พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 (หรือเรียกว่า บาร์เคลย์สพรีเมียร์ลีกด้วยเหตุผลด้านการสนับสนุน) เป็นการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 20 นับแต่เริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 เริ่มต้นฤดูกาลวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2011 และสิ้นสุดวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 โดยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลับมาป้องกันตำแหน่งแชมป์

พรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล2011–12
ชนะเลิศแมนเชสเตอร์ซิตี
ตกชั้นวูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส
แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส
โบลตันวันเดอเริร์ส
แชมเปียนลีกแมนเชสเตอร์ซิตี
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
อาร์เซนอล
เชลซี
ยูโรปาลีกทอตแนมฮอตสเปอร์
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
ลิเวอร์พูล
จำนวนการแข่งขันทั้งหมด380
จำนวนประตูทั้งหมด1066 (2.81 ต่อนัด)
ผู้ยิงประตูสูงสุดโรบิน ฟาน เพอร์ซี (30 ประตู)
ทีมเหย้าชนะสูงสุดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 8–2 อาร์เซนอล
อาร์เซนอล 7–1 แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส
ฟูแลม 6–0 ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส
ทีมเยือนชนะสูงสุดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1–6 แมนเชสเตอร์ซิตี
โบลตันวันเดอเริร์ส 0-5 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฟูแลม 0–5 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส 0–5 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ซิตี 6-1 นอริช ซิตี้
ประตูสูงสุดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 8–2 อาร์เซนอล (10 ประตู)
สถิติชนะติดต่อกันสูงสุด8 นัด[1]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
สถิติไม่แพ้ติดต่อกันสูงสุด14 นัด[1]
แมนเชสเตอร์ซิตี
สถิติไม่ชนะติดต่อกันสูงสุด9 นัด[1]
ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส
วีแกนแอธเลติก
วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส
สถิติแพ้ติดต่อกันสูงสุด8 นัด[1]
วีแกนแอธเลติก
ผู้เข้าชมมากที่สุด75,627[1]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4–1 วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส
ผู้เข้าชมน้อยที่สุด15,195[1]
ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส 0–4 โบลตันวันเดอเริร์ส
ผู้เข้าชมทั้งหมด13,148,465[1]
ผู้เข้าชมโดยเฉลี่ย34,601[1]

มีทีมเข้าร่วมแข่งขันในลีก 20 ทีม โดยมี 17 ทีมเดิมจากฤดูกาลก่อน และอีก 3 ทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ได้แก่ ผู้ชนะ ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส และรองชนะเลิศ ทีมนอริชซิตี ส่วนสวอนซีได้เลื่อนชั้นจากการแข่งรอบเพลย์ออฟชนะเรดดิง 4–2

ทีม

ทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 20 ทีม โดยเป็น 17 ทีมจากในฤดูกาล 2010-11 และอีก 3 ทีมที่เลื่อนขึ้นจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ฤดูกาล 2010-11

สนามแข่งขัน

ทีมสถานที่สนามแข่งขัน↓ความจุ
อาร์เซนอลลอนดอนเอมิเรตส์สเตเดียม60,361
แอสตันวิลลาเบอร์มิงแฮมวิลลาปาร์ค42,785
แบล็กเบิร์นโรเวิร์สแบล็กเบิร์นอีวูดปาร์ค31,154
โบลตันวันเดอเริร์สโบลตันรีบอคสเตเดียม28,100
เชลซีลอนดอนสแตมฟอร์ดบริดจ์42,449
เอฟเวอร์ตันลิเวอร์พูลกูดิสันพาร์ค40,157
ฟูแลมลอนดอนคราเวนคอทเทจ25,700
ลิเวอร์พูลลิเวอร์พูลแอนฟิลด์45,276
แมนเชสเตอร์ซิตีแมนเชสเตอร์เอติฮัด สเตเดียม[2]47,405
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแมนเชสเตอร์โอลด์แทรฟฟอร์ด75,811
นิวคาสเซิลยูไนเต็ดนิวคาสเซิลอะพอนไทน์สปอร์ตส์ ไดเร็ค อารีนา52,409
นอริชซิตีนอริชแคร์โรว์โรด27,010
ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์สลอนดอนลอฟตัสโรด18,439
สโตกซิตีสโตคออนเทรนต์บริทาเนียสเตเดียม27,740
ซันเดอร์แลนด์ซันเดอร์แลนด์สเตเดียมออฟไลต์48,707
สวอนซีซิตีสวอนซีลิเบอร์ตีสเตเดียม20,520
ทอตแนมฮอตสเปอร์ลอนดอนไวท์ฮาร์ทเลน36,230
เวสต์บรอมวิชอัลเบียนเวสต์บรอมวิชเดอะฮอว์ธอร์น26,360
วีแกนแอธเลติกวีแกนดีดับเบิลยูสเตเดียม25,133
วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์สวูล์ฟแฮมป์ตันโมลินิวซ์27,828

ทีมและชุดแข่งขัน

หมายเหตุ: ธงแสดงชาตินั้นเป็นไปภายใต้กฎของฟีฟ่า นักฟุตบอลและผู้จัดการอาจจะถือมากกว่า 1 สัญชาติ

ทีมผู้จัดการ1กัปตัน[3]ชุดที่ใช้[4]สปอนเซอร์[4]
อาร์เซนอล แวงแกร์, อาร์แซนอาร์แซน แวงแกร์ ฟาน เพอร์ซี, โรบินโรบิน ฟาน เพอร์ซีไนกี้สายการบินเอมิเรตส์
แอสตันวิลลา แม็กลีช, อเล็กซ์อเล็กซ์ แม็กลีช เปตรอฟ, สติลิยันสติลิยัน เปตรอฟ5ไนกี้เกนติงคาสิโนส์[5]
แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส คีน, สตีฟสตีฟ คีน โรบินสัน, พอลพอล โรบินสัน6อัมโบรเดอะพรินซ์สทรัสต์[6]
โบลตันวันเดอเริร์ส คอยล์, โอเวนโอเวน คอยล์ เดวีส, เควินเควิน เดวีสรีบอค188เบ็ต
เชลซี ดี มัตเตโอ, โรแบร์โตโรแบร์โต ดี มัตเตโอ เทอร์รี, จอห์นจอห์น เทอร์รีอาดิดาสซัมซุง
เอฟเวอร์ตัน มอยส์, เดวิดเดวิด มอยส์ เนวิลล์, ฟิลฟิล เนวิลล์เลอ คอก สปอร์ทิฟเบียร์ช้าง
ฟูแลม โยล, มาร์ตินมาร์ติน โยล เมอร์ฟี, แดนนีแดนนี เมอร์ฟีแคปปาเอฟเอ็กซ์โปร
ลิเวอร์พูล ดัลกลิช, เคนนีเคนนี ดัลกลิช เจอร์ราร์ด, สตีเฟนสตีเฟน เจอร์ราร์ดอาดิดาสสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์
แมนเชสเตอร์ซิตี มันชีนี, โรแบร์โตโรแบร์โต มันชีนี กงปานี, แว็งซ็องแว็งซ็อง กงปานีอัมโบรสายการบินอัลติฮัด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เฟอร์กูสัน, อเล็กซ์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วิดิช, เนมานยาเนมานยา วิดิช7ไนกี้เอออน
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด พาร์ดิว, อลันอลัน พาร์ดิว โกลอชชีนี, ฟาบรีโชฟาบรีโช โกลอชชีนีพูมานอร์ธเธิร์น ร็อค/เวอร์จิน มันนี2
นอริชซิตี แลมเบิร์ต, พอลพอล แลมเบิร์ต โฮลต์, แกรนต์แกรนต์ โฮลต์เอเรียเอวิวา
ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส ฮิวจ์ส, มาร์คมาร์ค ฮิวจ์ส บาร์ตัน, โจอีโจอี บาร์ตันล็อตโตสายการบินมาเลเซีย/แอร์เอเชีย3
สโตกซิตี พูริส, โทนีโทนี พูริส ชอว์ครอส, ไรอันไรอัน ชอว์ครอสอาดิดาสบริทานเนีย
ซันเดอร์แลนด์ โอนีล, มาร์ตินมาร์ติน โอนีล แคตเทอร์โมล, ลีลี แคตเทอร์โมลอัมโบรทอมโบลา
สวอนซีซิตี ร็อดเจอร์, เบรนแดนเบรนแดน ร็อดเจอร์ มังค์, แกร์รีแกร์รี มังค์อาดิดาส[7]ทรีทูเรด
ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ เรดแนปป์, แฮร์รีแฮร์รี เรดแนปป์ คิง, เล็ดลีย์เล็ดลีย์ คิงพูมา[8]ออราสมา4
เวสต์บรอมวิชอัลเบียน ฮอดจ์สัน, รอยรอย ฮอดจ์สัน บรันต์, คริสคริส บรันต์อาดิดาสบอด็อก[9]
วีแกนแอธเลติก มาร์ตีเนซ, โรเบร์โตโรเบร์โต มาร์ตีเนซ คาลด์เวลล์, แกรีแกรี คาลด์เวลล์มิฟิตวันทูเบ็ต
วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส คอนเนอร์, เทอร์รีเทอร์รี คอนเนอร์ จอห์นสัน, โรเจอร์โรเจอร์ จอห์นสันเบอร์ดาสปอร์ติงเบ็ต
  • 1 อ้างอิงจาก รายชื่อผู้จัดการทีมในฟุตบอลลีกอังกฤษ
  • 2 Following Virgin Money's acquisition of Northern Rock on 1 January 2012, Virgin Money started to appear on the team's kits from 4 January 2012.[10]
  • 3 สายการบินมาเลเซีย จะปรากฏอยู่บนเสื้อชุดทีมเหย้า ส่วยแอร์เอเซียจะปรากฏอยู่บนเสื้อชุดทีมเยือน[11]
  • 4 ออราสมา เป็นบริษัทในเครือของ ออโตโนมี
  • 5Stiliyan Petrov was previously Villa's captain, but after he was diagnosed with leukemia Agbonlahor was handed the captaincy in Petrov's absence.[12]
  • 6Chris Samba was previously Blackburn's captain. Following Samba's transfer to Anzhi Makhachkala, Robinson was handed the captaincy.[13]
  • 7On 7 December 2011, Vidić twisted his knee during United's Champions League clash at Basel and left the field on a stretcher.[14] Vidic missed the rest of the season and Patrice Evra assumed the captaincy of Manchester United.[15]

In addition, Nike will have a new design for their match ball (white from August to October and March to May; high-visibility yellow from November through February) called Seitiro, featuring a modified flame design.[16]

เปลี่ยนผู้จัดการทีม

ทีมผู้จัดการคนก่อนเหตุที่ออกวันที่อันดับในตารางผู้จัดการคนใหม่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง
เชลซี อันเชล็อตติ, คาร์โลคาร์โล อันเชล็อตติถูกไล่ออก22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011[17]ก่อนเริ่มฤดูกาล วิลลัช-โบอัช, อังเดรอังเดร วิลลัช-โบอัช22 มิถุนายน ค.ศ. 2011[18]
แอสตันวิลลา อูลลิเยร์, เชราร์เชราร์ อูลลิเยร์ความยินยอมร่วมกัน1 มิถุนายน ค.ศ. 2011[19] แม็กลีช, อเล็กซ์อเล็กซ์ แม็กลีช17 มิถุนายน ค.ศ. 2011[20]
ฟูแลม ฮิวจ์ส, มาร์คมาร์ค ฮิวจ์สลาออก2 มิถุนายน ค.ศ. 2011[21] โยล, มาร์ตินมาร์ติน โยล7 มิถุนายน ค.ศ. 2011[22]
ซันเดอร์แลนด์ บรูซ, สตีฟสตีฟ บรูซถูกไล่ออก30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011[23]16 โอนีล, มาร์ตินมาร์ติน โอนีล3 ธันวาคม ค.ศ. 2011[24]
ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส วอร์น็อก, นีลนีล วอร์น็อก8 มกราคม ค.ศ. 2012[25]17 ฮิวจ์ส, มาร์คมาร์ค ฮิวจ์ส10 มกราคม ค.ศ. 2012[26]
วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส แม็กคาร์ที, มิกมิก แม็กคาร์ที13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012[27]18 คอนเนอร์, เทอร์รีเทอร์รี คอนเนอร์ (จนจบฤดูกาล)24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012[28]
เชลซี วิลลัช-โบอัช, อังเดรอังเดร วิลลัช-โบอัช4 มีนาคม ค.ศ. 2012[29]5 ดี มัตเตโอ, โรแบร์โตโรแบร์โต ดี มัตเตโอ (จนจบฤดูกาล)4 มีนาคม ค.ศ. 2012[29]

ตารางคะแนน

อันดับ
สโมสร
แข่ง
ชนะ
เสมอ
แพ้
ได้
เสีย
ผลต่าง
คะแนน
ได้รับคัดเลือก หรือ ตกชั้น
1แมนเชสเตอร์ซิตี (C)3828559329+6489ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2012-13 รอบแบ่งกลุ่ม
2แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด3828558933+5689
3อาร์เซนอล38217107449+2570
4ทอตนัมฮอตสเปอร์3820996641+2569ยูฟ่ายูโรปาลีก 2012-13 รอบแบ่งกลุ่ม 2
5นิวคาสเซิลยูไนเต็ด38198115651+565ยูฟ่ายูโรปาลีก 2012-13 รอบคัดเลือก
6เชลซี381810106546+1964ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2012-13 รอบแบ่งกลุ่ม 2
7เอฟเวอร์ตัน381511125040+1056
8ลิเวอร์พูล381410144740+752ยูฟ่ายูโรปาลีก 2012-13 รอบคัดเลือกรอบที่ 3 1
9ฟูแลม381410144851−352
10เวสต์บรอมมิชอัลเบียน38138174552−747
11สวอนซีซิตี381211154451−747
12นอริชซิตี381211155266−1447
13ซันเดอร์แลนด์381112154546−145
14สโตกซิตี381112153653−1745
15วีแกนแอธเลติก381110174262−2043
16แอสตันวิลลา38717143753−1638
17ควีนส์พาร์กเรนเจอส์38107214366−2337
18โบลตันวันเดอเรอส์ (R)38106224677−3136ตกชั้นสู่ ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ 2012-13
19แบล็กเบิร์นโรเวอส์ (R)3887234878−3031
20วุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์ (R)38510234082−4225

อัปเดตล่าสุด 13 พฤษภาคม 2012
แหล่งข้อมูล: Barclays Premier League
กฎการจัดอันดับ: 1) คะแนน; 2) ผลต่างประตู; 3) ประตูรวม
1ลิเวอร์พูลได้รับการคัดเลือกไปเล่นใน ยูฟ่ายูโรปาลีก 2012-13 รอบคัดเลือกรอบที่ 3 หลังจากชนะเลิศในรายการ 2011–12 ฟุตบอลลีกคัพ
2เชลซีได้แชมป์ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2011-12 และได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่ายูโรปาลีกรอบแบ่งกลุ่ม ในฤดูกาล 2012-13 และยังสามารถได้สิทธิ์ไปเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012-13 ได้ โดยการเป็นผู้ชนะใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2011-12 นัดชิงชนะเลิศ หากเป็นเช่นนั้นจะมีทีมจากอังกฤษ 4 ทีมได้สิทธิ์ไปเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012-13 รอบแบ่งกลุ่มและทีมอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีกจะต้องตกไปเล่น ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในฤดูกาล 2012-13 แทน
(C) = ชนะเลิศ; (R) = ตกชั้น; (P) = เลื่อนชั้น; (O) = ผู้ชนะจากรอบคัดเลือก; (A) = ผ่านเข้ารอบต่อไป
ใช้ได้เฉพาะเมื่อฤดูกาลยังไม่สิ้นสุด:
(Q) = ได้รับคัดเลือกเข้าแข่งขันในระยะของทัวร์นาเมนต์ที่ระบุ; (TQ) = ได้รับคัดเลือกเข้าแข่งขัน แต่ยังไม่อยู่ในระยะที่ระบุ; (DQ) = ถูกตัดสิทธิ์จากทัวร์นาเมนต์

ผลการแข่งขัน

เหย้า \ เยือน1ARSASTBLBBOLCHEEVEFULLIVMCIMUNNEWNORQPRSTKSUNSWATOTWBAWIGWOL
อาร์เซนอล 3–07–13–00–01–01–10–21–01–22–13–31–03–12–11–05–23–01–21–1
แอสตันวิลลา1–2 3–11–22–41–11–00–20–10–11–13–22–21–10–00–21–11–22–00–0
แบล็กเบิร์นโรเวอส์4–31–1 1–20–10–13–12–30–40–20–22–03–21–22–04–21–21–20–11–2
โบลตันวันเดอเรอส์0–01–22–1 1–50–20–33–12–30–50–21–22–15–00–21–11–42–21–21–1
เชลซี3–51–32–13–0 3–11–11–22–13–30–23–16–11–01–04–10–02–12–13–0
เอฟเวอร์ตัน0–12–21–11–22–0 4–00–21–00–13–11–10–10–14–01–01–02–03–12–1
ฟูแลม2–10–01–12–01–11–3 1–02–20–55–22–16–02–12–10–31–31–12–15–0
ลิเวอร์พูล1–21–11–13–14–13–00–1 1–11–13–11–11–00–01–10–00–00–11–22–1
แมนเชสเตอร์ซิตี1–04–13–02–02–12–03–03–0 1–03–15–13–23–03–34–03–24–03–03–1
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด8–24–02–33–03–14–41–02–11–6 1–12–02–02–01–02–03–02–05–04–1
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด0–02–13–12–00–32–12–12–00–23–0 1–01–03–01–10–02–22–31–02–2
นอริชซิตี1–22–03–32–00–02–21–10–31–61–24–2 2–11–12–13–10–20–11–12–1
ควีนส์พาร์กเรนเจอส์2–11–11–10–41–01–10–13–22–30–20–01–2 1–02–33–01–01–13–11–2
สโตกซิตี1–10–03–12–20–01–12–01–01–11–11–31–02–3 0–12–02–11–22–22–1
ซันเดอร์แลนด์1–22–22–12–21–21–10–01–01–00–10–13–03–14–0 2–00–02–21–20–0
สวอนซีซิตี3–20–03–03–11–10–22–01–01–00–10–22–31–12–00–0 1–13–00–04–4
ทอตนัมฮอตสเปอร์2–12–02–03–01–12–02–04–01–51–35–01–23–11–11–03–1 1–03–11–1
เวสต์บรอมมิชอัลเบียน2–30–03–02–11–00–10–00–20–01–21–31–21–00–14–01–21–3 1–22–0
วีแกนแอธเลติก0–40–03–31–31–11–10–20–00–11–04–01–12–02–01–40–21–21–1 3–2
วุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์0–32–30–22–31–20–02–00–30–20–51–22–20–31–22–12–20–21–53–1


อัปเดตล่าสุดวันที่ 13 พฤษภาคม 2012
แหล่งข้อมูล: Premier League
1คอลัมน์ด้านซ้ายมือหมายถึงทีมเหย้า
สี: ฟ้า = ทีมเหย้าชนะ; เหลือง = เสมอ; แดง = ทีมเยือนชนะ
สำหรับแมตช์ที่กำลังมาถึง อักษร a หมายถึง มีบทความเกี่ยวกับแมตช์นั้น

สถิติตลอดฤดูกาล

ผู้ช่วยจ่ายบอลสูงสุด

อันดับผู้เล่นสโมสรจำนวน[31]
1 ดาบิด ซิลบาแมนเชสเตอร์ซิตี15
2 ควน มาตาเชลซี13
อันโตเนียว บาเลนเซียแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
4 เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ทอตแนมฮอตสเปอร์11
อเล็ก ซงอาร์เซนอล
6 แกเร็ธ เบลทอตแนมฮอตสเปอร์10
นานีแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
8 ซาเมียร์ นาสรีแมนเชสเตอร์ซิตี9
สเตฟาน เซสเซยงซันเดอร์แลนด์
โรบิน ฟาน เพอร์ซีอาร์เซนอล

แฮท-ทริคส์

ผู้เล่นทีมพบกับทีมผลวันที่
เจโก, เอดินเอดิน เจโก4แมนเชสเตอร์ซิตีทอตนัมฮอตสเปอร์5–128 สิงหาคม 2011
รูนีย์, เวย์นเวย์น รูนีย์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอาร์เซนอล8–228 สิงหาคม 2011
อะกูเอโร, เซร์คีโอเซร์คีโอ อะกูเอโรแมนเชสเตอร์ซิตีวีแกนแอธเลติก3–010 กันยายน 2011
รูนีย์, เวย์นเวย์น รูนีย์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดโบลตันวันเดอร์เรอร์ส5–010 กันยายน 2011
บา, เดมบาเดมบา บานิวคาสเซิลยูไนเต็ดแบล็คเบิร์นโรเวอร์ส3–124 กันยายน 2011
แลมพาร์ด, แฟรงค์แฟรงค์ แลมพาร์ดเชลซีโบลตันวันเดอร์เรอร์ส5–12 ตุลาคม 2011
จอห์นสัน, แอนดรูว์แอนดรูว์ จอห์นสันฟูแลมควีนสปาร์คเรนเจอส์6–02 ตุลาคม 2011
ฟาน เพอร์ซี, โรบินโรบิน ฟาน เพอร์ซีอาร์เซนอลเชลซี5–329 ตุลาคม 2011
บา, เดมบาเดมบา บานิวคาสเซิล ยูไนเต็ดสโตกซิตี3–131 ตุลาคม 2011
ไอเยกเบนี, ยาคูบูยาคูบู ไอเยกเบนี4แบล็คเบิร์นโรเวอร์สสวอนซีซิตี4–23 ธันวาคม 2011
เบอร์บาตอฟ, ดิมิตาร์ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดวีแกนแอธเลติก5–026 ธันวาคม 2011
เดมป์ซีย์, คลินท์คลินท์ เดมป์ซีย์ฟูแลมนิวคาสเซิลยูไนเต็ด5–221 มกราคม 2012
ฟาน เพอร์ซี, โรบินโรบิน ฟาน เพอร์ซีอาร์เซนอลแบล็คเบิร์นโรเวอร์ส7–14 กุมภาพันธ์ 2012
โอเดมวิงกี, ปีเตอร์ปีเตอร์ โอเดมวิงกีเวสต์บรอมวิชอัลเบียนวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส5–112 กุมภาพันธ์ 2012
โพเกร็บเนียค, พาเวลพาเวล โพเกร็บเนียคฟูแลมวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส5–04 มีนาคม 2012
เจอร์ราร์ด, สตีเวนสตีเวน เจอร์ราร์ดลิเวอร์พูลเอฟเวอร์ตัน3–013 มีนาคม 2012
Tevez, Carlosคาร์ลอส เตเบซแมนเชสเตอร์ซิตีนอริชซิตี6–114 เมษายน 2012
ซัวเรซ, หลุยส์หลุยส์ ซัวเรซลิเวอร์พูลนอริชซิตี3–028 เมษายน 2012
ตอร์เรส, เฟร์นันโดเฟร์นันโด ตอร์เรสเชลซีควีนสปาร์คเรนเจอส์6–129 เมษายน 2012
  • 4 ผู้เล่นที่ทำได้สี่ประตู

สถิติที่น่าสนใจ

แข่งทั้งหมด 380 นัด[32]
มีนัดที่มีผู้ชนะและผู้แพ้ 287 นัด (เฉลี่ย 75.53%)
มีนัดที่เสมอกัน 93 นัด (เฉลี่ย 24.47%)
ประตูทั้งหมด 1,066 ประตู (เฉลี่ย 2.81 ประตูต่อนัด)
คลีนชีตส์ 206 ครั้ง
ยิงเข้ากรอบ 5,563 ครั้ง (เฉลี่ย 14.64 ครั้งต่อนัด)
ยิงไม่เข้ากรอบ 4,287 ครั้ง (เฉลี่ย 11.28 ครั้งต่อนัด)
แฮตทริก 19 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด 13,148,465 คน (เฉลี่ย 34,601 คนต่อนัด)
มีผู้เล่น 68 สัญชาติ
ผู้เล่นที่ลงเล่นทั้งหมด 541 คน
ใบเหลืองทั้งหมด 1,176 ใบ (เฉลี่ย 3.09 ใบต่อนัด)
ใบแดงทั้งหมด 64 ใบ (เฉลี่ย 0.17 ใบต่อนัด)

การทำประตู

  • ประตูแรกของฤดูกาล: หลุยส์ ซัวเรซ ให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เจอกับ ซันเดอร์แลนด์ (13 สิงหาคม 2011)[33]
  • ทำได้ประตูเร็วที่สุด: 24 วินาที – แอนเดรีย โอร์แลนดี ให้กับ สวอนซีซิตี ในนัดที่เจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส (28 เมษายน 2012)[34]
  • ชนะด้วยด้วยการทำประตูห่างกันมากที่สุด: 6 ประตู[1]
    • แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 8–2 อาร์เซนอล (28 สิงหาคม 2011)
    • ฟูแล่ม 6–0 ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส (2 ตุลาคม 2011)
    • อาร์เซนอล 7–1 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (4 กุมภาพันธ์ 2012)
  • การแข่งขันที่มีการทำประตูมากที่สุด: 10 ประตู[1]
    • แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 8–2 อาร์เซนอล (28 สิงหาคม 2011)
  • ทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขัน: 8 ประตู[1]
    • แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 8–2 อาร์เซนอล (28 สิงหาคม 2011)
  • ทีมที่แพ้แล้วทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขัน: 3 ประตู[1]
    • แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 4–3 อาร์เซนอล (17 กันยายน 2011)
    • เชลซี 3–5 อาร์เซนอล (29 ตุลาคม 2011)

คลีนชีตส์

  • ทีมที่คลีนชีตส์มากที่สุด: 20[1]
    • แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
  • ทีมที่คลีนชีตส์น้อยที่สุด: 3[1]
    • แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส
    • โบลตันวันเดอเริร์ส
    • นอริช ซิตี้

กฎกติกา

  • ผลรวมความประพฤติแย่ที่สุด (1 คะแนนต่อ 1 ใบเหลือง, 2 คะแนนต่อ 1 ใบแดง):
    • เชลซี – 77 คะแนน (69 ใบหลือง & 4 ใบแดง)[35]
  • ผลรวมความประพฤติดีที่สุด:
    • สวอนซี ซิตี – 43 คะแนน (39 ใบเหลือง & 2 ใบแดง)[35]
  • ใบเหลืองมากที่สุด (สโมสร): 69 – เชลซี[35]
  • ใบเหลืองมากที่สุด (ผู้เล่น):[36]
    • 10โจอี บาร์ตัน (ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส)
    • 10 – ลี คัตเตอร์โมล (ซันเดอร์แลนด์)
    • 10 – เจสัน ลอวี (แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส)
    • 10อเล็กซ์ ซง (อาร์เซนอล)
  • ใบแดงมากที่สุด (สโมสร): 8 – ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส[36]
  • ใบแดงมากที่สุด (ผู้เล่น):[36]
    • 2มารีโอ บาโลเตลลี (แมนเชสเตอร์ซิตี)
    • 2 – ฌิบริล ซิสเซ่ (ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส)
    • 2โจอี บาร์ตัน (ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส)
    • 2 – ดาวิด วีเธอร์ (โบลตันวันเดอเริร์ส)

การตัดสินแชมป์

การตัดสินแชมป์ของฤดูกาลนี้ ยืดเยื้อมาจนถึงนัดสุดท้าย คือ ในวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม โดย แมนเชสเตอร์ซิตี ซึ่งมีผลงานดีมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา โดยขึ้นเป็นที่ 1 ของตารางคะแนน และยึดอันดับนี้มาตลอด และมีบางช่วงที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองขึ้นแซงไปเป็นที่ 1 บ้าง ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มีคะแนนำห่างถึง 8 คะแนน จนกระทั่งมาถึงนัดสุดท้ายของการแข่งขัน ทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน คือ 86 คะแนน แต่ผลต่างของประตูได้เสียของแมนเชสเตอร์ซิตีดีกว่าถึง 8 ลูก โดยแมนเชสเตอร์ซิตีจะต้องพบกับ ควีนปาร์คแรนเจอส์ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม สนามของตนเอง ขณะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายออกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งทั้งคู่ต้องการชัยชนะทั้งคู่ หากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ชนะ แล้วแมนเชสเตอร์ซิตีทำได้แค่เสมอหรือแม้กระทั่งแพ้ แชมป์จะตกอยู่ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทันที ดังนั้นจึงกลายเป็นความกดดันที่แมนเชสเตอร์ซิตีต้องเอาชนะควีนปาร์คแรนเจอส์ให้ได้ประการเดียว ปรากฏว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เอาชนะซันเดอร์แลนด์ไปได้ 0-1 ประตู และเป็นฝ่ายจบเกมก่อน แต่ในเกมที่แมนเชสเตอร์ซิตีพบกับควีนปาร์คแรนเจอส์นั้น แมนเชสเตอร์ซิตีไม่อาจทำอะไรได้อย่างถนัดถนี่เกือบตลอดการแข่งขัน เพราะนักฟุตบอลแต่ละคนถูกประกบตลอด ซ้ำกลายเป็นควีนปาร์คแรนเจอร์สขึ้นนำไป 1-2 ประตู ในนาทีที่ 60 จนกระทั่งถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนเชสเตอร์ซิตี พลิกกลับขึ้นมานำในนาทีที่ 91 และ 92 อย่างปาฏิหาริย์ ชนะไป 3-2 และได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง หลังจากรอคอยมานานกว่า 44 ปี[37]

และนับเป็นครั้งแรกด้วยของพรีเมียร์ลีก ที่ต้องตัดสินแชมป์กันที่ประตูได้เสีย เนื่องจากอันดับ 1 และอันดับ 2 มีคะแนนเท่ากัน คือ 89 คะแนน และทำให้แมนเชสเตอร์ซิตีกลายเป็นทีมที่ 5 ที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก นับจาก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, เชลซี และแบล็กเบิร์นโรเวอส์

รางวัล

รางวัลประจำเดือน

เดือนผู้จัดการทีมยอดเยื่ยมประจำเดือนผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือน
ผู้จัดการทีมสโมสรผู้เล่นสโมสร
สิงหาคม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน[38]แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เอดิน เจโก[39]แมนเชสเตอร์ซิตี
กันยายน แฮร์รี เรดแนปป์[40]ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ดาบิด ซิลบา[41]แมนเชสเตอร์ซิตี
ตุลาคม โรแบร์โต มันชีนี[42]แมนเชสเตอร์ซิตี โรบิน ฟาน เพอร์ซี[42]อาร์เซนอล
พฤศจิกายน แฮร์รี เรดแนปป์[43]ทอตแนม ฮอตสเปอร์ สก็อต พาร์กเกอร์[43]ทอตแนม ฮอตสเปอร์
ธันวาคม มาร์ติน โอ'นีล[44]ซันเดอร์แลนด์ เดมบา บา[44]นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
มกราคม เบรนแดน ร็อดเจอร์[45]สวอนซี ซิตี้ แกเร็ธ เบล[46]ทอตแนม ฮอตสเปอร์
กุมภาพันธ์ อาร์แซน แวงแกร์[47]อาร์เซนอล ปีเตอร์ โอเดมวิงกี[47]เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
มีนาคม โอเวน คอยล์[48]โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน[49]สวอนซี ซิตี้
เมษายน[50] โรแบร์โต้ มาติเนซวีแกนแอธเลติก นีคีกา เจราวิชเอฟเวอร์ตัน

รางวัลประจำปี

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ

รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ได้แก่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี.[51]

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ

รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ ได้แก่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี[52]

นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ

รางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ได้แก่ ไคล์ วอล์กเกอร์[54]

ทีมยอดเยื่อมแห่งปีของพีเอฟเอ

ผู้รักษาประตู: โจ ฮาร์ต (แมนเชสเตอร์ซิตี)
กองหลัง: ไคล์ วอล์กเกอร์ (ทอตแนมฮอตสเปอร์), แว็งซ็อง กงปานี (แมนเชสเตอร์ซิตี), ฟาบรีเซียว โกโลชีนี (นิวคาสเซิลยูไนเต็ด), เลย์ตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน)
มิดฟิลด์: ดาบิด ซิลบา, ยาย่า ตูเร (ทั้งคู่จากแมนเชสเตอร์ซิตี), สก็อต พาร์กเกอร์, แกเร็ธ เบล (ทั้งคู่จากทอตแนมฮอตสเปอร์)
กองหน้า: โรบิน ฟาน เพอร์ซี (อาร์เซนอล), เวย์น รูนีย์ (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด)

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล

รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ได้แก่ แว็งซ็อง กงปานี จากแมนเชสเตอร์ซิตี[55]

ผู้จัดการยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล

รางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ได้แก่ ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ด อลัน พาร์ดิว[55] พาร์ดิว เป็นผู้จัดการคนแรกของทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ดที่ได้รับรางวัล และเป็นคนที่สองต่อจาก แฮร์รี เรดแนปป์ ที่คนได้รับรางวัลเป็นชาวอังกฤษ

รางวัลรองเท้าทองคำ

รางวัลรองเท้าทองคำ ได้แก่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี, โดยทำไป 30 ประตู

รางวัลถุงมือทองคำ

รางวัลถุงมือทองคำ ได้แก่ โจ ฮาร์ต จากแมนเชสเตอร์ซิตี, ซึ่งทำได้ 17 คลีนชีต

ประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล

รางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ได้แก่ ประตูของ ปาปิส ซีเซ จากนิวคาสเซิลยูไนเต็ด สำหรับประตูที่สอง ทำให้ชนะทีม เชลซี ที่ สแตมฟอร์ดบริดจ์, กลายมาเป็นผู้เล่นคนแรกของสโมสรที่ได้รับรางวัล นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร

บาร์เคลส์พรีเมียร์ลีก แฟร์เพลย์ อวอร์ด

รางวัลแฟร์เพลย์ เป็นรางวัลสำหรับสโมสรที่มีการทำฟาวล์ ได้ใบเหลืองใบแดงและอื่นๆ น้อยที่สุด โดยสโมสร สวอนซีซิตี เป็นทีมที่คะแนนมากที่สุด[56]

อ้างอิง


🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง