จังหวัดยะลา

จังหวัดในภาคใต้ในประเทศไทย

ยะลา (มลายูปัตตานี: جالا; ยาลอ) เป็นจังหวัดหนึ่งตั้งอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย มีพื้นที่ 4,521.078 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 542,314 คน มีอาณาเขตทางใต้ติดกับประเทศมาเลเซีย เป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไม่ติดทะเล[4] และเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ดังปรากฏในคำขวัญประจำจังหวัดคือ "ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน"[5]

จังหวัดยะลา
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันChangwat Yala
คำขวัญ: 
ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดยะลาเน้นสีแดงประเทศมาเลเซียประเทศพม่าประเทศลาวประเทศเวียดนามประเทศกัมพูชาจังหวัดนราธิวาสจังหวัดยะลาจังหวัดปัตตานีจังหวัดสงขลาจังหวัดสตูลจังหวัดตรังจังหวัดพัทลุงจังหวัดกระบี่จังหวัดภูเก็ตจังหวัดพังงาจังหวัดนครศรีธรรมราชจังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดระนองจังหวัดชุมพรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จังหวัดเพชรบุรีจังหวัดราชบุรีจังหวัดสมุทรสงครามจังหวัดสมุทรสาครกรุงเทพมหานครจังหวัดสมุทรปราการจังหวัดฉะเชิงเทราจังหวัดชลบุรีจังหวัดระยองจังหวัดจันทบุรีจังหวัดตราดจังหวัดสระแก้วจังหวัดปราจีนบุรีจังหวัดนครนายกจังหวัดปทุมธานีจังหวัดนนทบุรีจังหวัดนครปฐมจังหวัดกาญจนบุรีจังหวัดสุพรรณบุรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจังหวัดอ่างทองจังหวัดสิงห์บุรีจังหวัดสระบุรีจังหวัดลพบุรีจังหวัดนครราชสีมาจังหวัดบุรีรัมย์จังหวัดสุรินทร์จังหวัดศรีสะเกษจังหวัดอุบลราชธานีจังหวัดอุทัยธานีจังหวัดชัยนาทจังหวัดอำนาจเจริญจังหวัดยโสธรจังหวัดร้อยเอ็ดจังหวัดมหาสารคามจังหวัดขอนแก่นจังหวัดชัยภูมิจังหวัดเพชรบูรณ์จังหวัดนครสวรรค์จังหวัดพิจิตรจังหวัดกำแพงเพชรจังหวัดตากจังหวัดมุกดาหารจังหวัดกาฬสินธุ์จังหวัดเลยจังหวัดหนองบัวลำภูจังหวัดหนองคายจังหวัดอุดรธานีจังหวัดบึงกาฬจังหวัดสกลนครจังหวัดนครพนมจังหวัดพิษณุโลกจังหวัดอุตรดิตถ์จังหวัดสุโขทัยจังหวัดน่านจังหวัดพะเยาจังหวัดแพร่จังหวัดเชียงรายจังหวัดลำปางจังหวัดลำพูนจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดยะลาเน้นสีแดง
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดยะลาเน้นสีแดง
ประเทศ ไทย
การปกครอง
 • ผู้ว่าราชการ อำพล พงศ์สุวรรณ[1]
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2566)
พื้นที่[2]
 • ทั้งหมด4,521.078 ตร.กม. (1,745.598 ตร.ไมล์)
อันดับพื้นที่อันดับที่ 47
ประชากร
 (พ.ศ. 2566)[3]
 • ทั้งหมด549,946 คน
 • อันดับอันดับที่ 46
 • ความหนาแน่น121.64 คน/ตร.กม. (315.0 คน/ตร.ไมล์)
รหัส ISO 3166TH-95
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
 • ต้นไม้อโศกเหลือง
 • ดอกไม้พิกุล
 • สัตว์น้ำปลาพลวงชมพู
ศาลากลางจังหวัด
 • ที่ตั้งถนนสุขยางค์ ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา 95000
 • โทรศัพท์0 7322 1014
 • โทรสาร0 7321 1586
เว็บไซต์http://www.yala.go.th
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และเป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษามลายูปัตตานีในการสื่อสาร ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู รองลงมาคือชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธ อย่างไรก็ตามยะลาถือเป็นจังหวัดที่ดำรงความเป็นพหุวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน เพราะมีความแตกต่างกันทั้งด้านเชื้อชาติ ภาษา และศาสนา แต่ชนทุกกลุ่มยังคงรักษาวิถีชีวิตและประเพณีของตนไว้อย่างเหนียวแน่น[6]

ศัพทมูลวิทยา

เหตุที่เรียกชื่อว่ายะลานั้นเพราะพระยาเมืองคนแรกได้ตั้งที่ทำการขึ้นที่บ้านยะลา คำว่า ยะลา (มลายู: Jala, جالا) หรือสำเนียงภาษามลายูพื้นเมืองเรียกว่า ยาลอ (มลายู: Jalor, جالور, ญาโลร์) แปลว่า "แห" ซึ่งเป็นคำยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤตว่า ชาละ หรือ ชาลี หมายถึง "แห" หรือ "ตาข่าย"[7] มีภูเขาลูกหนึ่งในเขตอำเภอเมืองยะลามีลักษณะเหมือนแหจับปลา โดยผูกจอมแหแล้วถ่างตีนแหไปโดยรอบ ผู้คนจึงเรียกภูเขานี้ว่า ยะลา หรือ ยาลอ แล้วนำมาตั้งนามเมือง[7]

แต่ตามประวัติศาสตร์ซึ่งได้เขียนไว้ในสมัยเจ็ดหัวเมือง โดยเจ้าผู้ครองเมืองเดิมได้เขียนไว้เป็นประวัติศาสตร์เป็นภาษามลายูว่า “เมืองยะลา” เป็นสำเนียงภาษาอาหรับ โดยชาวอินโดนีเซียที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาอิสลามในบริเวณเจ็ดหัวเมืองซึ่งอยู่ในแหลมมลายูเป็นผู้ตั้งชื่อเมืองไว้

เมืองยะลาเดิมตั้งอยู่ใกล้ภูเขายาลอ ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองยะลาปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ต่อมาเมืองยะลาได้ยกฐานะเป็นเมือง ๆ หนึ่งของบริเวณเจ็ดหัวเมือง คำว่าเมืองยะลาหรือยาลอ ยังคงเรียกกันจนถึงปัจจุบันนี้

ประวัติ

แผนที่

ยะลาเดิมเป็นท้องที่หนึ่งของเมืองปัตตานี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้มีการปรับปรุงการปกครองใหม่เป็นการปกครองแบบเทศาภิบาลและได้ออกประกาศข้อบังคับสำหรับปกครอง 7 หัวเมือง รัตนโกสินทรศก 120 ซึ่งประกอบด้วยเมืองปัตตานี หนองจิก ยะหริ่ง สายบุรี ยะลา ระแงะ และรามัน ในแต่ละเมืองจะแบ่งเขตการปกครองเป็นอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 ประกาศจัดตั้งมณฑลปัตตานีขึ้นดูแลหัวเมืองทั้ง 7 แทนมณฑลนครศรีธรรมราช และยุบเมืองเหลือ 4 เมือง ได้แก่ ปัตตานี ยะลา สายบุรี และระแงะ ต่อมา พ.ศ. 2450 เมืองยะลาแบ่งเขตการปกครองเป็น 2 อำเภอ ได้แก่อำเภอเมืองยะลาและอำเภอยะหา ต่อมา พ.ศ. 2475 ได้มีการยกเลิกมณฑลปัตตานี และในปี พ.ศ. 2476 เมืองยะลาได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็นจังหวัดยะลาตามพระราชบัญญัติราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 เรื่อง การจัดระเบียบราชการบริหารส่วนภูมิภาค ออกเป็นจังหวัด เป็นอำเภอ และให้มีข้าหลวงประจำจังหวัด และกรมการจังหวัดเป็นผู้บริหารราชการ

หน่วยการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค

การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 341 หมู่บ้าน มีรายชื่อดังนี้

ลำดับชื่ออำเภอชื่อมลายู[8]ชื่อโรมันจำนวนตำบลประชากร
(พ.ศ. 2561)[3]
พื้นที่
(ตร.กม.)
ความหนาแน่น
(คน/ตร.กม.)
ระยะห่างจากตัวจังหวัด
1เมืองยะลาJalaMueang Yala1475,584คน258.0292.96-
2เบตงBetungBetong535,904คน1,328.027.03128
3บันนังสตาBendang SetarBannang Sata654,932คน629.087.3338
4ธารโตAir KedungThan To423,576คน648.036.3861
5ยะหาJoharYaha760,200คน500.0120.422
6รามันRamaiRaman1685,237คน516.1165.1524
7กาบังGambirKabang224,564คน451.054.5640
8กรงปินังKampung PinangKrong Pinang428,909คน191.0151.3519
รวม58532,326 คน4,521.078117.74

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 กระทรวงมหาดไทยประชุมเพื่อพิจารณาร่างกฤษฎีกาจัดตั้งอำเภอลำใหม่แยกจากอำเภอเมืองยะลา และอำเภอโกตาบารูแยกจากอำเภอรามันเป็นกรณีพิเศษ โดยอ้างความจำเป็นพิเศษด้านความมั่นคง และหากมีการจัดตั้งแล้ว อำเภอโกตาบารูจะมีการขอพระราชทานชื่อใหม่[9]

การปกครองส่วนท้องถิ่น

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา) เทศบาลนคร 1 แห่ง (เทศบาลนครยะลา) เทศบาลเมือง 2 แห่ง เทศบาลตำบล 13 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 47 แห่ง รายชื่อเทศบาลทั้งหมดมีดังนี้

ข้อมูลเทศบาลในจังหวัดยะลา
ลำดับชื่อเทศบาลพื้นที่
(ตร.กม.)
ตั้งเมื่อ
(พ.ศ.)[# 1]
อำเภอครอบคลุมตำบลประชากร
สิ้นปี 2561
(คน)[3]
ทั้งตำบลบางส่วนรวม
เทศบาลนคร
1  เทศบาลนครยะลา19.4[10]2538[11]  เมืองยะลา1161,218 
เทศบาลเมือง
1  เทศบาลเมืองเบตง78[12]2547[13]  เบตง1126,668 
2  เทศบาลเมืองสะเตงนอก34.78[14]2554[15]  เมืองยะลา1132,353 
เทศบาลตำบล
1  เทศบาลตำบลโกตาบารู17[16]2542[17]  รามัน115,692 
2  เทศบาลตำบลเขื่อนบางลาง82.5[18]2550[19]  บันนังสตา114,422 
3  เทศบาลตำบลคอกช้าง2.44[20]2542[17]  ธารโต111,558 
4  เทศบาลตำบลท่าสาป16.11[21]2555[22]  เมืองยะลา117,984 
5  เทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์138.51[23]2555[24]  เบตง114,433 
6  เทศบาลตำบลบันนังสตา1.5[25]2542[17]  บันนังสตา112,721 
7  เทศบาลตำบลบาลอ26.41[26]2556[27]  รามัน115,582 
8  เทศบาลตำบลบุดี48.92[28]2551[28]  เมืองยะลา1111,221 
9  เทศบาลตำบลปะแต208.31[29]2555[30]  ยะหา1116,962 
10  เทศบาลตำบลเมืองรามันห์[31]8.24[32]2542[17]  รามัน115,120 
11  เทศบาลตำบลยะหา1.89[33]2542[17]  ยะหา112,618 
12  เทศบาลตำบลยุโป33.77[34]2555[35]  เมืองยะลา116,983 
13  เทศบาลตำบลลำใหม่0.69[36]2542[17]  เมืองยะลา111,050 

ประชากร

ชาติพันธุ์

ประชากรจังหวัดยะลาแบ่งตามปี
ปีประชากร±%
2550 470,691—    
2551 475,527+1.0%
2552 480,334+1.0%
2553 487,380+1.5%
2554 493,767+1.3%
2555 500,814+1.4%
2556 506,138+1.1%
2557 511,911+1.1%
2558 518,139+1.2%
2559 522,279+0.8%
2560 527,295+1.0%
2561 532,326+1.0%
2562 536,330+0.8%
2563 538,598+0.4%
2564 542,314+0.7%
อ้างอิง: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[37]

ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดยะลาเป็นชาวไทยเชื้อสายมลายูเป็นพื้น ในอดีตจะถูกเรียกอย่างรวม ๆ กับชาวชวา-มลายูทั่วไปว่าคนยาวี (Orang Jawi)[38] แต่จะเรียกตัวเองว่าออแฆนายู และพึงใจที่ผู้อื่นเรียกว่าคนนายูมากกว่าคนยาวี[39] เมื่อ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2482 ในสมัยหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมฉบับที่ 3 เรื่องการเรียกชื่อชาวไทยโดยให้เรียกชาวมลายูมุสลิมว่าไทยอิสลาม[40] และปัจจุบันทางราชการของไทยยังคงเรียกคนเชื้อสายมลายูว่าคนไทยหรือไทยมุสลิมอยู่[41] นอกจากนั้นก็จะมีชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นชนกลุ่มน้อย อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ ๆ[42] โดยเฉพาะอำเภอเบตงถือเป็นชุมชนชาวจีนที่มีขนาดใหญ่และเข้มแข็ง สามารถคงอัตลักษณ์ความเป็นจีนไว้อย่างเหนียวแน่น[6] โดยมากเป็นชาวจีนกวางไส บรรพบุรุษอพยพจากเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง[43] ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาโดยมากเป็นชาวฮกเกี้ยน[42][44] ขณะที่ชาวไทยพุทธมีอยู่หนาแน่นในเขตเทศบาลนครยะลา[45] ร้อยละ 51[46] พบไทยพุทธเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ในตำบลตาชี ร้อยละ 100[47] ตำบลลำพะยา ร้อยละ 75.4[48] ตำบลหน้าถ้ำ ร้อยละ 70[49] เทศบาลตำบลลำใหม่ ร้อยละ 60[50] เทศบาลตำบลยุโป ร้อยละ 44.4[51] ตำบลบาละ ร้อยละ 40[52] ตำบลตาเซะ ร้อยละ 23.5[48] และเทศบาลตำบลท่าสาป ร้อยละ 20[53] นอกจากนี้จะพบชาวไทยพุทธอาศัยอยู่เพียงประปรายในเขตสุขาภิบาลบางท้องที่[48] ซึ่งหลายชุมชนในจังหวัดยะลาเป็นชุมชนพหุวัฒนธรรม เพราะมีประชากรต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา และต่างศาสนา อาศัยอยู่ร่วมกัน อย่างเช่นบ้านแบหอ ตำบลกาลอ อำเภอรามัน ซึ่งเป็นชุมชนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ร่วมกับชาวมลายูมุสลิม ไทยพุทธ และอินเดียซิกข์[54]

แต่ระยะหลังเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธอพยพออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก[55][56][57] เช่นชุมชนชาวจีนที่บ้านเนียง อำเภอเมืองยะลา และชุมชนจีนบ้านแบหอ อำเภอรามัน ที่ลูกหลานโยกย้ายออกจากถิ่นฐานเดิมจนสิ้น[58][59] ซึ่งใน พ.ศ. 2562 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดโครงการไทยพุทธคืนถิ่น จำนวน 12 หมู่บ้าน และกิจกรรมอาสาสมัครพัฒนาศาสนสถาน จำนวน 13 หมู่บ้าน เพื่อฟื้นฟูสังคมพหุวัฒนธรรมของจังหวัดยะลาขึ้นอีกครั้ง[60]

ขณะที่ชาวซาไกเผ่ากันซิวและจำนวนน้อยเป็นเผ่ากินตัก[61] ซึ่งเคยตั้งถิ่นฐานในเขตหมู่ 3 ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่อพยพไปประเทศมาเลเซีย ด้วยเหตุผลด้านที่ทำกินและวิถีชีวิตที่ดีกว่า ประกอบกับเหตุผลด้านความไม่สงบ[62] นอกจากนี้ยังมีชาวพม่า ลาว และกัมพูชา เข้าเป็นแรงงานในยะลาเป็นจำนวนมากในเขตอำเภอเมืองยะลาและอำเภอเบตง โดยใน พ.ศ. 2552 มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 คน[63] และมีชาวเขาจากภาคเหนืออพยพมาลงหลักปักฐานที่ยะลาหลายเผ่าเพื่อเป็นแรงงาน เช่น เผ่าม้งเข้ามาอาศัยในอำเภอเบตงและอำเภอธารโตจำนวนหนึ่ง และพบว่าม้งส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ร่วมนิคมกับเผ่าซาไกที่บ้านซาไก[64] ส่วนชุมชนมูเซอบ้านบ่อน้ำร้อนในอำเภอเบตง[65][66][67] มีประชากรมากถึงขั้นก่อตั้งโบสถ์คริสต์ในชุมชนของตัวเอง[68]

ภาษา

ป้ายจราจรสี่ภาษาหน้าสถานีรถไฟยะลา

จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสามจังหวัดของประเทศไทยที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษามลายูปัตตานีในการสื่อสาร เป็นสำเนียงที่ใช้ในจังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดสงขลา ภาษานี้มีการใช้อักษรยาวีซึ่งได้รับอิทธิพลจากอักษรอาหรับสำหรับการเขียน[38][69] สำหรับการเผยแผ่ศาสนาโดยเฉพาะ[70] ทว่าในยุคหลังมานี้มีการยืมคำไทยเข้าปะปนมากขึ้น[71] โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่พูดมลายูปนไทย[70] ปัจจุบันมีการส่งเสริมให้ติดป้ายประกาศของสถานที่ราชการเป็นภาษามลายูปัตตานีและอักษรยาวีทั่วไปในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้[72] ทั้งนี้ชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนบางส่วนสามารถพูดภาษามลายูเพื่อสื่อสารกับคนมลายูซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่[73][74][42]

ขณะที่ชาวไทยพุทธจะใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ มีสำเนียงใกล้เคียงกับสำเนียงสงขลา[75] มีลักษณะเช่นเดียวกับภาษาใต้ถิ่นอื่นที่มีการรวบคำให้สั้นกระชับ ทว่ามีลักษณะเด่นคือการออกเสียงที่นุ่มนวลไม่หยาบกระด้างต่างจากภาคใต้ถิ่นอื่น[76] และมีการยืมคำมลายูมาก โดยมีความหนาแน่นของคำยืมจากมลายูมากถึงร้อยละ 75.75[77] เช่น ซะด๊ะ แปลว่า อร่อย มอแระ แปลว่า สวยงาม และลากู แปลว่า ขายดี[78]

ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะอำเภอเบตงที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาธำรงอัตลักษณ์ความเป็นจีนคือการใช้ภาษาจีน[6] ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มได้แก่ ภาษาจีนกลาง ภาษาจีนกวางไส ภาษาจีนฮกเกี้ยน ภาษาจีนแต้จิ๋ว และภาษาจีนแคะ[79][80] เช่นประชาชนในชุมชนวัดปิยมิตรที่สามารถสื่อสารภาษาจีนกลางได้[81] ปัจจุบันคนยุคหลังใช้ภาษาจีนน้อยลง[82] และลูกหลานจีนหลายคนนิยมใช้ภาษาไทยมาตรฐาน แต่บุคคลเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาที่อายุต่ำกว่า 50 ปีจะพูดจีนไม่ได้แต่พอฟังรู้ความ[42]

ปัจจุบันชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาเกินครึ่งพูดภาษาไทยถิ่นใต้ไม่ได้เพราะหันไปพูดภาษาไทยมาตรฐาน ส่วนชาวไทยเชื้อสายมลายูนอกเขตเทศบาลจะพูดภาษาไทยไม่ชัดเจน และหากมีอายุ 70 ปีขึ้นไปจะไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย[42]

ศาสนา

ศาสนาในจังหวัดยะลา (พ.ศ. 2562)[83]
ศาสนาร้อยละ
อิสลาม
  
81.46%
พุทธ
  
18.45%
คริสต์
  
0.08%
อื่น ๆ
  
0.01%

จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดของไทยที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้[84] มีชุมชนชาวคริสต์ขนาดย่อมทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ในเขตเทศบาลนครยะลาและเทศบาลเมืองเบตง[85] นอกจากนี้ยังมีชุมชนของผู้นับถือศาสนาซิกข์ขนาดน้อย อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา[86] และพบได้ในบ้านแบหอ ตำบลกาลอ อำเภอรามัน[54] ส่วนชาวซาไกหันมานับถือศาสนาพุทธโดยให้เหตุผลว่านับถือตามสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่ปัจจุบันยังปะปนไปด้วยความเชื่อพื้นเมือง[87] และแรงงานต่างด้าวชาวพม่าในยะลาที่นับถือศาสนาพุทธและร่วมปฏิบัติศาสนกิจร่วมกับชาวไทยพุทธในท้องถิ่น[88][89]

ศาสนา2503[90]2523[91]2542[92]2546[93]2550[94]2553[95]2554[96]2557[97]2559[98]2562[83]
อิสลาม60.00%60.00%62.79%76.58%75.42%76.59%82.96%79.60%74.06%81.46%
พุทธ22.00%22.00%36.40%22.74%24.25%22.74%16.98%20.13%21.16%18.45%
คริสต์0.14%0.06%0.08%
ฮินดู0.01%
พื้นบ้านจีน12.00%0.01%
อื่น ๆ18.00%6.00%0.61%0.31%0.33%0.67%0.27%4.78%0.01%
วัดพุทธแห่งหนึ่งในอำเภอบันนังสตา
ฮวงซุ้ยของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดยะลา

จากการสำรวจการนับถือศาสนาเมื่อ พ.ศ. 2542 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 62.79 ศาสนาพุทธร้อยละ 36.40 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.14 ศาสนาฮินดูร้อยละ 0.01 ศาสนาอื่น ๆ (เช่นศาสนาพื้นบ้านจีน) ร้อยละ 0.01 และไม่ได้ระบุร้อยละ 0.61[92] ต่อมาใน พ.ศ. 2550 พบว่า มีผู้นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 75.42 รองลงมาคือศาสนาพุทธร้อยละ 24.25 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.33[94] พ.ศ. 2553 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 76.59 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 22.74[95] พ.ศ. 2557 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 79.60 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 20.13 และผู้นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 0.27[97] และการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2559 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 74.06 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 21.16 และผู้นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 4.78[98] และการสำรวจใน พ.ศ. 2562 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 81.46 ศาสนาพุทธลดลงเหลือร้อยละ 18.45 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.08 ศาสนาซิกข์และอื่น ๆ ร้อยละ 0.01[83] ชาวพุทธในพื้นที่รู้สึกว่าพวกตนเป็นพลเมืองชั้นสอง[99] หลังการก่อวินาศกรรมด้วยการวางระเบิดถนนสายหลักในปัตตานีเมื่อ พ.ศ. 2555 ส่งผลให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธจำนวนมากอพยพออกจากยะลา ประชากรที่นับถือศาสนาพุทธจึงหดตัวอย่างเฉียบพลัน[55][56][57] รวมทั้งวัดหลายแห่งกลายเป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษา เช่น วัดหัวสะพาน อำเภอเมืองยะลา[100][101] วัดจินดาพลาราม อำเภอบันนังสตา[102] และวัดปูแหล อำเภอยะหา[103][104] ซึ่ง พ.ศ. 2563 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พยายามฟื้นฟูวัดเหล่านี้ให้มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่[105] เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า "จะปล่อยให้คนไทยอพยพทิ้งถิ่นฐานไม่ได้ จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคง ให้มีความมั่นคงอยู่ในภาคใต้ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจของราษฎรไทยพุทธสืบไป"[106]

สำนักงานสถิติจังหวัดยะลารายงานว่า ใน พ.ศ. 2560 จังหวัดยะลามีมัสยิด 508 แห่ง วัดพุทธ 52 แห่ง สำนักสงฆ์ 13 แห่ง โบสถ์คริสต์ 9 แห่ง[107] และคุรุดวารา 1 แห่ง[108]

วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 กลุ่มสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดยะลา จำนวน 60 คน เรียกร้องให้โรงพยาบาลในจังหวัดยะลาและในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดทำห้องครัวสำหรับไทยพุทธและอาคารสำหรับพระสงฆ์อาพาธ[109]

อุทยาน

สถานที่ท่องเที่ยว

  • อำเภอเบตง
  • วัดคูหาภิมุข
  • พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ
  • ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
  • อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
  • น้ำตกคอกช้าง
  • น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9
  • น้ำตกธารโต
  • น้ำตกบูเก๊ะปิโล หรือ น้ำตกตะวันรัศมี
  • น้ำตกผาแดง (จังหวัดยะลา)
  • น้ำตกละอองรุ้ง
  • น้ำตกวันวิสาข์
  • น้ำตกสองขา
  • น้ำตกสุขทาลัย หรือ น้ำตกกือลอง
  • น้ำตกอินทรศร
  • น้ำตกฮาลาซะห์

การศึกษา

ระดับอุดมศึกษา

ระดับมัธยมศึกษา

  • โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
  • โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2
  • โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 3
  • โรงเรียนสตรียะลา
  • โรงเรียนกาบังพิทยาคม
  • โรงเรียนอาลาวียะห์วิทยา
  • โรงเรียนพัฒนาวิทยา
  • โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง
  • โรงเรียนจันทร์ประภัสสร์อนุสรณ์
  • โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ยะลา
  • โรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์
  • โรงเรียนนิคมพัฒนวิทย์
  • โรงเรียนบันนังสตาวิทยา
  • โรงเรียนเบตง (วีระราษฎร์ประสาน)
  • โรงเรียนยะหาศิรยานุกูล
  • โรงเรียนรามันห์ศิริวิทย์
  • โรงเรียนยะลาวิทยาลัย
  • โรงเรียนรังสีอนุสรณ์
  • โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ยะลา
  • โรงเรียนสตรีอิสลามวิทยามูลนิธิ ยะลา
  • โรงเรียนสุขสวัสดิ์วิทยา
  • โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์
  • โรงเรียนธรรมอิสลามศึกษา
  • โรงเรียนคุรุชนพัฒนา

บุคคลที่มีชื่อเสียง

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

6°33′N 101°17′E / 6.55°N 101.29°E / 6.55; 101.29

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง