แกรนูโลไซต์

ชนิดของเม็ดเลือดขาว

แกรนูโลไซต์ (อังกฤษ: granulocytes) เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวในระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด ลักษณะเด่นคือมีแกรนูลอยู่ภายในไซโทพลาซึม[1] เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า พอลีมอร์โฟนิวเคลียร์ ลูโคไซต์ (polymorphonuclear leukocytes, PMN, PML, หรือ PMNL) เนื่องจากมีนิวเคลียสที่รูปร่างแตกต่างกัน โดยมักจะแบ่งออกเป็น 3 พู ซึ่งจะแตกต่างจากโมโนนิวเคลียร์อะแกรนูโลไซต์ คำว่า พอลีมอร์โฟนิวเคลียร์ ลูโคไซต์ มักใช้เรียกแกรนูโลไซต์ชนิดนิวโทรฟิลชนิดเดียว[2] ซึ่งเป็นชนิดของแกรนูโลไซต์ที่มีจำนวนมากที่สุด ส่วนชนิดอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ อีโอซิโนฟิล เบโซฟิล และแมสต์เซลล์ จะมีจำนวนพูน้อยกว่า แกรนูโลไซต์ถูกสร้างขึ้นโดยกระบวนการแกรนูโลโพอีซิส (granulopoiesis) ในไขกระดูก

แกรนูโลไซต์
Granulocyte
แกรนูโลไซต์ ชนิดเบโซฟิล
รายละเอียด
ระบบระบบภูมิคุ้มกัน
ตัวระบุ
MeSHD006098
FMA62854
ศัพท์ทางกายวิภาคของจุลกายวิภาคศาสตร์

ชนิด

แกรนูโลไซต์มี 4 ชนิด (หรือชื่อเต็มคือ พอลีมอร์โฟนิวเคลียร์ แกรนูโลไซต์) ดังนี้[3]

ชื่อของแต่ละชนิด (ยกเว้นแมสต์เซลล์) มาจากลักษณะการติดสีย้อม ตัวอย่างเช่น แกรนูโลไซต์ที่มีจำนวนมากที่สุด นิวโทรฟิล จะมีลักษณะการติดสีย้อมของไซโทพลาซึมที่เป็นกลาง

นิวโทรฟิล

นิวโทรฟิลมีนิวเคลียสที่แบ่งเป็นส่วน (ตรงกลางภาพ และล้อมรอบด้วยเม็ดเลือดแดง) แกรนูลภายในเซลล์จะสามารถมองเห็นได้ในไซโตพลาสซึม (ในกำลังขยายสูงและย้อมด้วยสีกีมซา)

โดยปกตินิวโทรฟิลจะพบในกระแสเลือดและเป็นชนิดของฟาโกไซต์ที่มีมากที่สุด โดยเป็นส่วนประกอบร้อยละ 60 ถึง 65 ของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ไหลเวียนในร่างกายทั้งหมด[4] และประกอบด้วยกลุ่มย่อย ๆ 2 กลุ่ม ได้แก่ นิวโทรฟิล-คิลเลอร์ (neutrophil-killer) และนิวโทรฟิล-เคเจอร์ (neutrophil-cager) เลือดมนุษย์ 1 ลิตร ประกอบด้วยนิวโทรฟิลประมาณ 5 พันล้านเซลล์ (5x109)[5] ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12–15 ไมโครเมตร[6] เมื่อถึงเวลาที่นิวโทรฟิลได้รับสัญญาณ จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการออกจากกระแสเลือดและไปถึงบริเวณที่ติดเชื้อ[7] โดยนิวโทรฟิลจะไม่กลับสู่กระแสเลือด และจะกลายเป็นเซลล์หนองและตาย[7] นิวโทรฟิลที่เจริญเต็มที่มีขนาดเล็กกว่าโมโนไซต์ และมีนิวเคลียสที่แบ่งเป็นหลายส่วน (2–5 ส่วน) แต่ละส่วนจะเชื่อมต่อกันด้วยเส้นใยโครมาติน โดยปกตินิวโทรฟิลจะไม่ออกจากไขกระดูกจนกว่าจะเจริญเติบโตเต็มที่ แต่ในระหว่างการติดเชื้อ เซลล์ตั้งต้นของนิวโทรฟิลที่เรียกว่า ไมอีโลไซต์ และโพรไมอีโลไซต์ จะถูกปล่อยออกมา[8]

อีโอซิโนฟิล

อีโอซิโนฟิล

อีโอซิโนฟิลจะมีนิวเคลียสเป็นพูรูปไต (2–4 พู) จำนวนของแกรนูลในอีโอซิโนฟิลอาจแตกต่างกันไป เนื่องจากแกรนูลมีแนวโน้มที่จะสลายตัว (degranulate) ในขณะที่อยู่ในกระแสเลือด[9] อีโอซิโนฟิลมีบทบาทสำคัญในการฆ่าปรสิต (เช่น พยาธิตัวกลมในลำไส้) เนื่องจากแกรนูลของพวกมันมีโปรตีนพื้นฐานที่เป็นพิษเฉพาะตัวและโปรตีนที่เป็นประจุบวก (เช่น คาเทปซิน[10]);[11] รวมถึงอีโอซิโนฟิลยังมีรีเซปเตอร์ที่จับกับ IgE มาช่วยในหน้าที่นี้ด้วย[12] อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในกระบวนการฟาโกไซโตซิส,[13] เป็นเซลล์นำเสนอแอนติเจน (antigen-presenting cell), ควบคุมการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่น ๆ (เช่น การทำงานของเซลล์ที CD4+, เซลล์เดนไดรต์, เซลล์บี, แมสต์เซลล์, นิวโทรฟิล, และเบโซฟิล),[14] มีส่วนร่วมในการทำลายเซลล์เนื้องอก,[9] และส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย[15] พอลิเพปไทด์ที่ชื่อ อินเตอร์ลิวคิน-5 จะมีปฏิกิริยาต่ออีโอซิโนฟิล และทำให้อีโอซิโนฟิลเจริญพัฒนาขึ้นเป็นตัวเต็มวัย โดยพอลิเพปไทด์นี้ผลิตขึ้นโดยเบโซฟิลและเซลล์ทีเฮลเปอร์ 2 (TH2)[11]

เบโซฟิล

เบโซฟิลมีนิวเคลียสที่แบ่งเป็นพู ล้อมรอบด้วยเม็ดเลือดแดง

เบโซฟิลเป็นหนึ่งในเซลล์ที่มีจำนวนน้อยที่สุดในไขกระดูกและเลือด (มีอยู่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของเซลล์ทั้งหมด) เบโซฟิลมีนิวเคลียสเป็นพูเช่นเดียวกับนิวโทรฟิลและอีโอซิโนฟิล อย่างไรก็ตาม เบโซฟิลจะมีเพียง 2 พู และเส้นใยโครมาตินที่เชื่อมต่อระหว่างพูนั้นมักมองไม่เห็นชัดเจน เบโซฟิลมีรีเซปเตอร์ที่สามารถจับกับ IgE, IgG, คอมพลีเมนต์, และฮิสตามีน ไซโตพลาสซึมของเบโซฟิลมีปริมาณแกรนูลที่แตกต่างกัน แกรนูลเหล่านี้มักจะมีจำนวนมากพอที่จะบดบังบางส่วนของนิวเคลียสได้ แกรนูลของเบโซฟิลนั้นประกอบด้วย ฮิสตามีน, เฮพาริน, คอนดรอยตินซัลเฟต, เพอร์ออกซิเดส, สารกระตุ้นเกล็ดเลือด, และสารตั้งต้นอื่น ๆ

แมสต์เซลล์

แมสต์เซลล์เป็นแกรนูโลไซต์ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อ[3] เป็นสื่อกลางในการป้องกันโฮสต์จากจุลชีพก่อโรค (เช่น ปรสิต) และมีบทบาทในปฏิกิริยาภูมิแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอนาฟิแล็กซิส[3] แมสต์เซลล์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการอักเสบและภูมิต้านตนเอง รวมถึงเป็นสื่อกลางและควบคุมการตอบสนองของระบบประสาทภูมิคุ้มกัน (neuroimmune system)[3][16][17]

การพัฒนา

แกรนูโลไซต์พัฒนามาจากเซลล์ต้นกำเนิดที่อยู่ในไขกระดูก กระบวนการเปลี่ยนแปลงจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่สามารถพัฒนาได้หลายชนิด (pluripotent hematopoietic stem cell) ไปเป็นแกรนูโลไซต์ จะเรียกว่า แกรนูโลโพอีซิส (granulopoiesis) โดยจะมีเซลล์ที่อยู่ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลงหลายชนิดด้วยกัน เช่น ไมอิโลบลาสต์ และโพรไมอิโลไซต์

ภาพเพิ่มเติม

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง