ฟาบีโย กัวร์ตาราโร
ฟาบีโย กัวร์ตาราโร (ฝรั่งเศส: Fabio Quartararo (ออกเสียง: [kwartaˈraːro]) เกิดเมื่อ 20 เมษายน ค.ศ. 1999 ฉายา El Diablo, เป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์กรังด์ปรีซ์ชาวฝรั่งเศสในโมโตจีพีให้กับทีม มอนสเตอร์เอเนอร์จียามาฮ่าโมโตจีพี หลังจากชนะโมโตจีพี ฤดูกาล 2021 เขาเป็นผู้ครองแชมป์คนล่าสุดและเป็นชาวฝรั่งเศสคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์โลกในระดับพรีเมียร์คลาส[1]
ฟาบีโย กัวร์ตาราโร | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
กัวร์ตาราโรในปี 2015 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สัญชาติ | ฝรั่งเศส | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เกิด | นิส, ฝรั่งเศส | 20 เมษายน ค.ศ. 1999||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทีมปัจจุบัน | มอนสเตอร์เอเนอร์จียามาฮ่าโมโตจีพี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หมายเลขรถ | 20 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เว็บไซต์ | FabioQuartararo.fr | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ก่อนการแข่งขันในระดับกรังด์ปรีซ์ กัวร์ตาราโรเป็นแชมป์สแปนิชจูเนียร์แชมเปียนชิปถึง 6 สมัย รวมถึงประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ CEV โมโต3 ในฤดูกาล 2013 และ 2014 ด้วยความวำเร็จของเขาในตอนที่อายุยังน้อย ทำให้เขาถูกคาดหวังไว้ว่าจะเป็นนักแข่งคนสำคัญในอนาคต[2] เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับแชมป์โลกหลายสมัยอย่างมาร์ก มาร์เกซ[3][4] และได้สร้างสถิติอายุไว้หลายสถิติระหว่างเส้นทางการพัฒนาตนเองเพื่อที่จะก้าวขึ้นสู้การแข่งขันระดับชิงแชมป์โลก เขาล้มเหลวในการบรรลุความคาดหมายที่สูงในโมโต3และ โมโต2ชิงแชมป์โลก แต่ได้ขยับขึ้นไปแข่งขันในระดับโมโตจีพีกับทีมเปโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที และจบการแข่งขันในฐานะรุกกี้แห่งปีในฤดูกาล 2019 ด้วย 7 โพเดียมและจบในอันดับที่ 5 ของตารางคะแนนรวม หลังจากเก็บชัยชนะ 3 สนามรวดในฤดูกาล 2020 ที่เป็นฤดูกาลที่สั้นลงไป กัวร์ตาราโรย้ายขึ้นไปขับให้ทีมยามาฮ่าแฟคทอรีเรซซิงในฤดูกาล 2021 โดยมาแทนที่ของวาเลนตีโน รอสซี และได้แชมป์ในฤดูกาลแรกของเขากับทีมนี้ โดยเก็บชัยชนะไป 5 สนามและ 10 โพเดียม
เส้นทางอาชีพ
ช่วงแรกของอาชีพ
เกิดในเมืองนิส กัวร์ตาราโรเริ่มต้นอาชีพของเขาในฝรั่งเศสตั้งแต่อายุ 4 ปี ต่อมาเขาย้ายไปสเปนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน Promovelocidad Cup การแข่งขันสำหรับนักแข่งเยาวชนที่ได้จัดขึ้นโดย the Real Automóvil Club de Cataluña (RACC).[5] เขาชนะการแข่งขันในรุ่น 50cc ในปี 2008, รุ่น 70cc ในปี 2009 และ รุ่น 80cc ในปี 2011 ก่อนที่จะขยับขึ้นไปแข่งในรุ่น Moto3 ในสเปน กัวร์ตาราโรชนะการแข่งขันรุ่น Mediterranean pre-Moto3 ในปี 2012 ซึ่งหมายความว่าเป็นแชมป์ของประเทศสเปนอีกด้วย[3][6]
ซีอีวี เรปโซล
ย้ายมาร่วมการแข่งขันใน Moto3 คลาสของ CEV Repsol series 2013 กัวร์ตาราโร เข้าร่วมทีม Wild Wolf Racing บริหารโดยอดีตนักแข่งกรังด์ปรีซ์ ฆวน บอร์ฆา[7] โดยขี่ฮอนด้า กัวร์ตาราโรจบการแข่งขันบนโพเดียมในการแข่งขันครั้งแรกของเขาในซีรีส์ วิ่งในสนามเปียก[7] จบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ต่อจากเวย์น ไรอันจากสหราชอาณาจักรที่สนามซิร์กูอิตดาบาร์เซโลนา-กาตาลุนญา และในการแข่งขันรอบที่สองในสนามเดิมกัวร์ตาราโรจบการแข่งขันในอันดับที่ 6 และเป็นผลให้เขามีคะแนนสะสมเท่ากับผู้นำแชมเปียนชิปชาวดัตช์ ไบรอัน โชวเทินใน 4 สนามต่อมา กัวร์ตาราโรสามารถจบการแข่งขันใน 10 อันดับแรกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากสนามที่เขาได้โพลโพซิชันที่นาบาร์รา ทำให้เขามีคะแนนสะสมแชมเปียนชิปตกลงไปอยู่อันดับที่ 8[7] 37 คะแนนตามหลังนักแข่งชาวสเปน มาร์โกส รามิเรซ อย่างไรก็ตามกัวร์ตาราโรจบฤดูการอย่างแข็งแกร่ง เขาชนะ 3 เรซสุดท้ายด้วยการออกตัวจากโพลโพซิชัน เป็นการชนะในรายการครั้งแรก เอาชนะรามิเรซไปด้วยเวลาเกือบ 10 วินาทีในเรซสุดท้ายที่เฆเรซ จากผลการแข่งขัน กัวร์ตาราโรกลายเป็นนักแข่งคนแรกที่ไม่ใช่ชาวสเปนตั้งแต่ สเตฟาน บราเดิลในปี 2007 ที่สามารถเป็นแชมป์รายการนี้ได้[8] และในขณะที่มีอายุ 14 ปี 218 วัน ซึ่งเป็นแชมป์ซีรีส์ที่มีอายุน้อยที่สุด สร้างสถิติใหม่แซงสถิติเก่าที่ทำไว้โดยอเล็กซ์ เอสปากาโร[8]
กัวร์ตาราโรยังคงทำการแข่งขันใน CEV Repsol Championship ในฤดูกาล 2014 เพราะว่าเขาอายุยังไม่มากพอที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในระดับชิงแชมป์โลกได้[7] กฎ ประกาศในปี 2008 และบังคับใช้ในปี 2010 ได้ระบุไว้ว่านักแข่งจะต้องมีอายุ 16 ปี จึงสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในระดับกรังด์ปรีซ์ได้[9] แต่ย้ายไปทีมEstrella Galicia 0,0 junior บริหารโดย เอมิลิโอ อัลซาโมรา แชมป์โลกรุ่น 125cc ปี 1999[10]กัวร์ตาราโรจบฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์แบบไร้คู่แข่ง[11] ชนะ 9 ใน 11 สนาม ของฤดูกาล และในอีกสองสนามจบในอันดับที่ 2 ตามหลังมาริอา เอร์เรราที่เฆเรซ และฆอร์เฆ นาบาร์โรที่อัลบาเซเตการเป็นแชมป์ของเขามีคะแนนนำห่างอันดับที่ 2 อย่างนาบาร์โรถึง 127 คะแนน[8] ซึ่งเข้าร่วมเป็นทีมเมทของเขาในการแข่งขันในสนามสุดท้ายของฤดูกาลที่บาเลนเซีย ในการแข่งขันสนามสุดท้าย กัวร์ตาราโรเอาชนะนักแต่งระดับชิงแชมป์โลกอย่างอเล็กซิส มาสโบวและจอห์น แมคฟี กับรถของทีมSaxoPrint-RTG ซึ่งลงมาแข่งเป็นเพียงแค่สนามเดียวเท่านั้นในรายการ[8]
ผลงานของกัวร์ตาราโรในสแปนิชซีรีส์เป็นที่กล่าวขานกันในระดับชิงแชมป์โลก ในการแข่งขันซัพพอร์ตเรซหลักในเฟรนช์กรังด์ปรีซ์ 2014ที่เลอม็อง กัวร์ตาราโรชนะโดยมีเวลานำเกือบ 4 วินาทีในการแข่งขัน 9 รอบ เป็นผู้นำเกือบตลอดทั้งการแข่งขันโดยออกสตาร์ทจากกริดที่ 2[12]ในเดือนสิงหาคม 2014 คณะกรรมการของกรังด์ปรีซ์ ประกอบไปด้วยตัวแทนจากดอร์นาสปอร์ต, สหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ (FIM), สมาคมทีมแข่งรถจักรยานยนต์นานาชาติ (IRTA) และ Motorcycle Sports Manufacturers' Association (MSMA) ได้ประกาศการใช้กฎใหม่ ที่จะอนุญาตให้แชมป์ของการแข่งขัน FIM CEV Moto3 แชมเปียนชิป (ไม่ว่าอายุเท่าไรก็ตาม) สามารถเข้าร่วมการแข่งขัน Moto3 ชิงแชมป์โลกได้[13]
โมโต3 ชิงแชมป์โลก
เอสเตรยา กาลิเซีย 0,0 (2015)
กัวร์ตาราโรได้ถูกประกาศว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันโมโต3 ชิงแชมป์โลกในเดือนตุลาคม ปี 2014 ด้วยการประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมการอข่งขันแชมป์เปียนชิปเบื้องต้น[14] เขาอยู่กับทีมเอสเตรยา กาลิเซีย 0,0 ต่อไป ได้ขับฮอนด้าอีกครั้ง ที่พาเขาคว้าแชมป์ของประเทศสเปน และฆอร์เฆ นาบาร์โร[14] ได้เขามาเป็นเพื่อนร่วมทีมของเขา ซึ่งเป็นคู่แข่งที่ใกล้เคียงกับเขาที่สุดในตารางคะแนนสะสมรวม เขาทดสอบมอเตอร์ไซค์แข่งของทีมโมโต3เป็นครั้งแรกในช่วงหลังจบฤดูกาลที่การขี่ทดสอบที่บาเลนเซีย แต่เวลาที่เขาทำได้ในการทดสอบไม่ได้ถูกเก็บข้อมูลเนื่องจากเขาขี่ทดสอบโดยไม่มีtransponder ในช่วงวันแรกของการขี่ทดสอบช่วงพรีซีซั่นอย่างเป็นทางการที่บาเบนเซียในปี 2015 กัวร์ตาราโรทำเวลาได้เร็วที่สุดในเซสชั่นที่ 3[15] หลังจากการขี่ทดสอบ 3 วันที่เฆเรซ กัวร์ตาราโรเป็นผู้ทำเวลาได้เร็วที่สุดใน 5 เซสชั่นจาก 9 เซสชั่น รวมถึงทำได้ดีที่สุดในวันทดสอบสุดท้าย[16]
เรซแรกของเขาในกาตาร์, กัวร์ตาราโรทำเวลาควอลิฟายได้ออกตัวจากแถวที่ 2 กริด ที่ 6 โดยทำเวลาห่างจากนักแข่งเพื่อนร่วมชาติอเล็กซานเดอร์ มาสบูที่ทำเวลาได้โพลโพซิชันเพียง 0.123 วินาที[17] ในเรซ กัวร์ตาราโรอยู่ในกลุ่มผู้นำเสมอ และได้เป็นผู้นำจนเหลือสองรอบสุดท้าย แต่ว่ารถของเขากับฟรันเชสโก บัญญายาได้มีการกระแทกกัน ทำให้นักแข่งทั้งสองคนต้องมีอันดับหล่นลงไป โดยที่กัวร์ตาราโรจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 7 การจบการแข่งขันได้ไม่ห่างกันมากนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของการแข่งรถ กัวร์ตาราโรมีเวลาห่างจากผู้ชนะการแข่งขันมาสบูเพียงแค่ 0.772 วินาที[18] เรซต่อมาที่ ออสติน, เท็กซัส กัวร์ตาราโรขึ้นโพเดียมได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ดัวยอันดับที่ 2 ตามหลังแดนนี่ เค็นท์[19] เขาได้โพลโพซิชันครั้งแรกในสแปนิชกรังด์ปรีซ์ โดยมีเวลาดีกว่าเค็นท์ 0.100 วินาที[20] แต่จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 4 ในสนามบ้านเกิดที่เลอมองส์ กัวร์ตาราโรได้โพลโพซิชันอีกครั้ง โดยมีเวลาห่างจากเพื่อนร่วมทีมของเขานาวาร์โรเพียงมากกว่า 0.100 วินาที[21] เขาขึ้นนำการแข่งขันในข่วงต้นเรซ แต่ว่าเขาล้มไฮไซด์ในตอนที่เขากำลังอยู่ในอันดับที่ 4[22]
กัวร์ตาราโรได้กลับมาขึ้นโพเดียมด้วยด้วยการจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ที่Quartararo returned to the podium with a second-place finish at อัสเซิน,[23] หลังจากอยู่ในกลุ่มผู้นำได้ทั้งเรซ เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 โดยมีเวลาตามหลังผู้ชนะมิเกล โอลิเวราเพียง 0.066 วินาที ในอีก 4 สนามข้างหน้า กัวร์ตาราโรแข่งจบและไม่จบสลับกันไปโดยจบการแข่งขันในอันดับที่ 11 ที่อินเดียนาโปลิส และในอันดับที่ 4 ที่ซิลเวอร์สโตน ที่มีซาโน กัวร์ตาราโรล้มในช่วง FP2[24] ทำให้ข้อเท้าขวาของเขาหัก จากอาการบาดเจ็บเป็นผลให้เขาพลาดการแข่งขัน กัวร์ตาราโรยังพลาดลงทำการแข่งขันในสนามต่อมาที่อารากอนด้วย เขาถูกแทนที่ด้วยนักแข่งCEV โมโต3ของทีม เซนะ ยามาดะ.[25] กัวร์ตาราโรกลับมาทำการแข่งขันอีกครั้งในรายการเจแปนนีสกรังด์ปรีซ์ แต่ถอนตัวออกจากการแข่งขันหลังจากควอลิฟายได้ออกตัวจากกริดที่ 29 เนื่องจากยังคงรู้สึกเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง[26] กัวร์ตาราโรถอนตัวออกจากการแข่งขันออสเตรเลียในกรังด์ปรีซ์ด้วย หลังจากควอลิฟายได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 19[27] ในที่สุด กัวร์ตาราโรก็จบฤดูกาลด้วยอันดับที่สิบ ด้วยคะแนนเก้าสิบสองแต้ม
ลีโอพาร์ด เรซซิง (2016)
ในวันที่ 26 กันยายน 2015 ได้มีการประกาศว่ากัวร์ตาราโรจะออกจากทีมเอสเตรยา กาลิเซีย 0,0 และเข้าร่วมทีมลีโอพาร์ด เรซซิง ด้วยสัญญา 2 ปี เริ่มจากฤดูกาล 2016.[28] กัวร์ตาราโรถูกจัดให้อยู่กลุ่มตัวเต็งลุ้นแชมป์ของฤดูกาลเพราะผลงานของเขาในปีแรกและเป็นเพราะทีมลีโอพาร์ด เรซซิงเพิ่งจะคว้าแชมป์ปีที่แล้วด้วยกับแดนนี เค็นท์ แต่ฤดูกาลนี้กลายเป็นปีแห่วความหายนะของกัวร์ตาราโร ในสามสนามแรกเขาจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 13 ตามด้วยล้มที่ประเทศสเปน กัวร์ตาราโรจบในอันดับที่ 6 ในการแข่งขันในสนามบ้านเกิดที่เลอม็องส์ กัวร์ตาราโรจบการแข่งขันแบบไม่มีคะแนนเลย 6 สนาม และผลการแข่งขันที่เขาทำได้ดีที่สุดคืออันที่ 4 ที่ออสเตรีย
โมโต2 ชิงแชมป์โลก
ปอนส์ เรซซิง (2017)
กัวร์ตาราโรเปลี่ยนจากโมโต3 มาเป็น โมโต2 ในปี 2017 กับทีมปอนส์ เรซซิงเป็นเพื่อนร่วมทีมของเอ็ดการ์ ปอนส์ ในสนามแรกของเขา กัวร์ตาราโรจบการแข่งขันในอันดับที่ 7 ที่กาตาร์ ผลงานที่กว่านี้ในฤดูกาลนี้ของเขามีเพียงสนามเดียวเท่านั้นคือการจบการแข่งขันในอันดับที่ 6 ที่ซานมารีโน เขาจบฤดูกาลการแข่งขันดัวยคะแนน 64 แต้ม และอันดับที่ 13 ของตารางคะแนนรวม
สปีดอัพ เรซซิง (2018)
สำหรับปี 2018 กัวร์ตาราโรย้ายไปอยู่กับทีมสปีดอัพ เรซซิง เขาได้ชัยชนะระดับกรังด์ปรีซ์ครั้งแรกที่กาตาลุญญา แต่ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการแข่งขันสนามต่อมาด้วยการจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ที่อัสเซิน ช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลเป็นช่วงเวลาที่ยากของเขา โดยไม่สามารถขึ้นโพเดียมได้อีก และจบด้วยคะแนน 138 แต้มในอันดับที่ 10 ของตารางคะแนนรวม
โมโตจีพี ชิงแชมป์โลก
เปโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที (2019–2020)
2019
ในเดือน สิงหาคม ปี 2018 ได้มีการประกาศว่ากัวร์ตาราโรได้เข้าร่วมกับฟรังโก มอร์บีเดลลีในทีมที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นทีมรอง ยามาฮ่า เปโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ในปี 2019.[29] เขาจะได้ขี่ยามาฮ่าสเป็คปี 2018 อย่างไรก็ตาม ยามาฮ่าได้ให้รถสเป็คทีมโรงงานยามาฮ่ากับเขา เป็นที่รู้จักในชื่อ "สเป็ค-บี"
เขาควอลิฟายได้ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพลโพซิชันในสแปนิชกรังด์ปรีซ์ และการได้โพลโพซิชันครั้งนี้เขาทำลายสถิติเป็นนักแข่งที่ได้โพลโพซิชันในโมโตจีพีที่มีอายุน้อยที่สุด โดยก่อนหน้านี้สถิติเป็นของมาร์ก มาร์เกซที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2013 เขายังควอลิฟายได้โพลโพซิชันที่กาตาลุญญาด้วย (ในที่สุดก็จบการแข่งขันในอันดับที่สอง) และเรซต่อมาที่อัสเซิน ได้สร้างสถิติเวลาที่เร็วที่สุดต่อรอบสนามใหม่และกลายเป็นนักแข่งที่มีอายุน้อยที่สุดที่สามารถควอลิฟายได้โพลพิซิชันสองสนามติดกันในประวัติศาสตร์ของโมโตจีพี[30] เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 3 ที่อัสเซิน ตามหลังมาเบริก บิญญาเลสและมาร์ก มาร์เกซ Tเรซต่อมาที่ซัคเซินริง เขาควอลิฟายได้ออกสตาร์ทจากกกริดที่ 2 ตามหลังมาร์เกซ ในช่วงการแข่งขันในรอบที่ 2 กัวร์ตาราโรล้มในโค้งที่ 3 ในขณะที่อยู่ด้านในกับเปตรุชชี เขาจบการแข่งขันลงที่ก้อนกรวด การล้มครั้งนี้เป็นการล้มครั้งแรกในฤดูกาลแรกของเขาในโมโตจีพี[31] กัวร์ตาราโรได้ขึ้นโพเดียมอีกครั้งด้วยการจบการแข่งขันในอันดับที่ 3 ที่ออสเตรีย และได้อันดับที่ 2 สี่ครั้งที่ซานมารีโน, ไทย, ญี่ปุ่น และบาเลนเซีย เขาออกสตาร์ทจากโพลโพซิชันที่ไทย, มาเลเซีย และบาเลนเซีย ในที่สุด กัวร์ตาราโรก็จบฤดูกาลการแข่งขันในอันดับที่ 5 ของตารางคะแนนรวม ด้วยคะแนน 192 แต้ม 7 โพเดียม และ 6 โพลโพซิชัน
2020
เรซแรกในฤดูกาล 2020ที่เฆเรซถูกเลื่อนออกไป กัวร์ตาราโรควอลิฟายได้โพลโพซิชัน และคว้าชัยชนะครั้งแรกในการแข่งขันระดับพรีเมียร์ หลังจากตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 5 ในรอบแรกของการแข่งขันได้เพียงชั่วครู่[32] ในสนามที่ 2 ที่เฆเรซที่จัดซ้ำอีกครั้ง กัวร์ตาราโรทำสิ่งที่ได้ในสนามแรกซ้ำอีกครั้งโดยควอลิฟายได้โพลโพซิชันและชนะการแข่งขัน ครั้งนี้นำตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ท และสร้างระยะห่างถึง 8 วินาที เมื่อขี่ได้ 20 รอบ ก่อนที่จะเข้าเส้นชัยไปแบบสบาย ๆ โดยมีเวลานำมาเบริก บิญญาเลสอันดับที่ 2 ไป 4.5 วินาที[33][34] หลังจากความยากลำบากในการแข่งขันใน 5 สนามหลัง กัวร์ตาราโรได้เห็นว่าความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ของเขาริบหรี่ลงเมื่อผ่านมาถึงกลางฤดูกาล เขาคว้าชัยชนะครั้งที่ 3 ที่กาตาลุญญาทำให้เขามีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ในตารางคะแนนรวม[35] ในสนามอารากอน เขาได้รับบาดเจ็บที่สะโพกหลังจากการล้มไฮไซด์ใน FP3 แต่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อนุมัติให้เขาสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในรอบควอลิฟาย และเขาควอลิฟายได้ตำแหน่งโพลโพซิชัน[36] ความเจ็บปวดที่ยังคงอยู่และปัญหากับยางหน้าในสภาพสนาม ทำให้เขามีอันดับตกลงไปอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็จบการแข่งขันในอันดับที่ 18[37] เป็นการจบการแข่งขันแบบไม่ได้เป็นการออกจากการแข่งขันแล้วไม่มีคะแนนเป็นครั้งแรกในโมโตจีพีของเขานับตั้งแต่การแข่งขันสนามแรกในโมโตจีพีของเขาที่กาตาร์
มอนสเตอร์ เอเนอร์จี ยามาฮ่า โมโตจีพี (2021–ปัจจุบัน)
หลังจากปีแรกในโมโตจีพี ยามาฮ่า แฟคทอรี่ เรซซิงได้ประกาศในวันที่ 29 มกราคม 2020 ว่า กัวร์ตาราโรจะเข้ามาแทนที่ของวาเลนตีโน รอสซี โดยเริ่มจากฤดูกาล 2021 และเข้าจะได้รับรถยามาฮ่ารุ่นเดียวกับทีมโรงงานในฤดูกาลที่เหลืออยู่ของเขาในเปโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที[38]
กัวร์ตาราโรเริ่มต้นฤดูกาลในโลเซลด้วยการจบการแข่งขันในอันดับที่ 5 และอันดับที่ 1 ในการแข่งสองสัปดาห์ติดกันกันที่นี่[39][40] สองสัปดาห์ต่อมาในปอร์ติเมา เขาควอลิฟายได้โพลโพซิชัน (หลังจากเวลาของฟรันเชสโก บัญญายาถูกให้เป็นโมฆะ) และเขาขึ้นนำการแข่งขันในรอบที่ 17 ถึง 25 ในการคว้าชัยชนะเป็นครั้งที่สองของเขาในฤดูกาล[41][42] กัวร์ตาราโรได้โพลโพซิชันอีกครั้งที่เฆเรซ และเขากำลังขึ้นนำการแข่งขันมาได้ครึ่งทางอย่างสบาย ๆ แต่หลังจากนั้นเขาเริ่มได้รับบาดเจ็บจากอาการ arm pump ทำให้อันดับของเขาลงไปอยู่ข้างหลัง เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 13 ในขณะที่แจ็ค มิลเลอร์ได้รับชัยชนะในการแข่งขัน หลังจากได้รับการผ่าตัด กัวร์ตาราโรควอลิฟายได้โพลโพซิชันที่เลอมองส์ เป็นการได้โพลโพซิชันสามครั้งติดต่อกันของเขา หลังจากความยากลำบากในช่วงซ้อม ในระหว่างการแข่งขัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด ฝนเริ่มตกลงมา กัวร์ตาราโรรวมถึงนักแข่งคนอื่น ๆ ได้เข้าไปเปลี่ยนรถ อย่างไรก็ตามเขาถูกลงโทษ long lap เพราะตอนที่เขาขี่เข้าไปเปลี่ยนรถที่การาจของมาเบริค บิญญาเลส แทนที่จะเป็นการาจของเขา ถึงแม้ว่าจะโดนลงโทษ แต่เขาก็สามารถจบการแข่งขันได้ในอันดับที่ 3 ในประเทศบ้านเกิดของเขา เพื่อนร่วมชาติโยฮันน์ ซาร์โกในอันดับที่ 2 และแจ็ค มิลเลอร์)ในอันดับที่ 1
กัวร์ตาราโรได้โพลโพซิชันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการทำได้ 4 โพลโพซิชันติดต่อกัน ที่อิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ที่มูเจลโล แต่ในช่วงสุดสัปดาห์นั้นถูกกลบไปด้วยการจากไปของนักแข่งโมโต3 เจสัน ดูปาสเกียร์ ซึ่งเสียชีวิตหลังจากเกิดอุบัติเหตุในช่วงควอลิฟาย กัวร์ตาราโรชนะการแข่งขัน เป็นชัยชนะครั้งที่ 3 ของเขาในฤดูกาล และอุทิศโพลโพซิชันและชัยชนะให้กับดูปาสเกียร์[43] ที่กาตาลุญญา กัวร์ตาราโรได้โพลโพซิชัน ซึ่งเป็นการได้โพลโพซิชันติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำได้ในระดับพรีเมียร์คลาสมาตั้งแต่มาร์ก มาร์เกซที่ทำได้ในปี2014 เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 3 แต่โดนปรับลงมาได้อันดับที่ 4 เนื่องจากเขาถูกลงโทษโดยบวกเวลาเพิ่มไป 3 วินาที จากการที่เขาใช้ทางลัด และเขาถูกลงโทษบวกเวลาเพิ่มไปอีก 3 วินาทีหลังจบการแข่งขันอีก เนื่องจากเขาขี่รถทำการแข่งขันโดยที่ชุดสูทหนังของเขาเปิดอยู่ ซิปของชุดรูดลงมาและกัวร์ตาราโรถอด chest protector ของเขาออก เป็นการละเมิดกฎของการแข่งขันที่ต้องการให้นักแข่งใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกต้องตลอดเวลา[44] ทำให้กัวร์ตาราโรถูกปรับอันดับลงไปอยู่ในอันที่ 6 กัวร์ตาราโรเพิ่มความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำชิงแชมป์โลกด้วยการจบการแข่งขันในอันดับที่ 3 ที่ซัคเซินริง ชนะอีกครั้งที่อัสเซิน และอันดับที่ 3 ที่ชปีลแบร์ก.
กัวร์ตาราโรชนะการแข่งขันเป็นครั้งที่ 5 ที่ซิลเวอร์สโตน และจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 2 อีกสองครั้งที่รีมีนี และออสติน เขามีคะแนนห่างจากฟรันเชสโก บัญญายา 52 คะแนน และเหลือการแข่งขันอีก 3 สนาม บัญญายาขึ้นนำการแข่งขันจนเหลือ 5 รอบสุดท้ายที่มีซาโน แต่ล้มออกจากการแข่งขันไป ทำให้หมดลุ้นแชมป์โลก ทำให้เป็นการยืนยันว่ากัวร์ตาราโรเป็นแชมป์โลกในขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 2 สนาม[45]
ในวันที่ 2 มิถุนายน 2022 กัวร์ตาราโรต่อสัญญากับทีมออกไปอีกสำหรับปี 2022 และ 2024[46]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- MotoGP profile เก็บถาวร 2018-02-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เก็บถาวร 2021-08-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน