การขาดโฟเลต
การขาดโฟเลต (อังกฤษ: Folate deficiency) คืออาการเมื่อร่างกายมีระดับกรดโฟลิกที่ต่ำโฟเลตซึ่งรู้จักอีกอย่างหนึ่งว่า วิตามินบี9 มีบทบาทในการสังเคราะห์ adenosine, guanine, และ thymidine ซึ่งเป็นส่วนของการสังเคราะห์ดีเอ็นเออาการขาดโฟเลตบ่อยครั้งสังเกตได้ยาก โดยภาวะเลือดจางเหตุขาดโฟเลต (folate deficiency anemia) เป็นอาการที่พบในภายหลัง[1]ซึ่งมีอาการเม็ดเลือดแดงที่โตผิดปกติ (megaloblast) เพราะไม่มีกรดโฟลิกเพียงพอในร่างกาย[2]
การขาดโฟเลต (Folate deficiency ) | |
---|---|
กรดโฟลิก ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินบี9 แบบที่มีฤทธิ์ | |
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก | |
ICD-10 | D52 E53.8 |
ICD-9 | 266.2 |
DiseasesDB | 4894 |
MedlinePlus | 000354 |
eMedicine | med/802 |
MeSH | D005494 |
อาการ
อาการอาจรวมความไม่อยากอาหารและน้ำหนักลดอาการอื่น ๆ รวมทั้งความอ่อนเพลีย ลิ้นเจ็บ ปวดหัว ใจสั่น หงุดหงิด และความผิดปกติทางพฤติกรรม[3]ในผู้ใหญ่ ภาวะโลหิตจาง (แบบเม็ดเลือดแดงใหญ่ เป็น megaloblastic anemia) อาจเป็นตัวชี้ว่ามีโรคมานานแล้วในทารกและเด็ก การขาดโฟเลตอาจทำให้โตช้าหญิงที่ขาดโฟเลตแล้วตั้งครรภ์มีโอกาสคลอดเด็กตัวเล็กก่อนกำหนดและมีทารกที่มีปัญหาหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defects) สูงกว่างานศึกษาเมื่อไม่นานนี้แสดงว่าอาจมีส่วนร่วมกับการเกิดเนื้องอก โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ผ่านกระบวนการ demethylation/hypomethylation ของเนื้อเยื่อที่กำลังแบ่งตัวอย่างรวดเร็วแต่ว่าอาการบางอย่างสามารถเกิดจากโรคอื่นได้ดังนั้น การให้แพทย์ตรวจอาการเพื่อรักษาให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ความซึมเศร้า
งานศึกษาหลายงานแสดงว่า สถานะของโฟเลตและวิตามินบี12 อาจมีบทบาทให้เกิดความซึมเศร้า[4]เพราะว่าทั้งสองมีส่วนในปฏิกิริยา transmethylation ซึ่งขาดไม่ได้ในการสร้างสารสื่อประสาทและสารอื่น ๆ (เช่น เซโรโทนิน, อีพิเนฟริน, nicotinamide, purines, และฟอสโฟลิพิด)[4][5]
ระดับโฟเลตหรือวิตามินบี12 ที่ต่ำสามารถระงับปฏิกิริยา transmethylation ทำให้สะสม homocysteine และขัดขวางกระบวนการเมแทบอลิซึมของสารสื่อประสาท (โดยเฉพาะกระบวนการ hydroxylation ของโดพามีนและเซโรโทนิน จาก tyrosine และ tryptophan) ฟอสโฟลิพิด ปลอกไมอีลิน และตัวรับในเซลล์ประสาทระดับ homocysteine ที่สูงเกินในเลือด (hyperhomocysteinemia) อาจทำให้เส้นเลือดเสียหายจากออกซิเดชันซึ่งมีผลต่อการทำงานผิดปกติในสมองและอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ รวมทั้งโรคซึมเศร้า[4][5]
มีงานศึกษาหลายงานที่พบระดับโฟเลตและวิตามินบี12 ที่ต่ำในคนไข้โรคซึมเศร้านอกจากนั้นแล้ว งานศึกษาบางงานยังแสดงว่า การมีระดับโฟเลตต่ำทำให้รักษาด้วยยาแก้ซึมเศร้าได้ไม่ดี และมีงานอื่นที่แสดงว่า การมีวิตามินบี12 สูงสัมพันธ์กับผลการรักษาที่ดีกว่าดังนั้น การได้วิตามินทั้งสองอย่างนี้เพียงพอไม่ใช่ช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าเท่านั้น แต่ยังช่วยบำบัดโรคเมื่อรักษาด้วยยาแก้ซึมเศร้าด้วย[4][5]
เหตุ
การขาดโฟเลตอาจเกิดขึ้นเมื่อต้องการโฟเลตมากขึ้น หรือเมื่อทานอาหารที่มีโฟเลตไม่เพียงพอ หรือว่าเมื่อร่างกายขับหรือเสียโฟเลตมากกว่าปกติยาที่ขัดขวางการใช้โฟเลตในร่างกายอาจจะทำให้จำเป็นต้องได้วิตามินนี้เพิ่มขึ้น[6][7][8][9][10][11]งานวิจัยบางงานแสดงว่าการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต รวมทั้งการใช้เตียงอาบแดด สามารถทำให้ขาดโฟเลต[12][13]การขาดมักสามัญกว่าในหญิงมีครรภ์ ทารก เด็ก และวัยรุ่นและอาจมาจากอาหารที่ไม่ถูกสุขภาพหรือเป็นผลของการติดเหล้า[14]
นอกจากนั้นแล้ว ความผิดปกติในเอนไซม์ homocysteine methyltransferase หรือการขาดวิตามินบี12 อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่ากับดักเมทิล ("methyl-trap") ของ tetrahydrofolate (THF) ซึ่ง THF เปลี่ยนไปเป็นบ่อเก็บ methyl-THF ซึ่งไม่สามารถมีเมแทบอลิซึมต่อไปได้ และดังนั้นจึงกลายเป็นบ่อดูด THF ซึ่งในที่สุดมีผลขาดโฟเลต[15]ดังนั้น การขาดวิตามินบี12 จึงสามารถสร้างบ่อดูด methyl-THF ขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถทำปฏิกิริยาอะไรได้ และมีอาการปรากฏเหมือนกับขาดโฟเลต
ลำไส้เล็กทั้งตอนจะเป็นตัวดูดซึมโฟเลต แม้จะเกิดโดยหลักในลำไส้เล็กส่วนกลาง โดยโฟเลตจะเข้ายึดกับ receptor protein โดยเฉพาะเจาะจงการอักเสบของลำไส้เล็กแบบแพร่กระจาย หรือโรคที่ทำให้ลำไส้เสื่อม เช่น Crohn's disease, coeliac disease, ลำไส้อักเสบเรื้อรัง (chronic enteritis), หรือ entero-enteric fistulae อาจลดฤทธิ์ของ pteroyl polyglutamase (PPGH) ซึ่งเป็น เอนไซม์แบบ hydrolase ที่จำเป็นในการดูดซึมโฟเลต และดังนั้น จึงนำไปสู่การขาดโฟเลต
เหตุการณ์
เหตุการณ์บางอย่างอาจทำให้จำเป็นต้องได้รับโฟเลตมากขึ้น รวมทั้ง
- การตกเลือด
- การฟอกไต
- โรคตับ
- การดูดซึมไม่ดี รวมทั้งจาก celiac disease
- การตั้งครรภ์และการให้นมบุตร
- การสูบบุหรี่
- การดื่มเหล้า (หรือแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ)
เภสัชวิทยา
ยาบางอย่างอาจขัดขวางเมแทบอลิซึมของโฟเลต รวมทั้ง
- ยากันชัก เช่น เฟนิโทอิน, คาร์บามาเซพีน, primidone หรือ valproate
- เมตฟอร์มิน ซึ่งบางครั้งใช้คุมน้ำตาลในเลือดของคนไข้โรคเบาหวานแบบที่ 2
- methotrexate เป็นยารักษามะเร็งซึ่งบางครั้งใช้ควบคุมความอักเสบที่เกิดจาก Crohn's disease, ลำไส้ใหญ่อักเสบแบบมีแผล (ulcerative colitis), และโรคไขข้ออักเสบ (rheumatoid arthritis)
- sulfasalazine ซึ่งใช้ควบคุมอาการอักเสบจาก Crohn's disease, ลำไส้ใหญ่อักเสบแบบมีแผล (ulcerative colitis), และโรคไขข้ออักเสบ (rheumatoid arthritis)
- triamterene เป็นยาขับปัสสาวะ
- ยาเม็ดคุมกำเนิด
เมื่อแพทยสั่งยา methotrexate บางครั้งก็จะให้กรดโฟลิกเสริมด้วยผลการรักษาของ methotrexate มาจากฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ dihydrofolate reductase และดังนั้น จึงลดอัตราการสังเคราะห์แบบ de novo (คือจากโมเลกุลง่าย ๆ แทนการเวียนใช้ใหม่) ของ purine กับ pyrimidine และลดอัตราการแบ่งเซลล์เพราะระงับการแบ่งเซลล์ ยาจึงมีพิษมากต่อเซลล์ที่ต้องแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เซลล์มะเร็ง และเซลล์ progenitor ของระบบภูมิคุ้มกันดังนั้น การเสริมโฟเลตจึงมีประโยชน์กับคนไข้ที่ได้ยาขนาดต่ำระยะยาวเพื่อแก้อักเสบ เช่น โรคไขข้ออักเสบ (rheumatoid arthritis) หรือโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจางแบบเม็ดเลือดโตจากการขาดโฟเลตบางครั้งแพทย์ก็จะให้โฟเลตเสริมก่อนเริ่มเคมีบำบัดขนาดสูงเพื่อป้องกันเซลล์ที่ยังดีแต่ว่า ไม่ควรใช้ methotrexate ร่วมกับกรดโฟลิกในการรักษามะเร็งเพราะอาจขัดกัน[16]
การป้องกันและรักษา
กรดโฟลิกอยู่ในผักใบเขียวหลายอย่างวิตามินรวมก็มักจะรวมโฟเลตกับวิตามินบีอื่น ๆ ด้วยวิตามินบี มีโฟเลตเป็นต้น ละลายน้ำได้ และที่เกินจะขับออกทางปัสสาวะเมื่อทำอาหาร การนึ่งอาจช่วยเก็บโฟเลตไว้ในอาหารได้ดีกว่า (เทียบกับการต้ม) และดังนั้น จะช่วยป้องกันการขาดโฟเลตการขาดโฟเลตช่วงตั้งครรภ์สัมพันธ์กับโอกาสเสี่ยงหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defects) สำหรับทารกในครรภ์สูงขึ้น[17]และภาวะเช่นนี้ในช่วงตั้งครรภ์ 4 สัปดาห์แรกสามารถก่อให้เกิดปัญหาทางโครงสร้างและพัฒนาการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (สหรัฐอเมริกา) แนะนำหญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ให้เสริมวิตามินบีก่อนตั้งครรภ์และในเดือนแรกของการตั้งครรภ์เพื่อป้องกันปัญหานั้น[18]
เชิงอรรถและอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- Folic Acid Deficiency – MedScape