."[4] และคำว่าจักรยานถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1847 ในสิ่งพิมพ์ภาษาฝรั่งเศษ เพื่ออธิบาย สิ่งที่เรียกว่าพาหนะบรรทุกสองล้อที่ไม่สามารถให้คำจำกัดความได้ [4] การออกแบบของจักรยานเป็นสิ่งที่พัฒนามาจากจักรยาน velocipede ที่ล้อหน้ามีขนาดใหญ่กว่ามากๆและล้อหลังมีขนาดเล็กใช้เพื่อช่วยการทรงตัว แม้ว่าคำว่าจักรยานที่นำมาใช้จะเป็นการใช้ซ้ำกันไปมาในแต่ละช่วงเวลากัน[4][5]

คำอื่นๆที่มีความหมายว่าจักรยานนั้นรวมถึงคำว่า "bike",[6] "pushbike",[7] "pedal cycle",[8] หรือ "cycle".[9] ในยูนิโคด เลขฐานสิบหกสำหรับ "bicycle" คือ 1F6B2. และข้อความ 🚲 [10]

ประวัติของจักรยาน

Wooden draisine (around 1820), the first two-wheeler and as such the archetype of the bicycle

สิ่งประดิษฐ์ dandy horse, หรือเรียกว่า Draisienne หรือ laufmaschine คือสิ่งที่มนุษย์ สร้างเพื่อใช้สำรับการขนส่ง โดยมีล้อเพียงสองล้อ ในลักษณะ คู่กัน และผู้ที่คิดค้นขึ้นคือชาวเยอรมันชื่อว่า Baron Karl von Drais ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกจักรยานในยุคปัจจุบัน โดยที่ Drais ได้ออกนำแสดงต่อสาธารณ ที่เมืองมันไฮม์ ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1817 และในปารีส ในปี 1818[11] ผู้ขับขี่จะนั่งคร่อม บนตัวถังไม้ที่มีล้อสองล้อรองรับ และใช้เท้าถีบพื้น เพื่อให้วิ่งไปข้างหน้า และ ใช้การบังคับเลี้ยว จากล้อหน้า[11]

Michaux's son on a velocipede 1868

เครื่องจักรเครื่องแรกที่ขับเคลื่อนด้วยล้อสองล้อ คาดว่าสร้างขึ้นโดย Kirkpatrick MacMillan, ซึ่งเป็นช่างตีเหล็กชาวสก็อตแลนด์ ในปี 1839 แม้ว่าอาจจะมีบางคนโต้แย้งard citation no brackets|Herlihy|2004|pp=66–7}}</ref> เขาได้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายจราจร เมื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์กลาสโกว์ ในปี 1842 รายงานเรื่องอุบัติเหตุ ที่ไม่ระบุชื่อ โดยมีข้อความบางส่วนว่า "สุภาพบุรุษจากเมือง Dumfries-shire... คร่อมบน velocipede... ซึ่งเป็นการออกแบบที่สร้างสรรค์" ชนกระแทกเข้ากับ เด็กหญิงตัวเล็กๆในเมือง Glasgow และถูกปรับเป็นเงินห้าชิลลิ่ง[12]

ในช่วงต้นของปี 1860 ชาวฝรั่งเศษชื่อว่า Pierre Michaux และ Pierre Lallement ได้ทำการออกแบบจักรยานในแบบใหม่โดยการเพิ่มขาจานและบันไดสำหรับปั่นเรียกว่า crank โดยยึดติดอยู่กับล้อหน้า (the velocipede). ชาวฝรั่งเศษอีกคนหนึ่งที่คิดพัฒนาจักรยานมีชื่อว่า Douglas Grasso แต่เป็นต้นแบบที่ยังใช้ไม่ได้ของ Pierre Lallement's bicycle เมื่อหลายปีก่อนนั้น การพัฒนาจักรยานในยุคนั้นมีหลายครั้งที่พยายาม พัฒนาโดยการใช้การขับเคลื่อนจากล้อหลัง โดยรูปแบบที่รู้จักกันดีคือการขับเคลื่อนด้วยขาจานเรียกว่า velocipede ประดิษฐ์โดยชาวสก็อตชื่อว่า Thomas McCall ในปี 1869 ในปีเดียวกันนั้น ในปีเดียวกันนั้ัน ล้อจักรยานที่ใช้ซี่ลวด ได้ถูกจดสิทธิบัตรโดยบริษัท Eugène Meyer ในกรุงปารีส[13] จักรยาน vélocipède ,ของประเทศฝรั่งเศษผลิตจากเหล็กและไม้ และพัฒนาจนกลายเป็น "เพนนี-ฟาร์ธิง" (ในอดีตรู้จักกันว่าเป็นต้นแบบของจักรยานในปัจจุบัน a retronym, ซึ่งไม่มีรูปแบบอื่นๆ).[14] มันมีจุดเด่นที่ตัวถังเป็นท่อเหล็ก ล้อที่เป็นซี่ลวดและยางตัน จักรยานรูปแบบนี้ ขับขี่ยากเพราะว่าเบาะนั่งที่อยู่สูงและ ต้องอาศัยการทรงตัวอย่างมากเพราะว่าการกระจายน้ำหนัก ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ในปี 1868 Rowley Turner พนักงานขายของบริษัท Coventry Sewing Machine Company (ในเวลาต่อมาได้กลายเป็นบริษัท Coventry Machinist Company) ได้ซื้อ Michaux cycle to คอเวนทรี, ประเทศอังกฤษ. โดยลุงของ, Josiah Turner, และมี James Starley, เป็นหุ้นส่วนทางธุรกกิจ จากสิ่งนี้ทำให้ 'Coventry Model' ได้กลายเป็นโรงงานที่ผลิตจักรยานแห่งแรกของประเทศอังกฤษ[15]

การแก้ไขข้อบกพร่องบางส่วน โดยการลดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อหน้าลง และ ตั้งค่าอานที่นั่งโดยการเลื่อนออกไปด้านหลังมากขึ้น ในที่สุดแล้ว ก็ต้องมีการใช้การทดเกียร์ ซึ่งส่งผลกระทบหลสยอย่าง ในการออกแรงกดบันได การที่มีทั้งบันไดและ การบังคับเลี้ยวผ่านล้อหน้ายังคงมีปัญหาอยู่ J. K. Starley (เป็นหลานของ James Starley), J. H. Lawson, และ Shergold ได้แก้ปัญหานี้โดยเสนอให้ใช้ การขับเคลื่อนผ่านโซ่ ( "bicyclette" ของ Englishman Henry Lawson เคยมีการนำมาใช้ก่อนหน้านี้แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ),[16] โดยการเชื่อมขาบันไดจานหน้าและโครงรถเข้ากับล้อหลัง ซึ่งโครงสร้างแบบนี้รู้จักกันในชื่อ safety bicycles, dwarf safeties, or upright bicycles มีการลดความสูงของเบาะนั่งลง เพื่อกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้น การที่ยังไม่มีการใช้ล้อยางแบบเติมลม การขับขี่บนล้อ ขนาดเล็กลงจะรู้สึกถึงความแข็งกระด้างของพื้นทางมากกว่า ล้อขนาดใหญ่ ในปี 1885 บริษัท Starley's Rover ก่อตั้งขึ้นในโคเวนทรี (Coventry)[17] ได้แสดงรูปแบบของจักรยานสมัยใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีการเพิ่มท่อตั้งเข้าไปกลางโครงรถ ทำให้เกิดโครงรถรูปแบบ สามเหลี่ยมสองอันประกบกัน หรือที่เรียกว่า ไดมอนด์เฟรม

นวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นเพิ่มความสะดวกสบาย และเกิดความนิยมใช้จักรยาน ในปี 1890 ถือเป็นยุคทองของจักรยาน ในปี 1888, John Boyd Dunlop ชาวสก็อต ได้เสนอการใช้ล้อที่มียางและมีลมข้างในขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาได้ใช้กันอย่างกว้างขวาง ในช่วงเวลาต่อมา ฟรีล้อหลัง ได้ถูกนำมาใช้ ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานง่ายขึ้น การประดิษฐ์นี้ ทำให้เกิด เบรคแบบโคสเตอร์ คือการหมุนบันไดกลับหลังเพื่อเบรค ในปี 1890s [18] ตัวสับเกียร์ และตัวบังคับที่แฮนด์ สายเคเบิ้ลแบบมีปลอก ใช้เพื่อดึงเบรค ได้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน แต่ยังคงไม่ได้นำมาใช้กับรถจัรยานทั่วๆไป ในช่วงทศวรรตนั้น กลุ่มนักปั่นจักรยาน มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสองฝั่งของทะเล แอทแลนติก ทั้งการใช้งานในรูปแบบ ปั่นเพื่อ ท่องเที่ยวและ ปั่นเพื่อการแข่งขัน ซึ่งต่อมาได้รับความนิยม และขยายวงขึ้นอย่างกว้างขวาง

จักรยานและม้าเทียมรถ เป็นสองสิ่งหลักที่ใช้ในการคมนาคมขนส่งภาคเอกชน ก่อนที่จะมีรถยนต์เกิดขึ้นและ ก่อนที่จะมีการพัฒนาถนนให้ราบเรียบ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีการกระแส อย่างกว้างขวาง โดยการโฆษณา ให้มีการผลิตและใช้อุปกรณ์เหล่านี้ard citation no brackets|Herlihy|2004|p=280}}</ref>

การใช้งาน

แม่แบบ:Proseจักรยานได้ถูกนำมาใช้งานในลักษณะต่างๆดังนี้:

  • อรรถประโยชน์:การขนส่ง, การเดินทางด้วยจักรยาน, และ อรรถประโยชน์อื่น
  • การทำงาน: ส่งจดหมาย, การแพทย์, ตำรวจ, รับส่งของ, และ การส่งของทั่วไป
  • การพักผ่อนหย่อนใจ: การท่องเที่ยว, ปั่นจักรยานภูเขา, บีเอ็มเอก, ออกกำลังกาย, และ การเล่นอื่นๆ
  • การแข่งขัน: แข่งประเภทลู่, แข่งแบบไครทีเรียม, แข่งบนเทรนเนอร์ and แข่งแบบจับเวลา แบ่งเป็นสนามต่างๆ เช่น ทัวร์ ออฟ เคลิฟอร์เนีย (Tour of California), จีโรดีตาเลีย (จีโรดีตาเลีย), ตรูเดอร์ฟรอง ตูร์เดอฟร็องส์, the วูเอลตาอาเอสปันญา, the Volta a Portugal, และกลุ่มอื่นๆ
  • ทางทหาร: สอดแนม, การเคลื่อนกำลังพล, การส่งเสบียง และลาดตระเวน ดู จักรยานทหารราบ
  • เพื่อความบันเทิง: จักรยานโชว์, บีเอ็มเอ๊กโชว์

ด้านเทคนิค

Firefighter bicycle
A cyclist leaning in a turn.
A recumbent bicycle

จักรยานมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้น โดยสิ่งที่พัฒนาได้แก่วัสดุที่นำมาใช้มีความทันสมัยมากขึ้น และการออกแบบ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ ช่วยทำให้ มีจักรยานที่ใช้เฉพาะรูปแบบ ต่างๆกัน

ชนิดTypes

จักรยาน สามารถแบ่งประเภทหมวดหมู่ได้หลายแบบ มาก : โดยการใช้งาน, โดยจำนวนของผู้ขี่, โดยโครงสร้าง, โดยเกียร์หรือวิธีการขับเคลื่อน โดยชนิดของจักรยานที่พบได้ทั่วๆไปเช่น จักรยานใช้งานทั่วไป, จักรยานเสือภูเขา, จักรยานแข่งขัน, จักรยานท่องเที่ยว, จักรยานกึ่งเสือภูเขากึ่งทางเรียบ(hybrid) , จักรยานครุยเซอร์ (cruiser) , และ จักรยานBMX จักรยานที่พบเห็นได้น้อย จักรยานนั่งสองตอน (tandems), จักรยานทรงต่ำ (lowriders), จักรยานทรงสูง(tall bikes), ฟิกเกียร์ (fixed gear), จักรยานพับ, จักรยานสะเทินน้ำสะเทินบก และ จักรยานนอนปั่น

จักรยานล้อเดียว, จักรยานสามล้อ และ จักรยานสี่ล้อ ไม่ได้ถือเป็นจักรยานนัก เนื่องจากจำนวนของล้อที่มี หนึ่ง สาม และ สี่ แต่โดยทั่วไปก็เรียกว่า ไบค์

การเคลื่อนที่

จักรยานจะตั้งตรงในขณะที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดย จุดศูย์กลางมวล อยู่เหนือล้อ[19] การบังคับเลี้ยวโดยปกติจะบังคับโดยผู้ขี่ แต่ในบางสถานการณ์ อาจจะเกิดขึ้นจากจักรยานเอง[20]

การถ่ายโอนน้ำหนักกันของผู้ขี่กับจักรยานจะต้องไปในทิศทางกลับกัน จักรยานจึงจะเคลื่อนที่ไปได้ การกระทำลักษณะนี้เรียกว่าเค้าเตอร์เสตียรริ่ง(countersteering) ซึ่งจะทำให้ ผู้ขี่สามารถ เลี้ยวจักรยานด้วยมือในทิศทางเดียวกัน[21] หรือการเอนตัวออกในทิศทางตรงกันข้าม[22]

จักรยานที่มีช่วงฐานล้อสั้น หรือมีทรงสูง เมื่อ เบรค สามารถ สร้างแรงแรงกดที่ล้อหน้า เพื่อยกล้อหลังลอยขึ้นมาได้[23] การกระทำแบบตั้งใจนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ยกล้อหลัง และบาลานซ์น้ำหนักตัวไม่ให้คว่ำหน้าลงเป็นเทคนิคที่เรียกว่า สตอปปี้ เอ็นโด หรือ ฟร้อนวิลลี่

ประสิทธิภาพ

จักรยานมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษทั้งทางชีวภาพและทางกล โดยจักรยานถือเป็นการเคลื่อนที่โดยใช้พลังงานจากมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในแง่ของพลังงานที่ต้องใช้เพื่อการเดินทางในระยะทางที่กำหนด[24] ในทางกล 99% ของพลังงานที่ส่งผ่านจาก ผู้ขี่ไปยังบันได และส่งผ่านไปถึงล้อแม้ว่าการใช้เกียร์ทดจะลดพลังงานไป 10-15 % [25][26]ในแง่ของอัตราส่วนของน้ำหนักที่บรรทุกบนจักรยาน น้ำหนักรวมบนจักรยาน ยังถือเป็นการขนส่ง สิ่งของที่มีประสิทธิภาพมาก

มนุษย์ สามารถเดินทางด้วยจักรยานด้วยความเร็วช่วงต่ำถึงปานกลางที่ประมาณ 16-24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 10-15 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยใช้พลังงานเทียบเท่าการเดินเท่านั้น ลมต้าน จะเป็นสัดส่วนตามกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้น ในการกดบันได ถ้าผู้ปั่นนั่งในลักษณะ ตั้งตรง ร่างกายของผู้ปั่นจะสร้างแรงต้านต่ออากาศ มากถึง 75 % ของแรงต้าน ทั้งผู้ปั่นและจักรยานรวมกัน การลดแรงต้านสามารถทำได้โดย ลดเบาะนั่งลง และนั่งขับขี่ในท่าที่ แอร์โร่ไดนามิก แรงลมต้านสามารถลดลงได้โดยใช้จักรยานที่มี อุปกรณ์ ที่เป็น แอร์โร่ไดนามิก แฟร์ริ่ง ความเร็วที่เคยมีการวัดได้บนทางเรียบ จากการปั่นจักรยานคือ 133.78 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 83.13 ไมล์ต่อชั่วโมง[27]

นอกจากนี้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกิดขึ้นจากการผลิตและการขนส่งอาหารสำหรับผู้ขี่จักรยานต่อไมล์เดินทาง น้อยกว่า 1 ต่อ 10 ที่สร้างขึ้นโดยรถยนต์ ที่มีประสิทธิภาพ เท่ากัน[28]

ส่วนประกอบ

เฟรม

Diagram of a bicycle.

ในปัจจุบัน จักรยานส่วนใหญ่มีเฟรมที่ที่มีลักษณะท่อนั่งตั้งตรงซึ่งดูเหมือนจักรยานที่ขับเคลื่อนด้วยโซ่ในยุคแรกๆ [2] จักรยานที่เฟรมมีลักษณะเช่นนี้ ส่วนมากมักจะเรียกว่า จักรยานที่เป็น ไดมอนด์ เฟรม การยึด ส่วนประกอบที่เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มี 2 ชิ้น: สามเหลี่ยมที่เป็นส่วนประกอบด้านหน้า และสามเหลี่ยมที่เป็นส่วนประกอบด้านหลัง สามเหลี่ยมที่เป็นส่วนประกอบด้านหน้าประกอบด้วย ถ้วยคอ, ท่อนอนบน, ท่อล่าง, และท่อนั่ง ถ้วยคอ ประกอบด้วย ชุดลูกปืนแบรริ่ง เพื่อใส่ ตะเกียบหน้า เพื่อใช้ในการบังคับเลี้ยวมีความลื่นและ ทรงตัวได้ดี ท่อนอนบนจะเชื่อมต่อกับถ้วยคอ และเชื่อมต่อไปยัง ท่อนั่งส่วนบน ท่อล่างจะเชื่อมต่อระหว่างถ้วยคอ ไปยัง กะโหลก สามเหลี่ยมที่เป็นส่วนหลัง ประกอบด้วย ท่อนั่ง และ ตะกียบโซ่ และ ตะเกียบหลัง ตะเกียบโซ่ จะวาง ขนานกับ โซ่ เชื่อมต่อจาก กะโหลก ไปยัง ดรอปเอาท์ ที่แกนล้อหลัง สอดไว้ ตะเกียบหลังจะเชื่อมต่อจากท่อนั่งส่วนบน ( จุดเดียวกัน หรือใกล้กันของ ท่อนอนบน) ไปยังปลายตะเกียบหลัง

A Triumph with a step-through frame.

ในอดีต เฟรมจักรยานสำหรับผู้หญิง จะมีท่อบนเชื่อมต่อไปยัง กลางท่อนั่ง แทนที่จะเป็นท่อนั่ง ส่วนบน เพื่อลด ความสูง ขณะยืนคล่อมจักรยานมีส่วนสูงลดลง แต่เป็นการลดความแข็งแรงของโครงสร้างลง ความแข็งแรงในการรับน้ำหนักของท่อนั่งลดลง และเฟรมจักรยานทั่วไป จะมีจุดอ่อนที่จุดนี้ การออกแบบนี้ เรียกว่า เฟรมผู้หญิง step-through frame หรือ open frame , โดยผู้ขี่สามารถ ขึ้นนั่งบนอานหรือลงจากอานโดยที่ไม่ต้องยกขาสูง หรือขึ้นลงง่ายแม้ว่าสวมกระโปรง ในขณะที่ เฟรมแบบผู้หญิง พัฒนาไปใช้ เฟรมอีกแบบหนึ่งคือ เฟรมผ่าหวาย (mixte), โดยแยกท่อบนออกเป็น 2 ส่วน เล็กๆ วิ่งผ่านท่อนั่งไปยังตะเกียบหลัง ทั้งสองข้าง เฟรมแบบผู้หญิง จะมีข้อจำกัดที่ จุดเชื่อมจะไม่แข็งแรง เพราะว่า ภาพลักษณ์ ที่เป็นเฟรมสำหรับผู้หญิง ทำให้ถูกมองว่า ไม่จำเป็นต้องแข็งแรงมาก เหมือนเฟรมทั่วๆไป

เฟรมแบบผู้หญิง ได้รับความนิยมใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะว่าขับขี่ง่าย สะดวกสบายกว่า สำหรับผู้หญิงที่นุ่งกระโปรงยาว มากกว่าเฟรมที่มีท่อบนสูง นอกจากนี้ ยังดูไม่สุภาพ ที่ผู้หญิงจะขี่จักรยานแล้วต้องเปิดขาเพื่อ ขึ้นลง และ ขณะปั่น ในสมัยเก่า ผู้หญิงที่ขี่จักรยานจะถูกมองว่า ไม่สุภาพ

เฟรมอีกแบบหนึ่งคือ เฟรมจักรยานแบบ นอนปั่น ซึ่งมีความแอร์โร่ไดนามิกสูงมากกว่า เฟรมจักรยานแบบนั่ง โดยที่ผู้ขี่ จะนอนราบไปด้านหลลัง โดยมีบันไดปั่น อญุ่ในระนาบเดียวกับเบาะนั่ง โดยจักรยานที่ปั่นได้เร็วที่สุดในโลก คือ จักรยานแบบนอนปั่น แต่จักรยานชนิดนี้ ไม่ได้ถูกให้ใช้ในการแข่งขัน ในปี 1934 จากสมาคมจักรยาน (Union Cycliste Internationale).[29]

ในอดีต วัสดุที่ใช้ทำจักรยาน จะเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องบิน โดยมีเป้าหมายหลัก ที่ความแข็งแรง และ น้ำหนักที่เบา ตั้งแต่ปี 1930 โลหะผสม ได้ถูกใช้สำหรับทำ เฟรมและ ตะเกียบหน้า ที่มีคุณภาพสูง ในปี 1980 เทคนิคการเชื่อมอลูมิเนียมได้รับการพัฒนาไปมาก จุดนี้เป็นการทำให้การนำ อลูมิเนียมมาใช้ทำเฟรม แทนที่เหล็ก เพราะว่า อลูมิเนียมมีน้ำหนักที่เบากว่า และจักรยานราคาแบบกลางๆ จะใช้อลูมิเนียม ผสมแบบต่างๆ ในขณะที่ จักรยานที่ราคาสูงๆ จะใช้ คาร์บอนไฟเบอร์ มาทำเฟรม เพราะว่ามีน้ำหนักที่เบากว่ามาก และสามารถออกแบบให้มีรูปร่างยืดหยุ่นมากกว่า อลูมิเนียม เพื่อให้มีความแข็งแรง วัสดุอื่นๆที่ใช้ทำเฟรมและส่วนประกอบ รวมถึง ไทเทเนียม และโลหะผสมพิเศษ ไม้ไผ่ วัสดุผสมจากธรรมชาติ ที่มีอัตราส่วนความแข็งแรง ต่อ น้ำหนัก สูง [30] ถูกนำมาใช้ทำจักรยานตั้งแต่ปี 1894 [31] เฟรมไม้ไผ่ รุ่นล่าสุด ใช้ในการทำเฟรมหลัก และใช้กาวเชื่อมต่อ โลหะ ยึดแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน [31][32][33]

ชุดขับเคลื่อน และ เกียร์

A set of rear sprockets (also known as a cassette) and a derailleur

ชุดขับเคลื่อนเริ่มต้นจาก บันได ไปทำการหมุนจานหน้า ซึ่งเชื่อมติดอยู่กับ ขาจานและ กะโหลก จักรยานโดยทั่วไปใช้ โซ่เพื่อขับเคลื่อนพลังงานไปยังล้อหลัง จักรยานจำนวนน้อย ใช้ เพลาในการขับเคลื่อน พลังงาน หรือ อาจจะใช้สายพานแทน ชุดขับเคลื่อนแบบไฮดรอลิคก็มีการพัฒนาขึ้นมา แต่ยังไม่มีประสิทธิภาพพอและยังมีความซับซ้อนอยู่มาก

ขาของนักปั่น มีประสิทธิภาพมากที่สุดในช่วงรอบของการปั่นช่วงหนึ่งของ รอบขา เป็นตัวแปรของ อัตราทดเกียร์ ซึ่งจะช่วยให้นักปั่นสามารถคงรอบการปั่นให้คงที่ ขณะที่พื้นทางเปลี่ยนไป จักรยานบางส่วนใช้ เกียร์ดุมมีอัตราทดระหว่าง 3 - 14 เกียร์ แต่โดยส่วนมากใช้ ระบบตีนผี เป็นตัวขยับ โซ่ให่เปลี่ยนไปมาระหว่างเฟือง ที่มีขนาดต่างๆกัน เรียกว่า จานหน้า และ เฟืองหลัง ตามลำดับ เพื่อใช้เปลี่ยนอัตราทด ระบบตีนผีโดยปกติจะมี สองชุด ชุดหนึ่งจะอยู่ด้านหน้า ทำหน้าที่เลือก เปลี่ยนไปมาระหว่าง จานหน้า และ อีกชุดหนึ่งจะอยู่ด้านหลังใช้ทำหน้าที่เลือก เปลี่ยนไปมาระหว่างเฟืองหลังแต่ละตัว จักรยานส่วนใหญ่จะมีจานหน้าสองหรือสามจาน และจะมีเฟืองหลังห้าถึงสิบเอ็ดเฟือง จำนวนเกียร์ทางทฤษฎี คำนวนได้โดย จำนวนของจานหน้า คูณด้วยจำนวนของเฟืองหลัง แต่ในความเป็นจริง เกียร์จะซ้ำกันหรือไม่สามารถใช้งานในแนวทแยงเกินไปได้ ดังนั้นจำนวนเกียร์ที่ใช้ได้จริงจึงน้อยลง

ทางเลือกอื่นของชุดขับเคลื่อนคือใช้สายพานซึ่งมีฟันเล็กๆอยู่เพื่อทำหน้าที่คล้ายเฟือง เป็นที่นิยมสำหรับ เดินทาง หรือการปั่นทางไกลเพราะว่าไม่ต้องการการบำรุงรักษาที่มาก แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถใช้การเปลี่ยนเกียร์ด้วยระบบตีนผีได้ สามารถใช้งานได้แบบ เกียร์เดียว หรือ ต้องใช้งานแบบ เกียร์ดุมเท่านั้น

ขนาดของเกียร์และช่วงเกียร์ จะมีความเหมาะสมแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล จักรยานที่มีหลายเกียร์นักปั่นสามารถเลือกใช้เกียร์ ให้เหมาะสมได้ตามแต่ละสถานการณ์ : นักปั่นอาจจะใช้เกียร์สูงเมื่อปั่นลงเขา เลือกใช้เกียร์ปานกลางสำหรับปั่นทางเรียบ และ ใช้เกียร์ต่ำ เมื่อปั่นขึ้นเขา การใช้เกียร์ต่ำหมายถึงการปั่นบันไดหลายครั้ง แต่เฟืองหลังจะหมุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้ัน ซึ่งจะทำให้ล้อหลังหมุนเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้นสิ่งนี้จะทำให้การใช้พลังงานในการขับเคลื่อนโดยมีระยะทางเท่ากันแต่ออกแรงกดบันไดน้อยลง ทำให้สามารถเฉลี่ยแรงในการปั่นได้ การปั่นขึ้นเขา ที่ต้องออกแรงผลักมากขึ้น หรือการปั่นต้านลมแรง หรือการปั่นโดยบรรทุกน้ำหนักมาก เกียร์สูงจะให้ความเร็วโดยการปั่นบันไดเพียงเล็กน้อย จะไปหมุนล้อหลังหลายรอบ จะได้ความเร็วแต่ ต้องออกแรงกดบันไดมากขึ้น

A bicycle with shaft drive instead of a chain

ด้วยการขับเคลื่อนด้วยโซ่ จานหน้าที่ต่ออยู่กับขาจานจะเป็นตัวขับเคลื่อนโซ่ เมื่อนักปั่นกดบันได จะไปหมุนล้อหลัง ผ่านเฟืองหลัง (เฟืองหลัง หรือ ฟรีล้อหลัง) มีสี่ตัวเลือกสำหรับชุดเกียร์: ชุดจานหน้าที่มีเกียร์ดุมสองสปีด , จานหน้าที่มีสามจาน, เฟืองหลัง 11 เฟือง, เกียร์ดุม ที่ล้อหลัง (สามถึงสิบสี่สปีด) โดยทั่วไป จะใช้เกียร์ดุมที่ล้อหลัง แต่จานหน้าแบบหลายจานร่วมกัน และใช้เฟืองหลังหลายเฟือง (การประกอบแบบอื่นๆ สามารถใช้งานได้ แต่ไม่ค่อยมีการใช้งานกันโดยทั่วไป)

การบังคับเลี้ยว และ เบาะนั่ง

แฮนด์ ทำหน้าที่หมุนตะเกียบหน้า ซึ่งไปหมุนล้อหน้าผ่าน คอแฮนด์, ซึ่งการหมุนจะเกิดขึ้นภายใน ถ้วยคอ แฮนด์ โดยทั่วไปมี สามแบบ แฮนด์โค้ง, ใช้ทั่วไปในยุโรป และที่อื่นๆ จนถึงปี 1970 แฮนด์ โค้งไปด้านหลัง ทิศทางเดียวกับผู้ขี่ ส่งผลให้ การจับแฮนด์เป็นธรรมชาติ ในท่านั่งปกติ แฮนด์หมอบ "ก้ม" เป็นการพุ่งไปข้างหน้าและม้วนลง เป็นผลให้นักปั่น ได้ใช้พลังจากระบบแอร์โร่ไดนามิกเพิ่มขึ้นจาก ท่านั่งหมอบ, ซึ่งก้มตัวลงมากกว่าท่านั่งปกติมาก มือเบรคจะอยู่ช่วงแฮนด์ ด้านหน้าที่โค้งลง เพื่อการจับที่มั่นคง หรือบางครั้งจะอยู่ด้านบนในส่วนที่เรียบๆ ใช้สำหรับท่านั่งปกติได้ จักรยานเสือภูเขาส่วนมากใช้แฮนด์ตรง หรือ แฮนด์ยก ที่มีหลายองศา ทั้งกวาดไปด้านหลังและยกขึ้นด้านบน ซึ่งขนาดแฮนด์ที่กว้างจะเพิ่มการบังคับควบคุมล้อหน้าได้ดีขึ้น

A Selle San Marco saddle designed for women

เบาะนั่ง แตกต่างกันไปตามลักษณะที่นักปั่นต้องการ นักปั่นระยะสั้นจะชอบใช้เบาะที่ มีพื้นที่ข้างขามาก เพื่อให้ขาสามารถควงได้อย่างสะดวก ความสบายของเบาะนั่งขึ้นอยู่กับท่านั่ง ของนักปั่น จักรยานปกติ หรือ กึ่งทางเรียบ , นักปั่นจะนั่งบนเบาะ โดยที่น้ำหนัก จะสามารถส่งไปที่ขาเพื่อ กดบันไดได้อย่างเต็มที่ เบาะที่กว้างและนุ่ม จะเป็นที่นิยม สำหรับจักรยานที่ใช้แข่งขัน นักปั่นจะนั่งในลักษณะที่ก้มลงมากกว่าปกติ น้ำหนักจะกระจายไปยัง แฮนด์และเบาะ สะโพกจะต้องจะต้องอยู่กับที่ เบาะที่ยาวและแข็ง จะเพิ่มประสิทธิภาพให้นักปั่นได้ การออกแบบเบาะชนิดพิเศษ โดยแบ่งตาม เพศของนักปั่น ชายหรือหญิง เพื่อความสะบายตามสรีระ ของแต่ละเพศที่ต่างกันแม้ว่า จักรยานส่วนใหญ่ที่จำหน่าย จะมีเบาะที่แถมมาที่เมาะกับผู้ชายมากกว่า

จักรยานนอนปั่น จะมี เบาะที่เหมือนเก้าอี้ ซึ่งนักปั่นบางคนจะบอกว่ามันนั่งสบายกว่าเบาะจักรยานปกติ โดยเฉาะส่วนที่รองรับ ด้านหลัง คอ และไหล่ หรืออาการปวดข้อมือ จักรยานนอนปั่นอาจมีทั้ง พวงมาลัยบนเบาะและ ใต้เบาะ

เบรค

Linear-pull brake, also known by the ชิมะโนะ trademark: V-Brake, on rear wheel of a mountain bike

เบรคของจักรยาน อาจจะเป็นเบรคแบบจับที่ขอบล้อ ซึ่งอาศัยความฝืดของผ้าเบรค และแรงกดที่ขอบล้อ เพื่อชลอความเร็ว ดุมเบรค , จะเป็นเบรคที่รวมอยู่กับดุมล้อ, หรือ ดิสเบรค, ผ้าเบรคจะจับที่จานเบรค ที่ติดอยู่กับดุมล้อ จักรยานส่วนมากนิยมใช้ เบรคแบบจับขอบล้อ , แต่ก็มีบ้างที่ใช้ ดิสเบรค [34] ดิสเบรค ่สวนใหญ่ใช่กับจักรยานเสือภูเขา , จักรยานสองตอน และจักรยานนอนปั่น มากกว่าจักรยานประเภทอื่น เนื่องจากต้องการแรงเบรคที่มาก เพราะว่าน้ำหนักตัวรถที่มากขึ้น และมีความซับซ้อน[35]

A front disc brake, mounted to the fork and hub

ด้วยมือเบรค, แรงที่กระทำบนมือเบรคที่ติดอยู่กับ แฮนด์ และส่งผ่านแรงเบรค โดยสายเคเบิ้ล หรือ น้ำมันเบรค ต่อไปยังผ้าเบรค การเกิดแรงฝืดบน ผ้าเบรคไปยังพื้นผิวที่เคลื่อนที่ จะทำให้ชลอความเร็วของจักรยานลง ดุมเบรคหลัง อาจจะใช้แรงจากมือเบรค หรือแรงจากการปั่นถอยหลัง ซึ่งใช้เบรคแบบ คอสเตอร์ ซึ่งเป็นที่นิยมใน อเมริกาเหนือ จนถึง ปี 1960

จักรยานลู่ ไม่มีเบรค เพราะว่า นักปั่นทุกคน ปั่นไปในทิศทางเดียวกัน รอบๆสนาม ซึ่งไม่มี โค้งที่ต้องชลอความเร็ว นักปั่นจักรยานลู่ ยังคงสามารถที่จะชลอความเร็วของรถ เพราะว่า จักรยานลู่ใช่กียร์แบบฟิกซ์ หมายความว่า เฟืองหลังจะไม่สามารถ ฟรีได้ การที่ไม่มี ฟรีวิล การต้านขาจะทำให้ลดความเร็วลงได้ เมื่อ ล้อหลังหมุน จานหน้าก็จะหมุนด้วย ในการ ลดความเร็ว นักปั่นสามารถ ฝืนบันได เพื่อทำให้มีลักษณะเหมือนเบรคได้ ซึ่งมีประสิทธิภาพ เหมือนเบรคหลัง แต่ประสิทธิภาพ ไม่เท่ากับเบรคที่ล้อหน้า[36]

ระบบกันสะเทือน

ระบบกันสะเทือนของจักรยาน หมายถึง ระบบที่ลดการสั่นสะเทือน ให้กับนักปั่น และ อุปกรณ์ ที่อยู่บนจักรยาน มีวัตถุประสงค์ สองอย่างคือ เพื่อให้ล้อสัมผัสพื้นทางอย่างต่อเนื่อง และ เพิ่มการควบคุม ของนักปั่นจากความสะเทือนบนพื้น และความสบายในการปั่น

ระบบกะนสะเทือนของจักรยาน ใช้เป็นหลักใน จักรยานเสือภูเขา แต่ จักรยานกึ่งทางเรียบก็มีใช้บ้างเช่นกัน ซึ่งสามารถช่วยลด ความสะเทือนที่เกิดจาก ผิวทาง ที่ไม่เรียบ ระบบกันสะเทือนจำเป็นมากสำหรับจักรยานนอนปั่น เนื่องจาก จักรยานปกติ นักปั่นสามารถ ยกตัวขึ้นยืนบนบันได ขณะปั่นผ่านทางพิ้นที่ไม่เรียบได้ แต่จักรยานนอนปั่นไม่สามารถทำได้

จักรยานเสือภูเขาแบบธรรมดา และ จักรยานกึ่งทางเรียบ มักจะมีระบบกันสะเทือน ที่ล้อหน้าเท่านั้น ในขณะที่ระบบที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น จะมีระบบกันสะเทือนล้อหลังมาด้วย จักรยานทางเรียบจะไม่มีระบบกันสะเทือน เพราะว่าต้องการน้ำหนักที่เบา และ การ มั่นคงจากการกดบันได แม้ว่าจะมีการออกแบบที่พิเศษมากก็ตาม

ล้อและยาง

แกนล้อจะต้องแน่นพอดีกับตะเกียบหน้าและหลัง ล้อทั้งสองล้อหน้าหลัง บางครั้งเรียกว่า ล้อเซ็ต โดยเฉพาะ ล้อที่ ทำมาเป็นพิเศษ ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่สูง

ยางแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ จักรยานเสือหมอบ ใช้ยางที่มีขนาดหน้ายางกว้าง 18 ถึง 25 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่ จะเป็นยางที่มีดอกยางเรียบหรือ ลื่น และทนต่อแรงดันลมที่สูง เพื่อ การหมุนที่เร็วบนพื้นทางที่เรียบ ยางสำหรับ จักรยานเสือภูเขา หรือจักรยาน ออฟโรด โดยทั่วไปจะมีขนาดของหน้ายางที่กว้าง และมีดอกยาง สำหรับการยึดเกาะในสภาพเส้นทางที่เป็นโคลน หรือมี ปุ่มโลหะ สำหรับ สภาพเส้นทางที่เป็นหิมะ

อุปกรณ์เสริม

Touring bicycle equipped with front and rear racks, fenders/mud-guards, water bottles in cages, four panniers and a handlebar bag.

อุปกรณ์บางอย่าง มักจะใช้ในจักรยานสำหรับจักรยานในทางกีฬา เพื่อการกำหนดมาตรฐาน ของการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูง และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ในการใช้งาน บังโคลนจักรยาน ใช้เพื่อป้องกันนักปั่นและชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ จากละอองน้ำ ที่กระเด็นเมื่อปั่นจักรยานผ่านพื้นที่เปียก และบังโซ่ จะช่วยป้องกันเสื้อผ้าของนักปั่น จากน้ำมันที่กระเด็นจากโซ่ ในขณะเดียวกันก็ป้องกัน การที่เสื้อผ้าเข้าไปติด ระหว่างโซ่และ เฟือง ขณะปั่นได้ด้วย ขาตั้งจักรยาน ใช้ในขณะที่ต้องจอดจักรยาน ทำให้จักรยานตั้งตรงอยู่ได้และ ล็อคจักรยาน ใช้เพื่อ ป้องกันการโจรกรรม ที่ติดตะกร้าหน้า, ตะแกรงหลัง, และ กระเป๋าข้าง จะติดตั้งอยู่เหนือล้อทั้งสอง ใช้เพื่อ ขนสิ่งของต่างๆ เป็กสามารถใส่ข้างเดียวหรือสองข้างของดุมล้อก็ได้ ใช้สำหรับช่วยให้นักปั่นสามารถเล่นท่าในจักรยานผาดโผน หรือให้คนซ้อนขึ้นไปยืนได้[ต้องการอ้างอิง] ในบางครั้ง พ่อแม่จะติดตั้ง ที่นั่งเด็ก เข้าไปที่ด้านหลังของอานจักรยาน เพื่อให้เด็กๆนั่ง

บันไดคลิป และ รองเท้าคลิป ช่วยให้เท้าล็อคติดกับบันได ทำให้เท้าวางในตำแหน่งที่เหมาะสม และทำให้นักปั่นสามารถใช้แรงดึงและผลักบันไดได้ อุปกรณ์เสริมที่เป็น ไมล์จักรยาน ใช้สำหรับ วัดระยะทาง ความเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจ ข้อมูลแผนที่ และอื่นๆ อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย แผ่นสะท้อนแสง ที่ล็อคกันโจรกรรม กระจกมองหลัง ขวดน้ำ และ ขากระติก, และ กระดิ่ง[37]

หมวกจักรยาน สามารถช่วยลดการบาดเจ็บจากการปะทะกัน หรือ อุบัติเหตุอื่นๆ ได้ หมวกจักรยานที่เหมาะสมจะต้องถูกต้องตามกฎหมายของแต่ละท้องที่ตามเขตต่างๆ หมวกจักรยานอาจจะจัดอยู่ในหมวดของ อุปกรณ์เสริม[37] หรือจัดอยู่ในหมวดของ เครื่องแต่งกายก็ได้[38]

จักรยานสามารถที่จะติดตั้งตัวลากจูงสำหรับ รถพ่วง สำหรับบรรทุกสิ่งของ เด็ก หรือทั้งสองอย่างได้

มาตรฐาน

การจัดมาตรฐานของอุปกรณ์จักรยาน ให้มีขึ้นเพื่อที่จะช่วยให้การสร้างอะไหล่ที่สามารถใช้ทดแทนกันได้สำหรับการบำรุงรักษา และความปลอดภัยขั้นต่ำของอุปกรณ์ต่างๆ

องค์การมาตรฐานสากล ไอเอสโอ (องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน) มีคณะกรรมการด้านเทคนิคพิเศษสำหรับจักรยาน TC149 ที่มีขอบเขตตามนี้: "มาตรฐานตามส่วนประกอบ และอุปกรณ์เสริมของจักรยาน จะต้องอ้างถึง วิธีการทดสอบ และ ประสิทธิภาพ รวมถึงความปลอดภัย และการใช้งานร่วมกันได้"

คณะกรรมการยุโรปเพื่อมาตรฐาน (European Committee for Standardization (CEN)) ก็มีคณะกรรมการด้านเทคนิคพิเศษสำหรับจักรยานเช่นกัน TC333 ซึ่งกำหนดไว้เพื่อให้มาตรฐานของจักรยานในเขตยุโรป มีความสอดคล้องกับ องค์การมาตรฐานสากล (ISO standards) มาตรฐานของ ยุโรป บางข้อเกิดขึ้นก่อนที่ ไอเอสโอจะประกาศมาตรฐานออกมา ทำให้มาตรฐานของยุโรป ดูจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า โดยที่มาตรฐานทางยุโรป มีความพยายามที่จะอธิบายเกี่ยวกับ ความปลอดภัยขั้นต่ำของอุปกรณ์จักรยาน ในขณะที่ มาตรฐานสากล จะไปในทางเกี่ยวกับรูปทรงของจักรยาน ในอดีต[39]

การดูแลรักษาและการซ่อมบำรุง

อุปกรณ์บางชิ้นของจักรยาน, ชิ้นส่วนของเกียร์ดุม, มีความซับซ้อนมาก การบำรุงรักษาด้วยตัวเอง, การบำรุงรักษาเบื้องต้น, และ การตรวจสอบและซ่อมแซมจักรยานทั้งคัน การดูแลรักษาและการซ่อมบำรุง นักปั่นสามารถเลือกที่จะทำเองได้ดังนี้

  • นักปั่นบางคนเลือกที่จะทำการบำรุงรักษาซ่อมแซมด้วยตัวเอง: พวกเขาจะดูแลซ่อมแซมจักรยานของเขาเอง, บางครั้งเขาทำด้วยใจรัก และมีความสุขที่ได้ทำด้วยตัวเอง ทำเหมือนเป็นงานอดิเรก หรือทำด้วยเหตุผลของความต้องการประหยัดเงิน
  • มีสมาคมจักรยานหลายกลุ่มให้การช่วยเหลือ ในการบำรุงรักษาซ่อมแซมโดยมี สมาคมจักรยาน ต่างๆทั่วโลก[40] ที่สมาคมจักรยานนี้, คนทั่วไป จะนำรถจักรยานของตน ที่ต้องการซ่อมแซมบำรุงรักษา ไปที่นั่น โดยจะมีอาสาสมัครที่มีความรู้ สามารถให้ความช่วยเหลือในการสอนให้ซ่อมแซมด้วยตัวเองได้
  • การซ่อมแซมแบบทั้งคัน สามารถนำไปซ่อมได้ที่ ร้านซ่อมจักรยานโดยเฉพาะ ที่ตั้งอยู่ ตามสาขาใกล้บ้าน หรือในพื้นที่ที่สามารถเดินทางไปได้สะดวก นักปั่นจักรยานบางคนซื้อ บริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน จากบริษัทที่ให้บริการ เช่น Better World Club หรือบริษัท American Automobile Association.

เครื่องมือ

Puncture repair kit with tire levers, กระดาษทราย to clean off an area of the inner tube around the puncture, a tube of rubber solution (vulcanizing fluid), round and oval patches, a metal grater and piece of chalk to make chalk powder (to dust over excess rubber solution). Kits often also include a wax crayon to mark the puncture location.

มีเครื่องมือพิเศษสำหรับจักรยานหลายอย่างที่ใช้ซ่อมทั้งในร้าน และ ขณะออกปั่น นักปั่นจักรยานหลายๆคน จะนำอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัวไปด้วยขณะออกปั่น เครื่องมือหลายชิ้นที่ติดตัวไปเช่น ชุดปะยาง (ประกอบด้วย สูบมือ หรือ กระบอกCO2 , ที่งัดยาง, spare ยางในสำรอง แผ่นปะยางด้วยตัวเอง, หรือ แผ่นยางชิ้นเล็กๆ, กาวยาง, กระดาษทราย หรือ แผ่นโลหะสำหรับขัด (เพื่อขัดผิวของยางในให้มีความสาก เพื่อให้กาวยึดติดได้ดี),[41][42] และบางครั้ง มีแม้กระทั่ง ชอร์คสีขาว เพื่อไว้ทำเครื่องหมายจุดที่ยางรั่ว ), ประแจปากตาย, ชุดประแจหกเหลี่ยม, ไขควง, และ เครื่องมือตัดโซ่ มีแม้กระทั่งเครื่องมือพิเศษที่รวมอุปกรณืต่างๆเข้าด้วยกัน เป็น ชุดเครื่องมืออเนกประสงค์ มันจะรวมอุปกรณ์ซ่อมหลายๆตัวเข้าด้วยกันในอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว อุปกรณ์จักรยานที่ทำมาแบบพิเศษ จำเป็นต้องใช้ เครื่องมือแบบพิเศษในการซ่อมด้วยซึ่งจะมีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน รวมถึงเครื่องมือที่ทำมาซ่อมเฉพาะที่ผู้ผลิต ชุดอุปกรณ์นั้นผลิตขึ้นมาเอง

ด้านสังคมและประวัติศาสตร์

จักรยานมีผลกระทบอย่างมากในสังคมของมนุษย์ ทั้งในด้านของวัฒนธรรมและอุตสาหกรรม

ในชีวิตประจำวัน

ในศตวรรษที่ 20 จักรยานช่วยลดการจราจรในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น โดยช่วยให้คนที่ทำงานในตัวเมือง สามารถเดินทางจากที่อยู่อาศัยที่อยู่ชานเมือง อีกทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาม้าลงอีกด้วย จักรยานทำให้คนสามารถเดินทางไปพักผ่อนภายในประเทศได้, เนื่องจากจักรยานใช้พลังงานน้อยกว่าการเดินถึงสามเท่า และสามารถเดินทางด้วยความเร็วกว่าเดิน สามถึงสี่เท่า

ไฟล์:BikePstation.jpg
A bike sharing station in Barcelona.

จำนวนของเมืองในโลกที่มีแผนดำเนินการที่เรียกว่า ระบบการแบ่งปันจักรยาน หรือ ชุมชนจักรยาน [43][44] โดยเมืองแรกที่ทำโครงการนี้คือ โครงการจักรยานสีขาวที่เมือง อัมสเตอร์ดัม ในปี 1965 ตามมาด้วย โครงการจักรยานสีเหลืองใน ลาโรแชล และโครงการจักรยานสีเขียวใน แคมบริดจ์ โครงการเหล่านี้ช่วยเสริมให้กับระบบขนส่งสาธารณะ และเป็นทางเลือกของการเดินที่ในการจราจรที่แออัดของรถยนต์ และช่วยลดมลภาวะ[45] ในยุโรปโดยเฉพาะ เนเธอร์แลนด์และบางส่วนของเยอรมันและเดนมาร์ค การเดินทางด้วยจักรยานถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ใน โคเปนเฮเกน, องค์กรนักปั่นจักรยาน ได้ผลักดัน ให้ปัน่จักรยานให้ใช้จักรยานในการเดินทางและเป็นสัญลักณ์ของการท่องเที่ยว ในสหราชอาณาจักรมีโครงการภาษี (IR 176) ซึ่งอรุญาติให้พนักงานที่ซื้อจักรยานใหม่ ไม่ต้องเสียภาษีของจักรยานเพื่อใช้ในการเดินทาง[46]

ในประเทศเนเธอแลนด์ สถานีรถไฟทุกแห่งจะมีที่สำหรับจอดจักรยานฟรี หรือที่จอดจักรยานที่มีการรักษาความปลอดภัยแต่เสียค่าธรรมเนียมที่ราคาถูก ในสถานีใหญ่ๆ จะมีร้านซ่อมจักรยานคอยบริการ การปั่นจักรยานได้รับความนิยมอย่างมากจนที่จอดจักรยาน อาจจะไม่เพียงพอ , ในขณะที่ บางพื้นที่ เช่นเดลฟ์ ที่จอดจักรยานไม่พอเพียงตลอดเวลา[47] ในเมือง ทรอนด์เฮม ในประเทศนอร์เว the รางลากจักรยานขึ้นทางชัน ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยให้นักปั่นจักรยานขึ้นทางชันบนภูเขาได้ง่ายขึ้น รถประจำทางในหลายๆเมืองจะมี ตัวยึดจักรยาน ติดอยู่ทางด้านหน้ารถด้วย

มีเมืองในบางประเทศที่ วัฒนธรรมจักรยาน ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองมานาน, แม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนจากหน่วยงาน เช่นกรณีของเมือง Ílhavo, ในโปรตุเกส

ในเมืองที่จักรยานไม่ได้รวมอยู่ในระบบขนส่งสาธารณะ , ผู้โดยสารมักจะใช้จักรยานเป็นส่วนหนึ่่งของ การเดินทางแบบผสม, โดยใช้จักรยานสำหรับเดินทางไปและกลับ จากสถานีรถไฟ หรือรูปแบบอื่นเพื่อการเดินทางที่รวดเร็วยิ่งขึ้น นักเรียนบางคนเดินทางหลายไมล์โดยรถยนต์จากบ้านไปยังที่จอดรถของมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นจะใช้จักรยานเพื่อเดินทางไปยังห้องเรียน จักรยานพับ มีประโยชน์มากในกรณีนี้ , มันช่วยลดความยุ่งยากในการขนย้ายจักรยานใส่รถ ลอสแองเจอลิส ได้ลดจำนวนที่นั่งในรถไฟออกเพื่อเพิ่มพื้ที่สำหรับ บรรทุกจักรยานและ วีลแชร์[48]

Urban cyclists in โคเปนเฮเกน at a traffic light

บางบริษัทของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะใน ภาคส่วนเทคโนโลยี , ได้พัฒนาทั้ง นวัตกรรมการออกแบบจักรยาน และ ความง่ายในการใช้งาน โฟว์สแควร์, ซึ่งมี กรรมการผู้จัดการ Dennis Crowley "ปั่นจักรยานเพื่อไปประชุม ... [เมื่อเขา] ได้รับรายได้เพิ่มขึ้นจาก การร่วมทุนในกิจการ" บนสองล้อของจักรยาน, เลือกสถานที่ใหม่สำหรับสำนักงานใหม่ที่ นิวยอร์ก "เลือกสถานที่ที่สามารถปั่นจักรยานไปได้ง่าย" ที่จอดจักรยานที่ทำงานก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับสำนักงานใหม่แห่งนี้ Mitchell Moss, ทำงานที่ ศูนย์นโยบายการขนส่งและการจัดการ ที่ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ได้กล่าวไว้ในปี 2012 ว่า: "การขี่จักรยานได้กลายเป็นรูปแบบของทางเลือก สำหรับการศึกษาคนงานในเท๕โนโลยีขั้นสูง"[49]

จักรยานเป็นส่วนสำคัญของการขนส่งในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ จนกระทั่งไม่นานมานี้, จักรยานได้ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันทั่วประเทศในเอเชีย พวกเขาใช้งานมากที่สุดในการ เดินทางเพื่อไปทำงาน, ไปเรียน, ไปซื้อสินค้า, และในชีวิตประจำวันทั่วไป ใน ยุโรป, จักรยานเป็นที่นิยม[50] มันยังเป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี[51]

จักรยานยังมีชื่อเสียงในเรื่องทางทัศนศิลป์ ยกตัวอย่างเช่น เทศกาลภาพยนต์จักรยาน ซึ่งจัดขึ้นทั่วโลก

การบรรเทาความยากจน

Men in Uganda using a bicycle to transport กล้วยs.

การทดลองในประเทศ ยูกานดา, แทนซาเนีย, และศรีลังกา ในหลายร้อยครัวเรือนได้แสดงให้เห็นว่า จักรยานสามารถเพิ่มรายได้ต่อครอบครัวที่ยากจน ขึ้นมากที่สุดอีก 35%[52][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้][53][54] ในด้านการขนส่ง, ถ้าวิเคราะห์ สำหรับ ประโยชน์ของการลดค่าใช้จ่าย ใน การบรรเทาความยากจน ในชนบท, ได้ให้ผลตอยแทนดีที่สุดในเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น, ในการลงทุนในการทำถนน ในประเทศอินเดีย 3-10 ครั้ง ก็มีประสิทธิภาพมากกว่าการลงทุนอื่นๆ และเงินสนับสนุนสำหรับเศรษฐกิจในชนบท ในช่วงสิบปีของปี 1990 สิ่งที่ถนน ให้ในระดับ มหภาค จะช่วยเพิ่มการขนส่ง ,และจักรยานเป็นตัวสนับสนุนในระดับจุลภาค จักรยานในความหมายนี้คือการบรรเทาความยากจน ที่สำคัญในประเทศยากจน

ทางออกสำหรับผู้หญิง

"Let go — but stand by"; Frances Willard learning to ride a bicycle.[55]

จักรยานมีความปลอดภัยให้ผู้หญิงสำหรับการเดินทาง ซึ่งถือเป็น การปลดปล่อยข้อจำกัด ในประเทศทางตะวันตก เมื่อจักรยานกลายเป็นสิ่งที่ปลอดภัยและราคาถุูก , ผู้หญิงสามารถใช้เสรีภาพส่วนบุคคลมากขึ้นจากจักรยาน และจักรยานได้กลายเป็นเครื่องหมายสำหรับ ผู้หญิงยุคใหม่ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19, โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา[56] จักรยาน ได้รับความนิยมในปี1890 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า สาเหตุของการแต่งกาย, ซึ่งเปลี่ยนการแต่งกายของผู้หญิงจากเสื้อเข้ารูปแบบโบราณ และกระโปรงยาวคลุมข้อเท้า และข้อจำกัดของการแต่งกายแบบอื่นๆ , แทนที่ด้วย สิ่งที่น่าตื่นตาในชุดแบบที่ทะมัดทะแมงในรูปแบบ เสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้น[56]

จักรยานเป็นที่ยอมรับของสตรีในศตวรรษที่ 19 ได้รับการสนับสนุนการออกเสียงเลือกตั้ง โดยใช้ชื่อ "เครื่องจักรแห่งเสรีภาพ" หญิงสาว ชาวอเมริกันชื่อว่า Susan B. Anthony ได้กล่าวไว้ในหนังสือ นิวยอร์กเวิล(New York World) ในบทสัมภาษณ์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1896: "ฉันคิดว่า ความต้องการสิธธิเสรีภาพของผู้หญิงมีมากกว่าสิ่งใดในโลก ฉันมีความสุขทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงปั่นจักรยานผ่านไป มันสแดงให้เห็นถึงความสามารถในการพึ่งพาตนเองและความเป็นอิสระที่มีขณะที่นั่งอยู่บนอานจักรยาน; และทางที่เธอเดินไป , มันคือภาพแห่งความเป็นผู้หญิง"[57] ในปี 1895 Frances Willard, ประธานาธิบดีของ สหภาพสตรีผู้นับถือศาสนาคริสต์, เขียนเรื่อง อะวีลวิทอินอะวีล (A Wheel Within a Wheel): ฉันเรียนรู้ที่จะเริ่มปั่นจักรยานได้อย่างไร , ด้วยภาพสะท้อนบางส่วน , เนื้อหา 75 หน้าได้แสดงถึง ความทรงจำที่ ยกย่อง แกรดดี้ ("Gladys"), จักรยานของเธอ , สำหรับ "gladdening effect" เพื่อสุขภาพและมุมมองทางการเมือง[55] วิลลาร์ด ใช้การปั่นจักรยานเพื่อเปรียบเทียบ และเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการขยายของการปั่นจักรยานออกไป[55]

เกี่ยวกับ เศรษฐศาสตร์

ไฟล์:Plethora of Bicycles for Sale.jpg
A group of bicycles for sale
Columbia Bicycles advertisement from 1886

อุตสาหกรรมการผลิตจักรยาน เป็นพื้นฐานของการผลิตในอุตสาหกรรมอื่น และนำมาซึ่งการพัฒนา วัสดุที่มีความพิเศษ ทั้งเฟรม และ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ตลับลูกปืน, และเฟือง เทคโนโลยีการผลิตเหล่านี้ ทำให้เกิดทักษะ ของการผลิตวัสดุ และ วิธีการผลิต จากจากพัฒนา ยานพาหนะและ อากาศยาน

บริษัท ที่ผลิตจักรยานสองบริษัทในเมือง เดย์ตัน โอไฮโอ สองพี่น้องตระกูล ไรท์ (Wilbur and Orville Wright) ประสบความสำเร็จในการ สร้างเครื่องบิน ซึ่งการออกแบบนั้นได้ใช้ความรู้ต่อยอดจากการผลิตจักรยาน

พวกเขายังทำหน้าที่สอนเกี่ยวกับรูปแบบของอุตสาหกรรม และต่อมาก๋นำไปใช้จริง , รวมถึงการใช้งานเครื่องจักรเพื่อ ผลิตเป็นจำนวนมาก (ต่อมาได้มีการคัดลอก และนำไปใช้โดย ฟอร์ด และ เจนเนอรอล มอเตอร์),[58] การรวมกิจการแนวตั้ง [59] (ได้มีการนำไปใช้โดย ฟอร์ด เช่นกัน), การโฆษณาเชิงรุก [60] (จำนวน10% ของงบโฆษณาทั้งหมด ในนิตยสารของสหรัฐอเมริกาช่วงปี 1898 มาจากผู้ผลิตจักรยาน)[61] การวิ่งเต้นเพื่อปรับปรุงถนน (ซึ่งมีประโยชน์ทางด้านการทำโฆษณา และการส่งเสริมการขาย โดยการเพิ่มสถานที่ในการปั่นจักรยาน)[62] โดยครั้งแรกได้รับการฝีกอบรมโดยพระสันตปะปา[62] นอกจากนี้ จะมีการออกรูปแบบใหม่ๆประจำปี [63][64] (ภายหลังมักถูกว่าว่า แผนล้าสมัย, และมักจะให้เครดิตกับ เจนเนอรอล มอเตอร์), ที่พิสูจน์ถึงความสำเร็จเป็นอย่างมาก[65]

ยุคแรกของจักรยานเป็นตัวอย่างของ การบริโภคสินค้าเกี่ยวกับจักรยานอย่างชัดเจน เริ่มจากการนิยมของบุคลระดับสูงในสังคม[66] และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ในส่วนของการให้บริการ อุปกรณ์เสริม อื่นๆ ซึ่งต้นทุนสูงมากกว่าตัวจักรยาน การดำเนินการตลลาดลักษณะนี้เหมือนกับที่ ตุ๊กตาบาบี้ ตุ๊กตาบาบี้ ทำ[67]

จักรยานมีส่วนทำให้เกิดหรือมีส่วนช่วยในการเพิ่มขึ้น ของ ธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ เช่น จักรยานสำหรับส่งเอกสาร[68] การตัดเย็บชุดจักรยาน[69] โรงเรียนสอนเกี่ยวกับจักรยาน[70] สนามแข่งจักรยาน[71] สนามต่างๆ ในเวลาต่อมาได้ประยุกต์ใช้กับ การแข่งขัน มอเตอร์ไซค์ และ การแข่งขันรถยรต์ มีหลายอย่างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น ซี่ลวดของวงล้อ[72] และ ไฟส่องทาง[73] ถุงเท้าและรองเท้า[74] แม้แต่ กล้องถ่ายรูป อย่างเช่น บริษัท Eastman Company's Poco.[75] ซึ่งน่าจะเป็นที่รูจักกันอย่างดีและใช้เป็นที่แพร่หลาย, นำมาใช้กับการปั่นจักรยาน ได้เป็นอย่างดี, ในเว็บไซต์ Charles Bennett's Bike ซึ่งเรียกว่าเป็น กางเกงในสำหรับปั่นจักรยาน[76]

A man uses a bicycle to carry goods in วากาดูกู, ประเทศบูร์กินาฟาโซ

พวกเขายังเคลื่อนตัวออกจากการเป็นขนส่งสาธารณะ[77] ที่อาจจะโด่งดังด้วยการเปิดตัวของรถยนต์

บริษัท J. K. Starley's company ได้กลายเป็น บริษัท Rover Cycle จำกัด ในช่วงปลายปี 1890 หรือเรียกง่ายๆ ว่า บริษัทโรเวอร์ เมื่อเริ่มสร้างรถยนต์ บริษัท มอริสมอเตอร์ (Morris Motors Limited) (ใน ออกฟอร์ด) และ สโคด้า ก็ได้เริ่มต้นธุรกิจจักรยานเช่นกัน เหมือนกับ พี่น้องตระกูลไรท์[78] Alistair Craig, ก็เริ่มการผลิตเช่นเดียวกันและกลายเป็นผู้ผลิตเครื่องงยนต์ Ailsa Craig, ก็เริ่มจากบริษัทผลิตจักรยาน ใน Glasgow เดือนมีนาคม 1885

โดยทั่วไปแล้ว บริษัทผลิตจักรยานใน สหรัฐอเมริกาและยุโรป จะประกอบจักรยานจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ด้วยเฟรมของตัวเอง และชิ้นส่วนอื่นจาก บริษัทอื่น แม้ว่าบริษัทใหญ่ๆอย่าง ราเล่ย์ ซึ่งผลิตชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดของจักรยาน (รวมถึงกะโหลก แกนล้อ และอื่นๆ) ในไม่นานมานี้ ผู้ผลิตจักรยาน มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากในวิธีการผลิต ตอนนี้ เกือบทัั้งหมด ไม่ได้ผลิตเฟรมของตัวเอง

บริษัทขนาดเล็กที่เกิดขึ้นใหม่ ใช้วิธีการแค่เพียง ออกแบบ และทำการตลาดเท่านั้น ; ผลิตภัณฑ์ ทั้งหมด ทำในบริษัทในเอเชีย ยกตัวอย่างเช่น 60% ของจักรยานทั้งหมดในโลก ผลิตจากประเทศจีน แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ทำให้ประเทศอย่างเช่น จีนและอินเดียกลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งขึ้น เพราะว่าการผลิตจักรยานลดลงขณะที่การผลิตรถยนต์ และ จกรยานยนต์ ที่สะดวกสบายกว่า มีเพิ่มขึ้น[79] เหตุผลหลักที่จีนเป็นฐานการผลิตจักรยานในตลาดต่างประเทศคือ ค่าแรงงานที่มีต้นทุนต่ำมาก[80]

ในทิศทางเดียวกับวิกฤตการเงินของยุโรป, ในอิตาลีปี 2011 จำนวนการขายของจักรยาน (1.75 ล้านคัน) เพิ่งจะผ่านยอดขายของรถยนต์ใหม่ [81]

ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม

สิ่งที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ ของจักรยานที่ผู้ใช้จักรยานได้รับคือ การหลุดพ้นจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จักรยานราคาไม่แพง เร็ว ช่วยเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นการเดินทางที่เป็นมิตร Ivan Illich ได้ศึกษาถึงการ ใช้งานจักรยาน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการสื่อสารของการใช้งานสรีระของร่างกายระหว่างมนุษย์ ในขณะที่การใช้งานจาก รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ทำให้ลดการสื่อสารของคนลดลง[82]

เกี่ยวกับศาสนา

ความเหมาะสมของ นักปั่นจักรยานในศาสนาอิสลาม สำหรับผู้หญิงชาวอิหร่าน เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างรุนแรง ทั้งใน อิสลามซุนนี และ ชีอะ[83][84][85]

การผลิต

มูลค่าการตลาดของจักรยานในปี 2011 คือ 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[86] ในปี 2009 มีมูลค่าเพียง 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนจักรยานทั้ง หมดที่ขายอยู่ทั่วโลก 66%  ผลิตในประเทศจีน[87]

ข้อกำหนดทางกฎหมาย

ในช่วงต้นของการพัฒนา เหมือนกับ รถยนต์ มีข้อกำหนดเกี่ยวกับจักรยาน พร้อมทั้งการโฆษณา ที่จะได้รับการเผยแพร่ฟรีสู่สาธารณะ สมเด็จพระสันตปะปา Albert A. ได้เป็นตัวแทนของชาวนักปั่นจักรยาน[88]

ในปี อณุสัญญาการจราจรของกรุงเวียนนา ของ สหประชาชาติ พิจารณาให้จักรยานเป็นยานพาหนะ และผู้ควบคุมจักรยาน (ไม่ว่าจะขี่หรือไม่) จะต้องทำตามกฎจราจร ในหลายๆประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงข้อกำหนดของการใช้จักรยานให้ปลอดภัยและสภาพของจักรยานที่มีความพร้อมก่อนนำออกไปใช้ในถนนสาธารณะ ในเขต อำนาจศาล ถือว่ามีความผิดที่ใช้จักรยาน ที่ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้สมบูรณ์

ในเขตอำนาจศาล จักรยานจะต้องมีไฟหน้าและไฟท้ายเมื่อขี่หลังจากมืด อุปกรณืผลิตไฟ หรือเรียกว่า ไดนาโม จะจ่ายไฟให้กับหลอดไฟ ขณะที่จักรยานเคลื่อนที่ แผ่นสะท้อนแสงด้านท้าย มักจะติดมากับจักรยานตั้งแต่แรก เมื่อจักรยานเคลื่อนที่จะมีเสียงเกิดขึ้น ในบางประเทศจะมีกระดิ่งเตือน เมื่อเข้าใกล้คนเดินเท้า แต่บางครั้งกระดิ่งก็อาจจะใช้ แตรไฟฟ้า แทนได้เมื่อต่อกับแบตเตอรรี่ 12 โวลท์

บางประเทศ กำหนดให้ เด็กและหรือผู้ใหญ่จะต้องสวมหมวกกันน็อค ซึ่งช่วยป้องกัน การบาดเจ็บที่ศีรษะ ประเทศที่กำหนดให้ใช้กฎหมายนี้ รวมถึง สเปน นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย หมวกกันน็อคที่ใช้สวมใส่ เป็นสิ่งที่ถกเถียงกันมาก โดยมีฝ่ายหนึ่งเสนอว่าจะช่วยลดการบาดเจ็บจากการกะแทกที่ศีรษะ ในขณะที่อีกฝ่ายมองว่า การสวมหมวกกันน็อคแสดงถึงอันตรายของการปั่นจักรยาน และยุ่งยาก ซึ่งจะลดจำนวนคนที่จะเข้ามาปั่นจักรยานลง ซึ่งจะส่งผลให้สุขภาพของคนโดยรวมแย่ลง (คนบางส่วนปั่นจักรยาน เพื่อสุขภาพของตนเอง และยังคงปั่นอยู่ ซึ่งจะตรงข้ามกับ จำนวนของความปลอดภัย ที่เกิดขึ้น)

การถูกโจรกรรม

จักรยานมักจะเป็นเป้าหมายของการโจรกรรม เพราะว่า มีราคาและง่ายในการนำมาขายอีกครั้ง จำนวนของการสูญหายของจักรยานต่อปีเป็นสิ่งที่ยากที่จะรวบรวม เพราะว่า การถูกโจรกรรมบ่อยครั้งที่ผู้ถูกโจรกรรม ไม่ได้เข้าแจ้งความ[89]

ดูเพิ่ม

แม่แบบ:Outline

  • List of cycling topics

อ้างอิง

การอ้างอิง

แหล่งข้อมูล

อ่านเพิ่มเติม

แหล่งข้อมูลอื่น

แม่แบบ:Human-powered vehiclesแม่แบบ:Cyclingแม่แบบ:Bike equipment

🔥 Top keywords: หน้าหลักสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024บางกอกคณิกาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)เนติพร เสน่ห์สังคมวิทยาศาสตร์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)วันวิสาขบูชาวอลเลย์บอลลมเล่นไฟตารางธาตุอันดับโลกเอฟไอวีบีอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์หมวดหมู่:จังหวัดของประเทศไทยไลเกอร์รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยไอแซก นิวตันศาสนาพุทธราชวงศ์จักรีกาลิเลโอ กาลิเลอีประวัติศาสตร์ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนารายชื่อเครื่องดนตรีจังหวัดชัยนาทสังคายนาในศาสนาพุทธประเทศไทยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดนิวแคลิโดเนียวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยศาสนาพุทธในประเทศพม่าพระสุนทรโวหาร (ภู่)นริลญา กุลมงคลเพชร