การบุกครองยูโกสลาเวีย
การบุกครองยูโกสลาเวีย เป็นที่รู้จักในชื่อ สงครามเดือนเมษายน[a] หรือ ปฏิบัติการ 25[b] เริ่มขึ่นเมื่อเยอรมนีร่วมกับฝ่ายอักษะเปิดฉากโจมตีราชอาณาจักรยูโกสลาเวียในวันที่ 6 เมษายน 1941 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังเกิดรัฐประหารยูโกสลาเวียเมื่อหลายวันก่อนหน้า[12]
การบุกครองยูโกสลาเวีย | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ การทัพบอลข่านในสงครามโลกครั้งที่ 2 | |||||||||
ภาพประกอบการรุกรานของฝ่ายอักษะตามซีรีส์ Why We Fight | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
ยูโกสลาเวีย | |||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
| |||||||||
กำลัง | |||||||||
เยอรมนี: ทหาร 337,096 นาย รถถัง 875 คัน อากาศยาน 990 ลำ อิตาลี: ทหาร 22 กองพล อากาศยาน 666 ลำ[1] ฮังการี: ทหาร 9 กองพลน้อย 6 ฝูงบิน | ทหาร 700,000 นาย (400,000 ผ่านการฝึกเพียงเล็กน้อย)[2] รถถัง 110[3]–200 คัน[4] (เป็นรถถังสมัยใหม่ 50[4]–54 คัน[3]) อากาศยาน 460[5]–505 ลำ (รวมเครื่องบินทิ้งระเบิดสมัยใหม่ 103 ลำ[4] และเครื่องบินจู่โจมสมัยใหม่ 107 ลำ[6]) | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
เยอรมนี:[7] เสียชีวิต 151 นาย บาดเจ็บ 392 นาย หายไป 15 นาย อากาศยานถูกยิงตก 40 ลำ อิตาลี: เสียชีวิตและบาดเจ็บ 3,324 นาย อากาศยานถูกยิงตกมากกว่า 10 ลำ อากาศยานเสียหาย 22 ลำ ฮังการี: เสียชีวิต 120 นาย บาดเจ็บ 223 นาย หายไป 13 นาย อากาศยานถูกยิงตก 7 ลำ | พลเมืองและทหารเสียชีวิตพันกว่าคน ถูกจับ 254,000–345,000 คน (โดยเยอรมนี) ถูกจับ 30,000 คน (โดยอิตาลี) อากาศยานถูกยิงตก 49 ลำ นักบินและลูกเรือเสียชีวิต 103 คน อากาศยาน 210–300 ลำถูกยึด[8] เรือพิฆาตถูกทำลาย 3 ลำ เรือดำน้ำถูกยึด 3 ลำ |
ยูโกสลาเวียดำรงความเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้เกือบ 2 ปี แต่เมื่อเดือนมีนาคมปี 1941 เจ้าชาย Paul ถูกบีบบังคับให้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับฝ่ายอักษะ ทำให้เกิดการโค่นล้มอำนาจของพระองค์เพื่อปฏิเสธการเป็นพันธมิตรกับอักษะในเบลเกรด และ องค์มกุฏราชกุมารได้ถูกยกขึ้นมาเป็นสมเด็จพระเจ้าปีเตอร์ที่ 2 ปกครองยูโกสลาเวียแทน ฝ่ายอักษะจึงเข้าโจมตียูโกสลาเวียและแยกดินแดนยูโกสลาเวียเป็นส่วน ๆ แบ่งสรรกันในหมู่ฝ่ายอักษะ (อิตาลี เยอรมนี บัลแกเรีย ฮังการี โรมาเนีย แอลเบเนีย) แต่ที่สำคัญคือยกกลุ่มอูสตาเชให้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลปกครองรัฐเอกราชโครเอเชีย (Independent State of Croatia)
เบื้องหลัง
ในช่วงตุลาคม ค.ศ. 1940 ราชอาณาจักรอิตาลีได้โจมตีราชอาณาจักรกรีซ ก่อนจะถอยกลับเข้าไปในราชอาณาจักรแอลเบเนีย ผู้นำแห่งเยอรมันอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้ตัดสินใจที่จะส่งกำลังเพื่อเข้าไปช่วยพันธมิตรของเขา ผู้นำอิตาลีเบนิโต มุสโสลินี ฮิตเลอร์ไม่เพียงต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีของฝ่ายอักษะหลังความพ่ายแพ้ในยุทธการที่บริเตนเท่านั้น แต่ต้องการหยุดการทิ้งระเบิดของอังกฤษในบ่อน้ำมันที่โรมาเนียและครอบครองบ่อน้ำมันนั้นด้วย[13]
ใน ค.ศ. 1940 ถึงช่วงต้น ค.ศ. 1941 ราชอาณาจักรฮังการี, ราชอาณาจักรโรมาเนีย และราชอาณาจักรบัลแกเรียได้ทำการเข้าร่วมกติกาสัญญาไตรภาคีของฝ่ายอักษะและฮิตเลอร์ก็ได้ทำการกดดันให้ยูโกสลาเวียเข้าร่วม หลังจากนั้นผู้แทนของเจ้าชายพอลได้ประกาศว่าจะนำยูโกสลาเวียเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ.1941[14] ซึ่งทำให้นายทหารชาวเซิร์บรวมถึงประชาชนบางส่วนไม่พอใจโดยเฉพาะชาวเซิร์บ เช่น ฝ่ายประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์[15] นายทหารชาวเซิร์บได้ทำการรัฐประหารในวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1941 และทำการปลดออกจากตำแหน่งขณะกำลังเข้าใกล้ช่วงเฉลิมพระชนม์ของกษัตริย์ปีเตอร์ที่สองในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า[16]
หมายเหตุ
อ้างอิง
หนังสือ
บทความ
เว็บ
อ่านเพิ่ม
- Burgwyn, H. James. (2005). Empire on the Adriatic: Mussolini's Conquest of Yugoslavia 1941–1943. Enigma.
- Williams, Heather (2003). Parachutes, Patriots and Partisans: The Special Operations Executive and Yugoslavia, 1941–1945. C. Hurst & Co. ISBN 1-85065-592-8.