เหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2558
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.55 น. ตามเวลาในประเทศไทย ได้เกิดเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และในวันต่อมาได้เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดลงมาจากสะพานตากสิน บริเวณท่าเรือสาทร ทำให้เรือที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงถูกสะเก็ดระเบิดเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ[5]
เหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2558 | |
---|---|
ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ สถานที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิด | |
สถานที่ | ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ และ ท่าสาทร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
วันที่ | 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558[1] 18:55 น. UTC+7[1] |
เป้าหมาย | ไม่ทราบ |
ประเภท | ระเบิด, การสังหารหมู่ |
อาวุธ | ทีเอ็นที[2] |
ตาย | 20 คน[3][4] |
เจ็บ | 163 คน[3] |
ผู้เสียหาย | ชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ |
ผู้ก่อเหตุ | ไม่ทราบ |
ผู้ต้องสงสัย | อเด็ม การาดัก และ เกรย์ วูล์ฟส์ |
เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เกิดระเบิดสองครั้งบริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยามเหนือแยกราชประสงค์ โดยคนร้ายนำระเบิดไปวางไว้บริเวณประตูของจุดบริการด่วนมหานครสำนักงานเขตปทุมวันซึ่งให้บริการด้านทะเบียนราษฏร์ มีผู้บาดเจ็บสามคน โดยเชื่อว่าสาเหตุมาจากการเมือง[6] และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2558 เกิดเหตุการณ์คาร์บอมที่ชั้นใต้ดินของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้บาดเจ็บ 10 คน[7]
การระเบิด
ครั้งแรก
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.55 น. เกิดระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ กลางกรุงเทพมหานคร ใกล้กับศาลท้าวมหาพรหม[2] สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่าเป็นระเบิดทีเอ็นทีหนัก 3 กิโลกรัมบรรจุอยู่ในท่อในบริเวณศาลท้าวมหาพรหม หน่วยเก็บกู้ระเบิดไม่ทราบน้ำหนัก แต่เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีวิเคราะห์ว่ามีรัศมีทำลายล้างประมาณ 100 เมตร[8]
ครั้งที่สอง
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.30 น.[9] เกิดระเบิดใกล้ท่าเรือสาทร ฝั่งพระนคร ระเบิดภายในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ระหว่าง ท่าสาทรและสถานีสะพานตากสิน โดยคาดว่าต้องการโยนลงท่าเรือสาทรแต่พลาดตกลงแม่น้ำ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ[10] หลังเหตุการณ์ทำให้สถาบันการศึกษาโดยรอบยกเลิกการเรียนการสอนในวันดังกล่าวทันที
การบาดเจ็บและเสียชีวิต
สัญชาติ | จำนวน |
---|---|
ไทย | 6 คน |
มาเลเซีย | 5 คน[12] |
จีน | 5 คน[13] |
ฮ่องกง | 2 คน[14] |
อินโดนีเซีย | 1 คน[15] |
สิงคโปร์ | 1 คน[16] |
รวม | 20 คน |
สัญชาติ | จำนวน |
---|---|
ออสเตรีย | 2 |
จีน | 33 |
ฮ่องกง | 3 |
อินโดนีเซีย | 1 |
ญี่ปุ่น | 1 |
มาเลเซีย | 2 |
มัลดีฟส์ | 2 |
มาลี | 1 |
โอมาน | 2 |
ฟิลิปปินส์ | 2 |
กาตาร์ | 1 |
สิงคโปร์ | 3 |
ไต้หวัน | 3 |
ไทย | 60 |
ไม่ทราบสัญชาติ | 25 คน |
รวม | 163 คน |
ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวซึ่งมาเยี่ยมชมศาลท้าวมหาพรหม[2] 12 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ[18] และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลตำรวจอีก 4 ราย มีผู้บาดเจ็บจำนวน 130 คนที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาล 19 แห่ง โดยโรงพยาบาลตำรวจเป็นสถานที่รับผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวมากที่สุด[19] โรงพยาบาลราชวิถีมีผู้ป่วยอยู่ในหน่วยอภิบาล 2 ราย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มี 4 ราย
ผลกระทบ
หลังเกิดเหตุการณ์ บีทีเอสแจ้งปิดทางเดินเชื่อมสกายวอล์คระหว่างสถานีสยามถึงแยกราชประสงค์ชั่วคราว[20]และมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย
ปลัดกรุงเทพมหานครสั่งปิดการเรียนการสอนในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 มีผลต่อโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 438 แห่ง[21] เช่นเดียวกับโรงเรียนหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
มีการปิดการจราจรตั้งแต่แยกประตูน้ำถึงแยกสารสินและแยกชิดลมถึงแยกเฉลิมเผ่าหลังเกิดเหตุการณ์จนถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ดำเนินการเก็บวัตถุพยานอย่างละเอียด ทำให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ประกาศปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถประจำทางมากกว่า 10 เส้นทาง โดยเฉพาะสายที่ผ่านแยกราชประสงค์ ส่วนรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์เปิดให้บริการตามปกติ โดยจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเพื่อเข้มงวดด้านความปลอดภัยมากขึ้น[22]
อธิบดีกรมการบินพลเรือน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ปรับระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานในสังกัดกรมการบินพลเรือน จำนวน 28 แห่ง เป็นระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับความเข้มงวดสูงสุด[23] ด้านท่าเรือแหลมฉบังได้ประกาศให้มีการยกระดับรักษาความปลอดภัยเป็นระดับ 2[24] รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์และรถไฟฟ้ามหานครต่างเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเช่นเดียวกัน[25]รวมถึงการขอความร่วมมือจากผู้โดยสารไม่ให้ใส่แว่นตาดำและห้ามสวมหมวกเข้าสถานีรถไฟฟ้า และตรวจสัมภาระทุกชิ้น
มีการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงผู้ต้องหา นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ว่าเป็นผู้ต้องหาที่มีตัวตนจริงหรือไม่เนื่องจากไม่มีเลขบัตรประชาชน ในปี พ.ศ. 2561 ผู้ต้องหาตามหมายจับ ถูกจับกุมเพียง 3 ราย จาก 17 ราย อีก 14 รายนั้นไม่สามารถจับกุมได้
ผู้ต้องสงสัยและแรงจูงใจ
พยานเล่าว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชายที่ทิ้งเป้าไว้ในที่เกิดเหตุ โดยมีภาพยืนยันจากกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้น[26] ภาพดังกล่าวยังมีการเผยแผร่ในต่างประเทศด้วย เป็นภาพชายมีลักษณะตัวเตี้ยใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองและทิ้งกระเป๋าเป๋สีดำลง ขณะที่ผู้ต้องสงสัยนั่งบนม้านั่งและเพียง 3-4 วินาทีต่อมาผู้ต้องสงสัยก็ลุกขึ้น และทิ้งเป้ไว้ตรงม้านั่งและเดินจากไปพร้อมทั้งมองโทรศัพท์ของเขาเอง[27] โดยผู้ต้องสงสัยเดินทางโดยตุ๊กตุ๊กและจอดบริเวณหัวลำโพง[28]
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวการโจมตีครั้งนี้เตรียมผ่านอินเทอร์เน็ตและวาดภาพสเก็ตซ์ผู้ต้องสงสัย ตำรวจยังว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกสองคนในกล้องวงจรปิดดังกล่าว[27] รัฐบาลไทยกล่าวว่า มั่นใจว่าไม่เป็นการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ[29] ตำรวจกล่าวว่าเหตุการณ์นี้มีผู้มีส่วนร่วมอย่างน้อย 10 คน[30] คาดว่าชาวเคิร์ดร่วมกับคนไทยเป็นผู้ก่อเหตุ[31]
ต่อมา คนขับแท็กซี่ผู้หนึ่งยืนยันว่าเขารับผู้ต้องสงสัยขึ้นรถ[32] "อย่างไรก็ดีผู้ต้องสงสัยมีท่าที่จะไม่มีอาการแสดงท่าทีรีบเร่ง แต่ดูจะสงบเงียบ เหมือนลูกค้าทั่วไป และผู้ต้องสงสัยก็ไม่ใช่คนไทย โดยผู้ต้องสงสัยพูดภาษาที่ไม่ชัดเจนที่ระบุไม่ได้ว่าเป็นภาษาอะไรตลอดเวลาบนรถแท็กซี่"[33][34]
รุ่งเช้าของวันที่ 18 สิงหาคม ตำรวจสัมภาษณ์วินมอเตอร์ไซค์และคนขับแท็กซี่ที่ผ่านละแวกนั้น ตำรวจได้ส่งรูปผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด "เมื่อตำรวจส่งรูปมาให้ผม ผมเชื่อว่าเป็นคนที่รับส่งซึ่งเป็นคนเดียวกับผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจกำลังตามหา" นิคม ปันตุลา วินรถจักรยานยนต์รับจ้างสาทร กล่าว พยานสำคัญกล่าวว่า "เขาวิ่งมาอย่างเร่งรีบ โดยพูดว่า "เร็ว ๆ" ผมกำลังขับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเขายังเร่งให้ขับเร็วขึ้นอีก ระหว่างทาง เขาก้มดูโทรศัพท์ตลอดเวลา และคุยโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ แม้ว่าผมไม่เข้าใจที่เขาพูด ชายคนนี้ขอตลอดให้พาไปโรงแรมใกล้กับโรงพยาบาลอโศกใจกลางกรุงเทพมหานคร"[35]
ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ เขตหนองจอก ทราบชื่อคือ อาเดม คาราดัก หรือบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด[36] แต่ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ต่อมาวันที่ 7 กันยายน ทหารได้จับกุมผู้ต้องหาอีกคน ทราบชื่อคือไมไรลี ยูซุฟู เบื้องต้นให้การรับสารภาพ ล่าสุดอาเดมให้การรับสารภาพแต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำสารภาพดังกล่าว[37] จนเมื่อได้หลักฐานชี้ชัดจากกล้องวงจรปิดจึงสามารถยืนยันได้[38][39][40] จากนั้นในวันที่ 26 กันยายน ตำรวจพาทั้งคู่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ[41] นำไปสู่การแถลงปิดคดีเมื่อวันที่ 28 กันยายน[42]
ในวันรุ่งขึ้น ตำรวจได้ขอศาลอนุมัติหมายจับอ๊อด พยุงวงศ์ หรือยงยุทธ พบแก้ว ที่มีเบาะแสว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้ และทราบว่าเขาเคยเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2553 และเหตุระเบิดที่ซอยราษฎร์อุทิศ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์อยู่ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมือง (พ.ศ. 2548 - 2553 และ พ.ศ. 2556 - 2557) ตำรวจจึงยังไม่ตัดประเด็นทางการเมืองทิ้ง[43] ผู้ก่อเหตุที่ถูกออกหมายจับทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกันทั้ง 2 คดี โดยมีผู้ต้องหา 17 คน มีคนไทยร่วมขบวนการ 2 คน คือ วรรณา สวนสันต์ กับยงยุทธ พบแก้ว (อ๊อด พยุงวงศ์) และจนถึงตอนนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพียง 2 ราย คือบีลาเติร์ก มูฮัมหมัด และไมไรลี ยูซูฟู ศาลทหารพิจารณาคดีนี้[44] ต่อมา นาง วรรณา สวนสันต์ ถูกจับ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560[45]
ปฏิกิริยา
ในประเทศ
พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปอย่างชัดเจนถึงสาเหตุของการระเบิดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มบุคคลใด แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นกลุ่มเดิม ๆ ที่เสียประโยชน์ทางการเมืองและต้องการสร้างสถานการณ์วุ่นวายในประเทศ ไม่ต้องการเห็นคนไทยมีความสุขสงบ เป็นความอาฆาตมาดร้ายของคนที่เคยกล่าวว่าเมื่อตนไม่สุขก็อย่าหวังที่คนอื่นจะสุขได้[46]ในคืนวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาทิ พลตำรวจเอก ประวุฒิ ถาวรศิริ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ลงพื้นที่[47]
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 กรุงเทพมหานครทำความสะอาดที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อการค้นหาข้อเท็จจริง ฝ่ายหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตอบว่า "รัฐบาลไม่ได้ห้าม ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องหลักฐานต่าง ๆ ไม่ได้ห้าม เราก็ต้องทำความสะอาดครับ นี่คือหน้าที่ของ กทม. ครับ ให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราหน่อยนะครับ เราก็โดนมามากแล้วเหมือนกันนะครับ"[48]
กรมคุ้มครองสิทธิฯ จ่ายเยียวยาเหยื่อระเบิดราชประสงค์ศพละ 2 แสนบาท ในขณะที่ต่างชาติจ่ายศพละ 5 แสนบาท[49] ด้านเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงประณามคนร้าย[50]
มีการเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงทั่วประเทศ โดยแยกส่วนประชุมแต่ละจังหวัดอาทิ จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงใหม่[51] สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งที่ 451/2558 จัดตั้ง ”ศูนย์อำนวยการบริหารข้อมูลการส่งกลับและการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์”[52] พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สั่งให้จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มีคำสั่งให้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรและให้ พลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีระเบิด ต่อมาเมื่อพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงได้แต่งตั้งพลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล[53] ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร แทนตนเอง และให้พันตำรวจเอก สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการสอบสวนเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องสงสัย คดีนี้แม้พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะมีการแถลงปิดคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558 แต่จะมีการสรุปสำนวนคดีในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558[54]
ต่างประเทศ
- ออสเตรเลีย - นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ กล่าวประณามเหตุการณ์ดังกล่าว และยังสนับสนุนให้ชาวออสเตรเลียเที่ยวไทยต่อไป พร้อมกันได้เสนอความช่วยเหลือด้านการสืบสวนแก่ไทย[55]
- กัมพูชา - สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ประณามการก่อเหตุระเบิดที่กรุงเทพมหานครอย่างรุนแรงและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต[56]
- จีน - กระทรวงการต่างประเทศจีน ตั้งศูนย์ฉุกเฉินเพื่อติดตามสถานการณ์ในไทย และมีคำสั่งให้สถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงเทพให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้รับผลกระทบ[57]นอกจากนั้นนาย หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจ และนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เรียกประชุมประสานงานระหว่างกระทรวงเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชาวจีนในไทย[58]
- อินเดีย - นายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมที กล่าวประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น[59]
- ญี่ปุ่น - โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยหลังเกิดเหตุระเบิดกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับชาวญี่ปุ่น ที่อยู่ในประเทศไทย[60]
- ลาว - ทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาว ได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ ต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน และสาธารณะอย่างหนัก พร้อมทั้งกล่าวประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็น การกระทำอันป่าเถื่อน[61]
- มาเลเซีย - นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ของมาเลเซียประณามผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด[62]
- เนปาล - นายกรัฐมนตรีซูชิล คอยราลาของประเทศเนปาล ส่งสาส์นถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประณามเหตุระเบิด[63]
- นิวซีแลนด์ - นายเมอร์เรย์ แม็คคัลลี รัฐมนตรีต่างประเทศนิวซีแลนด์กล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า นิวซีแลนด์จะอยู่เคียงข้างประชาชนชาวไทยในห้วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหยื่อและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด[64]
- เกาหลีเหนือ - ปัก ปอง จู นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ได้ส่งสารแสดงความเห็นอกเห็นใจมายัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย หลังเกิดเหตุระเบิดขนาดใหญ่ซึ่งสร้างความเสียใจต่อชีวิตและทรัพย์สิน[65]
- รัสเซีย - วลาดีมีร์ ปูติน ส่งสาสน์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงเทพมหานคร[66]
- สิงคโปร์ - ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดครั้งนี้[67]
- เกาหลีใต้ - นาย จอน แจ มัน เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย ยืนยันว่าทางการเกาหลีใต้คงไม่มีการออกประกาศห้ามการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย[68]
- สหราชอาณาจักร - นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน กล่าวเสียใจที่มีพลเมืองอังกฤษเสียชีวิต และนาย ฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ดังกล่าว และพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการสืบสวน[69]
- สหรัฐ - กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวประณามเหตุการณ์ดังกล่าว และพร้อมให้ความช่วยเหลือในการสืบสวน [59]
- สหประชาชาติ - พัน กี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต[70]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2558