การประท้วงในกัมพูชา พ.ศ. 2556–2557
การประท้วงต่อต้านรัฐบาล (เขมร: បាតុកម្មប្រឆាំងរាជរដ្ឋាភិបាល) ได้เริ่มต้นขึ้นที่กัมพูชาเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 โดยผู้ประท้วงได้รวมตัวกันที่พนมเปญเพื่อขับไล่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุน เซนซึ่งผู้ชุมนุมเห็นว่ารัฐบาลได้โกงการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556[5] รวมถึงความต้องการให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 160 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (5,280 บาท) ต่อเดือน[6] และความไม่พอใจที่ประเทศเวียดนามมีอิทธิพลต่อกัมพูชา[7] ซึ่งพรรคฝ่ายค้านหลักปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในรัฐสภาหลังการเลือกตั้ง[8] และการเดินขบวนครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นตลอดเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556[9] การปราบปรามของรัฐบาลในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 รายและมีการกวาดล้างค่ายหลักของผู้ชุมนุม[10]
การประท้วงในกัมพูชา พ.ศ. 2556–2557 | |||
---|---|---|---|
ผู้ประท้วงและผู้สนับสนุนฝ่ายค้านกัมพูชาเดินประท้วง | |||
วันที่ | 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 – 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557[1] (11 เดือน 3 สัปดาห์ 3 วัน) | ||
สถานที่ | ประเทศกัมพูชา | ||
สาเหตุ |
| ||
เป้าหมาย |
| ||
วิธีการ |
| ||
คู่ขัดแย้ง | |||
| |||
ผู้นำ | |||
จำนวน | |||
| |||
ความสูญเสีย | |||
|
เหตุการณ์ได้จบลงเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เมื่อสม รังสี และฮุน เซน ได้บรรลุข้อตกลงที่จะให้หาคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่แทนที่ชุดเก่าโดยมาจากผู้แทนจากพรรคหลัก 2 พรรค พรรคละ 4 คน และผู้แทนอิสระอีกหนึ่งคนที่สองพรรคเลือก ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าการที่สม รังสี ยอมเจรจากับฮุน เซน นั้นอาจมาจากสมาชิกพรรคสงเคราะห์ชาติ 8 คนถูกทางการจับกุมไปก่อนหน้านั้น
เบื้องหลัง
สม รังสี, หัวหน้าพรรคสงเคราห์ชาติ
ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 การเลือกตั้งทั่วไปถูกจัดขึ้นในกัมพูชา ซึ่งพรรคประชาชนกัมพูชาอ้างว่าได้รับชัยชนะโดยมีสมาชิกสมัชชาแห่งชาติกัมพูชาในสภา 68 คน[12] ทางด้านพรรคสงเคราะห์ชาติซึ่งเป็นพรรคฝ่านค้านหลักมีสมาชิกฯ ในสภา 55 คนได้ปฏิเสธผลการเลือกตั้งและไม่ร่วมประชุมสภาโดยอ้างว่ามีความผิดปกติในการลงคะแนน[13][14] ซึ่งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาแสดงความกังวลต่อเรื่องดังกล่าว[5] และองค์การสิทธิมนุษยชนสากลซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐเรียกร้องให้มี คณะกรรมการอิสระ ตรวจสอบข้อกล่าวหาการทุจริตการเลือกตั้ง[15] พรรคฝ่ายค้านได้จัดการประท้วงใหญ่ในกรุงพนมเปญในช่วงเดือนธันวาคมรวมทั้งการชุมนุมโดยรถมอเตอร์ไซค์[16] รัฐบาลกล่าวว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและพวกเขาได้ 'ปลุกระดมการล้มรัฐบาล'[16]
การประท้วงและความรุนแรง
วันที่ 3 มกราคมทหารจากกองราชอาวุธหัตถ์ได้ปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมแรงงานบนถนนเวงสเร็ง ในเขตชานเมืองของกรุงพนมเปญซึ่งมีผู้เสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บมากกว่า 20 คน[17][18][19] กลุมผู้ชุมนุมได้ปิดกั้นถนนและโยนขวด ก้อนหินใส่ตำรวจเพื่อตอบโต้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นและคณะสงฆ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้[20][21] คนงานได้นัดรวมตัวกันหยุดงานจากการที่รัฐบาลปฏิเสธที่จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 160 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (5,280 บาท) ต่อเดือน[22][23]
นอกจากนี้ยังมีการใช้ความรุนแรงที่มีต่อชาวกัมพูชาเชื้อสายเวียดนามโดยกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งนำไปสู่การทำลายร้านกาแฟของชาวเวียดนาม[7]
ก่อนวันที่ปราบปราม นายกรัฐมนตรีฮุน เซนได้ไปเยือนประเทศเวียดนาม ซึ่งฝ่ายค้านได้กล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีของได้แสวงหาความช่วยเหลือทางทหารจากประเทศเวียดนาม กึม สุขา รองหัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติ กล่าวว่าฮุน เซนอาจจะใช้เดินทางไปเวียดนามเพื่อแสวงหาการสนับสนุนในการยึดอำนาจ และยังกล่าวอีกว่าผู้นำประเทศควรนำปัญหาภายในประเทศปรึกษากับคนกัมพูชาแทนที่จะไปปรึกษากับผู้นำประเทศอื่น[24]
วันเสาร์ที่ 4 มกราคมเจ้าหน้าที่กัมพูชาเข้าค่ายประท้วงหลักและใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม แต่การประท้วงยังคงมีต่อไปต่อไปแม้จะถูกห้าม[21][10] ผู้นำฝ่ายค้านถูกศาลที่กรุงพนมเปญเรียกตัวไปชี้แจงในข้อกล่าวหายุยงให้คนงานก่อความไม่สงบ[25]
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 การห้ามการชุมนุมได้ถูกยกระดับขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้เตือนว่าการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลใด ๆของฝ่ายค้านในภายภาคหน้าอาจจะต้องเผชิญกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนเขา[26]
วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ผู้ชุมนุมได้ประท้วงที่หน้าสถานทูตเวียดนามในกรุงพนมเปญเพื่อประท้วงเวียดนามต่อการที่กัมพูชาเสียดินแดนเขมรกรมให้เวียดนามเมื่อในปี พ.ศ. 2492 และเรียกร้องให้เวียดนามออกมาขอโทษ สถานทูตออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมเรียกร้องให้กัมพูชาจะเคารพอธิปไตยของเวียดนามและความเป็นอิสระและปฏิเสธที่จะขอโทษ[27] การชุมนุมได้สลายตัวโดยหน่วยงานท้องถิ่นซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย[28]
ปฏิกิริยาและการประณามจากนานาชาติ
สหประชาชาติและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประณามการใช้ความรุนแรง[29][30][31] เอ็ด รอยซ์ สมาชิกสภาคองเกรซเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น ลงจากอำนาจโดยกล่าวว่า "มันเป็นเวลาที่ ฮุน เซ็น สมควรลงจากอำนาจหลังจากที่เขาครองอำนาจเกือบสามทศววษ"[32] นอกจากนี้ชาวกัมพูชาอเมริกันประมาณ 500 คนได้ชุมนุมหน้าทำเนียบขาวเพื่อเรียกร้องความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัวนักโทษจากการสลายการชุมนุมของตำรวจเมื่อวันที่ 3 มกราคมจำนวน 23 คน[33] สูรยา สุเบดี ทูตด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้เดินทางไปยังกัมพูชาและเข้าพบนายกรัฐมนตรีฮุน เซน[34]
วันที่ 29 มกราคม ผู้นำฝ่ายค้านสม รังสีเดินทางไปที่เจนีวาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิของรัฐบาลกัมพูชา[35]
สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย เยอรมนี โปแลนด์ ญี่ปุ่นและไทยได้แสดงความกังวลและความกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในกัมพูชา[36][37] องค์การสิทธิมนุษยชนสากลเรียกร้องให้สหประชาชาติกดดันรัฐบาลกัมพูชา[38]
คลังภาพ
- อาวุธปราบจลาจลของตำรวจกัมพูชาซึ่งเป็นความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่การประท้วงหลังการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2541
- ผู้นำฝ่านค้านสม รังสีและกึม สุขาได้เข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงใหญ่เมื่อธันวาคม พ.ศ. 2556
- นักข่าววิทยุบีฮีฟMam Sonando นำการประท้วงหน้ากระทรวงสารสนเทศ เมื่อมกราคม พ.ศ. 2557
- ตำรวจปราบจลาจลได้ปิดกั้นการชุมนุมโดยประชาชนและเอ็นจีโอในกรุงพนมเปญ
- ผู้ชุมนุมหนุ่มคนหนึ่งโฮ่ร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ลงจากอำนาจ ในวันสุดท้ายของการชุมนุมสามวันโดยฝ่ายค้าน
- สม รังสี หัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติ นำผู้ชุมนุมยื่นหนังสือต่อสถาทูตชาติตะวันตกเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างอิสระในความผิดปกติจากการเลือกตั้ง
- ผู้ชุมนุมฝ่ายค้านเดินประท้วงและชูป้ายที่มีข้อความว่า "เลือกตั้งใหม่"