นิคม ไวยรัชพานิช
นิคม ไวยรัชพานิช ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์)[1] อดีตประธานวุฒิสภา และเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดฉะเชิงเทรา ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2551
นิคม ไวยรัชพานิช | |
---|---|
รองประธานรัฐสภาไทย และ ประธานวุฒิสภาไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2557 (1 ปี 218 วัน) | |
ก่อนหน้า | พลเอกธีรเดช มีเพียร |
ถัดไป | พรเพชร วิชิตชลชัย |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2490 อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา |
ศาสนา | พุทธ |
พรรคการเมือง | พรรคไทยรักษาชาติ (2561-2562) |
คู่สมรส | นพมาศ ไวยรัชพานิช |
ประวัติ
นายนิคม ไวยรัชพานิช เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2490 ที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา จบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต (สาขาสุขาภิบาล) จากมหาวิทยาลัยมหิดล ระดับปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (คอมพิวเตอร์ศาสตร์) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ M.PA. Public Affairs จากมหาวิทยาลัย San Jose State University สหรัฐอเมริกา
การทำงาน
นายนิคม เคยรับราชการในสังกัดกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 เคยดำรงตำแหน่งสูงสุดคือ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (ระดับ 10) ต่อมาหลังเกษียณอายุได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดฉะเชิงเทรา ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2551 และได้รับเลือกจากวุฒิสภา ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551[2]
จากนั้นในปี พ.ศ. 2555 ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา โดยเอาชนะนายพิเชต สุนทรพิพิธ ด้วยคะแนน 77 ต่อ 69[3] นายนิคมได้ใช้อำนาจในฐานะประธานวุฒิสภาทุกวิถีทาง ในการผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว. ทั้งหมดมาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้รัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของส.ว. ไม่เป็นไปตามเจตจำนงค์ของรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดกรณีจงใจใช้อำนาจหน้าที่กระทำผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ทำให้เขาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557[4]
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักษาชาติ ลำดับที่ 18 แต่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก่อนวันเลือกตั้ง[5] ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[1]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2551 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[6]
- พ.ศ. 2546 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[7]
- พ.ศ. 2548 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 6 เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ท.ภ.)[8]
- พ.ศ. 2544 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[9]
อ้างอิง
ก่อนหน้า | นิคม ไวยรัชพานิช | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ธีรเดช มีเพียร | รองประธานรัฐสภาไทย และ ประธานวุฒิสภาไทย (14 สิงหาคม 2555 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2557) | พรเพชร วิชิตชลชัย |