สิว
สิว เป็นโรคผิวหนังระยะยาวที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่ตายกับน้ำมันจากผิวหนังอุดรูขุมขน[10] อาการทั่วไปได้แก่สิวหัวดำและสิวหัวขาว ตุ่มหนอง ผิวมัน และอาจทำให้เกิดแผลเป็น[1][2][11] โดยหลักสิวมักเกิดขึ้นมากในผิวที่มีจำนวนต่อมไขมันมาก ซึ่งบริเวณเหล่านี้รวมถึงใบหน้า ส่วนบนของหน้าอก และหลัง[12] นอกเหนือจากการทำให้เกิดแผลเป็น ผลกระทบหลักคือทางด้านจิตใจ เช่น ก่อให้เกิดความกังวล ลดความเชื่อมั่นในตนเองลง และในกรณีที่รุนแรงมาก จะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือการฆ่าตัวตาย[3][4]
สิว | |
---|---|
ชื่ออื่น | Acne vulgaris |
สิวของชายอายุ 14 ปีในวัยเจริญพันธุ์ | |
สาขาวิชา | ตจวิทยา |
อาการ | สิวอุดตัน, ตุ่มหนอง, ผิวมัน, แผลเป็น[1][2] |
ภาวะแทรกซ้อน | ความวิตกกังวล, ความภูมิใจแห่งตนลดลง, ซึมเศร้า, คิดฆ่าตัวตาย[3][4] |
การตั้งต้น | วัยเริ่มเจริญพันธุ์[5] |
ปัจจัยเสี่ยง | พันธุศาสตร์[2] |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | Folliculitis, rosacea, hidradenitis suppurativa, miliaria[6] |
การรักษา | เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิต, ใช้ยา, ทางการแพทย์[7][8] |
ยา | กรดอะซีลาอิก, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์, กรดซาลิไซลิก, ยาปฏิชีวนะ, ยาเม็ดคุมกำเนิด, co-cyprindiol, retinoids, ไอโซเทรติโนอิน[8] |
ความชุก | 633 ล้านคน (2015)[9] |
ความไวต่อการเกิดสิวเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นหลักมีถึง 80% ของกรณีทั้งหมด[2] ปัจจัยต่อการไดเอทและการสูบบุหรี่ยังไม่เป็นที่กระจ่าง และทั้งความสะอาดหรือการกระทบแสงแดดก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเรื่องนี้[2][13][14] ฮอร์โมนชื่อว่าแอนโดรเจนน่าจะมีส่วนในกลไกการเกิดสิวของทั้งสองเพศ โดยมันจะเพิ่มการผลิตซีบัม[5] ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งคือการเติบโตของแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ซึ่งปรากฏในผิงหนังมากเกินไป[15]
การรักษามีอยู่หลายหลายหนทาง เช่นการเปลี่ยนวิถีชีวิต, การให้ยา และขั้นตอนทางการแพทย์ การรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอย่างน้ำตาลน้อยลงอาจช่วยได้[7] ยาสำหรับรักษาสิว ได้แก่ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ยาปฏิชีวนะ (ทั้งยาทาหรือยาเม็ด), เรตินอยด์, ยาต้านแอนติเซบอริค, ยาต้านแอนโดรเจน, การปรับฮอร์โมน, กรดซาลิไซลิค, กรดอัลฟาไฮดรอกซี, กรดอะซีลาอิค, นิโคตินอะไมด์ และสบู่ที่มีส่วนผสมของคีราโตไลติค[16] การรักษาในลำดับแรกและเชิงรุก คือ สนับสนุนให้ลดผลกระทบระยะยาวจากการรักษาให้กับคนไข้[17]
ใน ค.ศ. 2015 มีผู้ได้รับผลประทบจากสิวทั่วโลกประมาณ 633 ล้านคน ทำให้เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปมากเป็นอันดับ 8 ของโลก[9][18] สิวเกิดขึ้นมากที่สุดในช่วงวัยรุ่น มีผลกระทบประมาณ 80-90% ของวัยรุ่นในโลกตะวันตก[19][20][21] สังคมชนบทบางแห่งรายงานอัตราพบสิวน้อยกว่าพื้นที่อุตสาหกรรม[21][22] เด็กและผู้ใหญ่อาจได้รับสิวทั้งก่อนและหลังวัยเริ่มเจริญพันธุ์[23] ถึงกระนั้นแล้วก็ยังมีบางคนที่อายุมากกว่านั้น ยังเป็นสิวอยู่[2]
สาเหตุ
สาเหตุของสิว มีหลายสาเหตุ เป็นที่ถกเถียงกันว่า สิวเกิดจากอะไร สาเหตุหลัก ๆ แบ่งได้ 2 ปัจจัยดังนี้
- ปัจจัยภายใน คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ฮอร์โมน, กรรมพันธุ์, โรคเรื้อรัง และ ผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กำเนิด
- ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา, เครื่องสำอาง, สภาพแวดล้อม, สังคม, แสงแดดและอุณหภูมิ ความสะอาด และอาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้
ชนิดของสิว
สิวมี 2 ชนิดหลักได้แก่
- สิวที่ไม่มีการอักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เช่น สิวหัวปิด (สิวหัวขาว) และ สิวหัวเปิด (สิวหัวดำ)
- สิวที่มีการอักเสบ คือ สิวที่มีการอุดตันของรูขุมขน และมีการอักเสบร่วมด้วย ส่วนมากมักจะเกิดขึ้นตามหลังสิวหัวปิดที่ไม่ได้รับการรักษา ร่วมกับมีการติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณรูขุมขน เช่น สิวที่เป็นตุ่มแดง (สิวอักเสบ) สิวที่มีหนอง (สิวตุ่มหนอง) สิวอักเสบขนาดใหญ่ (สิวหัวช้าง) และสิวที่มีการทำลายของผิวข้างในจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์
กระบวนการเกิดสิว
สิวมักเกิดบริเวณ Seborrhic area ซึ่งผิวหนังบริเวณนั้นมี Pilosebaceous unit ชนิด Sebaceous follicle,เป็น follicleที่ประกอบไปด้วย small villus hair และ large multiacina sebaceous glandเมื่อมีการกระตุ้นSebaceous glandมากเกินพอดีจะสร้างไขมัน (Sebum) มามากขึ้น ไขมันนี้ประกอบด้วย triglyceride, ester, ไข และสารอื่น ๆ หากไขมันถูกผลิตมากจะระบายออกทางรูขุมขนไม่ทัน และค้างใน follicle, ไขมันจะกระตุ้นให้ Keratinocyte สร้างเคราทินมามากขึ้น และจับตัวกันแน่นผิดปรกติเกิดเป็นสิวอุดตัน (Comidone)
ต่อมาการอุดตันนั้นทำให้เกิดสภาพไร้ออกซิเจนในรูขุมขน แบคทีเรีย P.acne จะเจริญเติบโตได้ดีและย่อยสลายไขมันเป็นสารที่มีความสามารถrecruitเม็ดเลือด ขาวมาที่บริเวณนั้นและก่อให้เกิดการอักเสบตามมา จึงเกิดเป็นสิวอักเสบ พออายุ 40 ขึ้นไป สิวจะไม่ขึ้นอีกต่อไป
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- Acne Support. Expert, impartial advice on acne by the BAD.
- "Acne". MedlinePlus. U.S. National Library of Medicine.
การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |