พระนางสิริยศวดีเทวี

(เปลี่ยนทางจาก มหาเทวีสิริยศวดี)

นางโป่งน้อย หรือ สิริยศวดีเทวี (ปรากฏในชินกาลมาลีปกรณ์), อโนชาเทวี (ปรากฏในพับสาวัดสันป่าเลียง)[1], ศรีทิพ หรือ ทิพทอง (ปรากฏในโคลงนิราศหริภุญชัย)[2][3][4], สมเด็จบพิตร พระมหาเทวีเจ้าอยู่หัว (ปรากฏในจารึกวัดอุทุมพรอาราม)[5][6] และ สมเด็จบพิตร พระมหาเทวีศรีรัตนจักรวรรดิ (จารึกวัดพระคำ)[7] เป็นเจ้านายฝ่ายในของอาณาจักรล้านนาที่มีบทบาททางการเมืองสูงและยาวนาน พระองค์เป็นหนึ่งในพระมเหสีในพญายอดเชียงราย เป็นมหาเทวีในพระเมืองแก้ว และเป็นมหาเทวีเจ้าตนย่าผู้ทรงอิทธิพลในรัชกาลของพระเมืองเกษเกล้า

สิริยศวดีเทวี
มหาเทวีแห่งล้านนา
สวรรคตประมาณ พ.ศ. 2077
พระราชสวามี
พระราชบุตร
ราชวงศ์มังราย
พระราชมารดายายพระเป็นเจ้า

พระราชประวัติ

พระชนม์ชีพช่วงต้น

สิริยศวดีเทวี หรือ นางโป่งน้อย (ภาษาถิ่นพายัพออกเสียงว่า "ป่งน้อย")[8] เป็นธิดาของขุนนางผู้ใหญ่และเป็นเครือญาติของผู้ครองเขลางค์นคร[9] และมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในเมืองดังกล่าว ดังปรากฏใน ชินกาลมาลีปกรณ์ ว่าประสูติที่เมืองกุสาวดี (เมืองมีหญ้าคา)[10] บุรพชนสืบเชื้อสายหรืออาจเป็นว่านเครือของพระราชชนนีในพระเจ้าติโลกราช[11] และพระราชชนนีของพระองค์ก็มิใช่สตรีสามัญธรรมดา หากแต่มีบทบาทสำคัญยิ่งในรัชสมัยพระเมืองแก้ว ปรากฏในชินกาลมาลีปกรณ์และจารึกวัดบ้านปานเรียกว่า "ยายพระเป็นเจ้า"[12][13] เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมีสันนิษฐานว่าพระราชชนนีนี้อาจสืบเชื้อสายมาจากวงศ์สุโขทัย[14]

ส่วน พงศาวดารโยนก พระยาประชากิจกรจักร์สันนิษฐานว่าพระนางมาจากเมืองจ้วด (จว้าด) แถบลุ่มน้ำสาละวินซึ่งเป็นเขตแดนของชาวไทใหญ่ และสุรศักดิ์ ศรีสำอาง อดีตผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถาน กรมศิลปากรกล่าวว่านางเป็นพระราชธิดาชาวไทใหญ่ ตามพงศาวดารโยนก[8]

สู่ราชวงศ์มังราย

นางโป่งน้อยเข้าเป็นพระชายาในพญายอดเชียงราย แล้วได้รับการเฉลิมพระนามเป็นอโนชาเทวี การอภิเษกสมรสเกิดขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมืองโดยปราศจากความรักซึ่งกันและกัน[8] เพราะพระนางมีชายคนรักอยู่แล้วคือศิริยวาปีมหาอำมาตย์ ซึ่งรักใคร่ชอบพอกันตั้งแต่ประทับที่เขลางค์นคร เมื่อพระนางอภิเษกสมรสแล้ว ศิริยวาปีมหาอำมาตย์ก็เข้ามาถวายการรับใช้ในราชสำนักเชียงใหม่เสียด้วย[8] พระนางสิริยศวดีเทวีมีพระราชโอรสกับพญายอดเชียงรายด้วยกันคือเจ้าแก้ว (ต่อมาคือพระเมืองแก้ว) แต่พบว่าพญายอดเชียงรายนั้นไม่รักพระราชโอรสแท้ ๆ ของพระองค์ กลับรักลูกเลี้ยงที่เป็นจีนยูนนานชื่อเพลาสลัง (ภาษาถิ่นพายัพออกเสียงว่า "เปาสะหล้าง") บางแห่งก็ว่าเพลาสลังนี้อาจเป็นพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระชายาชาวจีนยูนนาน[8] ดังปรากฏความใน พื้นเมืองเชียงใหม่ ความว่า[15]

"...เจ้าพญายอดมีลูกกับด้วยนางป่งน้อย เจ้าราชบุตรเกิดในปีเต่ายี สกราช ๘๔๔ ตัว ชื่อว่าเจ้ารัตนราชบุตร พญายอดตนพ่อบ่รักหลายเท่ารักลูกห้อผู้ ๑ ชื่อ เพลาสลัง เอามาเลี้ยงเป็นลูก แล้วหื้อไปกินเมืองพร้าวหั้นแล [...] เจ้าพญายอดเท่าเอาใจไปคบกับห้อ เสนาอามาจไหว้ว่ารือก็บ่ฟัง บ่ขับตามรีตท้าวคลองพญา บ่ชอบทัสสาธัมม์ เสนาอามาจบ่เพิงใจ จึงพร้อมกันเอาพญายอดไปไว้เสียเมืองซะมาศ แล้วพร้อมกันอุสสาภิเสกเจ้ารัตนราชบุตร อายุได้ ๑๔ ปี เป็นพญา..."

แต่หลังจากพระราชสวามีครองราชย์ได้ 8 ปี ก็ถูกเหล่าขุนนางผู้ใหญ่ที่ครองเขลางค์นคร ปลดออกจากราชบัลลังก์ให้ไปครองเมืองซะมาด (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน)[16] พร้อมกับยกเจ้าแก้ว ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 15 ปี[8] ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบมา[17] ด้วยความที่เครือญาติของพระนางมีฐานอำนาจที่เข้มแข็ง มีความเป็นไปได้สูงที่บิดาของพระนางมีส่วนร่วมในการแย่งชิงราชสมบัติจากพญายอดเชียงราย และสนับสนุนให้พระเมืองแก้วและนางโป่งน้อยเสวยราชย์[18] เมื่อขึ้นครองราชย์ก็พบว่านางโป่งน้อยมีอำนาจสูงมาก เนื่องจากมีบทบาทในการปกครองร่วมกับพระราชโอรส โดยในหลักฐานมีการเรียกมหาเทวีและกษัตริย์ว่า "พระเป็นเจ้าสองพระองค์" และ "พระเป็นเจ้าแม่ลูกทั้งสอง"[19][20][21][22] แล้วยังพบใน โคลงนิราศหริภุญชัย บทที่ 160 ความว่า[4]

ธิบาธิเบศร์แก้วกัลยา ก็มา
ปกป่าวชุมวนิดาแห่ห้อม
คือจันทร์อำรุงดา-ราล่อง งามเอ่
สนมนาฏเลือนเลือนล้อมเนกหน้าเต็มพลาน

ส่วน โคลงนิราศหริภุญชัย บทที่ 180 บันทึกไว้ความว่า[4]

คราวครานเถิงถาบห้องหริภุญช์
ริร่ำสองอาดูรนิราศร้าง
ปุนขะสดป่านแปงทูลทิพอาช ญาเอ่
ถวายแด่นุชน้องอ้างอ่านเหล้นหายฉงน

ซึ่งอรุณรัตน์ วิเชียรเขียว อาจารย์สาขาวิชาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กล่าวไว้ว่านี่เป็นการสถาปนาพระเจ้าแผ่นดินครั้งแรกของล้านนาที่พระราชชนนีครองราชย์ร่วมกับพระราชโอรส[8] และอธิบาย นิราศหริภุญชัย ซึ่งแต่งโดยศิริยวาปีมหาอำมาตย์ มีการกล่าวถึงมหาเทวีนี้ว่า "ธิบาธิเบศแก้ว กัลยา" (แปลว่า กษัตริย์หญิง) และ "ทิพอาชญา" (แปลตรงตัวว่า นางทิพผู้ทรงอาชญา คือทิพผู้เป็นกษัตริย์)[3]

หลังเสวยราชย์ร่วมกับพระเมืองแก้ว พระราชโอรส พระองค์อภิเษกสมรสใหม่กับศิริยวาปีมหาอำมาตย์ ดังปรากฏใน ชินกาลมาลีปกรณ์ ที่เรียกว่า "ศิริยวาปีมหาอำมาตย์ผู้เป็นสวามี"[3] และมีพระราชโอรสไม่ปรากฏนามหนึ่งคน ซึ่งไปดูแลเมืองแม่สรวยระยะหนึ่ง โดยเนื้อหาได้บันทึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับศิริยวาปีมหาอำมาตย์ความว่า[4]

"…ลำดับนั้นพระสิริยศวดีผู้เป็นราชมารดาจึ่งบริจาคทรัพย์เป็นอันมาก ยกเอาที่บ้านแห่งศิริยวาปีมหาอำมาตย์ผู้เป็นสามี นั้นสร้างเป็นสังฆารามแล้ว ก่อเจดีย์ลงในอารามนั้นเป็นที่สักการบูชา…"

มหาเทวีเจ้าตนย่า

หลังจากสิ้นรัชสมัยของพระเมืองแก้ว ผู้เป็นพระราชโอรส เมื่อพระเมืองเกษเกล้าเสด็จขึ้นครองราชย์ ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากพระนางด้วยมีศักดิ์เป็นมหาเทวีเจ้าตนย่า (สมเด็จพระอัยยิกาเจ้า) ด้วยความที่พระนางสั่งสมอำนาจเป็นเวลายาวนาน และมีเครือข่ายที่กว้างขวางที่สามารถค้ำจุนพระราชนัดดาของพระองค์ได้[23] แต่หลังจากการสวรรคตของพระองค์ในช่วงปี พ.ศ. 2077 ก็เกิดกบฏหมื่นสามล้านในปี พ.ศ. 2078[23]

พระราชกรณียกิจ

พระองค์มีศรัทธาในบวรพุทธศาสนา ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นพระมเหสีในพญายอดเชียงราย พระองค์สร้างวัดโป่งน้อย ตั้งอยู่ใกล้กับวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ที่พระนางอะตะปาเทวี อัครมเหสีอีกองค์หนึ่งสร้างไว้[24][25]

อย่างไรก็ตามหลังจากที่พระนางและพระเมืองแก้ว พระราชโอรสยึดราชสมบัติจากพญายอดเชียงรายแล้ว พระองค์ได้ครองราชย์ร่วมกับพระราชโอรส โดยทรงดูแลกิจการภายในราชสำนักเชียงใหม่ทั้งหมด และทรงอยู่เหนือกว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์[8] ก็ทรงทำนุบำรุงพระศาสนาตลอด เช่นสร้างวัดบุพพาราม ในปี พ.ศ. 2039[26] และวัดศรีสุพรรณ ในปี พ.ศ. 2043[27]

อ้างอิง

เชิงอรรถ
บรรณานุกรม
  • สรัสวดี อ๋องสกุล (ปริวรรต). พื้นเมืองเชียงแสน. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2546
  • ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 3. คณะกรรมการจัดการพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี สำนักนายกรัฐมนตรี, 2508
  • ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 4. คณะกรรมการจัดการพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี สำนักนายกรัฐมนตรี, 2513
  • สุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ). ประชุมจารึกเมืองพะเยา. กรุงเทพฯ : มติชน, 2538
  • สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552. ISBN 978-974-8132-15-0
  • เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย : ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559
  • รัตนปัญญาเถระ, พระภิกษุ (เขียน) แสง มนวิทูร, ศาสตราจารย์ ร.ต.ท. (แปล). ชินกาลมาลีปกรณ์. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ ร.ต.ท. แสง มนวิทูร 20 เมษายน 2517
  • อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และเดวิด เค วัยอาจ (ปริวรรต). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. กรุงเทพฯ : ตรัสวิน, 2543
🔥 Top keywords: หน้าหลักสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024บางกอกคณิกาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)เนติพร เสน่ห์สังคมวิทยาศาสตร์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)วันวิสาขบูชาวอลเลย์บอลลมเล่นไฟตารางธาตุอันดับโลกเอฟไอวีบีอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์หมวดหมู่:จังหวัดของประเทศไทยไลเกอร์รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยไอแซก นิวตันศาสนาพุทธราชวงศ์จักรีกาลิเลโอ กาลิเลอีประวัติศาสตร์ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนารายชื่อเครื่องดนตรีจังหวัดชัยนาทสังคายนาในศาสนาพุทธประเทศไทยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดนิวแคลิโดเนียวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยศาสนาพุทธในประเทศพม่าพระสุนทรโวหาร (ภู่)นริลญา กุลมงคลเพชร