ประเทศออสเตรีย

สาธารณรัฐในยุโรปกลาง

47°20′N 13°20′E / 47.333°N 13.333°E / 47.333; 13.333

สาธารณรัฐออสเตรีย

Republik Österreich (เยอรมัน)
ที่ตั้งของ ประเทศออสเตรีย  (เขียวเข้ม) – ในทวีปยุโรป  (เขียว & เทาเข้ม) – ในสหภาพยุโรป  (เขียว)  —  [คำอธิบายสัญลักษณ์]
ที่ตั้งของ ประเทศออสเตรีย  (เขียวเข้ม)

– ในทวีปยุโรป  (เขียว & เทาเข้ม)
– ในสหภาพยุโรป  (เขียว)  —  [คำอธิบายสัญลักษณ์]

เมืองหลวง
และเมืองใหญ่สุด
เวียนนา
48°12′N 16°21′E / 48.200°N 16.350°E / 48.200; 16.350
ภาษาราชการเยอรมัน[a][b]
ภาษาประจำชาติออสเตรียนเยอรมัน (ออสเตรีย)[c]
ภาษาที่ได้รับการรับรอง
กลุ่มชาติพันธุ์
(ค.ศ. 2020)[3]
ศาสนา
(ค.ศ. 2018)[4]
  • 69.0% คริสต์
  • —57.0% โรมันคาทอลิก
  • —8.7% อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์
  • —3.3% นิกายอื่น ๆ
  • 22.0% ไม่มีศาสนา
  • 7.9% อิสลาม
  • 1.1% อื่น ๆ
เดมะนิมชาวออสเตรีย
การปกครองสหพันธ์สาธารณรัฐระบบรัฐสภา
อเล็คซันเดอร์ ฟัน แดร์ เบ็ลเลิน
คาร์ล เนฮัมเมอร์
สภานิติบัญญัติรัฐสภา
สภารัฐบาลกลาง
สภาแห่งชาติ
ประวัติการก่อตั้ง
• ได้รับชื่อประเทศ
1 พฤศจิกายน ค.ศ. 996
• ดัชชี
17 กันยายน ค.ศ. 1156
6 มกราคม ค.ศ. 1453
11 สิงหาคม ค.ศ. 1804
30 มีนาคม ค.ศ. 1867
12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
10 กันยายน ค.ศ. 1919
1 พฤาภาคม ค.ศ. 1934
12 มีนาคม ค.ศ. 1938
• สาธารณรัฐที่สอง
27 เมษายน ค.ศ. 1945
27 กรกฎาคม ค.ศ. 1955
พื้นที่
• รวม
83,879 ตารางกิโลเมตร (32,386 ตารางไมล์) (อันดับที่ 113)
0.84 (ค.ศ. 2015)[5]
ประชากร
• เมษายน ค.ศ. 2022 ประมาณ
เพิ่มขึ้นเป็นกลาง 9,027,999[6] (อันดับที่ 98)
107.6 ต่อตารางกิโลเมตร (278.7 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 106)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) ค.ศ. 2022 (ประมาณ)
• รวม
582,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 43)
64,750 ดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 14)
จีดีพี (ราคาตลาด) ค.ศ. 2022 (ประมาณ)
• รวม
479,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 33)
53,320 ดอลลาร์สหรัฐ [7] (อันดับที่ 17)
จีนี (ค.ศ. 2020)positive decrease 27.0[8]
ต่ำ
เอชดีไอ (ค.ศ. 2020)เพิ่มขึ้น 0.922[9]
สูงมาก · อันดับที่ 18
สกุลเงินยูโร () (EUR)
เขตเวลาUTC+1 (เวลายุโรปกลาง)
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)
UTC+2 (เวลาออมแสงยุโรปกลาง)
ขับรถด้านขวา
รหัสโทรศัพท์+43
โดเมนบนสุด.at

ออสเตรีย[d] มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐออสเตรีย[e] เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรปกลาง โดยเป็นสหพันธรัฐที่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 รัฐ โดยหนึ่งในเก้ารัฐนั้นคือเวียนนาซึ่งทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ ออสเตรียมีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับเยอรมนี ทางทิศเหนือติดกับเช็กเกีย ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับสโลวาเกีย ทางทิศตะวันออกติดกับฮังการี ทางทิศใต้ติดกับสโลวีเนียและอิตาลี และทางทิศตะวันตกติดกับสวิตเซอร์แลนด์และลีชเทินชไตน์ ออสเตรียมีเนื้อที่ 83,879 ตารางกิโลเมตร (32,386 ตารางไมล์) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และมีประชากร 9 ล้านคน[11]

ออสเตรียเกิดขึ้นมาจากพื้นที่ส่วนที่เหลือของแคว้นชายแดนตะวันออกและแคว้นชายแดนฮังการีในช่วงปลายคริสต์สหัสวรรษที่ 1 เดิมนั้นเป็นแคว้นชายแดนของไบเอิร์น ซึ่งในเวลาต่อมาได้พัฒนากลายเป็นดัชชีของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1156 และกลายเป็นอาร์ชดัชชีใน ค.ศ. 1453 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 กรุงเวียนนาได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงฝ่ายบริหารของจักรวรรดิ และออสเตรียจึงกลายเป็นดินแดนศูนย์กลางแห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค หลังจากที่จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ถูกยุบลงใน ค.ศ. 1806 ออสเตรียได้สถาปนาจักรวรรดิเป็นของตนเองซึ่งได้กลายเป็นมหาอำนาจและเป็นสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญในสมาพันธรัฐเยอรมัน ความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิออสเตรียในสงครามออสเตรีย-ปรัสเซียใน ค.ศ. 1866 นำไปสู่จุดสิ้นสุดของสมาพันธรัฐ และได้ปูทางให้กับการสถาปนาจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีในปีต่อมา

ภายหลังการลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุกฟรันทซ์ แฟร์ดีนันท์ ใน ค.ศ. 1914 จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟ ทรงประกาศสงครามกับเซอร์เบีย ซึ่งในท้ายที่สุดก็ได้ทวีความรุนแรงกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความพ่ายแพ้และการล่มสลายของจักรวรรดิในเวลาต่อมาได้นำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐเยอรมันออสเตรียใน ค.ศ. 1918 และในเวลาต่อเป็นสาธารณรัฐออสเตรียที่หนึ่งใน ค.ศ. 1919 ในสมัยระหว่างสงคราม ทัศนคติต่อต้านระบบรัฐสภาก็มาถึงจุดสูงสุด จนนำไปสู่การก่อตั้งระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ออสเตรียภายใต้การนำของเอ็งเงิลแบร์ท ด็อลฟูส ใน ค.ศ. 1934 ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองเป็นเวลาหนึ่งปี ออสเตรียถูกผนวกเข้ากับนาซีเยอรมนีโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และได้กลายเป็นเขตการปกครองในระดับต่ำกว่าชาติ หลังการปลดปล่อยออสเตรียใน ค.ศ. 1945 และการถูกฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครองเป็นเวลายาวนาน ประเทศก็ได้รับอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาอีกครั้ง และได้ประกาศความเป็นกลางอย่างถาวรใน ค.ศ. 1955

ออสเตรียเป็นประเทศประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนโดยมีประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นประมุขแห่งรัฐ และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าฝ่ายบริหาร พื้นที่เมืองขนาดใหญ่ ได้แก่ เวียนนา กราทซ์ ลินทซ์ ซัลทซ์บวร์ค และอินส์บรุค ออสเตรียได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานการครองชีพสูงสุด และได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก ในดัชนีการพัฒนามนุษย์ใน ค.ศ. 2020

ออสเตรียเป็นสมาชิกของสหประชาชาติมาตั้งแต่ ค.ศ. 1955[12] และเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปมาตั้งแต่ ค.ศ. 1995[13] เป็นที่ตั้งขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปและองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก ออสเตรียเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำหรับการลงนามความตกลงเชงเกนใน ค.ศ. 1995[14] และออสเตรียใช้สกุลเงินยูโรใน ค.ศ. 1999[15]

ศัพทมูลวิทยา

ชื่อของประเทศออสเตรียในภาษาเยอรมัน (Österreich) มาจากคำในภาษาเยอรมันสูงเก่าว่า Ostarrîchi ซึ่งแปลว่า "อาณาจักรทางตะวันออก" และปรากฏเป็นครั้งแรกใน "เอกสารอาณาจักรทางตะวันออก" (Ostarrîchi document) จาก ค.ศ. 996[16][17] คำดังกล่าวอาจเป็นคำแปลของวลีในภาษาละตินสมัยกลางว่า Marchia orientalis มาเป็นภาษาท้องถิ่น (ไบเอิร์น) อีกทอดหนึ่ง

ออสเตรียเป็นจังหวัดหนึ่งของไบเอิร์นซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นใน ค.ศ. 976 คำว่า ออสเตรีย เป็นชื่อในภาษาเยอรมันที่แผลงเป็นภาษาละตินและได้รับการบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 12[18] ในขณะนั้น พื้นที่บริเวณลุ่มน้ำดานูบของออสเตรีย (พื้นที่โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์และนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์) เป็นอาณาเขตทางตะวันออกสุดของไบเอิร์น

ประวัติศาสตร์

การแบ่งเขตการปกครอง

ออสเตรียเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 9 รัฐท้องถิ่น รัฐเหล่านี้แบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น เขต (Bezirke) และ นคร (Statutarstädte) ซึ่งในเขตแต่ละแห่งยังแบ่งออกเป็นเทศบาล (Gemeinden)

  1. รัฐคารินเทีย (Kärnten)
  2. รัฐซัลทซ์บวร์ค (Salzburg)
  3. รัฐทีโรล (Tirol)
  4. รัฐบัวร์เกินลันท์ (Burgenland)
  5. รัฐฟอร์อาร์ลแบร์ค (Vorarlberg)
  6. รัฐนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ (Nieder­österreich )
  7. รัฐเวียนนา (Wien)
  8. รัฐสตีเรีย (Styria)
  9. รัฐโอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ (Ober­österreich)

ภูมิศาสตร์

ประเทศออสเตรียในปัจจุบัน ตามแผนที่ประเทศออสเตรียมีความกว้างจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกมากกว่า 575 กิโลเมตร มีความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้มากกว่า 294 กิโลเมตร

ประมาณ 60% ของสภาพภูมิประเทศของประเทศออสเตรียมีลักษณะเป็นภูเขาและเนินเขา ซึ่งได้รับการขานนามให้เป็น "ดินแดนแห่งขุนเขา" ประเทศออสเตรียมีการพาดผ่านของเส้นทาง "แม่น้ำดานูบ" (Donau) โดยผ่านรัฐโลเวอร์ออสเตรียหรือนีเดอร์เอิสเทอร์ไรช์ (Lower Austria; Niederösterreich) และรัฐอัปเปอร์ออสเตรียหรือโอเบอร์เอิสเทอร์ไรช์ (Upper Austria; Oberösterreich) ก่อนไหลต่อไปยังประเทศเช็กเกีย ภูมิประเทศของประเทศออสเตรียแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ

ภูเขา (Berge)
กรอสส์กล็อคเนอร์ (Großglockner)
ภูเขาสูงในประเทศออสเตรียมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 3,000 เมตร ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศออสเตรียตั้งอยู่ทางเทือกเขาด้านตะวันออก (Ostalpen) ด้วยความสูง 3,798 เมตร มีชื่อว่า โกรสส์กล็อกเนอร์ (Großglockner) ยอดเขาที่สูงรองลงมาคือ วิลด์ชปิทเซอ (Wildspitze) ด้วยความสูง 3,774 เมตร และยอดเขาที่สูงเป็นอันดับที่สามของประเทศออสเตรยคือ ไวสส์คูเกิล (Weißkugel) ด้วยความสูง 3,738 เมตร ด้วยลักษณะของภูเขาเป็นจุดสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาฤดูหนาว (Wintersport) ยกตัวอย่างเช่น สกี สโนว์บอร์ด เป็นต้น ส่วนในฤดูร้อน ก็ยังสามารถที่จะท่องเที่ยวชื่นชมสภาพป่า และการปีนเขา อีกด้วย
ทะเลสาบนอยซีดเดิล (Neusiedler See)
ทะเลสาบ (Seen)
แม่น้ำดานูบในลินซ์ (Donau at Linz)
ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรียมีชื่อว่า นอยซีดเลอร์เซ (Neusiedler See) โดยมีพื้นที่ประมาณ 77% หรือประมาณ 315 ตารางกิโลเมตร อยู่ที่รัฐบูร์เกนลันด์ (Burgenland) ส่วนพื้นที่อีกประมาณ 33% ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของประเทศฮังการี และยังมีทะเลสาบอื่นๆ ที่มีความสำคัญคือ อัทเทอร์เซ (Attersee) ด้วยพื้นที่ประมาณ 46 ตารางกิโลเมตร และเทราน์เซ (Traunsee) อยู่ในพื้นที่รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย และทะเลสาบอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความสำคัญมากสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน เช่น โบเดินเซ (Bodensee), ซัลซ์คัมเมอร์กูทส์ (Salzkammerguts), โวทเฮอร์ซี (Wörthersee), มิลล์ชเตทเทอร์เซ (Millstätter See), ออสเซียเคอร์เซ (Ossiacher See), ไวส์เซินเซ (Weißensee), โมนด์เซ (Mondsee), วอล์ฟกังเซ (Wolfgangsee) เป็นต้น
แม่น้ำ (Flüsse)
แม่น้ำดานูบ (Donau) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดสายหนึ่งในยุโรปและไหลผ่านภาคกลางตะวันออก แม่น้ำดานูบเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรีย เมืองหลวงของรัฐลินซ์และเวียนนาตั้งอยู่บนแม่น้ำดานูบ

เศรษฐกิจ

เป็นแบบเสรีนิยมผสมสังคมนิยม โดยรัฐมีบทบาทในอุตสาหกรรม และวิสาหกิจหลัก เช่น อุตสาหกรรมขั้นปฐม การผลิตกระแสไฟฟ้า ธนาคาร และกิจการสาธารณูปโภค สาเหตุที่รัฐได้เข้ามาจัดการบริหารแบบรวมศูนย์ ก็เพื่อป้องกันการครอบครองจากโซเวียตภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ออสเตรียจึงเริ่มแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และได้พัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาดได้สำเร็จ ซึ่งทำให้ประชาชนมีมาตรฐานความเป็นอยู่สูง รัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพรรคขวา ได้มีแผนที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจการของรัฐเพิ่มเติม อันจะทำให้รัฐบาลออสเตรียมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจลดลง และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างแบบ Social Partnership ในช่วงทศวรรษที่ 60 และ 70 ได้ลดน้อยลงตามเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เปลี่ยนไป รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดยพรรคฝ่ายซ้ายสังคมนิยมจึงมีนโยบายชะลอการแปรรูปรัฐวิสาหกิจลง และเป็นที่คาดว่า จะมีนโนบายที่ทำให้ความสัมพันธ์ของนายจ้างและลูกจ้างในภาคอุตสาหกรรมเป็นไปแบบ Social Partnership ต่อไป

ประชากร

เด็ก ๆ ในออสเตรีย ใกล้ Au, Vorarlberg

สถิติออสเตรีย (Statistik Austria) รายงานว่าประชากรออสเตรียมีประมาณเกือบ 9 ล้านคน (8.9) ใน ค.ศ. 2020[19] โดยประชากรในเวียนนา เมืองหลวงของประเทศ มีมากกว่า 1.9 ล้านคน[20] (รวมชานเมืองที่มีประชากร 2.6 ล้านคน) ซึ่งเท่ากับหนึ่งส่วนสี่ของประชากรทั้งประเทศ

ผู้คนในกรุงเวียนนา (Wien)

เวียนนาเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ รองลงมาคือกราทซ์ที่มีประชากร 291,007 คน หลังจากนั้นคือลินทซ์ (212,538)[21], ซัลทซ์บวร์ค (155,031), อินส์บรุค (131,989) และคลาเกินฟวร์ท (101,303) เมืองอื่น ๆ มีประชากรน้อยกว่า 100,000 คน

ตามรายงานจาก Eurostat ใน ค.ศ. 2018 มีพลเมืองต่างชาติในประเทศออสเตรียที่ 1.69 ล้านคน ซึ่งเท่ากับ 19.2% ของประชากรทั้งหมด แบ่งเป็น 928,700 คน (10.5%) ที่ถือกำเนิดนอกสหภาพยุโรป และ 762,000 คน (8.6%) ถือกำเนิดในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป[22] มีลูกหลานของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้มากกว่า 483,100 คน[23] ชาวเติร์กเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีมากที่สุดในประเทศออสเตรีย โดยมีจำนวนประมาณ 350,000 คน[24]

มีการประมาณอัตราการเจริญพันธุ์โดยรวม (TFR) ใน ค.ศ. 2017 ที่เด็ก 1.52 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน[25] ซึ่งต่ำกว่าอัตราการทดแทนที่ 2.1 และยังคงต่ำกว่าจำนวนเด็ก 4.83 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคนใน ค.ศ. 1873[26] ออสเตรียมีประชากรที่อยู่ในวัยชรามากเป็นอันดับ 12 ของโลก โดยชาวออสเตรียมีอายุเฉลี่ยที่ 44.2 ปี[27] การคาดหมายคงชีพใน ค.ศ. 2016 อยู่ที่ประมาณ 81.5 ปี (ชาย 78.9 ปี หญิง 84.3 ปี)[28]

สถิติออสเตรียประมาณการว่าใน ค.ศ. 2080 จะมีประชากรอาศัยอยู่ในประเทศนี้เกือบ 10 ล้านคน[29]

เมืองใหญ่สุด


ศาสนา

ศาสนาในประเทศออสเตรีย (2017)
โรมันคาทอลิก
  
56.9%
อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์
  
8.8%
อิสลาม
  
8.0%
โปรเตสแตนต์
  
3.3%
พุทธ
  
0.3%
ไม่มี
  
22.7%
ข้อมูล:[30][31][32]
บาซิลิกาMariazell เป็นสถานที่แสวงบุญยอดนิยมในออสเตรีย

ใน ค.ศ. 2001 ประชากรออสเตรียประมาณ 74% ระบุตนเองว่านับถือโรมันคาทอลิก[33] ในขณะที่ประมาณ 5% ระบุตนเองเป็นโปรเตสแตนต์[33] ชาวออสเตรียที่นับถือศาสนาคริสต์ทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์[34]จำเป็นต้องจ่ายค่าสมาชิกบังคับ (คำนวณตามรายได้—ประมาณ 1%) ให้กับคริสต์จักร การชำระเงินนี้มีชื่อเรียกว่า "Kirchenbeitrag" ("คุณูปการคริสตจักร") เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีผู้นับถือและผู้เข้าโบสถ์น้อยลง ข้อมูลจากรายชื่อสมาชิก 5,050,000 คน หรือ 56.9% ของประชากรทั้งประเทศ ของคริสตจักรโรมัคาทอลิกออสเตรียใน ค.ศ. 2018 มีผู้เข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์ที่ 605,828 คน หรือ 7% ของประชากรทั้งประเทศใน ค.ศ. 2015[35] คริสตจักรลูเทอแรนก็รายงานว่าสูญเสียผู้นับถือ 74,421 คนในช่วง ค.ศ. 2001 ถึง 2016 รายงานสำมะโน ค.ศ. 2001 ระบุว่ามีประชากรประมาณ 12% ที่ประกาศว่าตนไม่มีศาสนา[33]

ตามรายงานจากโพล Eurobarometer ใน ค.ศ. 2010[36]

  • พลเมืองออสเตรีย 44% ตอบว่า "พวกเขาเชื่อว่ามีพระเจ้า"
  • 38% ตอบว่า "พวกเขาเชื่อว่ามีวิญญาณหรือพลังชีวิต"
  • 12% ตอบว่า "พวกเขาไม่เชื่อว่ามีวิญญาณ พระเจ้า หรือพลังชีวิต"

วัฒนธรรม

ออสเตรียมีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และดนตรี มีศิลปินและนักแต่งเพลงชื่อดังมากมาย Wolfgang Amadeus Mozart เป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงหลายคนในยุคคลาสสิก

หมายเหตุ

อ้างอิง

บรรณานุกรม

  • Brook-Shepherd, Gordon (1998). The Austrians: a thousand-year odyssey. New York: Carroll & Graf Publishers, Inc. ISBN 978-0-7867-0520-7.
  • Jelavich, Barbara (1987). Modern Austria: empire and republic 1815–1986. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-31625-5.
  • Johnson, Lonnie (1989). Introducing Austria: a short history. Riverside, Calif.: Ariadne Press. ISBN 978-0-929497-03-7.
  • Rathkolb, Oliver. The Paradoxical Republic: Austria, 1945–2005 (Berghahn Books; 2010, 301 pages). Translation of 2005 study of paradoxical aspects of Austria's political culture and society.
  • Schulze, Hagen (1996). States, nations, and nationalism: from the Middle Ages to the present. Cambridge, Massachusetts: Blackwell. ISBN 978-0-631-20933-1.

แหล่งข้อมูลอื่น

รัฐบาล
การค้า
การท่องเที่ยว
🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง