ลำดับเหตุการณ์สำคัญในอาณาจักรอยุธยา
(เปลี่ยนทางจาก เหตุการณ์สำคัญในอาณาจักรอยุธยา)
ลำดับเหตุการณ์สำคัญในอาณาจักรอยุธยา
สมัยราชวงศ์อู่ทอง (ครั้งที่ 1 : พ.ศ. 1893 – 1913)
- พ.ศ. 1893
- สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในนาม กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
- พ.ศ. 1912
- สมเด็จพระเจ้าอู่ทองสวรรคต สมเด็จพระราเมศวรสืบราชสมบัติ
สมัยราชวงศ์สุพรรณภูมิ (ครั้งที่ 1 : พ.ศ. 1913 – 1931)
- พ.ศ. 1913
- สมเด็จพระราเมศวรถวายราชสมบัติให้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) สถาปนาราชวงส์สุพรรณภูมิ
- พ.ศ. 1914
- เจ้านครอินทร์ขณะครองเมืองสุพรรณบุรี ในฐานะราชทูตเสด็จเยือนจีนครั้งแรก ตรงกับรัชกาลจักรพรรดิหงอู่แห่งราชวงศ์หมิง[1][2]
- พ.ศ. 1920
- เจ้านครอินทร์เสด็จเยือนจีนครั้งที่ 2[3]
- พ.ศ. 1931
- ขุนหลวงพะงั่วสวรรคต สมเด็จพระเจ้าทองลันสืบราชสมบัติ สิ้นสุดการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ครั้งที่ 1
สมัยราชวงศ์อู่ทอง (ครั้งที่ 2 : พ.ศ. 1931 – 1952)
- พ.ศ. 1931
- สมเด็จพระราเมศวรชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระเจ้าทองลันแล้วเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นครั้งที่ 2 สมเด็จพระเจ้าทองลันถูกสำเร็จโทษ
- พ.ศ. 1938
- สมเด็จพระราเมศวรสวรรคต สมเด็จพระเจ้ารามราชาสืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 1952
- สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) ครองราชสมบัติแทนสมเด็จพระเจ้ารามราชา สิ้นสุดการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์อู่ทอง ครั้งที่ 2
สมัยราชวงศ์สุพรรณภูมิ (ครั้งที่ 2 : พ.ศ. 1952 – 2112)
- พ.ศ. 1952
- สมเด็จพระอินทราชา สถาปนาการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ครั้งที่ 2
- พ.ศ. 1964 – 1965
- พ.ศ. 1967
- สมเด็จพระอินทราชาสวรรคต เจ้าอ้ายพระยากับเจ้ายี่พระยา ทำยุทธหัตถีเพื่อแย่งชิงราชสมบัติ แต่สิ้นพระชนม์ทั้งสองพระองค์[5]
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เสด็จขึ้นครองราชย์
- พ.ศ. 1981
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ทรงผนวกกรุงสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา
- พ.ศ. 1991
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 สวรรคต สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2006
- พ.ศ. 2031
- สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสวรรคต สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 สืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2034
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 สวรรคต สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 สืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2042/2043
- สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงโปรดฯ ให้สร้างพระวิหารวัดพระศรีสรรเพชญ์และหล่อพระประธาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ. 2035/2036 ทรงโปรดฯ ให้สร้างพระมหาสถูป 2 องค์เพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถและสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3[7]
- พ.ศ. 2054
- โปรตุเกสเป็นชาติยุโรปแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ด้วยการส่งดูวาร์ตึ ฟือร์นังดึช (Duarte Fenandes) เป็นทูตมาเฝ้าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 หลังจากที่โปรตุเกสเข้าพิชิตมะละกา [8]
- พ.ศ. 2072
- สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 สวรรคต สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 สืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2076
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 สวรรคต สมเด็จพระรัษฎาธิราชสืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2077
- สมเด็จพระรัษฎาธิราชถูกสมเด็จพระไชยราชาธิราชชิงราชสมบัติ สมเด็จพระรัษฎาธิราชถูกสำเร็จโทษ
- ราว พ.ศ. 2083
- จุดกำเนิดหมู่บ้านโปรตุเกสในกรุงศรีอยุธยา ตามพระบรมราชโองการฯ ของสมเด็จพระไชยราชาธิราช ที่พระราชทานที่ดินให้ชาวโปรตุเกส 120 คน โดยเป็นบำเหน็จการทำความดีความชอบจากการเข้าร่วมรบในสงครามเชียงกรานจนได้รับชัยชนะ[9]
- โบราณสถานซานเปโตร หรือ โบสถ์เซนต์โดมินิค ในคณะโดมินิกัน เป็นโบสถ์คริสต์ศาสตร์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในอาณาจักรอยุธยา ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านโปรตุเกส[10]
- พ.ศ. 2085 (ในบางแหล่งระบุเป็น พ.ศ. 2065 แต่น่าจะคลาดเคลื่อน)
- สมเด็จพระไชยราชาธิราชโปรดฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำบริเวณเมืองบางกอก จากปากคลองบางกอกน้อยไปยังปากคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันคือแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนถึงปากคลองตลาด[11]
- พ.ศ. 2089
- สมเด็จพระไชยราชาธิราชสวรรคต สมเด็จพระยอดฟ้าสืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2091
- นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ทรงอ้างว่าสมเด็จพระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์ หัวเมืองเหนือก็ไม่เป็นปกติจึงปรึกษากับขุนนางว่าจะให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดินกระทั่งสมเด็จพระยอดฟ้าทรงเจริญพระชันษา เหล่าขุนนางก็เห็นชอบด้วย เมื่อขุนวรวงศาธิราชขึ้นครองราชย์แล้ว ก็สถาปนานายจันขึ้นเป็นพระมหาอุปราช แล้วนำสมเด็จพระยอดฟ้าไปสำเร็จโทษ
- ขุนวรวงศาธิราชและแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ถูกสังหารขณะเสด็จฯ ทางชลมารคไปทรงคล้องช้าง[12]
- พระเทียรราชาลาสิกขาบทแล้วราชาภิเษก เฉลิมพระนาม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า [12]
- พ.ศ. 2093
- สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้ก่อกำแพงพระนครศรีอยุธยาก่ออิฐถือปูนตามแบบฝรั่งเป็นครั้งแรก จากเดิมที่ถมดินเป็นเชิงเทินแล้วปักเสาไม้ระเนียดด้านบน [13]
- พ.ศ. 2103
- เริ่มก่อสร้างพระธาตุศรีสองรัก เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต
- พ.ศ. 2104
- เกิดเหตุการณ์กบฏพระศรีศิลป์ พระศรีศิลป์ (พระราชโอรสในสมเด็จพระไชยราชาธิราช) สิ้นพระชนม์
- พ.ศ. 2107
- พระเจ้าบุเรงนองยกทัพเข้าตีเมืองพิษณุโลกและได้เมืองในวันที่ 12 มกราคม[14]
- ในเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเข้าเฝ้าพระเจ้าบุเรงนองเพื่อขอเป็นไมตรี ซึ่งพระเจ้าบุเรงนองได้ทรงขอพระราเมศวร พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ และช้างเผือก 4 ช้างกลับไปกรุงหงสาวดี[15]
- เกิดเหตุการณ์กบฏปัตตานี พระยาตานีศรีสุลต่านพระยาตานีแห่งปัตตานี[16]ที่ได้เข้ามาช่วยอยุธยารบกับพม่า ก่อความวุ่นวายในกรุงและได้บุกเข้าไปในวังหลวง[17][18]
- พ.ศ. 2112
- ขณะที่ถูกทัพพม่าปิดล้อมพระนครอยู่นั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิสวรรคต สมเด็จพระมหินทราธิราชสืบราชสมบัติ[19][20]
- ทัพพม่านำโดยพระเจ้าบุเรงนองเข้ายึดกรุงได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม[21] (การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง)
สมัยราชวงศ์สุโขทัย (พ.ศ. 2112 – 2173)
- พ.ศ. 2112
- ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่อาณาจักรตองอู พระเจ้าบุเรงนองได้ถอดสมเด็จพระมหินทราธิราชจากราชสมบัติ แล้วราชาภิเษกสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชให้ครองกรุงศรีอยุธยาแทน อันเป็นการสิ้นสุดการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์สุพรรณภูมิ และสถาปนาราชวงศ์สุโขทัย[22]
- สมเด็จพระมหินทราธิราชสวรรคตที่เมืองแครง ใกล้กรุงหงสาวดี[23]
- พ.ศ. 2124
- เกิดเหตุการณ์กบฏไพร่ญาณพิเชียร[24]
- พ.ศ. 2126
- ราล์ฟ ฟิทช์เป็นชาวอังกฤษคนแรกที่บันทึกว่าได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศไทย โดยเดินทางมายังนครเชียงใหม่ [25]
- พ.ศ. 2127
- สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพ ที่เมืองแครง
- พ.ศ. 2133
- สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรฯ สืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2135
- สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาได้รับชัยชนะ
- พ.ศ. 2138
- พ.ศ. 2141
- พ.ศ. 2145
- เรือสำเภาบรรทุกสินค้าของ เฉกอะหมัด กุมมี และน้องชายคือ มะหะหมัด ซาอิด เข้ามาเทียบท่าที่ป้อมเพชร เพื่อเข้ามาตั้งห้างค้าขายอยู่ในกรุงศรีอยุธยา[28]
- พ.ศ. 2147
- พ.ศ. 2148
- สมเด็จพระนเรศวรฯ สวรรคต สมเด็จพระเอกาทศรถสืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2151
- พ.ศ. 2153
- สมเด็จพระเอกาทศรถทรงมีพระราชสาส์นตอบสาส์นจากโชกุนอิเอยาสุ[31]
- สมเด็จพระเอกาทศรถสวรรคต สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์สืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2154
- สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ถูกสำเร็จโทษ พระศรีสินเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระนาม สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
- พ.ศ. 2155
- พ.ศ. 2164
- พ.ศ. 2166
- สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่น เป็นครั้งที่สองในรัชกาล นำโดยหลวงท่องสมุทรและขุนสิทธิ[37]
- พ.ศ. 2167
- โปรตุเกสซึ่งขณะนั้นรวมประเทศกับสเปน ยึดเรือฮอลันดาในแม่น้ำเจ้าพระยา สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงบังคับให้โปรตุเกสคืนเรือแก่ฮอลันดา ทำให้โปรตุเกสประกาศสงครามต่อกรุงศรีอยุธยา แต่สงครามมิได้เกิดขึ้น[38][39]
- พ.ศ. 2168
- สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่น เป็นครั้งที่สามในรัชกาล นำโดยขุนรักษาสิทธิผล[40]
- พ.ศ. 2171
- สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต สมเด็จพระเชษฐาธิราชสืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2172
- มีการส่งคณะทูตไปเจริญพระราชไมตรีกับญี่ปุ่น นำโดยหลวงสกลเดชและขุนโยคมาตย์ เพื่อแจ้งการเปลี่ยนแผ่นดินใหม่[41]
- สมเด็จพระเชษฐาธิราชถูกสำเร็จโทษ สมเด็จพระอาทิตยวงศ์สืบราชสมบัติ
- สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ถูกถอดจากราชสมบัติ เป็นอันสิ้นสุดการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัย โดยที่เจ้าพระยากลาโหมขึ้นครองราชย์แทน ฉลองพระนาม สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
สมัยราชวงศ์ปราสาททอง (พ.ศ. 2172 – 2231)
- พ.ศ. 2172
- สมเด็จพระเจ้าปราสาทเสด็จขึ้นครองราชย์ สถาปนาราชวงศ์ปราสาททอง
- พ.ศ. 2173
- สมเด็จพระเจ้าปราสาททองมีพระราชโองการให้ทำลายหมู่บ้านญี่ปุ่น แต่โปรดฯ ให้ฟื้นฟูขึ้นในภายหลัง[42]
- พ.ศ. 2180
- สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ถูกสำเร็จโทษ
- พ.ศ. 2199
- เป็นปีที่มีพระมหากษัตริย์ 4 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สมเด็จเจ้าฟ้าไชย สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา และสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- สมเด็จพระเจ้าปราสาททองสวรรคต สมเด็จเจ้าฟ้าไชยสืบราชสมบัติ
- สมเด็จเจ้าฟ้าไชยส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นไม่ตอบรับ อ้างว่าตนดำเนินนโยบายปิดประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2179[43]
- สมเด็จเจ้าฟ้าไชยถูกสำเร็จโทษ สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาเสด็จขึ้นครองราชย์ แต่อยู่ในราชสมบัติได้เพียงสองเดือนเศษ ก็ถูกสมเด็จพระนารายณ์ฯ จับสำเร็จโทษ สมเด็จพระนารายณ์ฯ เสด็จขึ้นครองราชย์
- พ.ศ. 2204
- พ.ศ. 2209
- พ.ศ. 2215
- คาดว่าเป็นปีที่พระโหราธิบดีประพันธ์หนังสือจินดามณี (ฉบับพระโหราธิบดี)
- พ.ศ. 2216
- สังฆราชแห่งเฮลิโอโปลิสได้นำพระราชสาสน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และศุภอักษรของสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 9 มาถวายสมเด็จพระนารายณ์ฯ เพื่อขอบคุณที่ทรงอนุญาตให้คณะบาทหลวงเผยแพร่ศาสนาได้[45]
- พ.ศ. 2217
- สมเด็จพระนารายณ์ฯ โปรดฯ ให้ย้ายเมืองโคราฆะเดิมและเมืองเสมามาสร้างเมืองใหม่เป็น "เมืองนครราชสีมา" วางผังเมืองโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส[46][47]
- พ.ศ. 2223
- บริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสได้เข้ามาตั้งสถานีการค้าขึ้นในกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งแรก
- คาดว่าเป็นปีที่มีเริ่มจัดทำพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ
- เริ่มก่อสร้างป้อมวิไชยประสิทธิ์ที่เมืองบางกอก[48]
- พ.ศ. 2228
- คณะราชทูตไทยที่ไปฝรั่งเศสกลับถึงกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 23 กันยายน พร้อมคณะราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยมีเชอวาลีเยเดอโชมงเป็นราชทูต
- สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงมอบให้ฟอลคอน เป็นผู้แทนพระองค์มีอำนาจเต็มแห่งพระเจ้าอยู่หัว ทำสัญญากับเอกอัครราชทูตวิสามัญ เชอวาลีเยเดอโชมง ตามสัญญาฉบับนี้ฝรั่งเศสได้สิทธิในการเผยแพร่คริสต์ศาสนา และทำการสั่งสอนศิลปวิทยาการแก่ราษฎรไทยได้ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม[49]
- สมเด็จพระนารายณ์ฯ โปรดเกล้าฯ ให้คณะราชทูตไทยไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พร้อมกับคณะราชทูตฝรั่งเศสที่เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลา คณะราชทูตไทยประกอบด้วย ออกพระวิสูตรสุนทร ราชทูต ออกหลวงกัลยาไมตรี อุปทูต ออกขุนศรีวิศาลวาจา ตรีทูต เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม
- พ.ศ. 2229
- เกิดกบฏมักกะสันที่กรุงศรีอยุธยา ฟอลคอนเป็นหัวหน้าดำเนินการปราบปรามได้สำเร็จ
- คณะราชทูตสยามนำโดยพระวิสูตรสุนทร (โกษาปาน) ถึงฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน และเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่พระราชวังแวร์ซาย เมื่อวันที่ 1 กันยายน
- พ.ศ. 2230
- ออกญาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี พระยาพระคลัง และออกพระศรีพิพัทธ์รัตนราชโกษาได้ลงนามในสัญญาการค้ากับฝรั่งเศส แต่ไม่ได้ให้สัตยาบันต่อกัน จึงไม่มีผลบังคับ[49]
- สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงประกาศสงครามกับอังกฤษอันเนื่องมาจากข้อพิพาทกันทางการค้าเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม แต่รัฐบาลอังกฤษถือว่าเป็นการสงครามระหว่างอยุธยากับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ
- ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ผู้ประพันธ์จดหมายเหตุลาลูแบร์ เดินทางถึงกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 27 กันยายน[50]
- พ.ศ. 2231
- คณะราชทูตสยามออกเดินทางจากสันดอนแม่น้ำเจ้าพระยา สมเด็จพระนารายณ์ฯ โปรดเกล้าฯ ให้บาทหลวง ตาชาร์ด เป็นราชทูตพิเศษอัญเชิญพระราชสาส์นไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 11 เมื่อวันที่ 4 มกราคม[49]
- ออกพระเพทราชากระทำการรัฐประหารโดยจับกุมเจ้าพระยาวิชเยนทร์ และควบคุมสมเด็จพระนารายณ์ฯ ไว้ในพระราชวังลพบุรีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม [51]
- สมเด็จพระนารายณ์ฯ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม สิ้นสุดการปกครองของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์ปราสาททอง
- ภายหลังเหตุการณ์ล้อมบางกอกในการปฏิวัติ พ.ศ. 2231 สยามตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรรดาชาติตะวันตก โดยเฉพาะฝรั่งเศสอย่างสิ้นเชิง[52]
สมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง (พ.ศ. 2231 – 2310)
- พ.ศ. 2231
- สมเด็จพระเพทราชาปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์และสถาปนาราชวงศ์บ้านพลูหลวง
- คณะราชทูตสยาม อาทิ ออกขุนชำนาญใจจง ออกขุนวิเศษภูบาล และออกหมื่นพิพิธราชา เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 11 ที่กรุงโรม เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม
- พ.ศ. 2232
- คณะราชทูตสยามเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 11 ที่กรุงโรม เมื่อวันที่ 5 มกราคม อีกครั้ง และเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในเดือนกุมภาพันธ์
- พ.ศ. 2246
- สมเด็จพระเพทราชาสวรรคต สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) สืบราชสมบัติ
- พ.ศ. 2249
- เกิดอัสนีบาตต้องยอดมณฑปพระมงคลบพิตร เครื่องบนมณฑปทรุดโทรมพังลงมาต้องพระศอพระมงคลบพิตรหัก สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 โปรดฯ ให้รื้อเครื่องบนออก ก่อสร้างใหม่แปลงเป็นมหาวิหาร
- พ.ศ. 2251
- สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 สวรรคต สมเด็จพระเจ้าท้ายสระสืบราชสมบัติ
- ราว พ.ศ. 2260
- ชาวสเปนได้รับพระราชทานหมู่บ้านญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งหมู่บ้านของตน[53]
- พ.ศ. 2275
- สมเด็จพระเจ้าท้ายสระสวรรคต
- เกิดสงครามแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างเจ้าฟ้าอภัย (พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ) กับเจ้าฟ้าพร
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์
- พ.ศ. 2277
- สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระราชสมภพเมื่อวันที่ 22 มีนาคม
- พ.ศ. 2279
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม
- พ.ศ. 2296
- พระเจ้ากีรติสิริราชสิงห์ กษัตริย์ลังกาได้ส่งราชทูตมาขอพระมหาเถระและคณะสงฆ์ไปช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาในลังกาซึ่งเสื่อมโทรมลงไป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงทรงโปรดฯ ให้ส่งคณะสมณทูตประกอบด้วยพระราชาคณะสองรูปคือพระอุบาลีเถระและพระอริยมุนี พร้อมคณะสงฆ์อีก 12 รูป ไปลังกาได้ไปตั้งสยามนิกายขึ้นในลังกา
- พ.ศ. 2298
- เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ต้องพระราชอาญาเฆี่ยนและสวรรคต
- พ.ศ. 2301
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรสืบราชสมบัติ
- สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา
- พ.ศ. 2303
- พระเจ้าเอกทัศได้ทรงขอให้พระเจ้าอุทุมพรลาผนวชมาช่วยบัญชาการรบ ครั้งพระเจ้าอลองพญาได้ยกกองทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา
- พ.ศ. 2309
- พม่าตีค่ายใหญ่ที่บางระจันแตกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน
- พ.ศ. 2310
- กองทัพพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตก อาณาจักรอยุธยาล่มสลาย สิ้นสุดราชธานีกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 7 เมษายน
อ้างอิง
🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง