ตราสัญลักษณ์

ภาพนามธรรมหรือเป็นตัวแทนที่แสดงถึงแนวคิด เช่น ความจริงทางศีลธรรม หรือสัญลักษณ์เปรียบเที

ตราสัญลักษณ์[1] หรือบางบริบทคือ สัญลักษณ์[2] (อังกฤษ: Emblem) เป็นศิลปะที่เป็นนามธรรมหรือภาพที่แสดงให้เห็นแนวความคิด เช่น ความจริงทางจริยธรรม อุปมานิทัศน์ หรือบุคคล เช่น พระมหากษัตริย์ หรือนักบุญ[3]

ฉากแท่นบูชาวิลทัน (ป. 1395–1399) เป็นรูปทูตสวรรค์สวมไวท์ฮาร์ท (กวาง) ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ส่วนพระองค์ของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ
ตราแผ่นดินของอุซเบกิสถาน
ครอบครัว ตราสัญลักษณ์ของ House of El

ความหมายในภาษาอังกฤษ

ตราสัญลักษณ์บนกำแพงด้านเหนือ ในบ้านของเจ้าชายแห่งเนเปิลส์ ปอมเปอี

แม้ว่าคำว่า Emblems กับคำว่า Symbols (สัญลักษณ์) มักจะใช้งานแทนกันได้ และถูกใช้ในความหมายเดียวกันในหลาย ๆ ครั้ง แต่ตราสัญลักษณ์ (Emblems) คือสัญลักษณ์ที่เป็นรูปแบบสำหรับการแสดงความคิดหรือความเป็นปัจเจกชน และตราสัญลักษณ์ก็พัฒนามาเป็นรูปธรรมได้

ตราสัญลักษณ์อาจจะถูกสวมใส่ หรือใช้เป็นตรา (Badge) ระบุตัวตน หรือแพทช์ (Patch) สำหรับติดบนเครื่องแบบ ตัวอย่างเช่น ในอเมริกา ตราเจ้าหน้าที่ตำรวจ หมายถึงตราประจำตัวที่ทำขึ้นมาจากโลหะ ในขณะที่ตราสัญลักษณ์แบบแพทช์ที่ติดอยู่บนเครื่องแบบนั้นเป็นการระบุว่าตำรวจคนนั้นสังกัดอยู่หน่วยไหน

ในยุคกลาง นักบุญหลายคนได้รับตราสัญลักษณ์สำหรับใช้ระบุตัวตนของเขาในภาพเขียนและภาพต่าง ๆ เช่น แคเธอรินแห่งอะเล็กซานเดรียเป็นวงล้อหรือดาบ ส่วนแอนโทนีอธิการเป็นหมูและกระดิ่งอันเล็ก สิ่งเหล่านี้ถูกเรียกอีกอย่างว่าคุณลักษณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนักบุญที่มีความรู้เกี่ยวกับศิลปะหรืออยู่ใกล้ชิดกับศิลปินที่ทำงานศิลปะ

พระมหากษัตริย์และบุคคลในสำคัญประวัติศาสตร์อื่น ๆ ก็เริ่มมีการนำสัญลักษณ์ประจำตัวหรือตราสัญลักษณ์มาใช้งาน ซึ่งออกแบบแตกต่างจากตราประจำตระกูลของพวกเขา โดยที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสคือพระอาทิตย์ พระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 แห่งฝรั่งเศสคือซาลาแมนเดอร์ พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษคือหมูป่า และ พระเจ้ามานูแวลที่ 1 แห่งโปรตุเกสคือวงแหวนจำลองตำแหน่งดาวดาว

ในศตวรรษที่สิบห้าและสิบหก มีแฟชั่นที่เริมต้นในอิตาลีในการทำเหรียญอิสริยาภรณ์ขนาดใหญ่ที่มีหัวของบุคคลอยู่ด้านหน้า และตราสัญลักษณ์อยู่ด้านหลัง โดยสิ่งเหล่านี้จะถูกมอบให้กับมิตรสหายและและเป็นของกำนัลทางการทูต ซึ่งพิซาเนลโล (Pisanello) เป็นศิลปินที่ผลิตงานที่งดงามและดีที่สุดหลายชิ้น

ในขณะเดียวกัน สัญลักษณ์ (Symbol) ใช้แทนสิ่งหนึ่งในการแทนอีกสิ่งหนึ่งในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมมาขึ้น[3] เช่น

  • กางเขนของคริสเตียน เป็นสัญลักษณ์ของการตรึงพระเยซูที่กางเขน เป็นตราสัญลักษณ์แห่งความเสียสละ
  • กางเขนแดง เป็นหนึ่งในสามของสัญลักษณ์แทนกาชาดสากล[4] ซึ่งกางเขนแดงบนพื้นหลังสีขาวเป็นตราสัญลักษณ์ของจิตวัญญาณมนุษยธรรม
  • รูปพระจันทร์เสี้ยว เป็นสัญลักษณ์ของดวงจันทร์ และเป็นตราสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม
  • กะโหลกไขว้ เป็นสัญลักษณ์ของพิษ[5] ซึ่งกะโหลกเป็นตราสัญลักษณ์ของชีวิตของมนุษย์เป็นสิ่งที่ชั่วคราว
"ผู้ยิ่งใหญ่กินผู้น้อย" (The big eat the small) ตราสัญลักษณ์ทางการเมืองจากหนังสือตราสัญลักษณ์ พ.ศ. 2160

ศัพท์เฉพาะอื่น ๆ

ตราแผ่นดินของเอสโตเนีย มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปสิงโตในมุทราศาสตร์สามตัว

โทเท็มเป็นตราสัญลักษณ์รูปสัตว์ที่แสดงออกถึงจิตวัญญาณของแคลน (กลุ่มคน) ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลมักรู้จักกันในชื่อว่าเครื่องหมาย สิงโตยืนยกเท้าหน้าเป็นตราสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษ สิงโตยืนผงาด เป็นตราสัญลักษณ์ของประเทศสกอตแลนด์

รูปเคารพประกอบกับภาพ (แต่เดิมเป็นภาพทางศาสนา) กลายเป็นปกติของประเพณีนิยม โลโก้เป็นสิ่งที่ไม่เฉพาะเจาะจง เป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับศานา โดยทั่วไปจะเป็นของบรรษัท

ตราสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์

ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 คำว่า emblem (emblema; จากภาษากรีก: ἔμβλημα, แปลว่า "เครื่องประดับที่มีลายนูน") และ emblematura มาจาก termini technici ในสถาปัตยกรรม โดยคำเหล่านี้หมายถึงการวาดรูปเคารพ การวาด หรือปติมากรรม แสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนของตน เช่นเดียวกับจารึก ไปจนถึงเครื่องประดับต่าง ๆ ในสถาปัตยกรรม (ornamenta) หลังจากการตีพิมพ์ De re aedificatoria (พ.ศ. 1995) โดย เลออน บัตติสตา อัลแบร์ตี (พ.ศ. 1947–2015) ออกแบบตามรูปแบบของ De architectura โดยสถาปนิกชาวโรมันและวิศวกรคือวิตรูวิอุส ดังนั้น ตราสัญลักษณ์ึงเป็นผลพวงของความรู้ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ซึ่งไม่เพียงแค่ในส่วนของกรีกและโรมันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอียิปต์ด้วย ซึ่งพิสูจน์ได้จากเสาโอเบลิสก์ (Obelisk) จำนวนมากที่สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 ในกรุงโรม[6]

นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการใช้ตราสัญลักษณ์ในอเมริกายุคก่อนโคลัมบัส ตัวอย่างเช่นที่ใช้ในนครรัฐ อาณาจักรของมายา อาณาจักรของชาวมายัน เช่น จักรวรรดิแอซเท็ก หรือจักรวรรดิอินคา ซึ่งการใช้งานในทวีปอเมริกาก็ไม่แตกต่างจากภูมิภาคอื่นที่มีการใช้งานมากนัก แม้จะมีการใช้งานในสถานะเทียบเท่ากับตราอาร์มของหน่วยงานในอาณาเขตของตน[7]

อักษรสัญลักษณ์ของเมืองโกปันของชาวมายันในฮอนดูรัส ใช้งานโดยราชวงศ์ Yax K'uk Mo

ในปี พ.ศ. 2074 สำนักพิมพ์ในเอาก์สบวร์กได้ตีพิมพ์หนังสือตราสัญลักษณ์ครั้งแรก ชื่อว่า Emblemata โดย อันเดรีย อัลเซียโต นักกฎหมายชาวอิตาลี ปลุกกระแสความหลงไหลในตราสัญลักษณ์ทีคงทนยาวนานกว่าสองศควรรษและเข้าถึงประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปตะวันตก[8] "ตราสัญลักษณ์" ในแง่นี้ หมายถึงการผสมผสานระหว่างรูปภาพและข้อความเพื่อใช้ในการเผยแพร่ศาสนาทำให้ดึงดูดผู้อ่านให้ได้คิดและพิจารณาไตร่ตรองถึงชีวิตตนเอง การเชื่อมโยงตราสัญลักษณ์ที่มีความซับซ้อนนั้นสามารถส่งสารไปยังผู้อ่านที่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมนั้น ๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของขบวนการทางศิลปะในคตวรรษที่ 16 ที่เรียกว่าจริตนิยม

คอลเลคชั่นตราสัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยม และแพร่หลายไปในหลากหลายรูปแบบนั้นถูกนำเสนอโดย ฟรานซิส ควอร์ลส์ในปี พ.ศ. 2178 โดยตราสัญลักษณ์แต่ละชิ้นประกอบไปด้วยการถอดความจากข้อความในพระคัมภีร์ ซึ่งแสดงออกมาด้วยภาษาที่สูงส่งและใช้คำเชิงเปรียบเทียบ ตามด้วยข้อความจากปิตาจารย์แห่งคริสตจักร และปิดท้ายด้วยคำคมสั้น ๆ จำนวนสี่บรรทัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับตราสัญลักษณ์ที่แสดงสัญลักษณ์ที่แสดงพร้อมกับข้อความประกอบ

ตราสัญลักษณ์ในคำพูด

ตราสัญลักษณ์เป็นสิ่งที่มีท่าทางบางอย่างที่มีความหมายเฉพาะในตัว ความหมายเหล่านี้มักจะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมที่ถูกสร้างขึ้น โดยการใช้ตราสัญลักษณ์นั้นทำให้มนุษย์สามารถสื่อสารกันด้วยคำพูดได้ เช่น ผู้คนใช้การโบกมือให้กับคนรู้จักเพื่อที่จะสื่อสารว่า "สวัสดี" โดยไม่ต้องสื่อสารด้วยคำพูด[9]

ตราสัญลักษณ์กับภาษามือ

แม้ว่าภาษามือจะใช้ท่าทางในการสื่อสารคำในลักษณะที่ไม่ใช้คำพูด แต่ไม่ควรสับสนกับการใช้ตราสัญลักษณ์ด้วยมือ ภาษามือมีคุณสมบัติทางภาษาที่คล้ายคลึงกับภาษาที่ใช้คำพูด และใช้ในการสื่อสารในรูปแบบบทสนทนา[10] ซึ่งมีคุณสมบัติทางภาษา ได้แก่ คำกริยา นำนาม คำสรรพนาม คำวิเศษ คำคุณศัพท์ เป็นต้น[11] โดยการใช้ตราสัญลักษณ์ด้วยมือนั้น ตรงข้ามกับการใช้ภาษามือ คือเป็นการสื่อสารด้วยท่าทางเดียวเพื่อส่งข้อความสั้น ๆ ที่ไม่ใช่คำพูดที่สื่อสารถึงบุคคลอื่น

ตราสัญลักษณ์ในวัฒนธรรม

ตราสัญลักษณ์มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมที่ก่อตั้งขึ้น และขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมนั้น ๆ เช่น การทำเครื่องหมายเป็นวงกลมด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ในอเมริกาใช้ในการสื่อความหมายว่า "ตกลง" โดยไม่ต้องใช้คำพูด ในญี่ปุ่นหมายถึง "เงิน" และในบางประเทศในยุโรปตอนใต้หมายถึงบางสิ่งบางอย่างทางเพศ[12] นอกจากนี้ การทำเครื่องหมายยกนิ้วโป้ง ในอเมริกาหมายถึง "ดีมาก" แต่ในบางพื้นที่ของตะวันออกกลาง การทำเครื่องหมายยกนิ้วโป้งหมายถึงสิ่งที่น่ารังเกียจเป็นอย่างมาก[13]

ดูเพิ่ม

บรรณานุกรม

Drysdall, Denis (2005). "Claude Mignault of Dijon: "Theoretical Writings on the Emblem: a Critical Edition, with apparatus and notes (1577)". สืบค้นเมื่อ 2009-05-29. {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)

ดูเพิ่ม

  • Emblematica Online. University of Illinois at Urbana Champaign Libraries. 1,388 facsimiles of emblem books.
  • Moseley, Charles, A Century of Emblems: An Introduction to the Renaissance Emblem (Aldershot: Scolar Press, 1989)

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง