ขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง
ขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง (ฝรั่งเศส: Mouvement des gilets jaunes) เป็นเหตุการณ์เดินขบวนครั้งใหญ่ในรอบสิบปี และเป็นการประท้วงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี เริ่มขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เป็นการชุมนุมต่อต้านนโยบายขึ้นภาษีน้ำมันที่จะมีผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น รัฐบาลตั้งใจจะใช้มาตรการนี้ลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์และระดมทุนสนับสนุนพลังงานสะอาด จนถึงปัจจุบัน (24 ธันวาคม พ.ศ. 2561) มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 10 ราย[55] ในจำนวนนี้เสียชีวิตที่ สทราซบูร์ 4 ราย จังหวัดปีเรเน-ออรีย็องตาล 1 ราย มีผู้ชุมนุมกว่า 3 แสนราย ผู้ประท้วงบางส่วนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ลาออก ผู้ที่ออกมาชุมนุมประท้วงครั้งนี้ได้รับการขนานนามว่า "กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง" กลุ่มผู้ประท้วงปิดกั้นถนนสำคัญหลายเส้นทางทั่วประเทศ สกัดการเข้าถึงโรงกลั่นและโกดังเก็บน้ำมัน ทำให้การจราจรติดขัดในหลายเมืองใหญ่ รวมทั้งกรุงปารีส เมืองมาร์แซย์ทางใต้ และเมืองลีลทางเหนือของประเทศ มีการปล้นร้านค้า เผารถยนต์ ทุบกระจก และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีรายงานการปิดถนนในหลายเมืองทั่วประเทศกว่า 2,000 จุด[56][57]การประท้วงเกิดขึ้นที่ เมืองบอร์โด (Bordeaux), เมืองตูลูซ (Toulouse), และเมืองมาร์แซย์ (Marseille)[58] แบลฟอร์, สทราซบูร์, เรอูนียง, ลียง, นองต์, เบอซ็องซง, น็องซี, แซ็งเตเตียน[59]โดยมีศูนย์กลางการประท้วงที่ ปารีส
ขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง | |||
---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ การประท้วงต่อต้านแอมานุแอล มาครง | |||
กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองที่แบลฟอร์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 | |||
วันที่ | 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 – ปัจจุบัน | ||
สถานที่ | ฝรั่งเศส ประเทศอื่น:
| ||
สาเหตุ |
| ||
เป้าหมาย |
| ||
วิธีการ | |||
สถานะ |
| ||
การยอมผ่อนปรน | |||
คู่ขัดแย้ง | |||
| |||
ผู้นำ | |||
| |||
จำนวน | |||
| |||
ความเสียหาย | |||
เสียชีวิต | 15 คน (12 คนในฝรั่งเศส[50] และ 3 คนในเบลเยียม[51]) | ||
บาดเจ็บ | 1,843+ คน เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ ~1,048+ คน[49] | ||
ถูกจับกุม | 1,600 คน (ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ.2018)[52] มากกว่า 2,300 คน (ในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.2018)[53] มากกว่า 8,000 คน (ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019)[54] |
การประท้วงที่เรอูนียง มีการปิดถนนสายสำคัญบนเกาะ[60] ทำให้ท่าอากาศยาน โรลังด์ การ์รอส ต้องปิดก่อนเวลา
ภายหลังกกลุ่มผู้ประท้วงได้เสนอให้ พลเอก ปีแยร์ เดอ วีลีเย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บริหารประเทศ[61] อาน อีดาลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส บอกสื่อท้องถิ่นว่าการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ ทำให้เกิดความเสียหายมูลค่าประมาณ 3–4 ล้านยูโร (ประมาณ 111–148 ล้านบาท) ผู้ค้าปลีกบางรายพบว่ายอดจำหน่ายสินค้าลดลงร้อยละ 20–40 ระหว่างการชุมนุม ขณะที่ร้านอาหารบางแห่งต้องสูญเสียรายได้ไปถึงร้อยละ 20–50 ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงมากกว่า 400 คน มีผู้บาดเจ็บ 130 ราย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 23 ราย[62] ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561 อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล ปิดซ่อมแซมโดยไม่มีกำหนดมีรายงานว่าประตูชัยฝรั่งเศสถูกพ่นสี และอาคารถูกเผากว่า 6 หลัง[63] วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561 การชุมนุมประท้วงยังขยายไปที่กลุ่มนักเรียนในฝรั่งเศสที่ลงมือเผาอาคารของโรงเรียน[64] เพื่อแสดงความคัดค้านระบบการสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส จนมีการจับกุมผู้ก่อเหตุราว 140 ราย เฉพาะที่กรุงปารีสมีรถยนต์ถูกเผากว่า 100 คัน[65]
ต่อมา ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ทางการเตรียมตำรวจปราบจลาจล จำนวน 89,000 ราย และสั่งให้รถหุ้มเกราะออกปฏิบัติการ พร้อมสั่งปิดหอไอเฟล,[66] พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย, พิพิธภัณฑ์ออร์แซ, ช็องเซลีเซ, อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล, กร็องปาแล และปาร์กเดแพร็งส์[67] เพื่อรับมือการประท้วงที่จะเกิดขึ้น[68] การประท้วงเริ่มขึ้นโดยกลุ่มผู้ประท้วงได้เผารถยนต์ ขว้างปาก้อนหิน และปล้นร้านค้าและร้านอาหาร ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงกว่า 1,723 คน ในจำนวนนี้ถูกควบคุมตัวไว้สอบปากคำ 1,220 คน มีการประมาณการตัวเลขผู้ประท้วงที่ 136,000 คน[69] วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เกิดเหตุยิงกันในสทราซบูร์ พ.ศ. 2561
ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ทางการได้สั่งปิด พระราชวังแวร์ซาย[70]วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561 การชุมนุมยังเกิดใน บอร์โด น็องต์ ปารีส โดยมีการจุดไฟเผารถยนต์เผาทำลายแนวกั้นและมีการปะทะกับตำรวจโดยมีผุ้ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาหลายรายและจับกุมรวม 57 ราย[71]วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2562 กลุ่มผู้ชุมนุมได้บุกรุกสำนักงานโฆษกรัฐบาลของประเทศฝรั่งเศส มีการปาระเบิดเพลิง จุดไฟเผารถจักรยานยนต์ เผาเรือในแม่น้ำ[72]วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2562 เกิดเหตุแก๊สระเบิดที่กรุงปารีสมีผู้เสียชีวิต 4 ราย[73]ในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562 ได้เกิดเหตุมีกลุ่มผู้ชุมนุมผ้าพันคอแดง ออกมาปะทะกับขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง[74]
ภายหลังเหตุเพลิงไหม้อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองได้วิพากษ์วิจารณ์การบริจาคเงินเพื่อบูรณะซ่อมแซมว่ากลุ่มคนรวยในประเทศฝรั่งเศส บริจาคเงินเพื่อที่จะได้ลดภาษี[75]
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562 มีคำสั่งปลดผู้บัญชาการตำรวจปารีส[76]
วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส มีประกาศเตือนนักท่องเที่ยวและประชาชนชาวไทย ว่า มีการชุมนุมครั้งที่ 29 ที่ เมืองปารีส ณ จตุรัส Denfert-Rochereau เวลา 11.00 น.
วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 มีกลุ่มแรงงานข้ามชาติจากแอฟริกาตะวันตก หรือ กลุ่มเสื้อกั๊กดำ ประท้วงที่ วิหารแพนธีออน ณ กรุงปารีส ประมาณ 300 คน [77]
เบื้องหลัง
ประเทศฝรั่งเศสถือว่าเป็นดินแดนแห่งผู้ลี้ภัยในยุโรป[78]ประมาณการผู้อพยพชาวต่างชาติในฝรั่งเศส 1.5 ล้านคน วิกฤตการณ์ผู้ย้ายถิ่นยุโรป ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้แรงงานในประเทศฝรั่งเศสเป็นชาวต่างชาติมากขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติรายงานว่ามี ชาวซีเรียอพยพมาอยู่ในประเทศฝรั่งเศส 20,348 คน[79]
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่เก็บภาษีคนรวยในอัตราที่สูงมาก[80] ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ได้พยายามยกเลิกการเก็บภาษีนี้
การประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาลและประธานาธิบดีเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560[81] ภายหลังการดำรงตำแหน่งของ เลือกตั้งประธานาธิบดีเพียง 1 วัน
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561 สหภาพแรงงานได้นัดหยุดงานครั้งใหญ่กว่า 2 แสนคน[82] ที่จังหวัดโอด ประเทศฝรั่งเศส มีผู้ก่อการร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย[83]
ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 มีการประท้วงเพื่อการต่อต้านนโยบายปฏิรูปแรงงาน[84] ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงกว่า 200 ราย มีผู้บาดเจ็บรวม 4 ราย
วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 มีการประท้วงประธานาธิบดีเพื่อต่อต้านนโยบายปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าเป็นการเอื้อต่อคนรวย[85]
วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 การชุมนุมเพื่อฉลองชัยชนะในฟุตบอลโลกกลายเป็นการจลาจลมีผู้เสียชีวิต 2 ราย[86] บาดเจ็บ 3 ราย
การว่างงานในประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2561 อยู่ในอัตราร้อยละ 10[87]