สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระแห่งเนปาล

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ (เนปาล: ज्ञानेन्द्र वीर बिक्रम शाहदेव; Jñānendra Vīra Vikrama Śāhadeva; ชฺาเนนฺทฺร วีร พิกฺรม ศาหเทว) หรือ สมเด็จพระราชาธิบดีคยาเนนทรพีรพิกรมศาหเทว์ (Gyanendra Bir Bikram Shah Dev) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรเนปาลในราชวงศ์ศาห์ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีมเหนทระ ประสูติแต่เจ้าหญิงอินทระ มกุฎราชกุมารีแห่งเนปาล

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ

ชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ
พระมหากษัตริย์เนปาล
ครองราชย์ครั้งที่ 1: 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493
ครั้งที่ 2: 4 มิถุนายน พ.ศ. 2544
รัชกาลก่อนหน้าสมเด็จพระราฃาธิบดีทิเปนทระ (พ.ศ. 2544)
รัชกาลถัดไปสิ้นสุดระบอบกษัตริย์
(คิริชา ประสาท โกอิราลา รักษาการ ประมุขแห่งรัฐ) (พ.ศ. 2551)
ประสูติ7 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 (76 ปี)
กาฐมาณฑุ ราชอาณาจักรเนปาล
พระอัครมเหสีโกมล ราณา
พระราชบุตรมกุฎราชกุมารปารัส
เจ้าหญิงเปรรณา
ชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ
ราชวงศ์ศาหะ
พระราชบิดาสมเด็จพระเจ้ามเหนทระ
พระราชมารดาเจ้าหญิงอินทระ มกุฎราชกุมารีแห่งเนปาล

พระราชประวัติ

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 ณ พระราชวังนารายัณหิตี ในกรุงกาฐมาณฑุ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองของมกุฎราชกุมารมเหนทระ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) กับ เจ้าหญิงอินทระ มกุฎราชกุมารีแห่งเนปาล (สกุลเดิม: ราณา) หลังประสูติกาลโหรหลวงได้ทำนายทายทักว่าพระราชโอรสที่ประสูติใหม่จะนำโชคร้ายสู่พระชนก ดังนั้นพระองค์เมื่อยังทรงพระเยาว์จึงถูกส่งไปให้พระอัยยิกาทรงอุปถัมภ์อำรุง[1]

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระเจ้าตริภูวันและมกุฎราชกุมารมเหนทระรวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นทรงลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศอินเดีย โดยปล่อยให้เจ้าชายชญาเนนทระอยู่ลำพังพระองค์ ที่ต่อมาโมหัน ศัมเศร์ นายกรัฐมนตรีเนปาล ได้นำเจ้าชายเข้ามาในกาฐมาณฑุเพื่อตั้งเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนปีเดียวกันนั้นเอง และนายกรัฐมนตรียังให้งบประมาณ 300,000 รูปีเป็นรายได้ของพระองค์ต่อปี[2] แต่การขับไล่สมเด็จพระเจ้าตริภูวันของนายกรัฐมนตรีจากตระกูลราณานั้น ทำให้สถานะพระมหากษัตริย์ของชญาเนนทระมิได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ[3]

พระองค์เข้ารับการศึกษาที่วิทยาลัยเซนต์โจเซฟ เมืองดาร์จีลิง ประเทศอินเดียเช่นเดียวกับพระเชษฐา และสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยตริภูวัน กรุงกาฐมาณฑุ เมื่อปี พ.ศ. 2512[4]

ในปี พ.ศ. 2518 พระองค์เป็นประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระ พระเชษฐา และเป็นกรรมการขององค์การมเหนทระเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่ต่อมาคือองค์การอนุรักษ์แห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (National Trust for Nature Conservation) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จนกระทั่งพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ครั้งที่สองเมื่อปี พ.ศ. 2544[5]

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ อภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชินีโกมล (สกุลเดิม: ราณา) เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 มีพระราชโอรส 1 พระองค์ และพระราชธิดา 1 พระองค์ ได้แก่

  1. เจ้าชายปารัส มกุฎราชกุมารแห่งเนปาล[6] (ประสูติ: 30 ธันวาคม พ.ศ. 2514) เสกสมรสกับเจ้าหญิงหิมานี มกุฎราชกุมารีแห่งเนปาล มีพระบุตรสามพระองค์
  2. เจ้าหญิงเปรรณา (ประสูติ: 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521) เสกสมรสกับกุมาร ราช พหาทุร สิงห์ มีพระบุตรหนึ่งคน

เสด็จขึ้นครองราชย์

พระองค์ได้เสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเนปาล 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 ถึงวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2494 ครั้งที่สองคือเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย ทรงเป็นนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดหลังเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่พระราชวงศ์เนปาล ท่ามกลางข้อกังขาว่าพระองค์อาจมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าว

ทรงยึดอำนาจจากรัฐบาล

ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทร์ได้ทรงยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลเนปาล โดยมีพระราชโองการให้รัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตยสิ้นสุดลง และทรงปกครองประเทศด้วยพระองค์เอง ทำให้ทรงต้องเผชิญกระแสต่อต้านจากในประเทศอย่างรุนแรง

ทรงถูกถอดถอน

เมื่อมีการฟื้นฟูรัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 พระองค์จึงทรงถูกลดพระราชอำนาจและพระราชสถานะลง[7] โดยก่อนการสละราชบัลลังก์ ก็ได้มีกระแสข่าวเกี่ยวการสละราชบัลลังก์และเสด็จไปประทับต่างประเทศ โดยจะยกราชสมบัติแก่เจ้าชายหริทเยนทรา พระราชนัดดา เนื่องจากทรงไม่พอพระทัยในตัวมกุฎราชกุมารมากนัก[8] และทรงสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เนื่องจากสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งเนปาล (Constituent Assembly of Nepal) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจากรูปแบบราชอาณาจักรมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้าสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระแห่งเนปาลถัดไป
สมเด็จพระเจ้าตริภูวัน พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเนปาล
(ครั้งที่ 1)

(พ.ศ. 2493-2498)
สมเด็จพระเจ้ามเหนทระ
สมเด็จพระราชาธิบดีทิเปนทระ พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเนปาล
(ครั้งที่ 2)

(พ.ศ. 2544-2551)
ยกเลิกระบอบกษัตริย์
ยกเลิกระบอบกษัตริย์ ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์เนปาล
(28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551-ปัจจุบัน)
ปัจจุบัน
เจ้าชายปารัส มกุฎราชกุมารแห่งเนปาล
🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง