ประชาธิป มุสิกพงศ์
ประชาธิป มุสิกพงศ์ ชื่อเล่น สิงห์ (6 เมษายน พ.ศ. 2527 – 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และอดีตมือกีตาร์ ของวงดนตรีสควีซ แอนิมอล และเป็นบุตรชายคนที่สอง ของวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นักการเมืองชาวไทย[3][4]
ประชาธิป มุสิกพงศ์ | |
---|---|
ถ่ายที่เวรี่ทีวี 8 เมษายน พ.ศ. 2558 | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ชื่อเกิด | ประชาธิป มุสิกพงศ์ |
รู้จักในชื่อ | สิงห์ มุสิกพงศ์ |
เกิด | 6 เมษายน พ.ศ. 2527 |
ที่เกิด | กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
เสียชีวิต | 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 (31 ปี)[1][2] |
แนวเพลง | ฟังค์, ร็อก, ป็อป, ดิสโก้, อาร์แอนด์บี, โซล |
อาชีพ | นักดนตรี |
เครื่องดนตรี | กีตาร์ |
ช่วงปี | พ.ศ. 2547 - 2558 |
ค่ายเพลง | สไปซีดิสก์ |
ประวัติ
ประชาธิป เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2527 เป็นบุตรคนที่สอง ในจำนวนบุตรชายทั้งสามคน ของวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นักการเมืองชาวไทย และประธานคนแรกของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ และศรีวิไล (สกุลเดิม: ประสุตานนท์) อดีตนักแสดงภาพยนตร์ไทย ประชาธิปเคยกล่าวถึงที่มาของชื่อตนว่า มีที่มาจาก ประชาธิปไตย ซึ่งผู้เป็นบิดาตั้งให้ โดยถือเป็นการปลูกฝังอุดมการณ์ที่วีระกานต์เชื่อมั่น ให้กับบุตรไว้ตั้งแต่ยังเด็ก[5]
ประชาธิป จบการศึกษาระดับชั้นประถม ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ก่อนที่บิดามารดาจะส่งไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ กระทั่งจบการศึกษาระดับมัธยม จากนั้นเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา เกี่ยวกับเทคโนโลยีดนตรี ต่อมาหันไปศึกษาการออกแบบกราฟิก (Graphic design) ที่มหาวิทยาลัยมิดเดิลเส็กซ์ (Middlesex University) กรุงลอนดอน กระทั่งจบการศึกษาในสาขานี้ ก่อนกลับมาพักอาศัยในประเทศไทย หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษประมาณ 10 ปี
สู่วงการเพลง
ประชาธิป เริ่มสนใจดนตรีตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยมีวงดนตรีโมเดิร์นด็อกเป็นแรงบันดาลใจ จากนั้นเขาก็เริ่มแกะเพลงของศิลปินอื่น ๆ อาทิ โยคีเพลย์บอย, สี่เต่าเธอ, ซิลลี่ ฟูลส์ เป็นต้น นอกจากนี้ เขายังมีความสามารถ เล่นเบสและกลอง หลังจากนั้น สมัยที่เป็นนักเรียนอังกฤษกับเพื่อน ๆ เขาเล่นดนตรีอย่างจริงจัง และร่วมเล่นกีตาร์ ให้กับวงบีเควัน (BK1) ในอัลบั้มที-ฮ็อป (T-HOP) ในสังกัดเบเกอรี่มิวสิค และร่วมออกทัวร์คอนเสิร์ตกับวง ในช่วงปี พ.ศ. 2547
เมื่อ พ.ศ. 2550 วีรพัฒน์ มุสิกพงศ์ (แชมป์) พี่ชายของประชาธิป ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับวิน ศิริวงศ์ แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน เนื่องจากทั้งประชาธิปและวิน มีความสนใจแนวดนตรีลักษณะเดียวกัน พวกเขาจึงร่วมกันออกซิงเกิลเพลง อาจยังไม่สาย กับ ฉันไม่เหงา โดยเมื่อบันทึกเสร็จ ก็นำออกวางจำหน่าย ในงานแฟตเฟสติวัลครั้งที่ 4 พร้อมทั้งส่งตัวอย่างเพลง (demo) ให้กับแฟตเรดิโอ และนำซีดีเพลงไปเสนอกับค่ายเพลงต่าง ๆ จนกระทั่งค่ายสไปซีดิสก์ให้ความสนใจร่วมงาน[6]
ชีวิตส่วนตัว
เขาเคยให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ว่าไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกับทางบ้านมากนัก [5][7]ส่วนตัวเขาเอง มีบุคลิกเงียบขรึม พูดน้อย[8]
การเสียชีวิต
เมื่อเวลาประมาณ 22:00 น. ของวันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ตำรวจนครบาลทองหล่อรับแจ้ง มีคนพลัดตกจากอาคารเสียชีวิต บริเวณคอนโดมิเนียม ภายในถนนทองหล่อ ซอย 5 จึงนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบศพของประชาธิป ในสภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ตรวจสอบร่างกายพบกะโหลกศีรษะแตก เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ[9]
พลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการตรวจสอบห้องพักของผู้ตาย พบว่าประตูล็อกจากภายในห้อง และไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือรื้อค้นทรัพย์สิน ที่บริเวณริมระเบียง มีเบียร์กระป๋องที่เปิดแล้ว และมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือผู้ตายถึงแฟนสาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน มีข้อความว่า
To Faye only อย่าคิดมากนะที่รัก เราอยากไปมานานแล้ว ชีวิตสิงห์ได้รักคนที่ดีที่สุดในชีวิตมาแล้ว มันพอแล้วครับ
— ประชาธิป มุสิกพงศ์
อนึ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558 ค่ายเพลงสไปซีดิสก์ ต้นสังกัดของวงสควีซ แอนิมอล ดำเนินการจัดคอนเสิร์ต เลิฟยู'ทิลไอดาย (Love You 'till I die) เพื่อรำลึกถึงประชาธิป ที่วอยซ์สเปซ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมีศิลปินมาร่วมงานอย่างคับคั่ง[10]
ผลงานเพลง
อัลบั้มเต็ม
- อัลบั้ม อาจยังไม่สาย (พ.ศ. 2550)
- อัลบั้ม ไม่มีที่มา (พ.ศ. 2554)
อัลบั้มโปรเจกต์พิเศษ
- Inversoul (พ.ศ. 2550)
- Inversoul EP2 (พ.ศ. 2550)
รางวัล
- Cleo’s Most Eligible Bachelors 2007 สาขา Scream