วิกฤตการณ์การทูตกาตาร์
วิกฤตการณ์การทูตกาตาร์ เกิดขึ้นระหว่าง 5 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ถึง 5 มกราคม พ.ศ. 2564[1] เมื่อประเทศซาอุดีอาระเบียประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศกาตาร์ โดยกล่าวหาว่ากาตาร์เป็นผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค[2] หลังการประกาศดังกล่าว ประเทศอื่น ๆ อย่างบาห์เรน, อียิปต์, เยเมน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ลิเบีย, มัลดีฟส์, มอริเตเนีย ก็ประกาศตัดสัมพันธ์กับกาตาร์เช่นกัน
การตัดสัมพันธ์ครั้งนี้ทำให้ประเทศกาตาร์ถูกตัดการติดต่อระหว่างพรมแดนทางบก ทางทะเล และทางอากาศ จากกลุ่มประเทศดังกล่าว[3] นักการทูตกาตาร์ถูกสั่งให้ออกจากซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ ภายใน 48 ชั่วโมง[4] พลเมืองกาตาร์ถูกสั่งเดินทางออกจากซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรนภายใน 14 วัน และห้ามมิให้พลเมืองของ 3 ชาติในคาบสมุทรอาหรับเดินทางไปยังกาตาร์ด้วย[5]
การคว่ำบาตรครั้งนี้ทำให้อุตสาหกรรมการบินของกาตาร์เกิดความปั่นป่วนและเกิดการกักตุนสินค้าอุปโภคและบริโภคไปทั้งประเทศ[6] กาตาร์ต้องนำเข้าสินค้าจากท่าเรือในประเทศโอมานเนื่องจากไม่สามารถใช้ท่าเรือของกลุ่มประเทศที่ตัดความสัมพันธ์ได้[7] สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์สปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกาตาร์ลง 1 ขั้นสู่ระดับ AA-[8] กาตาร์ได้ประกาศมาตรการผ่อนผันการตรวจลงตรา (visa) ให้แก่พลเมืองของ 80 ประเทศในวันที่ 9 สิงหาคม 2017 เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของกาตาร์[9]
ประเทศที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์
ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560 รัฐบาลของแปดประเทศได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ได้แก่[10][11]
ประเทศที่ลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์
ณ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560 หกประเทศได้ลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์