วัลเทอร์ โคน
วัลเทอร์ โคน (เยอรมัน: Walter Kohn; เสียงอ่านภาษาเยอรมัน: [ˈvaltɐ ˈkoːn]; 9 มีนาคม ค.ศ. 1923 – 19 เมษายน ค.ศ. 2016)[3] เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักเคมีทฤษฎีชาวออสเตรีย-อเมริกันผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีร่วมกับจอห์น โพเพิลใน ค.ศ. 1998[4] จากผลงานด้านการสร้างพื้นฐานความเข้าใจคุณสมบัติทางอิเล็กทรอนิกส์ของวัสดุ โคนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทฤษฎีความหนาแน่นฟังก์ชันนัล ซึ่งทำให้สามารถคำนวณโครงสร้างอิเล็กตรอนในทางกลศาสตร์ควอนตัมโดยใช้ความหนาแน่นอิเล็กตรอน (แทนที่จะใช้ฟังก์ชันคลื่นสำหรับระบบที่มีหลายอะตอม) การพัฒนาทฤษฎีดังกล่าวทำให้สามารถคำนวณโครงสร้างในระบบที่ซับซ้อนได้แม่นยำมากขึ้น และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในด้านวัสดุศาสตร์ ฟิสิกส์เกี่ยวกับสภาวะควบแน่น และฟิสิกส์เชิงเคมีของอะตอมและโมเลกุล[5]
วัลเทอร์ โคน | |
---|---|
โคนใน ค.ศ. 2012 | |
เกิด | 9 มีนาคม ค.ศ. 1923 เวียนนา ออสเตรีย |
เสียชีวิต | 19 เมษายน ค.ศ. 2016 แซนตาบาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ | (93 ปี)
สัญชาติ | สหรัฐ |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยโทรอนโต มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด |
มีชื่อเสียงจาก | ทฤษฎีความหนาแน่นฟังก์ชันนัล แบบจำลองลัตทิงเกอร์–โคน ทฤษฎีบทออแอ็งแบร์ก–โคน สมการโคน–ชัม |
คู่สมรส | โลอิส (แอดัมส์)[1] มารา (วิชเนียก) ชิฟ[2] |
รางวัล | Oliver E. Buckley Condensed Matter Prize (1961) National Medal of Science (1988) Nobel Prize in Chemistry (1998) |
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | ฟิสิกส์, เคมี |
สถาบันที่ทำงาน | มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดีเอโก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนตาบาร์บารา |
อาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาเอก | จูเลียน ชวิงเงอร์ |
ลายมือชื่อ | |
ชีวิตวัยเด็ก
โคนเดินทางเข้าสู่สหราชอาณาจักรผ่านทางปฏิบัติการคินเดอร์ทรันสปอร์ท ซึ่งเป็นปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ประเทศออสเตรียหลังจากอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้ผนวกรวมประเทศออสเตรียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี[6] เขามาจากครอบครัวเชื้อสายยิว และบันทึกว่า "ความรู้สึกของผมเกี่ยวกับประเทศออสเตรียบ้านเกิดของผมนั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าว และจะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป ความทรงจำช่วงนั้นหลัก ๆ ประกอบด้วยชีวิตหนึ่งปีครึ่งในฐานะเด็กชายชาวยิวภายใต้การปกครองระบอบนาซี และพ่อแม่ของผม ซาโลม็อนและกิเทอร์ โคน ญาติพี่น้องและครูของผมถูกฆ่าตายในช่วงฮอโลคอสต์ ... ผมอยากจะบอกว่าผมมีอัตลักษณ์ความเป็นยิวอยู่เข้มข้น และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวยิว เช่นการก่อตั้งหลักสูตรยิวศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดีเอโก"[7][5] โคนระบุว่าตัวเขาเองเป็นนักเทวัสนิยม[8]
หลังสงครามโลกครั้งที่สองอุบัติขึ้น โคนซึ่งเป็นชาวออสเตรียถูกส่งตัวไปยังประเทศแคนาดาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1940 โคนซึ่งอายุได้ 17 ปีในขณะนั้นเดินทางไปกับกองทหารของอังกฤษไปยังนครเกแบ็ก ประเทศแคนาดา ก่อนจะเดินทางขึ้นรถไฟไปยังค่ายผู้อพยพที่ทรัวรีวีแยร์โดยถูกกักตัวที่ค่ายในเมืองเชอร์บรุกก่อน โคนเข้าเรียนในสถานศึกษาภายในผู้อพยพก่อนจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยโทรอนโต อย่างไรก็ตาม โคนซึ่งมีสัญชาติเยอรมนี (หลังจากที่ออสเตรียถูกผนวกรวม) เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าภายในอาคารที่สอนวิชาเคมี เขาจำต้องเข้าเรียนฟิสิกส์และคณิตศาสตร์แทน[7]
ผลงานด้านวิทยาศาสตร์
โคนสำเร็จปริญญาตรีด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยโทรอนโตใน ค.ศ. 1945 หลังจากที่เข้าเรียนได้ 2 ปีครึ่งจากเวลาปกติ 4 ปี และเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 1 ปีเนื่องจากอยู่ในช่วงสงคราม ต่อมาใน ค.ศ. 1946 เขาสำเร็จปริญญาโทด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์ที่โทรอนโตเช่นเดียวกัน ก่อนจะเข้าศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเกี่ยวกับปัญหาการกระเจิงของระบบวัตถุสามชิ้น โดยมีที่ปรึกษาได้แก่จูเลียน ชวิงเงอร์ ในระหว่างที่โคนศึกษาที่ฮาร์วาร์ด เขายังได้รับอิทธิพลจากผลงานด้านฟิสิกส์ของแข็งของจอห์น แฮสบรุก แวน วเล็ก โคนสำเร็จการศึกษาใน ค.ศ. 1948
โคนเข้าทำงานวิจัยหลังปริญญาเอกที่โคเปนเฮเกนจากทุนสนับสนุนของสภาวิจัยแห่งประเทศแคนาดา ก่อนจะเข้าทำงานที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนตั้งแต่ ค.ศ. 1950 ถึง 1960 ในช่วงนั้นเขายังทำงานร่วมกับห้องปฏิบัติการเบลล์ ซึ่งทำให้เขาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานวิจัยด้านฟิสิกส์ของสารกึ่งตัวนำ และมีผลงานสำคัญร่วมกับโจอาคิน แมซแดก ลัตทิงเกอร์เช่นการพัฒนาแบบจำลองลัตทิงเกอร์-โคน เป็นต้น ซึ่งในระหว่างนั้นโคนได้สละสัญชาติแคนาดาและเป็นพลเรือนสหรัฐตั้งแต่ ค.ศ. 1957
ใน ค.ศ. 1960 โคนย้ายไปยังมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดีเอโกซึ่งเพิ่งก่อตั้งใหม่ในขณะนั้น โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์[9] จนถึง ค.ศ. 1979 ซึ่งในระหว่างนั้นโคนและนักศึกษาของเขาได้แก่จัญจัล กุมาร มชุมทารได้พัฒนา ทฤษฎีบทโคน–มชุมทาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับแก๊สแฟร์มี[10][11] ก่อนที่โคนจะย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบันฟิสิกส์ทฤษฎีที่แซนตาบาร์บารา เขาดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ที่ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนตาบาร์บารา ใน ค.ศ. 1984 ที่ซึ่งเขาทำงานจนวาระสุดท้าย
ผลงานเกี่ยวกับทฤษฎีความหนาแน่นฟังก์ชันนัลของเขานั้นเริ่มต้นขณะที่เขาเดินทางไปเยือนเอกอลนอร์มาลซูว์เปรีเยอร์ที่กรุงปารีสร่วมกับปีแยร์ ออแอ็งแบร์ก ทฤษฎีบทออแอ็งแบร์ก–โคนได้รับการพัฒนาหลังจากนั้นร่วมกับลู เจว ชัม และสร้างสมการโคน–ชัมขึ้นมา ซึ่งสมการโคน–ชัมนั้นได้กลายมาเป็นอุปกรณ์สำคัญในวัสดุศาสตร์แผนใหม่[12] และยังใช้ในทฤษฎีควอนตัมของพลาสมาด้วย[12]
การเสียชีวิต
โคนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2016 ที่บ้านพักในเมืองแซนตาบาร์บาราเนื่องจากมะเร็งขากรรไกร โดยขณะนั้นเขามีอายุได้ 93 ปี[13][14][5]
รางวัลและเกียรติประวัติ
- รางวัลโอลิเวอร์ อี. บักลีย์ด้านฟิสิกส์ของแข็ง (สมาคมฟิสิกส์แห่งสหรัฐ ค.ศ. 1961)
- รางวัลเดวิสสัน-เกอร์เมอร์ (สมาคมฟิสิกส์แห่งสหรัฐ ค.ศ. 1977)
- เหรียญวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (ค.ศ. 1988)
- รางวัลโนเบลสาขาเคมี (ค.ศ. 1998)
- ภาคีสมาชิกราชสมาคมแห่งลอนดอนชาวต่างชาติ (ค.ศ. 1998)[15][16][17]
- เครื่องอิสริยาภรณ์วิทยาศาสตร์และศิลปะแห่งออสเตรีย (ค.ศ. 1999)[18]
- เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรียชั้นมหาอิสริยาภรณ์เงินพร้อมดารา (ค.ศ. 2008)[19]
งานวิจัยตีพิมพ์ที่สำคัญ
- W. Kohn, "An essay on condensed matter physics in the twentieth century," Reviews of Modern Physics, Vol. 71, No. 2, pp. S59–S77, Centenary 1999. APS
- W. Kohn, "Nobel Lecture: Electronic structure of matter — wave functions and density functionals," Reviews of Modern Physics, Vol. 71, No. 5, pp. 1253–1266 (1999). APS
- D. Jérome, T.M. Rice, and W. Kohn, "Excitonic Insulator," Physical Review, Vol. 158, No. 2, pp. 462–475 (1967). APS
- P. Hohenberg, and W. Kohn, "Inhomogeneous Electron Gas," Physical Review, Vol. 136, No. 3B, pp. B864–B871 (1964). APS เก็บถาวร 2011-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- W. Kohn, and L. J. Sham, "Self-Consistent Equations Including Exchange and Correlation Effects," Physical Review, Vol. 140, No. 4A, pp. A1133–A1138 (1965). APS เก็บถาวร 2011-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- W. Kohn, and J. M. Luttinger, "New Mechanism for Superconductivity," Physical Review Letters, Vol. 15, No. 12, pp. 524–526 (1965). APS
- W. Kohn, "Theory of the Insulating State," Physical Review, Vol. 133, No. 1A, pp. A171–A181 (1964). APS
- W. Kohn, "Cyclotron Resonance and de Haas-van Alphen Oscillations of an Interacting Electron Gas," Physical Review, Vol. 123, pp. 1242–1244 (1961). APS
อ้างอิง
รายการอ้างอิง
- "Quantum Chemistry Comes of Age," The Chemical Educator, Vol. 5, No. 3, S1430-4171(99)06333-7, doi:10.1007/s00897990333a, © 2000 Springer-Verlag New York, Inc.
- Freeview video interview with Walter Kohn by the Vega Science Trust
- วัลเทอร์ โคน ที่ Nobelprize.org including the Nobel Lecture, January 28, 1999 (a year later) Electronic Structure of Matter – Wave Functions and Density Functionals
- Kohn's faculty website เก็บถาวร 2010-06-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at University of California-Santa Barbara. Retrieved November 11, 2006.
- Obituary
- Hohenberg, Pierre C.; Langer, James S. (2016), "Walter Kohn", Physics Today, 69 (8): 64, Bibcode:2016PhT....69h..64H, doi:10.1063/PT.3.3274
แหล่งข้อมูลอื่น
- Andrew Zangwill (2014). "The education of Walter Kohn and the creation of density functional theory". arXiv:1403.5164 [physics.hist-ph].