สุธา ชันแสง
สุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร
สุธา ชันแสง | |
---|---|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ | |
ดำรงตำแหน่ง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 – 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 | |
นายกรัฐมนตรี | สมัคร สุนทรเวช |
ก่อนหน้า | ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม |
ถัดไป | ชวรัตน์ ชาญวีรกูล |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2503 เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร |
ศาสนา | พุทธ |
พรรคการเมือง | พลังธรรม (2531—2542) ไทยรักไทย (2542—2550) พลังประชาชน (2550—2551) ไทยสร้างไทย (2564—ปัจจุบัน) |
คู่สมรส | วีณา ชันแสง |
ประวัติ
สุธา ชันแสง เกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2503 ที่เขตหนองแขม โดยเป็นบุตรชายของกำนันในท้องที่ จบการศึกษาระดับมัธยมต้นจากโรงเรียนจันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม มัธยมปลายจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ระดับอุดมศึกษา ประกาศนียบัตรชั้นสูงด้านลอจิสส์ติก และการขนส่ง สหราชอาณาจักร (สาขาในประเทศไทย) คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และวิทยาลัยรีพับลิกัน ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี พ.ศ. 2527
เริ่มต้นเส้นทางทางการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) บางแค 2 สมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตภาษีเจริญ เขตหนองแขม ในสังกัดพรรคพลังธรรม 3 สมัย ในระหว่างปี พ.ศ. 2535 - 2539 จากนั้นได้ย้ายไปเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย และได้เป็น ส.ส. สังกัดพรรคไทยรักไทย 2 สมัย ในเขตหนองแขม 2 สมัย และพรรคพลังประชาชน เขตบางแค ภาษีเจริญ และหนองแขม 1 สมัย
หลังการเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 นายสุธาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต่อมาไม่นาน นายสุธาได้ถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่องวุฒิการศึกษาว่าอาจจะไม่จบปริญญาตรีจริงตามประวัติที่ให้ไว้ เนื่องจากตรวจพบว่า นายสุธาทำหนังสือเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในปี พ.ศ. 2537 ซึ่งขัดกับประวัติที่ว่าจบการศึกษาจากรีพับลิกัน คอลเลจ ประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 อีกทั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้ ก็ถูกเปิดเผยด้วยว่า เป็นสถาบันที่ไม่ได้มาตรฐาน และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ก็ไม่ได้ให้การรับรอง อีกทั้งการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ยังมีข้อต้องสงสัยอยู่อีกด้วย[1]
ชีวิตส่วนตัว สมรสกับนางวีณา ชันแสง มีบุตรด้วยกัน 2 คน
ในต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 นายสุธายังถูกตรวจพบอีกว่า มีการซุกบัญชีทรัพย์สินให้กับบุตรนอกสมรสโดยไม่ได้แจ้งแก่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) วันที่ 8 พฤษภาคม นายสุธาได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย โดยอ้างเหตุผลเรื่องสุขภาพ และต่อมาในเดือนกันยายน นายสุธา ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. ด้วย
ต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2551[2]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2551 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[3]
- พ.ศ. 2546 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[4]