จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์, จักรพรรดิฟรีดริช บาร์บาร็อสซา หรือ จักรพรรดิฟรีดริชพระมัสสุแดง (อังกฤษ: Frederick I, Holy Roman Emperor[1] หรือ Frederick I Barbarossa; ค.ศ. 1122 – 10 มิถุนายน ค.ศ. 1190) ฟรีดริชทรงได้รับเลือกให้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งเยอรมนีเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1152 และทรงเข้าพระราชพิธีราชาภิเษกที่อาเคินเมื่อวันที่ 9 มีนาคม; ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งอิตาลีในพิธีราชาภิเษกที่ปาวีอาใน ค.ศ. 1154 และในที่สุดก็ทรงเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์โดยทรงได้รับการสวมมงกุฎจากสมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 4 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1155 ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1178 พระองค์ก็ทรงได้รับการสมมงกุฎให้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งเบอร์กันดี

จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ครองราชย์ค.ศ. 1155 - 10 มิถุนายน ค.ศ. 1190
รัชกาลก่อนหน้าสมเด็จพระจักรพรรดิโลธาร์ที่ 3 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
รัชกาลถัดไปจักรพรรดิไฮน์ริชที่ 6 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ประสูติค.ศ. 1122
สวรรคต10 มิถุนายน ค.ศ. 1190  (อายุ 67 ปี)
พระอัครมเหสีเบียทริซแห่งเบอร์กันดี จักรพรรดินีโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
พระราชบุตรจักรพรรดิไฮน์ริชที่ 6 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และองค์อื่นๆ
จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ราชวงศ์โฮเอินชเตาเฟิน
พระราชบิดาเฟรดเดอริคที่ 2 ดยุกแห่งชวาเบีย
พระราชมารดาจูดิธ

ก่อนที่จะได้ทรงได้รับเลือกให้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งเยอรมนีฟรีดริชทรงเป็นดยุกแห่งชวาเบีย ระหว่างปี ค.ศ. 1147 ถึงปี ค.ศ. 1152 ในพระนาม "ฟรีดริชที่ 3" ต่อจากพระราชบิดาเฟรเดอริกที่ 2 ดยุกแห่งชวาเบียแห่งราชวงศ์โฮเอินชเตาเฟิน พระราชมารดาคือจูดิธธิดาของไฮน์ริชที่ 9 ดยุกแห่งบาวาเรีย จากตระกูลเวลฟ์ซึ่งเป็นตระกูลสำคัญอีกตระกูลหนึ่งของเยอรมนี ฉะนั้นฟรีดริชจึงทรงสืบเชื้อสายมาจากตระกูลผู้นำของเยอรมนี ซึ่งทำให้เป็นที่ยอมรับในตำแหน่งเจ้านครรัฐผู้คัดเลือก (Prince-elector) ของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

ฟรีดริชทรงได้รับนามว่า "Barbarossa" ที่แปลว่า "หนวดแดง" จากบริเวณทางเหนือของอิตาลีที่ทรงพยายามปกครอง

พระองค์ทรงจมน้ำที่แม่น้ำซาเล็ปในเอเชียไมเนอร์จนเสด็จสวรรคตเมื่อปี ค.ศ. 1190

ต้นชีวิต

ไม่มีใครรู้วันประสูติที่แท้จริงของฟรีดริชที่ 1 หรือฉายาคือ บาร์บาร็อสซา (มาจากภาษาอิตาลี แปลว่า "เคราแดง")[2] แม้ทั่วไปแล้วจะระบุปีประสูติของพระองค์ว่าเป็นปี ค.ศ. 1122 หรือ 1123 บิดาของพระองค์คือฟรีดริชที่ 2 ดยุคแห่งสวาเบีย ส่วนมารดาคือจูดิธ บุตรสาวของไฮน์ริชที่ 9 ดยุคแห่งบาวาเรียหรือไฮน์ริชดำ บิดาของบาร์บาร็อสซาเป็นชาวโฮเอินชเตาเฟิน ขณะที่มารดาเป็นชาวเวล์ฟ สองราชวงศ์ชั้นนำในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศัตรูกันมาช้านาน

ในช่วงสงครามครูเสดครั้งที่สอง บาร์บาร็อสซาติดตามพระปิตุลา พระเจ้าคอนรัดที่ 3 แห่งเยอรมนี ไปดินแดนตะวันออก สุดท้ายสงครามครูเสดกลายเป็นหายนะ[3] และผู้ทำครูเสดซึ่งรวมถึงชาวเยอรมันทำได้ไม่ดีนักในการเดินทางทางทหาร ที่ดอริเลออน ชั่วพริบตาเดียว กองทัพของพระเจ้าคอนรัดถูกชาวตุรกีซุ่มโจมตีและพ่ายแพ้ยับเยิน อย่างไรก็ดีบาร์บาร็อสซาได้ประสบการณ์ทางทหารจากการสู้รบครั้งนี้ รวมถึงความเชื่อมั่นจากพระปิตุลา

การขึ้นครองราชย์

ปี ค.ศ. 1152 ตอนที่พระเจ้าคอนรัดนอนอยู่บนเตียงสิ้นพระชนม์ พระองค์มอบตราประจำตัวจักรพรรดิให้บาร์บาร็อสซา และแสดงออกถึงความต้องการที่จะให้พระภาติยะสืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์[4] โดยมีเจ้าชายบิชอปแห่งบัมแบร์กซึ่งเป็นอีกคนที่อยู่ที่เตียงสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าคอนรัดเป็นสักขีพยาน พระโอรสวัย 6 พรรษของคอนรัดที่ไม่ได้สืบทอดเป็นกษัตริย์ต่อจากพระบิดาได้รับแต่งตั้งเป็นดยุคแห่งสวาเบีย นอกจากจะได้รับประกาศชื่อให้เป็นผู้สืบทอดของพระเจ้าคอนรัด การอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ของบาร์บาร็อสซายังได้รับการยอมรับจากความสายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่มีต่อตระกูลโฮเอินชเตาเฟินและตระกูลเวล์ฟ ในตอนที่ขึ้นครองบัลลังก์ บาร์บาร็อสซาหมายจะฟื้นฟูจักรวรรดิให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งเหมือนในสมัยชาร์เลอมาญ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย กษัตริย์คนใหม่เดินทางไปทั่วอาณาจักรเพื่อพบปะเจ้าชายประจำท้องถิ่น และเพื่อรวมเหล่าเจ้าชายให้เป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้พระองค์

จักรพรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์

สิ่งหนึ่งของชาร์เลอมาญที่บาร์บาร็อสซาได้มาครอบครองคือตำแหน่ง "จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์" ในปี ค.ศ. 1153 สนธิสัญญาคอนสตานซ์ระหว่างบาร์บาร็อสซากับพระสันตะปาปายูจีนที่ 3 ได้ข้อสรุป โดยหลักๆ สนธิสัญญากำหนดให้บาร์บาร็อสซาได้รับการสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ แลกกับการให้ความช่วยเหลือพระสันตะปาปาต่อกรกับศัตรูชาวนอร์มันในซิซิลี[5] ในปี ค.ศ. 1155 บาร์บาร็อสซาได้รับการสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์จากผู้สืบทอดตำแหน่งของพระสันตะปาปายูจีน พระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 4 จากนั้นก็เดินทางกลับเยอรมนี พระองค์พบว่ามีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นในช่วงที่พระองค์ไม่อยู่ จึงใช้มาตราเพื่อให้อาณาจักรกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อย

ความสัมพันธ์กับพระสันตะปาปา

ฟรีดริช บาร์บาร็อสซายอมจำนนต่ออำนาจของพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3 โดยสปิเนลโล อาเรติโน คริสต์ศตวรรษที่ 14

แม้จะได้รับการสวมมงกุฎจากพระสันตะปาปา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างบาร์บาร็อสซากับพระสันตะปาปากลับตึงเครียดขึ้น ด้วยประเด็นที่ว่าจักรพรรดิควรเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระสันตะปาปา หรือพระสันตะปาปาควรเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของจักรพรรดิ บาร์บาร็อสซาย่อมต้องคิดว่าพระสันตะปาปาควรเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของจักรพรรดิ ส่วนพระสันตะปาปาก็มีมุมมองที่ตรงกันข้าม[6] สุดท้ายเรื่องนี้ก็ส่งผลให้บาร์บาร็อสซาถูกพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ตัดขาดจากศาสนา[7] เพื่อเป็นการตอบโต้ บาร์บาร็อสซาหันไปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาอย่างต่อเนื่อง

อนุสาวรีย์บาร์บาร็อสซาที่ภูเขาคิฟฮ็อยเซอร์ คิฟฮ็อยเซอร์-เด็งค์มาล ประเทศเยอรมนี

สุดท้ายในปี ค.ศ. 1176 บาร์บาร็อสซาสงบศึกกับพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์และการตัดขาจากศาสนาถูกยกเลิกหลังการสู้รบของบาร์บาร็อสซากับสหพันธ์ลอมบาร์ดในอิตาลีเหนือ[8] อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวของบาร์บาร็อสซาในหลายปีต่อมาทำให้ความสัมพันธ์กับพระสันตะปาปาเกิดรอยร้าวอีกครั้ง แต่กระนั้นเมื่อมีการเรียกทำสงครามครูเสดครั้งที่สาม บาร์บาร็อสซาตอบสนองทันทีโดยการระดมทหาร 15,000 นาย[9][10] และออกเดินทางไปดินแดนตะวันออก ทว่าครั้งนี้ชะตาไม่ได้ลิขิตให้จักรพรรดิผู้ชราแล้วไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในปี ค.ศ. 1190 บาร์บาร็อสซาจมน้ำสิ้นพระชนม์ในแม่น้ำซาเลฟในอานาโตเลียตะวันออกเฉียงใต้[11] อ้างอิงตามบันทึกส่วนหนึ่ง จักรพรรดิจมน้ำสิ้นพระชนม์ขณะกำลังพยายามข้ามแม่น้ำ ขณะที่บันทึกอีกหลายฉบับอ้างว่าทรงกระโดดลงไปในแม่น้ำจนตัวแข็งและจมน้ำสิ้นพระชนม์ อีกกรณีหนึ่ง มีการโทษว่าน้ำหนักของเกราะคือต้นเหตุทำให้จมน้ำสิ้นพระชนม์

พระโอรสธิดา

การอภิเษกสมรสครั้งแรกของฟรีดริชที่ 1 กัยอาเดลไฮด์แห่งฟูบวร์กไม่มีพระโอรสธิดาและถูกประกาศให้เป็นโมฆะ[12]

การอภิเษกสมรสของจักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 บาร์บาร็อสซากับเบียทริซแห่งเบอร์กันดี

จากการอภิเษกสมรสครั้งที่สองกับเบียทริซแห่งเบอร์กันดี[12] พระองค์มีพระโอรสธิดา ดังนี้

  1. เบียทริซ (ค.ศ. 1162 – 1174) ถูกหมั้นหมายกับพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 แห่งซิซิลี แต่สิ้นพระชนม์ก่อนจะได้แต่งงานกัน
  2. ฟรีดริชที่ 5 ดยุคแห่งสวาเบีย (16 กรกฎาคม ค.ศ. 1164 – 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1170)
  3. ไฮน์ริชที่ 6 จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (พฤศจิกายน ค.ศ. 1165 – 28 กันยายน ค.ศ. 1197)[12]
  4. คอนรัด (กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1167 – 20 มกราคม ค.ศ. 1191) ต่อมามีชื่อใหม่ว่าฟรีดริชที่ 6 ดยุคแห่งสวาเบียหลังพระเชษฐาสิ้นพระชนม์[12]
  5. จิเซลา (ตุลาคม/พฤศจิกายน ค.ศ. 1168 – ค.ศ. 1184)
  6. ออตโทที่ 1 เคานต์แห่งเบอร์กันดี (มิถุนายน/กรกฎาคม ค.ศ. 1170 – ถูกสังหาร 13 มกราคม ค.ศ. 1200)[12]
  7. คอนรัดที่ 2 ดยุคแห่งสวาเบียและโรเธินบวร์ก (กุมภาพันธ์/มีนาคม ค.ศ. 1172 – ถูกสังหาร 15 สิงหาคม ค.ศ. 1196)[12]
  8. รานูด (ตุลาคม/พฤศจิกายน ค.ศ. 1173 – วัยทารก)
  9. วิลเลียม (มิถุนายน/กรกฎาคม ต.ศ. 1176 – วัยทารก)
  10. ฟิลิปแห่งสวาเบีย (สิงหาคม ค.ศ. 1177 – ถูกสังหาร 21 มิถุนายน ค.ศ. 1208) กษัตริย์แห่งเยอรมนี ค.ศ. 1198[12]
  11. แอ็กเนส (ค.ศ. 1181 – 8 ตุลาคม ค.ศ. 1184) ถูกหมั้นหมายกับเอเมริกแห่งฮังการี แต่สิ้นพระชนม์ก่อนจะได้แต่งงานกัน

อ้างอิง

Frederick I Barbarossa: A Megalomaniac Roman Emperor On a Crusade for Power

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง