เอไอเอ็ม-120 แอมแรม

จรวดนำวิถีเอไอเอ็ม-120 หรือ แอมแรม (อังกฤษ: AIM-120 Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile, AMRAAM) เป็นอาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศเกินระยะตามองเห็น (BVR) รุ่นใหม่ที่สามารถใช้ได้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน มันยังรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าสแลมเมอร์ในกองทัพอากาสสหรัฐ นาโต้ใช้รหัสเรียกมันว่าฟ็อกซ์ ทรี (Fox Three)

เอไอเอ็ม-120 แอมแรม
ชนิดอาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศนำวิถีด้วยเรดาร์พิสัยกลาง
แหล่งกำเนิด สหรัฐ
บทบาท
ประจำการกันยายน พ.ศ. 2534
ประวัติการผลิต
บริษัทผู้ผลิตฮิวจ์ส/เรย์เธียน
แบบอื่นเอไอเอ็ม-120เอ เอไอเอ็ม-120บี เอไอเอ็ม-120ซี เอไอเอ็ม-120ซี-4/5/6/7 เอไอเอ็ม-120ดี
ข้อมูลจำเพาะ
มวล152 กิโลกรัม
ความยาว3.66 เมตร
เส้นผ่าศูนย์กลาง7 นิ้ว
หัวรบสะเก็ดระเบิดแรงสูง
ระเบิดสะเก็ดดับบลิวดียู-33/บี 25 กิโลกรัม (เอไอเอ็ม-120เอ/บี)
ระเบิดสะเก็ด ดับบลิวดียู-41/บี 18 กิโลกรัม (เอไอเอ็ม-120ซี)
กลไกการจุดชนวน
อุปกรณ์ตรวจจับเป้าหมายปฏิบัติ
อุปกรณ์ตรวจจับเป้าในพื้นที่ 1/4 ของวงกลม สำหรับเอไอเอ็ม-120ซี-6[1]

เครื่องยนต์เครื่องยนต์จรวดพลังสูง
ความยาวระหว่างปลายปีก20.7 นิ้ว (เอไอเอ็ม-120เอ/บี)
พิสัยปฏิบัติการ
48 กิโลเมตร (เอไอเอ็ม-120เอ/บี)

105 กิโลเมตร(เอไอเอ็ม-120ซี)

160+ กิโลเมตร(เอไอเอ็ม-120ดี) [2]
ความเร็ว4 มัก
ระบบนำวิถี
เรดาร์ปฏิบัติ
ฐานยิง
อากาศยาน:

เครื่องยิงภาคพื้นดิน:

  • นาสแอมส์

การพัฒนา

แอมแรม ได้ถูกพัฒนาขึ้นจากข้อตกลงสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ในเนโทในการพัฒนาจรวดนำวิถีและการแบ่งปันข้อมูลและเทคโนโลยี ภายใต้ข้อตกลง สหรัฐจะพัฒนาจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางรุ่นใหม่ และยุโรปจะพัฒนาจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ ถึงแม้ว่ายุโรปจะใช้ AMRAAM อยู่แต่ก็มีความพยายามที่จะพัฒนา Meteor ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ AMRAAM เรื่มต้นโดยสหราชอาณาจักร ในที่สุดสหราชอาณาจักรก็พัฒนา ASRAAM แต่เพียงผู้เดียว หลังจากยืดเยื้อในการพัฒนาอยู่นาน การนำ AMRAAM (AIM-120A) เข้าประจำการก็ได้เรื่มต้นในกันยายน ปี พ.ศ. 2534 และเครื่องบินกองทัพอากาศสหรัฐลำแรกที่ได้รับการติดตั้งก็คือ F-15 Eagle ต่อมากองทัพเรือก็ได้นำมาประจำการใน F/A-18 Hornet ในปี พ.ศ. 2536

ลักษณะการใช้งาน

แอมแรม มีความสามารถในการปฏิบัติการในทุกสภาพอากาศ และยังมีความสามารถในการทำ Beyond-visual-range (BVR) มันช่วยเพื่มความสามารถในการรบทางอากาศของกองทัพสหรัฐ และชาติพันธมิตร แอมแรม ได้ถูกนำเข้าประจำการในปี พ.ศ. 2534 มันเข้ามาแทนที่ เอไอเอ็ม-7สแปร์โรว์เพราะแอมแรมนั้นเร็วกว่า เล็กกว่า เบากว่า และมีความสามารถในการจัดการข้าศึกที่ระดับความสูงต่ำและมันสามารถยังใช้ ดาต้าลิงก์ ในการนำวิถีขีปนาวุธไปยังเป้าหมาย

ระบบนำวิถี

ระยะไกล

จรวดนำวิถี เอไอเอ็ม-120 ติดตั้งระบบนำวิถี 2 ช่วง (two-stage guidance system) เมื่อจะทำการใช้อาวุธต่ออากาศยานเป้าหมายระยะไกล โดยเครื่องขับไล่ที่ติดตั้งอาวุธจะส่งข้อมูลเป้าหมายให้กับจรวดนำวิถีก่อนทำการยิงจากข้อมูลที่ได้จากเรดาร์ควบคุมการยิงของเครื่องบินขับไล่ที่ตรวจพบอากาศยานเป้าหมายประกอบด้วย ตำแหน่ง ความเร็ว และทิศทางเพื่อให้จรวดนำวิถีเคลื่อนที่ไปในทิศทางตามข้อมูลที่ได้รับโดยการใช้ระบบนำร่อง Inertial Navigation System (INS) นอกจากนี้ เอไอเอ็ม-120 แอมแรม ยังสามารถรับข้อมูลเป้าหมายจากระบบอินฟราเรดค้นหาและติดตามเป้าหมาย (Infrared- Search and Track System;IRST) หรือผ่านเครือข่าย ดาต้าลิงก์ จากเครื่องบินลำอื่นๆ และเมื่อขณะอยู่ในเส้นทางการบินไปยังเป้าหมายจรวดนำวิถีจะได้รับข้อมูลเป็นระยะๆ จากเครื่องบินขับไล่ท่ทำการปล่อยอาวุธโดยการควบคุมการบินและปรับเปลื่ยนทิศทางให้ตรงกับตำแหน่งเป้าหมายจะทำกระทำผ่านครีบทั้ง 4 แห่ง โดยติดตั้งอยู่ที่หางจนกระทั่งเข้าสู่ระยะอุปกรณ์เรดาร์ติดตามเป้าหมาย (Active Seeker Radar) ติดตั้งกับจรวดนำวิถีจะเปิดระบบเพื่อนำวิถีให้จรวดพุ่งชนโดยการจุดระเบิดหัวรบด้วยหัวรบแบบเฉียดกระทบให้ระเบิดขนาด 40 ปอนด์ระเบิดทำลายอากาศยานเป้าหมาย[3]

ระยะใกล้

สำหรับการใช้อาวุธเข้าโจมตีเป้าหมายระยะใกล้ (Close Range) จรวดนำวิถี แอมแรม จะใช้เฉพาะระบบเรดาร์นำวิถีตัวเองนำจรวดนำวิถีพุ่งกระทบเป้าหมาย ดังนัน จึงทำให้เครื่องบินขับไล่ที่ยิงอาวุธออกมาแล้วมีอิสระที่ทำการสู้รบกับเป้าหมายอื่นๆต่อไปซึ่งมีขีดความสามารถดังกล่าวจึงถูกเรียกว่าเป็นอาวุธประเภท"ยิงแล้วลืม"(Fire and Forget)[3]

ประวัติการใช้งาน

ในปี 1991 กองทัพอากาศสหรัฐ เป็นกองทัพแรกที่ได้รับจรวดนำวิถี เอไอเอ็ม-120เอ เข้าประจำการ ในปี 1992 ได้ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกในสงครามอ่าวเปอร์เซีย (Operation Desert Strom)โดยติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่ครองอากาศ แบบ เอฟ-15 ซี เป็นแบบแรกแต่ไม่เคยใช้ในการสู้รบ กองทัพอากาศสหรัฐประสบความสำเร็จในการรบทางอากาศกับจรวดนำวิถี แอมแรม ครั้งกับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ดี รุ่น สองที่นั่ง นักบินใช้จรวดนำวิถี เอไอเอ็ม-120 เอ ยิงเครื่องบินขับไล่ แบบ มิก-25 ของกองทัพอากาศอิรัคซึ่งละเมิดเขตห้ามบิน (No-Fly Zone) ตกเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 1992 ความสำเร็จครั้งที่สองเกิดขึ้นในอีกเดือนต่อมา เป็นเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 เช่นเดิม แต่เป็นรุ่น เอฟ-16 ซี ที่นั่งเดี่ยว ยิงเครื่องบินขับไล่ มิก-23 ตกเมื่อเดือนมกราคม 1993ในอีก 1 ปีต่อมาในสงครามบอสเนียนักบินเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ซี ของกองทัพอากาศสหรัฐ ใช้จรวดนำวิถีเอไอเอ็ม-120 เอ ยิงเครื่องบินฝึกไอพ่น แบบ เจ-21 ของทัพอากาศบอสเนียตกเนื่องจากบินละเมิดเขตห้ามบินซึ่งสหประชาชาติกำหนดขึ้น หลังจากความสำเร็จยิงเครื่องบินตก 3 เครื่อง จรวดนำวิถี เอไอเอ็ม-120 ได้ถูกขนามนามว่า"สแลมเมอร์" (Slammer) ในระหว่าง Operation Allied Force การรบทางอากาศเหนือน่านฟ้ากรุงคอซอวอนักบินเครื่องบินขับไล่กองทัพอากาศสหรัฐฯและชาติพันธมิตรที่กำลังส่งกำลังทางอากาศเข้าร่วมปฏิบัติการใช้จรวดนำวิถี เอไอเอ็ม-120 เอ ยิงเครื่องบินขับไล่ มิก-29 ของกองทัพอากาศเซอร์เบียตกรวม 6 เครื่อง โดยเป็นผลงานของนักบินเครื่องบินขับไล่ เอฟ-15 ซี จำนวน 4 เครื่อง นักบินเครื่องบินขับไล่เอฟ-16ซี และ เอฟ-16 เอเอ็ม ของกองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์คนละ 1 เครื่องมีข้อมูลแย้งว่าผลงานของ เอฟ-16 ซี อาจจะเป็นผลงานของพลยิงจรวดนำวิถีต่อสู้อากาศยาน แบบ เอสเอ-7 ของทัพเซอร์เบียยิงเครื่องบินฝ่ายเดียวกัน

ในปี 1994 กองทัพอากาศมีความผิดพลาดในการใช้อาวุธเกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อนักบินขับไล่ เอฟ-15 ซี กองทัพอากาศสหรัฐ ใช้จรวดนำวิถี แอมแรม ยิงเฮลิคอปเตอร์ แบบ ยูเอซ-60 เอ แบลคฮอว์คตกใน Northern no-Fly zone ทางตอนเหนือของอิรัค

ประเทศผู้ใช้งาน

 ออสเตรเลีย
  • กองทัพอากาศออสเตรเลีย
 เบลเยียม
  • กองทัพอากาศเบลเยียม
 บาห์เรน
  • กองอากาศบาห์เรน
 แคนาดา
  • กองทัพอากาศแคนาดา
 ชิลี
สีฟ้าแสดงถึงประเทศที่มี AIM-120 แอมแรมประจำการอยู่
  • กองทัพอากาศชิลี[4]

 เช็กเกีย

  • กองทัพอากาศเช็ก[5]
 เดนมาร์ก
  • กองทัพอากาศเดนมาร์ก
 ฟินแลนด์
  • กองทัพอากาศฟินแลนด์
 เยอรมนี
  • กองทัพอากาศเยอรมนี
 กรีซ
 ฮังการี
  • กองทัพอากาศฮังการี
 อิสราเอล
  • กองทัพอากาศอิสราเอล
 อิตาลี
  • กองทัพอากาศอิตาลี
  • กองทัพเรืออิตาลี
 อินโดนีเซีย
  • กองทัพอากาศอินโดนีเซีย (อยู่ระหว่างการสั่ง)
 ญี่ปุ่น
 จอร์แดน
  • กองทัพอากาศจอร์แดน
 คูเวต
  • กองทัพอากาศคูเวต
 โมร็อกโก
  • กองทัพอากาศโมร็อกโก
 มาเลเซีย
 เนเธอร์แลนด์
  • กองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์
 นอร์เวย์
 โอมาน
  • กองทัพอากาศโอมาน
 ปากีสถาน
  • กองทัพอากาศปากีสถาน
 โปแลนด์
  • กองทัพอากาศโปแลนด์
 โปรตุเกส
  • กองทัพอากาศโปรตุเกส
 ซาอุดีอาระเบีย
  • กองทัพอากาศซาอุดีอาระเบีย
 สิงคโปร์
  • กองทัพอากาศสิงคโปร์
 เกาหลีใต้
  • กองทัพอากาศเกาหลีใต้
 สวิตเซอร์แลนด์
  • กองทัพอากาศสวิตเซอร์แลนด์
 สเปน
  • กองทัพอากาศสเปน
  • กองทัพบกสเปน
  • กองทัพเรือสเปน
 สวีเดน
  • กองทัพอากาศสวีเดน
 ไต้หวัน
  • กองทัพอากาศไต้หวัน
 ไทย
 ตุรกี
  • กองทัพอากาศตุรกี
 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • กองทัพอากาศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
 สหราชอาณาจักร
  • กองทัพอากาศสหราชอาณาจักร
 สหรัฐอเมริกา

See also

อ้างอิง

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง