ความไม่สงบในอาเจะฮ์
ความไม่สงบในอาเจะฮ์ หรือชื่อทางการโดยรัฐบาลอินโดนีเซียคือ การกบฏในจังหวัดอาเจะฮ์ (อินโดนีเซีย: Pemberontakan di Aceh) เป็นความขัดแย้งที่ขบวนการปลดปล่อยอาเจะฮ์ (GAM) นำการต่อสู้ในระหว่างปี 1976 ถึง 2005 โดยมีเป้าหมายในการประกาศเอกราชให้กับอาเจะฮ์เป็นอิสระจากประเทศอินโดนีเซีย หลังการโจมตีทางยุทธการอย่างหนักในปี 2003 ประกอบกับเหตุแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียในปี 2004 ได้นำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพและสิ้นสุดความไม่สงบลงอย่างเป็นทางการในปี 2005[11]
ความไม่สงบในจังหวัดอาเจะฮ์ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามต่อต้านการก่อการร้าย, การก่อการร้ายในประเทศอินโดนีเซีย | |||||||
ผู้นำและทหารสตรีของขบวนการปลดปล่อยอาเจะฮ์ ภาพถ่ายปี 1999 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
อินโดนีเซีย สนับสนุนโดย: สหรัฐ[1] | ขบวนการปลดปล่อยอาเจะฮ์ สนับสนุนโดย: ลิเบีย[2] | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
ซูอาร์โต บีเจ ฮาบีบี อับดูระฮ์มัน วาฮีด เมกวัตตี ซูการ์โนปูตรี ซูลีโซ บัมบัง ยูโดโยโน | ฮาซัน ดี ตีโร ไซนี อับดูลละฮ์ Abdullah Syafei'i †[3] มูซากีร์ มานัฟ Sofyan Daud Ayah Muni †[4] | ||||||
กำลัง | |||||||
12,000 (1990)[5] 30,000 (2001)[5] 35,000[6]–50,000 (2003)[5] | 25 (1976)[7] 200 (1979–1989)[7] 15,000–27,000 (1999)[7] 3,000 (2005)[8] | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
น้อยกว่า 100[9] | พลเรือนและทหารเสียชีวิตรสม: |
ข้อตกลงสันติภาพบรรลุผลในปี 2005 ถือเป็นการสิ้นสุดสงครามยาวนาน 29 ปี อินโดนีเซียยุคหลังซูฮาร์โตเข้าสู่การปฏิรูปประชาธิปไตยเสรีนิยม ประกอบกับการปรับเปลี่ยนภายในกองทัพ ช่วยให้บรรยากาศเหมาะสมขึ้นกับการเจรจาสันติภาพ ประธานาธิบดี ซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ซึ่งพึ่งได้รับเลือกตั้งมา มีบทบาทอย่างมากในการเจรจาสันติภาพนี้[12] การเจรจาสันติภาพนี้ได้รับการสนับสนุนโดยโครงการบริหารจัดการวิกฤต และอดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ มาร์ทที อาทีซารี เป็นผู้นำการเจรจา[13] ข้อตกลงสันติภาพลงนามในวันที่ 15 สิงหาคม 2005 ที่เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมีใจความมอบสถานะการปกครองตนเองให้แก่จังหวัดอาเจะฮ์, ให้ถอนกำลังทหารอินโดนีเซียที่ไม่ใช่คนอาเจะฮ์ออก เหลือทหารอินโดนีเซียประจำในอาเจะฮ์เพียง 25,000 นาย แลกกับการสลายตัวของกองกำลังปลดปล่อยอาเจะฮ์ และให้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้นในอาเจะฮ์ ซึ่งมีขึ้นในปี 2006
ภูมิหลัง
อาเจะฮ์มีความแตกต่างทั้งทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจากที่เหลือของอินโดนีเซีย ในอาเจะฮ์นั้น การปฏิบัติศาสนาอิสลามเป็นรูปแบบที่อนุรักษนิยมมากกว่า และนโยบายซึ่งโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นโลกวิสัยชองซูฮาร์โต ในระบบระเบียบใหม่ (1965–1998) ไม่ได้รับความนิยมสูงเป็นพิเศษในอาเจะฮ์ โดยถูกมองว่าเป็นนโยบายจากรัฐบาลที่พยายามสนับสนุนวัฒนธรรมอินโดนีเซียหลักกลาง[14] นอกจากนี้ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของอาเจะฮ์ซึ่งอยู่ปลายตอนเหนือของประเทศอินโดนีเซียทำให้เกิดความรู้สึกไปทั่วว่าผู้นำในจาการ์ตาที่อยู่ห่างออกไปนั้นไม่ได้เข้าใจปัญหาของอาเจะฮ์ รวมถึงไม่มีความใส่ใจหรือเห็นใจต่อความต้องการและวัฒนธรรมประเพณีของอาเจะฮ์[15]