เหตุระเบิดในเทียนจิน พ.ศ. 2558
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เกิดเหตุระเบิดสองระลอกห่างจากกัน 32 วินาที บริเวณโกดังตู้ส่งสินค้าในท่าเรือเทียนจิน เขตปินไห่ นครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน[4][5] โดยไม่ทราบสาเหตุของการระเบิดอย่างแน่ชัดในทันที แต่รายงานเบื้องต้นบ่งชี้ว่าอาจเป็นอุบัติเหตุทางอุตสาหกรรม[5] สื่อของทางการจีนกล่าวว่าการระเบิดในเบื้องต้นเกิดจากวัตถุอันตรายที่ไม่ทราบชนิดภายในตู้ส่งสินค้าทางเรือ ณ โกดังเก็บสินค้าของบริษัทขนส่งรุยไฮโลจิสติกส์เป็นอย่างน้อย[6] ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทจัดการวัตถุอันตรายที่ได้รับอนุญาตจากทางการ[4]
ภาพถ่ายเหตุระเบิดในเทียนจิน | |
วันที่ | 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 |
---|---|
เวลา | ประมาณ 23:36 น. เวลามาตรฐานจีน |
สถานที่ | ท่าเรือเทียนจิน |
ที่ตั้ง | เขตปินไห่ นครเทียนจิน ประเทศจีน |
ประเภท | การระเบิดทางเคมี |
สาเหตุ | สารไนโตรเซลลูโลสเกิดติดไฟ[1] |
เสียชีวิต | 173[2][3] |
บาดเจ็บไม่ถึงตาย | 797 คน[3] |
สูญหาย | 8 คน[3] |
เบื้องหลัง
บริษัทรุยไฮโลจิสติกส์ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 เป็นบริษัทขนส่งเอกชนที่ดำเนินงานรับจัดการวัตถุเคมีอันตรายภายในท่าเรือเทียนจินโดยเฉพาะ เช่น อากาศอัดแรงดัน วัสดุติดไฟและมีฤทธิ์กัดกร่อน สารในปฏิกิริยารับอิเล็กตรอน และสารเคมีเป็นพิษ ซึ่งบริษัทได้รับมอบหมายจากสำนักงานความปลอดภัยทางพาณิชย์นาวีเทียนจินให้เป็นตัวแทนรับอนุญาตในการจัดการสารเคมีอันตรายเหล่านี้[7]
ตามเอกสารทางการที่บันทึกไว้ในปี พ.ศ. 2557 พบว่าในโกดังสินค้าซึ่งบริษัทขนส่งรุยไฮเป็นเจ้าของอยู่นั้น มีการเก็บรักษาสารเคมีอันตรายอยู่ภายในประกอบไปด้วย แคลเซียมคาร์ไบด์ โซเดียมไนเตรต และโพแทสเซียมไนเตรต[8] อย่างไรก็ดีทางการจีนยอมรับว่าการบันทึกข้อมูลที่ขาดตกบกพร่องและอาคารสำนักงานบริษัทที่ได้รับความเสียหาย ประกอบกับการประสานงานที่ไม่ลงรอยกันกับหน่วยงานด้านศุลกากร ทำให้ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าภายในโกดังสินค้าดังกล่าวบรรจุสารเคมีอะไรไว้กันแน่[9]
การระเบิด
เมื่อเวลา 22:50 น. ของวันที่ 12 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น (21:50 น. ตามเวลาในไทย) มีรายงานว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณโกดังสินค้าในเขตปินไห่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงตอบสนองต่อเหตุดังกล่าว แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงและป้องกันไม่ให้มีการลุกลามไว้ได้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 23:30 น. (22:30 น. ตามเวลาในไทย) เกิดการระเบิดขึ้นระลอกแรก ตามมาด้วยการระเบิดระลอกที่สองในอีก 32 วินาทีถัดมา[10] ซึ่งสามารถรับรู้แรงระเบิดได้หลายกิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ทั้งนี้แรงระเบิดทั้งสองระลอกมีขนาดเทียบเท่ากับเหตุแผ่นดินไหวขนาด 2.3 และ 2.9 ตามมาตราขนาดโมเมนต์ ทั้งยังปรากฏประกายไฟปะทุจากการระเบิดสูงขึ้นไปในอากาศหลายร้อยเมตร[11][12] ศูนย์เครือข่ายเฝ้าระวังแผ่นดินไหวของจีนรายงานว่าการระเบิดระลอกแรกและระลอกที่สองมีขนาดเท่ากับระเบิดทีเอ็นทีขนาด 3 ตัน และ 21 ตัน ตามลำดับ[13]
ต่อมาเมื่อเวลา 02:45 น. (01:45 น. ตามเวลาในไทย) ของวันที่ 13 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน จากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ ณ โกดังเก็บวัตถุอันตราย สำนักข่าวปักกิ่งก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 300 - 400 คน[14]
ต่อมาเวลา 14:30 น. (13:30 น. ตามเวลาในไทย) ปฏิบัติการควบคุมเพลิงถูกระงับไว้ชั่วคราวเนื่องจากไม่ทราบรายละเอียดและปริมาณที่แน่ชัดของวัตถุอันตรายในโกดังสินค้าดังกล่าว และมีการส่งทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีลงพื้นที่เพื่อประเมินวัตถุอันตราย ณ จุดเกิดเหตุ ประเมินผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทั้งยังประเมินวิธีการที่ดีที่สุดในการควบคุมเพลิง, ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือ รวมไปถึงปฏิบัติการเก็บกวาดซากปรักหักพัง[15][16]
การบาดเจ็บและเสียชีวิต
รัฐบาลท้องถิ่นเมืองเทียนจินระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 700 คน จากเหตุระเบิดดังกล่าว[17][18] หลายคนมีอาการบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้และสะเก็ดระเบิด ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 1,000 นาย ณ ที่เกิดเหตุ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 21 นาย[19][16] ในขณะที่ยังไม่สามารถติดต่อได้อีกจำนวน 36 นาย อย่างไรก็ตามในเช้าวันที่ 14 สิงหาคม ทีมกู้ภัยพบผู้รอดชีวิตหนึ่งรายเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอายุ 19 ปี นามว่า "โจว ถี่"[20][4][21][22][23][24][25]
รายงานข่าวจากหลายสำนักระบุว่ามีผู้บาดเจ็บสาหัสอย่างน้อย 71 คน และมีผู้เสียชีวติมากกว่า 50 คน[17][26] ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากทางการอยู่ที่ 55 คน ซึ่งอ้างอิงมาจากตัวเลขที่รายงานโดยสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีน[25]
ความเสียหาย
ภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าบริเวณโดยรอบโกดังสินค้าได้รับความเสียหายอย่างมาก[27] โดยเหตุระเบิดดังกล่าวมีความรุนแรงมากเสียจนดาวเทียมฮิมะวะริของญี่ปุ่นสามารถจับภาพเหตุการณ์นี้ไว้ได้จากอวกาศ[28]
แรงระเบิดยังได้ทำลายอาคารของบริษัทขนส่งจำนวนเจ็ดบริษัท ตลอดจนรถยนต์จำนวนหลายพันคันที่จอดอยู่ในลานจอดใกล้เคียง[29] ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยโดยรอบรัศมี 2 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุได้รับความเสียหาย เช่น กระจกหน้าต่างแตกกระจาย กระเบื้องหลังคาหลุดลอก และฝ้าเพดานพังถล่ม[25] เช่นเดียวกับสถานีรถไฟฟ้าตงไหของรถไฟฟ้าใต้ดินเทียนจินสาย 9 (Tianjin Metro Line 9) ที่หลังคาของสถานียุบตัวลงและกีดขวางการเดินรถ ทำให้ต้องระงับการให้บริการรถไฟฟ้าทั้งสายในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558[30]
เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เทียนเหอ-หนึ่งเอ (Tianhe-1A) ถูกปิดลงหลังศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติเทียนจินได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดดังกล่าว อย่างไรก็ตามเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ[31]
มลภาวะ
มีรายงานว่าโซเดียมไซยาไนด์อย่างน้อย 700 ตัน ถูกเก็บไว้ ณ ที่เกิดเหตุ[32] และพบการรั่วไหลของสารดังกล่าวบริเวณท่อระบายน้ำ[33][34] ซึ่งในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตรวจพบก๊าซพิษอาทิเช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ ภายในระยะห่าง 500 เมตร รอบจุดเกิดเหตุ แต่ปริมาณของก๊าซไม่เกินระดับที่กำหนดไว้ตามมาตรฐาน ส่วนระยะห่างรัศมี 2 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุ ไม่มีการตรวจพบก๊าซอันตรายดังกล่าว[9]
การตอบสนองจากทางการ
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีรายงานว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เร่งรัด "ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือเหยื่อระเบิดและระงับเปลวเพลิง"[5] จากรายงานของสื่อทางการระบุว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทรุยไฮโลจิสติกส์กำลังอยู่ในการควบคุมตัวของทางการ[18]
ในเช้าวันถัดมาหลังจากคืนวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารเริ่มทยอยลงพื้นที่เกิดเหตุในเทียนจินและเริ่มปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือ มีการขนย้ายอุปกรณ์หนักเข้ามาในพื้นที่ เช่น รถตักดิน เข้ามาเพื่อเก็บกวาดซากความเสียหาย และมีการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์และชีวเคมีลงพื้นที่มากกว่า 200 คน เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนจากการที่สารเคมีถูกเผาไหม้ฟุ้งกระจายขึ้นสู่บรรยากาศโดยรอบบริเวณ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จากทางการยังได้ตั้งสถานีติดตามและเฝ้าระวังใกล้กับจุดเกิดเหตุขึ้นจำนวน 12 สถานี มีการตรวจพบ "มลสารอันตรายในอากาศ" เหนือระดับปกติ และมีการปิดกั้นระบบระบายน้ำโดยรอบบริเวณ ในขณะที่มีการนำตัวอย่างน้ำไปทดสอบอีกด้วย[35]
ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังอยู่ระหว่างการกำจัดสารโซเดียมไซยาไนด์ปริมาณกว่า 700 ตัน ที่ถูกเก็บอยู่ภายใน โดยใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์เป็นตัวปรับสภาพความเป็นกลาง[36]
ทางการจีนยังได้ออกคำสั่งให้ผู้อยู่อาศัยในบริเวณโดยรอบมากกว่า 3,500 หลังคาเรือนต้องอพยพไปพักพิง ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว เนื่องจากกังวลว่าจะมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นตามมาอีกระลอก ทั้งนี้มีผู้อยู่อาศัยบางส่วนเลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว[25]
ด้านนายกัว เชิงคุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุและเร่งรัดความพยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่[37]
ปฏิกิริยาตอบรับ
มีรายงานว่าทางการจีนพยายามปิดกั้นการรายงานข่าวทั้งทางสื่อสารมวลชนและบนสื่อสังคมออนไลน์ นักข่าวและประชาชนโดยรอบถูกกันไม่ให้เข้าใกล้จุดเกิดเหตุเป็นระยะห่างประมาณ 1 หรือ 2 กิโลเมตร นอกจากนี้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายคนรายงานว่าข้อความเกี่ยวกับเหตุระเบิดดังกล่าวของตนกำลังถูกลบทิ้ง[9] ส่วนนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นถูกระงับไม่ให้ถ่ายภาพเหตุการณ์[38] ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่าแม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วเป็นเวลากว่าแปดชั่วโมง สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมในเทียนจินกลับยังไม่ได้รายงานเหตุระเบิดดังกล่าว แต่กำลังฉายละครโทรทัศน์แทน[38][39] ซึ่งในความเป็นจริงแล้วปรากฏการรายงานข่าวในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 7 นาฬิกา[40].
นอกจากนี้ยังปรากฏอีกว่าผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็น วิลล์ ริปลีย์ ซึ่งถ่ายภาพบรรยากาศด้านนอกโรงพยาบาลเทียนจิน ถูกเพื่อนและญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตระงับการรายงานสดเนื่องจากอยู่ในความเศร้าเสียใจ[41]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เหตุระเบิดในเทียนจิน พ.ศ. 2558
- วิดีโอการระเบิดโดยหนังสือพิมพ์เดลี่เทเลกราฟ (สหราชอาณาจักร) เก็บถาวร 2015-08-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- เว็บไซต์ทางการของบริษัทขนส่งรุยไฮโลจิสติกส์ เก็บถาวร 2015-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (จีน)