วิกฤติหนี้สาธารณะกรีซ

(เปลี่ยนทางจาก วิกฤตหนี้สาธารณะกรีซ)

วิกฤติหนี้สาธารณะกรีซ (อังกฤษ: Greek government-debt crisis) หรือ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของกรีซ (อังกฤษ: Greek depression)[3][4][5] คือวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2552 เมื่อกรีซเป็นประเทศแรกในกลุ่มยูโรโซนจากทั้งหมด 5 ประเทศ ที่เผชิญกับปัญหาหนี้สาธารณะจนเข้าขั้นวิกฤต ซึ่งภายหลังเรียกรวมวิกฤตการณ์ของกลุ่มประเทศเหล่านี้ว่าวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป ส่งผลให้เกิดความโกลาหลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ โครงสร้างของเศรษฐกิจกรีซที่อ่อนแอลง และความเชื่อมั่นของบรรดาเจ้าหนี้ที่ลดลงอย่างฉับพลัน

Long-term interest rates in eurozone
อัตราดอกเบี้ยระยะยาว (อัตราผลตอบแทนในตลาดรองของพันธบัตรรัฐบาลที่มีระยะเวลาครบกำหนดภายในสิบปี) ของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปยกเว้นเอสโตเนีย[1] อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นบ่งชี้ว่าตลาดการเงินมีข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการลงทุนในแต่ละประเทศ[2]

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2552 ความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของกรีซเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการเปิดเผยว่ารัฐบาลกรีซบิดเบือนข้อมูลระดับหนี้สาธารณะและภาวะการขาดดุลงบประมาณของประเทศ[6][7][8] จนนำไปสู่วิกฤตความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน สังเกตได้จากส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (Yield spread) ของพันธบัตรรัฐบาล และต้นทุนการประกันความเสี่ยงในสวอปที่สะท้อนการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเยอรมนี[9][10]

ในปี พ.ศ. 2555 รัฐบาลกรีซผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และต่อมาในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 กรีซกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วประเทศแรกที่ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ[11] ซึ่งในขณะนั้นรัฐบาลกรีซมีหนี้สินรวม 323,000 ล้านยูโร[12]

วิกฤตครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561 อันเป็นวันสิ้นสุดโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกรีซดีขึ้นจนไม่จำเป็นต้องมีโครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินจากอียูผ่านอีเอ็มเอสและองค์กรอื่น ๆ อีกต่อไป[13]

ภาพรวม

การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับในต้นทุนแรงงานต่อหน่วย ในปี พ.ศ. 2543–2555

ในปี พ.ศ. 2542 เงินสกุลยูโรถูกริเริ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นสกุลเงินร่วมในการลดต้นทุนการค้าระหว่างประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปและเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าโดยรวม อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจหลักอย่างเยอรมนีแล้ว ต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเศรษฐกิจกรีซซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดรอง ทำให้การส่งออกของประเทศลดลงจนเป็นผลให้กรีซขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ[14]

การขาดดุลการค้าหมายความว่า ปริมาณการบริโภคภายในประเทศมีมูลค่ามากกว่าปริมาณสินค้าที่ตนเองผลิตได้ (ในอีกนัยหนึ่งก็คือการใช้จ่ายเกินตัว) จนทำให้ต้องมีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ[14] ส่งผลให้ระดับการขาดดุลการค้าและการขาดดุลงบประมาณของกรีซเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากระดับที่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี พ.ศ. 2542 สู่ระดับสูงสุดที่ประมาณร้อยละ 15 ของจีดีพี ในปี พ.ศ. 2551 - 2552 อีกแรงขับเคลื่อนหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ในการช่วยให้กระแสเงินทุนไหลเข้ากรีซก็คือ สถานะการเป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป ซึ่งช่วยลดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วง พ.ศ. 2541 - 2550 (หมายความว่ากรีซสามารถกู้ยืมเงินได้โดยจ่ายผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำกว่าเดิม)[15] กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อมองกรีซในฐานะประเทศเดี่ยวแล้ว กรีซจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าการมองกรีซในฐานะประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งเท่ากับเป็นการบอกใบ้ให้นักลงทุนรู้สึกว่าสหภาพยุโรปจะนำมาตรฐานทางการเงินของตนมาใช้กับกรีซ และจะช่วยสนับสนุนกรีซในยามที่ประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ[16]

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาช่วง พ.ศ. 2550 - 2552 ส่งผลกระทบมายังยุโรป ทำให้กระแสเงินทุนจากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยุโรปไปยังประเทศเศรษฐกิจขนาดรองเริ่มลดลง และรายงานในปี พ.ศ. 2552 เกี่ยวกับนโยบายการคลังที่ผิดพลาดและการจงใจบิดเบือนข้อมูลของรัฐบาล ส่งผลให้ต้นทุนในการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่ากรีซไม่สามารถกู้ยืมเงินเพื่อนำมาชดเชยภาวะการขาดดุลทางการค้าและการขาดดุลงบประมาณได้อีกต่อไป[14]

ประเทศที่เผชิญกับ "การหยุดชะงัก" ในการลงทุนภาคเอกชนและภาระหนี้ที่สูงมักจะทำให้ค่าเงินอ่อนลง (เช่น เงินเฟ้อ) ส่งผลให้เป็นการส่งเสริมการลงทุนและจ่ายชำระหนี้คืนในสกุลเงินที่ถูกกว่า แต่นี่ไม่ใช่ตัวเลือกของกรีซในขณะที่อยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป[14] ค่าจ้างในประเทศลดลงเกือบร้อยละ 20 จากช่วงกลางปี พ.ศ. 2553 - 2557 ในรูปแบบของภาวะเงินฝืดแทนที่จะกลายเป็นการแข่งขันที่มากขึ้น ส่งผลให้รายได้หรือจีดีพีถูกลดความสำคัญลง ยังทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงและการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของอัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพี อัตราการว่างงานได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 จากระดับเดิมที่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ในปี พ.ศ. 2546 อย่างไรก็ตามการตัดลดงบประมาณภาครัฐที่สำคัญได้บรรลุผล ทำให้รัฐบาลกรีกเกินดุลงบประมาณหลัก นั่นคือรัฐบาลสามารถเก็บรายได้ได้มากกว่ารายจ่ายที่จ่ายออกไปโดยไม่รวมดอกเบี้ย[17]

เชิงอรรถและอ้างอิง

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง