สุเทพ เทือกสุบรรณ

อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย

สุเทพ เทือกสุบรรณ (เกิด 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492) เป็นนักการเมืองชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เขาลาออกจากพรรคในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เพื่อไปเป็นเลขาธิการ กปปส. ซึ่งดำเนินการประท้วงเพื่อพยายามโค่นรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน ในห้วงวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 เขาเรียกร้องให้ตั้ง "สภาประชาชน" ซึ่งมิได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง เขาเคยเรียกร้องเพื่อให้เขาสวมบทบาทเป็น "องค์อธิปัตย์" เพื่อออกกฎบัตร ตั้งรัฐบาลใหม่ และตั้งสภาประชาชน และจะประท้วงต่อหากรัฐบาลใหม่ไม่สามารถนำการปฏิรูปที่ กปปส. ชี้นำไปปฏิบัติได้สำเร็จ[2]

สุเทพ เทือกสุบรรณ
สุเทพ ใน พ.ศ. 2553
รองนายกรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554
(0 ปี 271 วัน)
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ดำรงตำแหน่ง
20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553
(1 ปี 292 วัน)
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ดำรงตำแหน่ง
14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
(2 ปี 330 วัน)
นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย
ก่อนหน้าสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ถัดไปวันมูหะมัดนอร์ มะทา
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดำรงตำแหน่ง
11 สิงหาคม พ.ศ. 2529 – 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531
(1 ปี 357 วัน)
นายกรัฐมนตรีเปรม ติณสูลานนท์
ก่อนหน้าประสพ บุษราคัม
ถัดไปเสนาะ เทียนทอง
ดำรงตำแหน่ง
29 กันยายน พ.ศ. 2535 – 7 ธันวาคม พ.ศ. 2537
(2 ปี 69 วัน)
นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย
ก่อนหน้าอำพล เสนาณรงค์
ถัดไปสมุทร มงคลกิติ
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ดำรงตำแหน่ง
5 มีนาคม พ.ศ. 2548 – 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
(6 ปี 121 วัน)
ก่อนหน้าประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
ถัดไปเฉลิมชัย ศรีอ่อน
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 (74 ปี)
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย
พรรคการเมืองประชาธิปัตย์ (2522—2556)
รวมพลัง (2561—ปัจจุบัน)
การเข้าร่วม
พรรคการเมืองอื่น
กปปส.
คู่อาศัยศรีสกุล พร้อมพันธุ์ (2537—ปัจจุบัน)[1]
คู่สมรสจุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ (2521—2533)
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยมิดเดิลเทนเนสซีสเตด

หลังรัฐประหารปี 2557 เขายังเป็นหัวหน้ามูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย[3] จากนั้นเขาประกาศวางมือทางการเมืองและอุปสมบทระหว่างปี 2557 ถึง 2558[4] ที่วัดไตรธรรมาราม ในปี พ.ศ. 2561 กลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง โดยได้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย

ในปี พ.ศ 2567 สุเทพ เทือกสุบรรณได้เสียชีวิตด้วยรถบรรทุกข์10ล้อเหยียบร่าง นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ แบบเละเทะ​

ประวัติ

สุเทพ เทือกสุบรรณ มีชื่อเล่นว่า "เนม" หรือ บิ๊กเนม มีฉายาว่า "ลุงกำนัน" เกิดวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 เป็นบุตรของนายจรัส เทือกสุบรรณ กำนันตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี[5] และนางละม้าย เทือกสุบรรณ (สกุลเดิม ชาวนา) มีพี่น้องท้องเดียวกัน 6 คนคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ นางศิริรัตน์ ศรีเทพ (ถึงแก่กรรม) กับนางสาวรัชนี เทือกสุบรรณ (เป็นคู่แฝด) นายเชน เทือกสุบรรณ นางสาวจิราภรณ์ เทือกสุบรรณ นายธานี เทือกสุบรรณ และนางสาวกิ่งกาญจน์ เทือกสุบรรณ

สุเทพสำเร็จการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม กรุงเทพมหานคร ระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2515 ระหว่างเป็นนักศึกษาได้ทำกิจกรรมเป็นกรรมการสโมสรนักศึกษา เป็นประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโท M.A. Political Sciences จาก Middle Tennessee State University สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2518[6] หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทกลับมา สุเทพได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กำนันตำบลท่าสะท้อน ต่อจากผู้เป็นบิดา และชนะเลือกตั้ง ทำให้ได้เป็นกำนันขณะมีอายุได้ 26 ปี[7] สุเทพยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาผู้นำธุรกิจสังคมและการเมือง จากวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558[8]

สุเทพและครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของส่วนแบ่งที่สำคัญของพื้นที่เพาะปลูกต้นปาล์มน้ำมันและฟาร์มกุ้งในภาคใต้[9][10]

สุเทพ เทือกสุบรรณสมรสครั้งแรกกับ นางจุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ มีบุตรธิดา 3 คน คือ แทน เทือกสุบรรณ, น้ำตาล เทือกสุบรรณ และน้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ สมรสกับ นิโคลัส โฮ ภายหลังภรรยาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ต่อมาได้สมรสใหม่กับศรีสกุล พร้อมพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา (อดีตภรรยาพรเทพ เตชะไพบูลย์) และได้รับบุตรของนางศรีสกุลที่เกิดจากนายพรเทพมาเป็นบุตรบุญธรรม 3 คน คือ สิทธิพัฒน์ เตชะไพบูลย์, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และ น.ส.ธีราภา พร้อมพันธุ์[11]

บทบาททางการเมือง

สุเทพ เข้าสู่วงการเมืองระดับประเทศ ได้เป็น ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อปี พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นสามารถชนะเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 10 สมัย[12] และดำรงตำแหน่งสำคัญระดับรัฐมนตรี คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

บทบาทหลังเลือกตั้ง 2548

หลังการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรคครั้งใหญ่ สุเทพได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรค และพอดีกับมีบทบาทอย่างมากในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 โดยเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้องพรรคไทยรักไทย[13] และต่อมาพรรคไทยรักไทยถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค

ในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี พ.ศ. 2551 ซึ่งสุเทพเป็นผู้ที่มีบทบาทในการประสานงานจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้น จนได้รับการขนานนามว่า "ผู้จัดการรัฐบาล"[14] และได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 สุเทพ ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง วินิจฉัยการถือครองหุ้นของเขาผิดรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม[15]

ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 สุเทพ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี[16] เพื่อกลับไปลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกครั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง[17] ซึ่งการเลือกตั้งดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นที่มาของการถูกมองว่าสุเทพ ต้องการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง ในกรณีที่ถูกยุบพรรค[18] ภายหลังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงได้กลับเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง[19]

เลขาธิการ กปปส.

สุเทพ เทือกสุบรรณเดินทางไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

หลังรัฐประหาร สุเทพเปิดเผยว่า ตนพูดคุยกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร และพันธมิตร นับแต่การชุมนุมทางการเมืองใน พ.ศ. 2553 เขากล่าวว่า ได้ติดต่อเป็นประจำผ่านแอพไลน์ ก่อนรัฐประหาร พลเอก ประยุทธ์ติดต่อเขาว่า "คุณสุเทพและมวลชนผู้สนับสนุน กปปส. ของท่านเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพที่ต้องรับต่อ" สุเทพว่า กองทัพตระหนักดีถึงวัตถุประสงค์ของ กปปส. ระหว่างที่กลุ่มกดดันข้าราชการและทหารให้เข้าร่วมขบวนการ กองทัพได้รับข้อเสนอของ กปปส. หลายอย่าง เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร[20]

หมายจับในข้อหากบฎ

ศาลอาญาพิพากษาจำคุกแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" (กปปส.) ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 9 ปีเศษ โดยมี 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกพิพากษาจำคุกด้วย และต้องหลุดจากตำแหน่งทันที เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ[21]

บทบาทหลังรัฐประหารปี 2557

หลังรัฐประหารปี 2557 เขาก่อตั้ง สำนักกฎหมาย พัชรวิชญ์ แอดโวเคทส์ เขายังก่อตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเขาดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2558[22]

วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 มีการเปิดเผยว่าสุเทพได้ตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบแล้ว ที่วัดท่าไทร และไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์ (สวนโมกขพลาราม) จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับฉายาว่า "ประภากะโร" แปลว่าผู้กระทำซึ่งแสงสว่าง[23]

วันที่ 28 กรกฎาคม 2558 สุเทพลาสิกขา และวันเดียวกัน ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการย้ายสำนักงาน บช.ภ.8 จากอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปจังหวัดภูเก็ต ชี้ตำรวจชั้นผู้น้อยเดือดร้อน[24]

หลังจากลาผนวช เขากลับมาตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และชักชวนประชาชนให้สนับสนุน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยการจัดรายการผ่านเว็บไซด์เฟซบุ๊กเพจส่วนตัว และในปีพ.ศ. 2560 เขาประกาศสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ 2

ตำแหน่งทางการเมือง

คดีความ

กรณี ส.ป.ก.4-01

ในส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 สุเทพมอบเอกสารสิทธิจำนวน 592 แปลงในเขาสามเหลี่ยม เขากมลาและเขานาคเกิดในจังหวัดภูเก็ตแก่เกษตรกร 489 คน ต่อมาพบว่ามีสมาชิกครอบครัวมั่งมี 11 ครอบครัวเป็นผู้รับเอกสารสิทธิด้วย สุเทพปราศรัยต่อฝูงชนขนาดใหญ่ในเขตเลือกตั้งสุราษฎร์ธานีของเขาหนึ่งเดือนก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจและเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเขาเดินขบวนมากรุงเทพมหานครหลายแสนคนเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเขา[26] กรณีอื้อฉาวนี้ทำให้นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัยแห่งพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกรกฎาคม 2538 เพื่อเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ[27] ในการเลือกตั้งถัดมา พรรคชาติไทยได้เสียงข้างมาก นำให้รัฐบาลอันมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำของชวน หลีกภัยถึงกาลสิ้นสุด

โทรเลขการทูตวิกิลีกส์จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐเปิดเผยว่า สมาชิกพรรคเดียวกับเขาจำนวนมากบ่นถึงพฤติกรรมฉ้อฉลและไร้ศีลธรรมของเขามานานแล้ว[28][29][30]

กรณีก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง

โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 396 แห่ง มูลค่า 5,848 ล้านบาท เข้าข่ายการฮั้วประมูล เพราะมีการรวบสัญญาการดำเนินการมาเป็นสัญญาเดียว จากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอให้มีการทำเป็นหลายสัญญา

เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มีสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุการอนุมัติโครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ต่อมา สุเทพยกเลิกแนวทางการจัดจ้างเป็นรายภาค ให้จัดจ้างรวมกันทั้งหมดแทน เมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เลยทำให้มีบริษัทเดียวที่ชนะการประมูลการก่อสร้างในครั้งนี้ไป

ในขณะนี้ สุเทพได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทต่อนาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ศาลาอาญาต่อกรณีนี้ด้วยเห็นว่า ตนได้ดำเนินการไปตามความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศาลอาญา รัชดา มีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว[31]

การถือหุ้น

ในปีพ.ศ. 2552 สุเทพถูกกล่าวหาว่าละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยถือหุ้นในบริษัทสื่อซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐบาล ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ที่สุเทพสนับสนุน ห้ามสมาชิกรัฐสภามิให้ถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่าจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิสุเทพ สุเทพจัดการแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้น โดยประกาศตัดสินใจลาออกจากสมาชิกรัฐสภา การลาออกจากสมาชิกรัฐสภาไม่มีผลต่อสถานภาพรองนายกรัฐมนตรีและสมาชิกคณะรัฐมนตรีของเขา

คดีสลายการชุมนุม

หลังศาลอาญาวินิจฉัยหลายครั้งว่า ผู้ประท้วงเสื้อแดงที่เสียชีวิตและบาดเจ็บระหว่างความไม่สงบทางการเมืองในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 เป็นผลโดยตรงจากคำสั่งที่มอบหมายทหารโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการและตำรวจตกลงฟ้องเขาข้อหาฆ่าคน[32][33]

ศาลยังวินิจฉัยว่า สุเทพร่วมกับอภิสิทธิ์ต้องรับผิดชอบต่อการลอบสังหารผู้สื่อข่าวชาวอิตาเลียน ฟาบิโอ โปเลงกี ซึ่งทำข่าวการประท้วงปี 2553 ด้วย[34]

29 ธันวาคม พ.ศ. 2558 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติยกฟ้องนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในคดีนี้ และถึงแม้เขาจะมีคดีอื่น ๆ เขายังไม่เคยถูกจำคุกเลยจากเหตุการณ์ทางการเมือง

ต่อมาวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งยกฟ้อง นายสุเทพ ในคดีดังกล่าวคดีจึงสิ้นสุดลงว่า นายสุเทพไม่ต้องรับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุม[35]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้าสุเทพ เทือกสุบรรณถัดไป


สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
ชวรัตน์ ชาญวีรกูล
สนั่น ขจรประศาสน์
โอฬาร ไชยประวัติ

รองนายกรัฐมนตรี (ครม. 59)
(20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553
12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554)
ยงยุทธ วิชัยดิษฐ
ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง
พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ชุมพล ศิลปอาชา
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ครม. 53)
(14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543)
วันมูหะมัดนอร์ มะทา
ประสพ บุษราคัม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ครม. 44)
(11 สิงหาคม พ.ศ. 2529 – 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531)
เสนาะ เทียนทอง
อำพล เสนาณรงค์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ครม. 50)
(29 กันยายน พ.ศ. 2535 – 7 ธันวาคม พ.ศ. 2537)
สวัสดิ์ สืบสายพรหม
ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
(5 มีนาคม พ.ศ. 2548 – 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
เฉลิมชัย ศรีอ่อน
🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง