โรบิน ฟัน แปร์ซี

โรบิน ฟัน แปร์ซี (ดัตช์: Robin van Persie, ออกเสียง: [ˈrɔbɪɱ vɑm ˈpɛrsi] ( ฟังเสียง); เกิดวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1983) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ที่เคยเล่นในตำแหน่งกองหน้า ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีฝีเท้าดีที่สุดในยุคของเขา[4][5][6] ฟัน แปร์ซีมีจุดเด่นในด้านทักษะการทำประตู การครอบครองลูกบอล การขยับหาพื้นที่ และสายตาอันเฉียบคม[7] เขาครองสถิติในการเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันเขาเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนให้แก่สโมสรไฟเยอโนร์ด

โรบิน ฟัน แปร์ซี
ฟัน แปร์ซีขณะเล่นให้กับอาร์เซนอลใน ค.ศ. 2011
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็มโรบิน ฟัน แปร์ซี[1]
วันเกิด (1983-08-06) 6 สิงหาคม ค.ศ. 1983 (40 ปี)[2]
สถานที่เกิดรอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์
ส่วนสูง1.83 เมตร (6 ฟุต 0 นิ้ว)[3]
ตำแหน่งกองหน้า
สโมสรเยาวชน
1988–1999เอกแซ็ลซียอร์
1999–2001ไฟเยอโนร์ด
สโมสรอาชีพ*
ปีทีมลงเล่น(ประตู)
2001–2004ไฟเยอโนร์ด61(14)
2004–2012อาร์เซนอล194(96)
2012–2015แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด86(48)
2015–2018เฟแนร์บาห์เช57(25)
2018–2019ไฟเยอโนร์ด37(21)
รวม435(204)
ทีมชาติ
2000เนเธอร์แลนด์ อายุไม่เกิน 17 ปี6(0)
2001เนเธอร์แลนด์ อายุไม่เกิน 19 ปี6(0)
2002–2005เนเธอร์แลนด์ อายุไม่เกิน 21 ปี12(1)
2005–2017เนเธอร์แลนด์102(50)
จัดการทีม
2020–ไฟเยอโนร์ด (ผู้ช่วยผู้จัดการทีม)
2021–2023ไฟเยอโนร์ด รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี
2023–ไฟเยอโนร์ด รุ่นอายุไม่เกิน 18 และ19 ปี
เกียรติประวัติ
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

ฟัน แปร์ซี เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในตำแหน่งปีก สโมสรแรกของเขาคือไฟเยอโนร์ดในฤดูกาล 2001–02 ซึ่งเขาคว้าถ้วยรางวัลใบแรกหลังจากเอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพด้วยผลประตู 3–2 และยังได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลีกดัตซ์ ภายหลังจากระยะเวลาห้าปีในเนเธอร์แลนด์ เขามีปัญหากับผู้จัดการทีมในขณะนั้นอย่างแบร์ต ฟัน มาร์ไวก์ เป็นเหตุให้เขาย้ายไปร่วมสโมสรดังในพรีเมียร์ลีกอย่างอาร์เซนอลใน ค.ศ. 2004 ในฐานะผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะสืบทอดตำนานรุ่นพี่อย่างแด็นนิส แบร์คกัมป์ ในช่วงเวลาไม่นาน ฟัน แปร์ซี ได้รับบทบาทเป็นกองหน้าตัวหลักของทีม ภายใต้การปลุกปั้นของผู้จัดการทีมชื่อดังอย่าง อาร์แซน แวงแกร์ เขาทำสถิติยิง 35 ประตูในฤดูกาลเดียวได้ใน ค.ศ. 2011 และได้รับแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมในฤดูกาล 2011–12 ก่อนจะย้ายไปร่วมสโมสรคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับทีมได้ในฤดูกาลแรกรวมทั้งรางวัลรองเท้าทองคำ พรีเมียร์ลีก หรือผู้ทำประตูสูงสุดประจำฤดูกาลสองสมัยติดต่อกัน

ภายหลังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ฟัน แปร์ซี ย้ายร่วมทีมเฟแนร์บาห์แชสปอร์คูลือบือใน ค.ศ. 2015 แต่ไม่ได้ลงสนามมากนักเนื่องจากปัญหาการบาดเจ็บ ก่อนจะยุติสัญญากับสโมสรในเดือนมกราคม ค.ศ. 2018 และย้ายกลับไปยังไฟเยอโนร์ดแบบไม่มีค่าตัวซึ่งเขามีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เคเอ็นวีบี คัพ โดยถือเป็นถ้วยรางวัลแรกของเขานับตั้งแต่แชมป์เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2013[8]

ในการแข่งขันระดับทีมชาติ ฟัน แปร์ซี เคยลงสนามให้ทีมทั้งในรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี, 19 ปี และ 21 ปี ก่อนจะลงสนามในฐานะทีมชาติชุดใหญ่ใน ค.ศ. 2005 ในเกมกระชับมิตรพบกับทีมชาติโรมาเนีย หนึ่งเดือนต่อมา เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติได้ในนัดที่เอาชนะฟินแลนด์ด้วยผลประตู 4–0 ฟัน แปร์ซีลงสนามให้ทีมชาติมากกว่า 100 นัด และทำประตูได้มากถึง 50 ประตู และได้รับแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมในช่วงระหว่าง ค.ศ. 2013–15 เขามีส่วนสำคัญในการแข่งขันรายการใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ ทั้งในฟุตบอลโลก 2006, 2010 และ 2014 รวมทั้งฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 และ 2012

ชีวิตวัยเด็ก

โรบิน ฟัน แปร์ซี เติบโตในย่านกราลิงเงินแห่งโรตเตอร์ดัมตะวันออก มารดาคือ โคเซ รัส เป็นจิตรกร ส่วนบิดาคือ บ็อบ เป็นประติมากร[9] แปร์ซียังมีน้องสาวอีก 2 คนคือ ลีลี (Lily) และกีกี (Kiki)[10] บิดาและมารดาสนับสนุนให้แปร์ซีเป็นศิลปินเช่นเดียวกับพวกเขา แต่สุดท้ายแปร์ซีกลับเลือกที่จะเล่นฟุตบอลแทน

เส้นทางอาชีพ

ไฟเยอโนร์ด

ฟัน แปร์ซี เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของเอส.เบ.เฟ. เอกแซ็ลซียอร์ เมื่อปี ค.ศ. 2001 แต่ก็ต้องย้ายออกไปเนื่องจากมีเรื่องไม่ลงรอยกันกับสตาฟโค้ช จนได้มาเซ็นสัญญากับไฟเยอโนร์ด[11] และสามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ได้เนื่องจากนักเตะรุ่นพี่ในทีมหลายคนได้รับบาดเจ็บ และได้ลงประเดิมสนามให้กับสโมสรด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี และในฤดูกาลแรกนี้ เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงถึง 15 ครั้ง จนได้รับรางวัลนักฟุตบอลดัตช์ดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2001-02 หลังจากจบฤดูกาลอีกด้วย

จากนั้น ฟัน แปร์ซีก็เซ็นสัญญาอาชีพกับไฟเยอโนร์ดเป็นระยะเวลา 3 ปีครึ่งตั้งแต่ต้นฤดูกาลใหม่ และยังเป็นผู้ยิงได้ 5 ประตูในเกมที่เอาชนะ AGOVV มา 6-1 ในอัมสเทลคัพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003.[12] แต่เนื่องจากความบาดหมางกับแบร์ต ฟัน มาร์ไวก์ ผู้จัดการทีมทำให้แปร์ซีต้องหล่นไปเล่นในทีมสำรองแทน จนฟัน มาร์ไวก์ได้บอกกับสื่อว่า "พฤติกรรมของเขานี้ทำให้เขาคงจะอยู่กับทีมไม่ได้อีกแล้ว ฉะนั้นเขาจะต้องเล่นในทีมสำรองไปตลอด"[13] และในเกมที่ไฟเยอโนร์ดทีมสำรองพบกับอายักซ์ทีมสำรองนั้น เขาเป็นหนึ่งในนักเตะไฟเยอโนร์ดหลายคนที่โดนแฟนบอลอันธพาลวิ่งเข้าสู่สนามเพื่อลงมาทำร้ายร่างกายอีกด้วย[11]

ความบาดหมางระหว่างฟัน แปร์ซี กับฟัน มาร์ไวก์ ยังคงมีอยู่ต่อไป เนื่องจากฟัน มาร์ไวก์ สั่งเขากลับบ้านในวันก่อนเกมที่จะพบกับเรอัลมาดริดในยูฟ่าซูเปอร์คัพเมื่อปี ค.ศ. 2003 โดยมีรายงานว่าผู้ฝึกสอนคนนี้ไม่พอใจกิริยาของฟัน แปร์ซี ที่มีต่อเขาเมื่อได้รับคำสั่งให้อบอุ่นร่างกายเพื่อเตรียมลงแข่งเกมลีกเมื่อไม่นานมานี้[9] จากนั้น ฟัน แปร์ซีก็สามารถแทรกขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ได้เป็นครั้งแรก ลงสนามไปทั้งหมด 28 ครั้ง ยิงได้ 8 ประตู และยังพาทีมได้รองแชมป์บอลถ้วยของเนเธอร์แลนด์อีกด้วย

หลังจากจบฤดูกาลนั้น ไฟเยอโนร์ดก็ไม่สามารถต่อสัญญากับฟัน แปร์ซีได้ในช่วงปิดฤดูกาล จนกระทั่งความเป็นอริต่อกันของฟัน มาร์ไวก์ กับฟัน แปร์ซี ทำให้เขาต้องนั่งเป็นตัวสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2003-04 นี้ ได้ลงเล่นเพียงแค่ 28 เกม แต่ก็ยังยิงได้น้อยกว่าฤดูกาลที่แล้ว 2 ประตู เมื่อจบฤดูกาล ไฟเยอโนร์ดจึงประกาศขายนักเตะคนนี้ออกไปทันทีเนื่องจากทนไม่ไหวกับระเบียบวินัยอันย่ำแย่ของนักเตะคนนี้แล้ว และก็กลายเป็นอาร์เซนอลที่เริ่มเปิดเจรจาซื้อตัวนักเตะรายนี้ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเปิดทำการ โดยในช่วงนั้นอาร์เซนอลกำลังมองหาตัวแทนของแด็นนิส แบร์คกัมป์ อยู่พอดีด้วย แต่ทั้งสองฝ่ายกลับไม่สามารถเจรจากันได้อย่างราบรื่นจนไม่ได้ข้อสรุปในที่สุด อย่างไรก็ตาม 5 เดือนต่อมาการซื้อขายนักเตะรายนี้ก็ประสบผลสำเร็จ โดยอาร์เซนอลคว้าตัวดาวยิงรายนี้ไปด้วยราคา 2.75 ล้านปอนด์ ซึ่งน้อยกว่าที่ไฟเยอโนร์ดตั้งไว้คือ 5 ล้านปอนด์ถึงเกือบครึ่ง[11][14]

อาร์เซนอล

2004–05

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 ฟัน แปร์ซีได้เซ็นสัญญาฉบับแรกกับอาร์เซนอล มีระยะเวลาของสัญญา 4 ปี[15] อาร์แซน แวงแกร์ ผู้จัดการทีมตั้งใจว่าจะโยกแปร์ซีจากตำแหน่งปีกซ้ายมาเล่นศูนย์หน้า ซึ่งฟัน แปร์ซีก็ทำหน้าที่นี้เคียงข้างตีแยรี อ็องรี ได้เป็นอย่างดี[16] แวงแกร์อธิบายการตัดสินใจครั้งนี้ว่า"เขาสามารถเล่นเป็นปีกซ้ายได้ และยังเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวหลังหรือกองหน้าตัวเป้าได้เนื่องจากเป็นนักเตะที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง"[17] อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เขาจะได้เล่นศูนย์หน้าก็ถูกจำกัดลงเนื่องจากอาร์เซนอลได้เซ็นสัญญากับโคเซ อันโตนีโอ เรเยส กองหน้าทีมชาติสเปนมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม[18] ซึ่งเขาต้องแย่งตำแหน่งตัวจริงกับเรเยสตลอดเวลา ฟัน แปร์ซีได้ประเดิมสนามครั้งแรกด้วยการถูกส่งลงมาจากม้านั่งสำรองในเกมคอมมิวนิตีชิลด์ที่ชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 และคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2004[19] หลังจากนั้น ฟัน แปร์ซีก็นั่งบนม้านั่งสำรองเสียส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2004-2005 และในวันที่ 27 ตุลาคมปีเดียวกันนี้ เขาก็ยิงประตูแรกในสีเสื้อของอาร์เซนอล โดยการยิงเบิกร่องในเกมลีกคัพที่พบกับแมนเชสเตอร์ซิตี และสามารถเอาชนะไปได้ 2-1

2005-06

เมื่อเริ่มต้นพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2005-2006 รูปแบบการเล่นของฟัน แปร์ซี ก็เริ่มดีขึ้น ทำให้เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดีเด่นประจำเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ด้วยการยิงประตูไปถึง 8 ประตู ใน 8 เกม และเขาก็ได้ตอบแทนให้สโมสรด้วยการเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2011 และต่อมาสองวันจากการเซ็นสัญญาของฟัน แปร์ซี เขาได้รับอาการบาดเจ็บอีกครั้งในนัดแข่งเอฟเอคัพกับสโมสรฟุตบอลคาร์ดิฟฟ์ซิตี

2006-07

เมื่อพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2006-2007 เปิดตัวขึ้น ฟัน แปร์ซี ได้โชว์ฟอร์มอย่างดี โดยได้ซัดลูกวอลเลย์กลางอากาศในนัดที่เจอกับชาร์ลตันแอทเลติก ที่แวงแกร์เรียกว่า "ประตูของชีวิต" ภายหลัง บีบีซีสปอร์ตได้บันทึกลงเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน และต่อมา ฟัน แปร์ซีได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมประจำปีแห่งเมืองโรตเตอร์ดัม

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

2012-2013

ฟัน แปร์ซี กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 2013

โรบิน ฟัน แปร์ซี เป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา จึงได้ย้ายไปร่วมกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก[20]

2014-2015

ในฤดูกาลนี้ ฟัน แปร์ซี มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดประกอบกับอายุมากที่ขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพการเล่นถดถอยลง และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลจึงได้ย้ายไปเฟแนร์บาห์เช เช่นเดียวกับ นานี เพื่อนร่วมสโมสรที่ได้ย้ายไปก่อนหน้านั้น[21]

เฟแนร์บาห์เช

โรบิน ฟัน แปร์ซี ได้ย้ายมาเฟแนร์บาห์เชด้วยค่าตัวประมาณ 4.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 235 ล้านบาท) และสัญญาเป็นระยะเวลา 3 ปี[21]

นักฟุตบอลยอดเยี่ยม

ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ฟัน แปร์ซีสามารถเล่นได้อย่างโดดเด่นในฐานะกัปตันทีมและศูนย์หน้า สามารถยิงประตูได้มากที่สุดในลีก คือ 30 ประตู จนเป็นดาวซัลโว ทำให้ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษไปครอง[22] [23]

สถิติอาชีพ

สโมสร

การลงเล่นและได้ประตูต่อสโมสร ฤดูกาล และการแข่งขัน[24]
สโมสรฤดูกาลลีกเนชันเนลคัพลีกคัพยุโรปอื่น ๆรวม
ดิวิชันลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตู
ไฟเยอโนร์ด2001–02เอเรอดีวีซี100007[a]0170
2002–03เอเรอดีวีซี238372[b]02815
2003–04เอเรอดีวีซี286203[c]0336
รวม6114571207821
อาร์เซนอล2004–05พรีเมียร์ลีก26553316[b]11[d]04110
2005–06พรีเมียร์ลีก24520447[b]21[d]03811
2006–07พรีเมียร์ลีก221110008[b]23113
2007–08พรีเมียร์ลีก15700107[b]2239
2008–09พรีเมียร์ลีก2811640010[b]54420
2009–10พรีเมียร์ลีก16900004[b]12010
2010–11พรีเมียร์ลีก251821313[b]23322
2011–12พรีเมียร์ลีก383022008[b]54837
รวม194961810116532020278132
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[25]2012–13พรีเมียร์ลีก382641006[b]34830
2013–14พรีเมียร์ลีก211200006[b]41[d]22818
2014–15พรีเมียร์ลีก271020002910
รวม864861001271210558
เฟแนร์บาห์แช2015–16ซือเปร์ลีก31165512[e]14822
2016–17ซือเปร์ลีก249447[f]13514
2017–18ซือเปร์ลีก20002[f]040
รวม572599002128736
ไฟเยอโนร์ด2017–18เอเรอดีวีซี12522147
2018–19เอเรอดีวีซี2516421[f]01[g]03118
รวม37216410104525
รวมอาชีพ4352044431116992942593272

นานาชาติ

ฟัน แปร์ซีขณะฝึกซ้อมร่วมกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์
การลงเล่นและได้ประตูในทีมชาติต่อปี[26]
ทีมชาติปีลงแข่งประตู
เนเธอร์แลนด์200571
2006126
200740
2008105
200982
2010115
201196
2012106
20131010
2014158
201551
201600
201710
รวม10250

เกียรติประวัติ

สโมสร

ไฟเยอโนร์ด
อาร์เซนอล
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ทีมชาติ

เนเธอร์แลนด์
  • ฟุตบอลโลก 2010 รองชนะเลิศ อันดับ 1
  • ฟุตบอลโลก 2014 รองชนะเลิศ อันดับ 2

รางวัลส่วนตัว

  • KNVB Best Young Talent Award (1): 2000–01
  • Dutch Football Talent of the Year (1): 2001–02
  • Premier League Player of the Month (5): November 2005, October 2009, October 2011, December 2012, April 2013
  • Rotterdam Sportsman of the Year (1): 2006
  • BBC Goal of the Month (5): September 2006, December 2008, December 2011, August 2012, April 2013
  • Arsenal Top Goalscorer (4): 2006–07, 2008–09, 2010–11, 2011–12
  • Arsenal Player of the Year (2): 2008–09, 2011–12
  • Arsenal Goal of the Season (2): February 2011 vs Barcelona, December 2011 vs Everton
  • UEFA Euro 2008 Bronze Boot
  • Premier League Golden Boot Landmark Award (3): 2011–12 (10 goals),[130] 2011–12 (20 goals),[131] 2011–12 (30 goals)
  • Premier League Golden Boot (2): 2011–12, 2012–13
  • PFA Players' Player of the Year (1): 2011–12
  • PFA Fans' Player of the Year (1): 2011–12
  • Premier League PFA Team of the Year (2): 2011–12, 2012–13
  • FWA Footballer of the Year (1): 2011–12
  • ESM Team of the Year (1): 2011–12
  • Sir Matt Busby Player of the Year (1): 2012–13
  • Manchester United Goal of the Season (1): April 2013 vs Aston Villa

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้าโรบิน ฟัน แปร์ซีถัดไป
สก็อต พาร์กเกอร์ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ
(พ.ศ. 2554-2555)
แกเร็ธ เบล
แกเร็ธ เบล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ
(พ.ศ. 2553-2554)
แกเร็ธ เบล
🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง