โบสถ์นักบุญโปร์ฟีริออส
โบสถ์นักบุญโปร์ฟีริออส (อาหรับ: كنيسة القديس برفيريوس, อักษรโรมัน: Kanīsat al-Qadīs Burfīryūs; Church of Saint Porphyrius) เป็นโบสถ์คริสต์กรีกออร์ทอดอกซ์ในนครกาซา ปาเลสไตน์ โบสถ์นี้สังกัดอัครบิดรแห่งเยรูซาเลม และเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในกาซาที่ยังเปิดประกอบศาสนกิจอยู่จนปัจจุบัน และว่ากันว่าเป็นโบสถ์ที่เก่าที่สุดเป็นอันดับสามของโลก[1] โบสถ์ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของกาซา และตั้งชื่อตามบิชอปแห่งกาซาในสมัยศตวรรษที่ 5 นักบุญโปร์ฟีริออส ผู้ซึ่งฝังร่างไว้อยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือของโบสถ์[2]
โบสถ์นักบุญโปร์ฟีริออส | |
---|---|
كنيسة القديس برفيريوس | |
โบสถ์เมื่อปี 2022 | |
31°30′12″N 34°27′44″E / 31.5033062°N 34.4620836°E | |
ที่ตั้ง | นครกาซา |
ประเทศ | ปาเลสไตน์ |
นิกาย | อัครบิดรกรีกออร์ทอดอกซ์แห่งเยรูซาเลม |
ประวัติ | |
อุทิศแก่ | นักบุญโปร์ฟีริออส |
เสกเมื่อ | 1150 |
สถาปัตยกรรม | |
แล้วเสร็จ | 1150-1160 |
โครงสร้าง | |
อาคารยาว | 22.9 เมตร (75 ฟุต)* |
อาคารกว้าง | 8.9 เมตร (29 ฟุต)* |
การปกครอง | |
อัครมุขมณฑล | ทีเบอรีอุส |
นักบวช | |
อัครมุขนายก | อาเลกซีโอส โมสโชนัส (Alexios Moschonas) |
ประวัติศาสตร์
ภูมิหลัง
มีโบสถ์คริสต์สร้างขึ้นที่จุดนี้เก่าแก่ถึงปี 425[3] แต่อาคารโบสถ์หลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นโดยทัพครูเสดในทศวรรษ 1150s หรือ 1160s และอุทิศแด่นักบุญโปร์ฟีริออส มีหลักฐานจากศตวรรษที่ 15 ที่แสดงให้เห็นว่าโบสถ์นี้ยังอุทิศแด่พระนางพรหมจารีย์มารีอา[4]
มีการบูรณะโบสถ์ในปี 1856[2] ยังคงมีบางโครงสร้างของโบสถ์ที่มาจากสมัยครูเสด กระนั้นส่วนใหญ่เป็นการต่อเติมสร้างเพิ่มในภายหลัง[5]
สงครามระหว่างฮะมาสกับอิสราเอล
ในระหว่างสงครามกาซาปี 2014 ชาวปาเลสไตน์ราว 2,000 คนได้หลบหนีการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 70 รายก่อนหน้า มาลี้ภัยอยู่ที่โบสถ์นี้ ระหว่างการทิ้งระเบิด ครอบครัวต่าง ๆ นอนหลับตามโถงทางเดินและห้องของโบสถ์รวมถึงอาคารที่ติดกัน รวมทั้งมีมื้ออาหารและบริการการแพทย์แก่ผู้ลี้ภัยภายในโบสถ์[6][7]
โบสถ์นี้เป็นพื้นที่ลี้ภัยการทิ้งระเบิดของอิสราเอลอีกครั้งในระหว่างสงครามอิสราเอล–ฮะมาส พ.ศ. 2566[8] กระทั่งวันที่ 19 ตุลาคม 2023 กองกำลังของอิสราเอลยิงระเบิดมิสไซล์รวมสี่ลูกที่ระเบิดในบริเวณโดยรอบซึ่งมีชาวปาเลสไตน์ลี้ภัยอยู่ราว 400-500 คน[9][10][11] ตัวแทนของโบสถ์ได้ยืนยันว่าในบรรดาระเบิดของอิสราเอลนี้ มีโถงของโบสถ์ที่ถูกระเบิดเสียหายสองโถงซึ่งเป็นที่พักพิงของพลเมืองปาเลสไตน์ที่ลี้ภัยอยู่ และเป็นผลให้สีอาคารถล่มหนึ่งหลังของโบสถ์[12][13] มีผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่โบสถ์อย่างน้อย 16-18 ราย และอีกไม่ทราบจำนวนที่ติดภายใต้ซากอาคาร[14][15]
ทางการอิสราเอลออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีทางอากาศนี้ซึ่งอ้างว่ามีเป้าหมายคือศูนย์บัญชาการของฮะมาสที่ตั้งอยู่ใกล้กัน รวมถึงระบุว่าเหตุการณ์นี้ที่โบสถ์ได้รับผลกระทบตลอดจนผู้ลี้ภัยเสียชีวิตยังอยู่ภายใต้การทบทวน[16][17][18]
สถาปัตยกรรม
โบสถ์นักบุญโปร์ฟีริออสมีแปลนรูปสี่เหลี่ยม ปลายเป็นหลังคาครึ่งโดม[19] มีทางเท้าขนาด 1.8 เมตร (5.9 ฟุต)* ใต้ระดับพื้นทางใต้ของโบสถ์ และอีก 3 เมตร (9.8 ฟุต)* ใต้ระดับพื้นทางเหนือของโบสถ์ ทำให้มีข้อเสนอว่าโบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นทับโบสถ์หลังเดิมที่มีอยู่มาก่อนหน้า[4] โบสถ์ประกอบด้วยทางเดินทางเดียว ขนาดภายในของโสถ์อยู่ที่ ยาว 22.9 เมตร (75 ฟุต)* กว้าง 8.9 เมตร (29 ฟุต)* ลักษณะทางสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างมีความคล้ายกันกับอาสนวิหารนักบุญยอห์นผู้ให้บัปติศมา (คือมัสยิดใหญ่กาซาในปัจจุบัน)[4]
โบสถ์มีสามทางเข้า ทางแรกเป็นพอร์ทีโค ที่มีเสาหินอ่อนสามเสารองรับส่วนโค้งสองยอด[19] ฐานของเสาหินอ่อนมีอายุมาจากสมัยครูเสด[20] ส่วนอีกทางเชื่อมกับส่วนของอาคารที่ใหม่กว่า มีบันไดติดอยู่สำหรับเดินไประดับทางเท้า[5]
อ้างอิง
บรรณานุกรม
- Clermont-Ganneau, C. S. (1896). [ARP] Archaeological Researches in Palestine 1873-1874, translated from the French by J. McFarlane. Vol. 2. London: Palestine Exploration Fund. (pp. 381-3
- Cohen, Amnon; Lewis, B. (1978). Population and Revenue in the Towns of Palestine in the Sixteenth Century. Princeton University Press. ISBN 0-691-09375-X.
- Dumper, Michael; Abu-Lughod, J. (2007). Cities of the Middle East and North Africa: A Historical Encyclopedia. ABC-CLIO. ISBN 978-1-57607-919-5.
- Meyer, Martin Abraham (1907). History of the city of Gaza: from the earliest times to the present day. Columbia University Press.
- Pringle, D. (1993). The Churches of the Crusader Kingdom of Jerusalem: A-K (excluding Acre and Jerusalem). Vol. I. Cambridge University Press. ISBN 0-521-39036-2.