วิกฤตการณ์ตัวประกันโรงเรียนในเบสลัน
วิกฤตตัวประกันโรงเรียนในเบสลัน (หรือ การสังหารหมู่ที่เบสลัน และ การล้อมโรงเรียนในเบสลัน)[2][3][4] เป็นเหตุก่อการร้ายที่เริ่มต้นในวันที่ 1 กันยายน 2004 และกินเวลายาวนานสามวัน ประกอบด้วยการจับพลเมือง 1,100 คนเป็นตัวประกัน ในจำนวนนี้ 777 คนเป็นเด็ก[5] และจบลงด้วยมีผู้เสียชีวิต 334 ราย (ไม่รวมผู้ก่อเหตุ) ในจำนวนนี้มีเด็กเสียชีวิต 186 ราย[6] ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตรวม 31 ราย[1] เหตุการณ์นี้เป็นการกราดยิงในโรงเรียนที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์[7]
การล้อมโรงเรียนในเบสลัน | |
---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของก่อการร้ายในประเทศรัสเซีย, ความขัดแย้งระหว่างเชเชนกับรัสเซีย | |
ภายในโรงยิมของโรงเรียนที่ตัวประกันถูกนำมารวมตัวกัน ในภายหลังได้แปรสภาพมาเป็นอนุสรณ์สถาน ตรงกลางเป็นกางเขนออร์ทอดอกซ์ | |
สถานที่ | เบสลัน นอร์ตออสเซเตีย-อาลาเนีย ประเทศรัสเซีย |
วันที่ | 1–3 กันยายน 2004 (UTC+3) |
เป้าหมาย | โรงเรียนในเบสลัน |
ประเภท | การจับตัวประกัน, การยิง, การฆาตกรรมหมู่, ระเบิดพลีชีพ, การปิดล้อมสถานที่ |
อาวุธ | ปืนไรเฟิล, ระเบิดเข็มขัด |
ตาย | 334 (ไม่รวมผู้ก่อการร้าย 31 ราย)[1] |
เจ็บ | 800+ |
ผู้ก่อเหตุ | รียาดูสซาลีฮิน |
จำนวนก่อเหตุ | 32 |
วิกฤตการณ์เริ่มต้นด้วยผู้ก่อการร้ายติดอาวุธจำนวนหนึ่งเข้ายึดครองโรงเรียนหมายเลขหนึ่ง (School Number One (SNO)) ในเมืองเบสลัน เขตปกครองตนเองออสเซเตียเหนือ ในแถบคอเคซัสเหนือของประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2004 ผู้ก่อเหตุเป็นสมาชิกของกลุ่มรียาดุสซาลิฮีน ที่ส่งตัวมาโดยขุนศึกชามิล บาซาเยฟ โดยเรียกขอให้รัสเซียถอนกำลังออกจากเชชเนียและประกาศยอมรับเอกราชของเชชเนีย เหตุการณ์สิ้นสุดหลังผ่านไปสามวัน โดยกองกำลังของรัสเซียบุกเข้าภายในโรงเรียน
เหตุการณ์นี้มีผลกระทบต่อความมั่นคงและการเมืองในรัสเซียอย่างมากในเวลาถัดมา โดยเฉพาะการนำไปสู่การปฏิรูปการปกครองรัฐโดยมีการยึดอำนาจกลับคืนมายังเครมลิน และเสริมอำนาจให้กับวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดี[8] การรับมือกับเหตุการณ์นี้ของรัฐบาลรัสเซียถูกวิจารณ์อย่างมาก รวมถึงข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลทำการแพร่ข้อมูลเท็จและมีการปิดกั้นสื่อซึ่งนำไปสู่การตั้งคำถามถึงเสรีภาพสื่อในประเทศ[9] ไปจนถึงการต่อรองเจรจากับผู้ก่อการร้าย การจัดการอำนาจรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา และการใช้กำลังเกินเหตุ[10][11][12][13]