น้ำประสานทอง
น้ำประสานทอง หรือ บอแรกซ์ เป็นสารประกอบที่สำคัญของโบรอน ชื่อทางเคมี โซเดียมโบเรท ชื่อสามัญ น้ำประสานทอง หรือผงเนื้อกรอบ หรือเพ่งแซ เมื่อถ้าอยู่ในรูปผลึกบริสุทธิ์จะไม่มีสี ถ้านำไปเผาต่อจนไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุลจะเรียกน้ำประสานทองสะตุ เป็นผงมีสีขาว ละลายน้ำได้ง่าย มีรสขมเล็กน้อย
ชื่อ | |
---|---|
IUPAC name disodium;3,7-dioxido-2,4,6,8,9-pentaoxa-1,3,5,7-tetraborabicyclo[3.3.1]nonane;decahydrate[1] | |
ชื่ออื่น
| |
เลขทะเบียน | |
3D model (JSmol) | |
ChEBI | |
ChEMBL | |
เคมสไปเดอร์ | |
EC Number | |
เลขอี | E285 (preservatives) |
KEGG | |
ผับเคม CID | |
RTECS number |
|
UNII | |
InChI
| |
SMILES
| |
คุณสมบัติ | |
Na2B4O5(OH)4·8H2O | |
มวลโมเลกุล | 381.36 g·mol−1 |
ลักษณะทางกายภาพ | ของแข็งผลึกสีขาวหรือไม่มีสี |
ความหนาแน่น | 1.73 g/cm3 (decahydrate, solid)[2] |
จุดหลอมเหลว | 743 องศาเซลเซียส (1,369 องศาฟาเรนไฮต์; 1,016 เคลวิน) (anhydrous)[2] 75 °C (decahydrate, decomposes)[2] |
จุดเดือด | 1,575 องศาเซลเซียส (2,867 องศาฟาเรนไฮต์; 1,848 เคลวิน) (anhydrous)[2] |
31.7 g/L [2] | |
Magnetic susceptibility (χ) | −85.0·10−6 cm3/mol (anhydrous)[2]: p.4.135 |
ดัชนีหักเหแสง (nD) | n1=1.447, n2=1.469, n3=1.472 (decahydrate)[2]: p.4.139 |
โครงสร้าง[3] | |
Monoclinic, mS92, No. 15 | |
Space group | C2/c |
กลุ่มจุด | 2/m |
Lattice constant | a = 1.1885 nm, b = 1.0654 nm, c = 1.2206 nm α = 90°, β = 106.623°°, γ = 90° |
ปริมาณแลตทิซ (V) | 1.4810 nm3 |
หน่วยสูตร (Z) | 4 |
เภสัชวิทยา | |
S01AX07 (WHO) | |
ความอันตราย | |
GHS labelling: | |
Pictograms | |
Hazard statements | H360 |
Precautionary statements | P201, P308+P313 |
NFPA 704 (fire diamond) | |
NIOSH (US health exposure limits): | |
PEL (Permissible) | ไม่มี[4] |
REL (Recommended) | TWA 1 mg/m3 (anhydrous and pentahydrate)[4][5] TWA 5 mg/m3 (decahydrate)[6] |
IDLH (Immediate danger) | N.D.[4] |
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |
แอนไอออนอื่น ๆ | Sodium aluminate |
แคทไอออนอื่น ๆ | Lithium tetraborate |
สารประกอบที่เกี่ยวข้อง | Boric acid, sodium perborate |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa |
การใช้งาน
บอแรกซ์เป็นสารสีขาวเป็นผงหรือที่เรียกว่าโซเดียมบอเรต โซเดียมเตตระบอเรตหรือไดโซเดียมเตตระบอเรต มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนและสารเพิ่มคุณภาพสำหรับน้ำยาซักผ้า เป็นส่วนผสมของโบรอน โซเดียม และออกซิเจน และมีการใช้ในการเชื่อมทองตามชื่อน้ำประสานทอง
บอแรกซ์ที่ใช้ในฐานะน้ำประสานทองจะพบได้ในธรรมชาติ มีมากในประเทศอินเดีย เนปาล ทิเบต และจีน ส่วนที่ใช้ในไทย นำเข้ามาจาก 2 แหล่ง คือ จากอินเดีย เรียก น้ำประสานทองเทศ และ จากจีน เรียก น้ำประสานทองจีน ซึ่งในการทำทองรูปพรรณจะมีการใช้คุณสมบัติของสารเคมีชนิดหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมทองคำบริสุทธิ์ให้เป็นเนื้อเดียวกัน สารเคมีตัวนั้น ก็คือ น้ำประสานทอง นั่นเอง
บอแรกซ์ถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ[8]โดยเฉพาะใช้ในการถนอมอาหาร บอแรกซ์สามารถใช้แทนเกลือแกงในกรณีที่ไม่ต้องการให้มีรสเค็ม เช่นใช้ดองไข่ปลาคาร์เวียร์เป็นต้น ชาวเอเชียบางประเทศนิยมใส่ในแป้งให้เหนียวกรุบ ใส่ในลูกชิ้นทำให้เนื้อเหนียวเด้ง ประวัติการใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่ยาวนานนับพันปี
บอแรกซ์จะมีลักษณะเป็นผลึกใสหรือเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น รสหวาน ถ้านำไปผ่านความร้อนแบบรวดเร็วที่อุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียสจะละลายกลายเป็นน้ำ แต่ถ้าเผาที่ความร้อน 350 องศาเซลเซียสจะไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุล เรียกว่า "น้ำประสานทองสะตุ" การนำน้ำประสานทองไปสะตุในอุณหภูมิที่สูงโดยตั้งเตาด้วยแกลบ จุดไฟและเผาผ่านหม้อดิน หรือการก่อไฟด้วยแกลบ จะให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงมาก แต่หากสะดวกจะใช้ถ่าน หรือเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ก็สามารถใช้ได้
การใช้สารบอแรกซ์ในครัวเรือน
สารบอแรกซ์มีประโยชน์หลายอย่างในตัวมันเอง แถมยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย ต่อไปนี้คือการใช้ผงบอแรกซ์และบอแรกซ์บริสุทธิ์ในน้ำ
- ยาฆ่าแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงสาบและป้องกันมอด (สารละลาย 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับผ้าขนสัตว์)
- ยาฆ่าเชื้อรา
- สารกำจัดวัชพืช
- สารดูดความชื้น
- น้ำยาซักผ้า
- น้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือน
- น้ำยาปรับสภาพน้ำ
- วัตถุเจือปนอาหารเป็นสารกันบูด (ห้ามในบางประเทศ)
บอแรกซ์เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกหลายอย่าง ได้แก่:
- บัฟเฟอร์โซลูชั่น
- สารหน่วงไฟ
- ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟัน
- แก้ว เซรามิก และเครื่องปั้นดินเผา
- เคลือบอีนาเมล
- สารตั้งต้นของกรดบอริก
- โครงงานวิทยาศาสตร์ เช่น ไฟสีเขียวเมือกและผลึกบอแรกซ์
- เคมีวิเคราะห์ บอแรกซ์บีดทดสอบ
- ฟลักซ์สำหรับเชื่อมเหล็กและเหล็กกล้า
- เชื่อมทองคำ
ความเป็นพิษ
การได้รับบอแรกซ์ต่อเนื่องอาจก่อการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ การทานบอแรกซ์อาจก่ออาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน, ปวดท้อง และ ท้องเสีย ผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดและสมองได้แก่อาการปวดศีรษะและความเฉื่อยชา ในกรณีที่รุนแรงอาจพบผื่นแดงได้[9] ข้อมูลจากศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคอินโดนีเซีย (Indonesian Directorate of Consumer Protection) ระบุเตือนว่าบอแรกซ์อาจก่อมะเร็งตับได้หากมีการรับประทานบอแรกซ์ต่อเนื่องยาวนาน 5–10 ปี[10]