นิพัทธ์ ทองเล็ก | |
---|---|
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | |
ดำรงตำแหน่ง 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 – 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 | |
ปลัดกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 – 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 (0 ปี 235 วัน) | |
ก่อนหน้า | ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน |
ถัดไป | สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 14 ตุลาคม พ.ศ. 2498 (68 ปี) จังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศไทย |
คู่สมรส | ทันตแพทย์หญิง รัตนาวดี ทองเล็ก |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | กองทัพบกไทย |
ยศ | พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก |
พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก เป็นอดีตนายทหารชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (เศรษฐา ทวีสิน) เป็นอดีตที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์)[1] และเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
พล.อ. นิพัทธ์ เกิดเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2498 เป็นบุตรของพ.อ. สนอง และนางไพเราะ ทองเล็ก สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์, โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 14, โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 25, หลักสูตรหลักประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 65 และยังสำเร็จหลักสูตรทางการทหารจากออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และสหรัฐ รวมถึงปริญญาโทศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการ) จากมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์อีกด้วย
พล.อ. นิพันธ์ สมรสกับ ทพญ. รัตนาวดี ทองเล็ก มีบุตร 2 คน
พล.อ. นิพัทธ์ เริ่มชีวิตราชการทหารในตำแหน่งผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ต่อมาได้ปรับย้ายเป็น ผู้บังคับกองร้อยฝึก ร.21 พัน.3 รอ. ปฏิบัติการตามแผนป้องกันประเทศ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี โดยในช่วงที่เกิดเหตุกบฎเมษาฮาวาย ซึ่งพล.อ. นิพัทธ์ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ได้รับคำสั่งให้นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ เข้าควบคุมตัว พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายก่อการยึดอำนาจ[2]
หลังจากนั้น พล.อ. นิพัทธ์ได้ศึกษาต่อยังต่างประเทศ และชีวิตราชการของเขาก็ก้าวหน้าเป็นลำดับ จนกระทั่งได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหมเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 โดยผลงานสำคัญคือเป็นแกนนำเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในภาคใต้กับขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี ต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ[3]ระหว่าง 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 31 มีนาคม 2557 จากนั้นหลังรัฐประหาร พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. มีคำสั่งให้ย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[4], ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม[5] และแต่งตั้งเขาเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามลำดับ[6]
ในปี พ.ศ. 2563 พล.อ. นิพัทธ์เคยได้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ,ผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่กรรมการสรรหาฯ วินิจฉัยว่าเขามีลักษณะต้องห้ามเพราะเพิ่งพ้นจากการดำรงตำแหน่ง สนช.[7]
ได้เป็นแกนนำเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในภาคใต้กับขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี เมื่อปีพ.ศ. 2556[8]
ในปี พ.ศ. 2565 นิพัทธ์เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[1] เขาเสนอให้ปรับปรุงโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพฯ จำนวน 437 แห่ง และแนะนำให้เพิ่มศักยภาพเทศกิจ ให้สามารถช่วยงานด้านความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินในช่วงเวลากลางคืน[9] ต่อมาในปี 2566 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี[10]
| ||