พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา (เดิม: หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์; 4 กันยายน พ.ศ. 2406 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2472) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี และเจ้าจอมมารดาจีน เข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระอรรคชายาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมกับพระโสทรเชษฐภคินี คือ พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา และพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์
พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ | |
---|---|
พระองค์เจ้าชั้นโท กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา | |
พระอรรคชายาเธอ | |
ดำรงตำแหน่ง | พ.ศ. 2421 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 |
ประสูติ | 4 กันยายน พ.ศ. 2406 วังท้ายวัดพระเชตุพน กรุงเทพมหานคร |
สิ้นพระชนม์ | 24 มิถุนายน พ.ศ. 2472 (65 ปี) วังสวนสุนันทา จังหวัดพระนคร |
พระสวามี | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระราชบุตร | |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี |
พระมารดา | เจ้าจอมมารดาจีน |
พระประวัติ
พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา มีพระนามเดิมว่าหม่อมเจ้าสาย ประสูติเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2405 [1] เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี ประสูติแต่หม่อมจีน (ต่อมาหม่อมจีนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าจอมมารดาจีน)[note 1] มีพระนามที่เรียกกันในครอบครัวว่า เป๋า
หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์ เมื่อประสูติ ประทับอยู่ที่วังของพระบิดา โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร เป็นผู้อภิบาล มีพระโสทรเชษฐภคินีสองพระองค์ และได้รับราชการฝ่ายในเป็นพระอรรคชายาเธอใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมกันทั้งสามพระองค์ คือ
- หม่อมเจ้าบัว ลดาวัลย์ เมื่อเป็นพระมเหสี มีพระอิสริยยศเป็นพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค ต่อมาได้ทรงกรมเป็นกรมขุนอรรควรราชกัลยา
- หม่อมเจ้าปิ๋ว ลดาวัลย์ เมื่อเป็นพระมเหสี มีพระอิสริยยศเป็นพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์
พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ทรงรับราชการฝ่ายในเป็นพระภรรยาเจ้าทรงอิสริยยศเป็นพระมเหสี ตำแหน่ง พระอรรคชายาเธอ มีหน้าที่ควบคุมดูแลห้องพระเครื่องต้น ของเสวยคาวหวาน อีกทั้งทรงเป็นผู้ที่ตั้งโรงเลี้ยงเด็กขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย บริเวณตำบลสวนมะลิ ถนนบำรุงเมือง อุทิศพระกุศลประทานพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ที่สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทรงรับเด็กกำพร้าและเด็กยากจนมาเลี้ยงดู สอนให้เล่าเรียน และฝึกวิชาชีพทั้งหญิงและชาย ทรงเป็นองค์อุปนายิกาสภาอุณาโลมแดง (สภากาชาดไทย) ในสมัยหนึ่งอีกด้วย[2]
พระองค์ประชวรด้วยพระโรคเนื้อร้ายในช่องพระโอษฐ์ สิ้นพระชนม์ ณ ตำหนักในสวนสุนันทา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2472 สิริพระชันษา 65 ปี ได้รับพระราชทานพระโกศทองน้อยทรงพระศพ[3] และได้รับพระราชทานพระโกศทองใหญ่ในวันออกพระเมรุพระราชทานเพลิงพระศพ (พระโกศทองใหญ่เป็นพระโกศชั้นสูงสุดสำหรับทรงพระบรมศพ พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระอัครมเหสี) และพระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2473 ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง[4]
พระราชโอรส-ธิดา
พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา มีพระประสูติการพระราชโอรสและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งหมด 4 พระองค์ เป็นพระราชโอรส 1 พระองค์ เป็นพระราชธิดา 3 พระองค์ ทั้งหมดเดิมมีพระอิสริยยศเป็น "พระองค์เจ้า" ภายหลังได้รับพระราชทานพระอิสริยยศขึ้นเป็น "สมเด็จเจ้าฟ้า" ดังนี้
ลำดับ | พระรูปและพระนาม | เพศ | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | คู่อภิเษกสมรส | พระบุตร |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ | ช. | 17 มีนาคม พ.ศ. 2426 | 8 เมษายน พ.ศ. 2475 | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล หม่อมราชวงศ์ลดา ยุคล | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ |
2 | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี ภัทรวดีราชธิดา | ญ. | 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2427 | 31 สิงหาคม พ.ศ. 2432 | - | - |
3 | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามาลินีนภดารา ศิรินิภาพรรณวดี กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา | ญ. | 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 | 22 ธันวาคม พ.ศ. 2467 | - | - |
4 | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี | ญ. | 4 ธันวาคม พ.ศ. 2429 | 29 มกราคม พ.ศ. 2479 | - | - |
พระอิสริยยศ
ธรรมเนียมพระยศของ กรมพระสุทธาสินีนาฏ | |
---|---|
การทูล | ใต้ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ |
- 4 กันยายน พ.ศ. 2406 – พ.ศ. 2421 : หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์
- พ.ศ. 2421 – 25 มิถุนายน พ.ศ. 2431 : พระอรรคชายาเธอ หม่อมเจ้าสาย
- 25 มิถุนายน พ.ศ. 2431 – 21 มีนาคม พ.ศ. 2468 : พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ[5]
- 21 มีนาคม พ.ศ. 2468 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2472 : พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา[6]
พระอิสริยยศสุดท้ายนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระนามและเลื่อนกรม ทั้งนี้ คำว่า "วิมาดา" แปลว่า แม่เลี้ยง ซึ่งพระองค์ทรงเป็นเจ้านายพระองค์เดียวที่ได้รับการสถาปนาไว้ในพระอิสริยศักดิ์นี้อย่างเป็นทางการ ส่วนสร้อยพระนาม "ปิยมหาราชปดิวรัดา" นั้น คำว่า "ปดิวรัดา" (อ่านว่า ปะดิวะรัดดา) แปลว่า ภริยาที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามี[7]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระองค์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของตระกูลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้[3]
- พ.ศ. 2431 – เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝ่ายใน)
- พ.ศ. 2448 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายใน)[8]
- พ.ศ. 2436 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายใน)[9]
- พ.ศ. 2444 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 1 (จ.ป.ร.1)[10]
- พ.ศ. 2462 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)[11]
- พ.ศ. 2469 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1 (ป.ป.ร.1)[12]
พันธุ์พืชอันเนื่องด้วยพระนาม
- บัวสุทธาสิโนบล บ้างเรียก "ม่วงกษัตริย์" (Royal Purple) บัวสายดอกใหญ่สีม่วงอมน้ำเงินหรือม่วงอมแดงที่เรียกว่าสีกุหลาบแก่ กลิ่นหอมแรง มีถิ่นกำเนิดบนเกาะแซนซิบาร์ ประเทศแทนซาเนีย พระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหาราชปดิวรัดา พระอรรคชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำมาจากเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2444 จึงได้รับการขนานนามว่า “สุทธาสิโนบล”
พงศาวลี
พงศาวลีของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|