สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น

สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本建築, Nihon kenchiku) มีลักษณะทั่วไปคือโครงสร้างไม้ที่ยกสูงจากพื้นดินเล็กน้อย หลังคากระเบื้องหรือสาน มีทางเข้าออกเป็นประตูบานเลื่อน (ฟุซุมะ) ซึ่งสามารถปิดกั้นขึ้นมาเป็นห้องแทนผนัง ทำให้สามารถจัดการเปลี่ยนแปลงการใช้งานห้องได้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์จำพวกโต๊ะและเก้าอี้สูงไม่พบใช้จนถึงราวคริสต์ศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงโดยผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันตก สถาปัตยกรรมโมเดิร์น สถาปัตยกรรมโพสต์-โมเดิร์น เข้ามาใช้ทั้งแนวคิดและเทคนิคการก่อสร้าง

วัดคิงกากุ ในเกียวโต สร้างขึ้นในยุคมูโรมาจิ

สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดคือบ้านหลุมและโกดังในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลจากจีนฮั่นผ่านทางเกาหลี จึงเริ่มมีกความซับซ้อนในการก่อสร้างมากขึ้น เมื่อศาสนาพุทธเข้ามาในญี่ปุ่น ราวคริสต์ศตวรรษ 6 มีผลอย่างมากให้มีการสร้างวัดพุทธที่ใช้เทคนิคการสร้างจากไม้ที่ซับซ้อน การก่อตั้งเมืองหลวงถาวรแห่งแรกที่เมืองนาระ ได้รับอิทธิพลมากจากถังและสุย มีลักษณะแปลนถนนแบบตาราง ลอกแบบมาจากฉางอัน เมืองหลวงของจีนในขณะนั้น เมื่อการก่อสร้างอาคาารมีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้เกิดระบบการวัดขึ้น รวมถึงการออกแบบสวนที่เน้นความเงียบสงบ การเข้ามาของพิธีชงชาญี่ปุ่นยิ่งเน้นย้ำถึงความเรียบง่ายและถ่อมตนในการออกแบบ

ในยุคการปฏิวัติเมจิเมื่อปี ค.ศ. 1868 มีผลอย่างมากต่อการเปปลี่ยนแปลงของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นสองประการ ประการแรกคือชินบุทซุ บุนริ กฎหมายที่ออกบังคับให้แยกศาสนาพุทธออกจากศาสนาชินโต และแยกขาดวัดพุทธออกจากศาลเจ้าชินโต ซึ่งอยู่ร่วมกันมาเป็นพันปี[1] อีกประการหนึ่งคือเป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลตะวันตกอย่างหนักเพื่อแข่งขันกับประเทศที่พัฒนาแล้ว สิ่งนี้ส่งผลให้ทั้งรูปแบบและสถาปนิกถูกนำเข้ามาปรับเข้ากับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นมากขึ้น และยังมีอิทธิพลจากนักเรียนญี่ปุ่นที่ศึกษาต่อด้านสถาปัตยกรรมจากต่างประเทศนำสถาปัตยกรรมสากลเข้ามา

ยุคก่อนประวัติศาสตร์

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ได้แก่ ยุคโจมง, ยุคยะโยอิ และยุคโคฟุง ตั้งแต่ 5000 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่แปด

ในยุคแรกคือยุคโจมง บ้านเรือมีลักษณะเป็นบ้านหลุมที่มีหลุมตื้น ๆ บนพื้นดินที่ตอกให้แน่น หลังคาทำมาจากหญ้าออกแบบเพื่อเก็บน้ำฝนในโหลเก็บน้ำ ต่อมาเมื่ออากาศหนาวเย็นลงและมีฝนตกหนักขึ้น ทำให้ประชากรลดจำนวนลงส่งผลให้ผู้คนมีความสนใจในพิธีกรรมและความเชื่อขึ้นมา มีการค้นพบหินวงกลมร่วมศูนย์กลางเป็นครั้งแรกในยุคนี้[2]

ในยุคยะโยอิ ชาวญี่ปุ่นเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับชาวจีนยุคฮั่นและได้รับอิทธิพล เทคนิคการก่อสร้างต่าง ๆ เข้ามา[2] บ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างแบบยกพื้นซึ่งต้องสร้างโดยใช้เครื่องมือโลหะ เริ่มพบมีการสร้างครั้งแรกในยุคนี้[3] นักวิชาการบางส่วนเชื่อว่าการสร้างอาคารยกสูงแบบนี้เป็นผลมาจากการที่ได้ติดต่อกับชาวออสโตรนีเชียนกลุ่มที่ปลูกข้าว จากชายฝั่งของจีนหรือไต้หวันมากกว่าที่จะมาจากชาวฮั่น[4][5]

ยุคโคฟุงเป็นครั้งแรกที่มีการก่อสร้างเนินฝังศพที่ประกอบด้วยโถงหลายห้อง เชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลจากเนินฝังศพลักษณะเดียวกันที่พบในแหลมเกาหลี[6] ในยุคนี้ สุสานแบบ “รูกุญแจ” หรือ “โคฟุง” มักสร้างขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากลักษณะผืนดินที่มีอยู่แล้วมาขุดคูให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนมีผืนดินลักษณะรูปรูกุญแจขึ้น (รูปวงกลมเชื่อมกับสามเหลี่ยม) โถงภายในบรรจุศพและเครื่องใช้ตามความเชื่อ ส่วนเนินมักตกแต่งด้วยเครื่องตกแต่งดินเผา เรียกว่า “ฮะนิวะ” ในยุคถัด ๆ มาเนินเริ่มตั้งอยู่บนพื้นเรียบ และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาก ตัวอย่างสุสานที่พบเช่นที่นารา, โอซะกะ และ “ไดเซ็ง-โคฟุง” สุสานของจักรพรรดินินโทคุ พื้นที่ 32 เฮกตาร์ (79 เอเคอร์) ตกแต่งด้วยฮะนิวะที่เชื่อกันว่ามีมากถึง 20,000 ชิ้น[2]

หลังสิ้นสุดยุคโคฟุง เนินฝังศพค่อย ๆ ลดความนิยมลงไปพร้อมกับการเข้ามาของศาสนาพุทธในญี่ปุ่น ซึ่งมีพิธีศพที่เป็นที่นิยมกว่า[2]

สถาปัตยกรรมอาซูกะและนาระ

ญี่ปุ่นในยุคอาซูกะเป็นช่วงเวลาที่ศาสนาพุทธเข้ามายังญี่ปุ่น จึงส่งผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของยุคอาซูกะ วัดพุทธกลายมาเป็นศูนย์กลางของการบูชาและพิธีกรรม ส่วนพิธีกรรมกับหลุมศพเนินแบบเดิมนั้นไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป[2] นอกจากนี้ ศาสนาพุทธยังนำแนวคิดการบูชา “คามิ” เข้ามายังญี่ปุ่น ทำให้ศาสนาชินโตเกิดการสร้างศาสนสถานถาวรขึ้นเพื่อบูชาคามิ อันนำมาสู่สถาปัตยกรรมชินโตที่พบในการสร้างศาลเจ้าชินโต

ตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดคือวัดโฮรีวจิ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนาระ สร้างขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 7 เพื่อเป็นวัดส่วนพระองค์ในเจ้าชายโชโตกุ ประกอบด้วยอาคารต่าง ๆ 41 หลัง โดยมีอาคารสำคัญคือคนโด (金堂, Kon-dō โถงทองคำ) และเจดีย์ (โท) สูงห้าชั้น ตั้งอยู่ใจกลางบริเวณในพื้นที่เปิดที่ล้อมด้วยระเบียงมุงหลังคา (ไคโร) อาคาร “คนโด” นั้นสร้างขึ้นแบบจีน มีความสูงสองชั้น ใช้การก่อสร้างแบบ “เสาต่อคาน” (post-and-beam construction) และมีหลังคากระเบื้องแบบจั่วปั้นหยา (hipped-gabled) ที่เรียกว่า “อิริโมยะ[7][8]

ยุคเฮอัน

ยุคคามากูระ และยุคมูโรมาจิ

ยุคอะซุชิ - โมโมยามะ

ยุคเอโดะ

ยุคเมจิ, ไทโช และโชวะตอนต้น

ยุคโชวะตอนปลาย

ยุคเฮเซ

อ้างอิง

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง