แย้
แย้ | |
---|---|
แย้ธรรมดา หรือแย้เส้น (Leiolepis belliana) | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Reptilia |
อันดับ: | Squamata |
อันดับย่อย: | Lacertilia |
วงศ์: | Agamidae |
วงศ์ย่อย: | Leiolepidinae Fitzinger, 1843 |
สกุล: | Leiolepis Cuvier, 1829 |
ชนิด | |
แย้ หรือ สกุลแย้ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Leiolepis) เป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่าประเภทหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Leiolepidinae ในวงศ์ Agamidae พบกระจายทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะภูมิภาคอินโดจีน พบทั้งหมด 9 ชนิด สำหรับในประเทศไทยพบทั้งหมด 4 ชนิด มีลักษณะเด่นคือ มีแถบหรือจุดสีสด และลำตัวไม่มีปุ่มหนาม
มีถิ่นกำเนิดในคาบสมุทรมาเลเซีย ไทย พม่า ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม[1] และอาจพบในหมู่เกาะรีวกีว (ญี่ปุ่น) และไหหลำ (จีน) [ต้องการอ้างอิง] สกุลแย้นี้มีทั้งชนิดที่สืบพันธุ์โดยการผสมพันธุ์ และสืบพันธุ์โดยไม่ผสมพันธุ์
ลักษณะ
มีความแตกต่างจากกิ้งก่าในวงศ์ย่อย Agaminae ซึ่งเป็นวงศ์ย่อยที่มีจำนวนสมาชิกหลากหลายที่สุดของวงศ์ Agamidae คือ มีช่องเปิดบริเวณแอ่งเบ้าตาเล็ก และไม่มีช่องเปิดบริเวณกล่องหู[2] มีขนาดลำตัววัดจากปลายปากโดยตลอดยาวประมาณ 11.5 เซนติเมตร หางยาวประมาณ 23.8 เซนติเมตร ตัวแบนหางราบ โคนหางแบนและแผ่บานออก สีข้างแผ่ขยาย ไม่มีแผงหนามที่สันหลัง ช่องหูใหญ่ เยื่อหูจมใต้ผิวหนัง หนังข้างคอมีรอยพับตามขวาง รอบลำตัวมีเกล็ดประมาณ 40 แถว หัวและหลังสีเขียวมะกอก โดยมีจุดสีเหลืองขอบดำเรียงเป็นแนวข้างตัว มีแถบดำสลับเหลืองคอมีลวดลายร่างแหดำ ประกอบสีครีม ท้องและอกสีส้มสด ตัวผู้จะมีพังผืดด้านข้างที่กางออกได้ และมีสีสดกว่าตัวเมีย โดยที่แย้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อมเหมือนสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ๆ
พฤติกรรมและนิเวศวิทยา
แย้ทุกชนิดเป็นสัตว์ที่หากินและอาศัยอยู่ในพื้นดินราบ เปิดโล่ง โดยเฉพาะพื้นที่ดินปนทราย[3] ไม่ขึ้นต้นไม้อย่างสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ที่อยู่ของแย้เป็นรู ลึกประมาณ 1 ฟุต เป็นโพรงข้างใน สามารถกลับตัวได้ ที่ปากรูจะมีรอยของหางแย้ เป็นรอยยาว ๆ และจะมีรูพิเศษอีกรูหนึ่ง ที่ใช้ป้องกันตัว เมื่อถูกศัตรูรุกรานเข้ารูด้านหนึ่ง แย้สามารถหลบรอดออกไปอีกรูหนึ่งได้อย่างแยบยล โดยรูนี้เรียกในภาษาลาว-อีสานว่า "แปว"
แย้สามารถสืบพันธุ์ได้ทุกฤดูกาล กินแมลงต่าง ๆ เป็นอาหาร แย้ไม่สามารถที่จะว่ายน้ำได้ บางครั้งกินทั้งพืชและสัตว์ขนาดเล็ก (omnivore)[4]
นอกจากนี้แล้วในพฤติกรรมการสืบพันธุ์ แย้บางชนิดเป็นสัตว์ที่เป็นกะเทยหรือมีเพศที่ไม่แน่นอน สามารถขยายพันธุ์ได้เองโดยไม่ต้องอาศัยเพศผู้[5][6]
อนุกรมวิธาน
มีทั้งหมดอย่างน้อย 9 ชนิด แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- แย้ ที่สืบพันธุ์โดยการผสมพันธุ์ (sexual spicies) ซึ่งลักษณะทางกายภาพของแย้ประเภทนี้ จะเห็นความแตกต่างระหว่างเพศที่ชัดเจน
- แย้ธรรมดา หรือ แย้เส้น Leiolepis belliana Hardwicke & Gray, 1827 — พบได้ทั่วไปในประเทศไทยทุกภาค แม้กระทั่งตามเกาะแก่งต่าง ๆ กลางทะเล ในอดีตเคยแบ่งออกเป็นชนิดย่อย 2 ชนิด คือ L. b. belliana และ L. b. rubritaeniata และปัจจุบันยังไม่เป็นที่ชัดเจนในการระบุชนิดของอีกชนิดย่อยคือ Leiolepis belliana ocellata Peters, 1971 ซึ่งอาจแยกออกเป็น Leiolepis ocellata ตามการศีกษาดีเอ็นเอซึ่งพบไมโครโครโมโซมเพียง 11 คู่และยังอาจถูกระบุให้เป็น asexual spicies[3][7]
- แย้อีสาน Leiolepis rubritaeniata Mertens, 1961 — พบมากที่สุดในภาคอีสานของประเทศไทย ทางตะวันออกสุดที่ปากช่อง และตะวันตกสุดพบที่ช่องเม็ก รวมทั้งประเทศลาว และบริเวณชายแดนเวียดนาม - กัมพูชา ในจังหวัดซาลาย
- แย้ยักษ์ Leiolepis guttata
- Leiolepis peguensis
- แย้เหนือ Leiolepis reevesii
- แย้ ที่สืบพันธุ์โดยไม่ผสมพันธุ์ (asexual spicies) และพบเฉพาะเพศเมีย
- แย้สงขลา[8] Leiolepis boehmei Darevsky & Kupriyanova, 1993 — พบเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทย เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี[9]
- Leiolepis guentherpetersi Darevsky & Kupriyanova, 1993
- แย้มลายู Leiolepis triploida G. Peters, 1971 – มีถิ่นอาศัยในมาเลเซีย และชายแดนที่ติดกับประเทศไทย ทางใต้ของจังหงัดสตูลและสงขลา[10]
- แย้กะเทย Leiolepis ngovantrii J. Grismer & L. Grismer, 2010 — พบได้ที่เวียดนาม[6]
ความสัมพันธ์กับมนุษย์
แย้จัดเป็นอาหารดั้งเดิมของมนุษย์มาช้านานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถิ่นอีสานของไทย ชาวอีสานจะนิยมจับแย้กินเป็นอาหาร โดยมีรสชาติคล้ายเนื้อไก่ นิยมนำไปทำเป็นเมนูได้หลากหลาย เช่น ปิ้ง หรือ ลาบ
ปัจจุบัน สถานะของแย้เมื่อเทียบกับสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ๆ แล้ว นับว่าใกล้สูญพันธุ์จากถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ ในบางพื้นที่จึงมีการส่งเสริมการเลี้ยงแย้ให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจและอนุรักษ์ไว้ด้วย เช่นที่ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นต้น[11]
นอกจากนี้แล้ว จากพฤติกรรมที่อาศัยอยู่ในรู จึงทำให้การละเล่นพื้นบ้านที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการละเล่นที่เรียกว่า "แย้ลงรู"[12]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Leiolepis ที่วิกิสปีชีส์