สงกรานต์
สงกรานต์ เป็นคำภาษาไทยมาจากภาษาสันสกฤต สํกฺรานฺติ (saṅkrānti) ใช้เรียกวันปีใหม่ของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวไท[1] ซึ่งเฉลิมฉลองในประเทศไทย, ลาว, กัมพูชา, พม่า, บางส่วนของอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ, เวียดนาม และสิบสองปันนาในประเทศจีน[2][3] สงกรานต์เริ่มต้นเมื่อดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษ สัญลักษณ์ดาราศาสตร์แรกในจักรราศีตามดาราศาสตร์ดาวฤกษ์[4]
สงกรานต์ | |
---|---|
สงกรานต์ในไทย, พม่า, กัมพูชา และ ลาว | |
ชื่อทางการ | ตามประเทศ ได้แก่
|
จัดขึ้นโดย | ชาวพม่า, กัมพูชา, ได, ลาว, ไทย, บังกลาเทศ, ศรีลังกา, ไทดำ และอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน |
ความสำคัญ | วันขึ้นปีใหม่ |
วันที่ | โดยทั่วไป 13–14 เมษายน |
ความถี่ | รายปี |
ส่วนเกี่ยวข้อง | เมษสังกรานติ |
การเฉลิมฉลองปีใหม่ในวาระเดียวกับสงกรานต์ในประเทศต่าง ๆ จะเรียกแตกต่างกันได้แก่ โจลชนัมทเมยในกัมพูชา, ปีใหม่ในลาว, ปีใหม่สิงหลในศรีลังกา, สงกรานต์ในประเทศไทย, ตะจานในพม่า, สังเกนในรัฐอรุณาจัลประเทศและอัสสัมของอินเดีย, เทศกาลพรมน้ำในสิบสองปันนาและบางส่วนของเวียดนาม[5][6]
ศัพทมูลวิทยา
คำ สงกรานต์ เป็นคำภาษาไทย[7] (เอกสารพิพิธภัณฑ์สิ่งทอ มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ระบุว่าเป็นคำภาษาสยาม[8]) ซึ่งเป็นคำยืมจากภาษาอื่น[9] กร่อนมาจากคำว่า สังกรานต์[10] ซึ่งมีรากมาจากภาษาสันสกฤตว่า สํกฺรานฺติ[11] (Sankranti; สันสกฤต: सङ्क्रान्ति) หรือภาษาบาลีว่า สังขารา[12] (Saṅkhāra; บาลี: सङ्खार) แปลว่า ผ่านหรือเคลื่อนย้ายเข้าไป ในที่นี้หมายถึง พระอาทิตย์โคจรหรือเคลื่อนย้ายจากราศีหนึ่งไปสู่อีกราศีหนึ่ง ซึ่งกินเวลาประมาณ ๑ เดือน ศ.เกียรติคุณ มณี พยอมยงค์ (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์) ได้ให้ความหมายคำว่า สังกรานติ แปลว่า วันเดือนปีที่ล่วงไป[10] (ดวงดาวเคลื่อนเปลี่ยนผ่านแบบไม่เจาะจงราศี) ส่วนคำเจาะจงเขียนว่า เมษสังกรานติ (meṣha saṅkrānti) หมายถึง การเปลี่ยนผ่านของดวงดาวในราศีเมษ (หากดวงดาวเปลี่ยนผ่านในราศีมังกรจะเรียกว่า มกรสังกรานติ หรือราศีกุมภ์เรียกว่า กุมภสังกรานติ เป็นต้น)
แม้คำว่า สงกรานต์ จะเป็นคำยืมมาจากภาษาสันสกฤตแต่ประเทศอินเดียไม่มีประเพณีสงกรานต์[13]
ชาติพันธุ์
คำสงกรานต์มีชื่อเรียกตามกลุ่มชาติพันธุ์ ภาษา หรือตามถิ่นต่าง ๆ ดังนี้
- สังขาน (ไทลื้อ ไทเขิน กลุ่มชาติพันธุ์ไทลาว ล้านนา ชาวมอญ)[14]
- สังขาร หรือ สังขานต์ (ล้านนา กลุ่มชาติพันธุ์ลัวะ)[14]
- สงกาน หรือ ปอสุ่ยเจี๋ย (泼水节, 潑水節) (จ้วง และชนชาติไทในมณฑลยูนนาน)[15]
- สงก๋าน (ສົງການ) หรือ สังขาน (ສັງຂານ) หรือ ปี๋ใหม่ (ປີໃໝ່) ภาษาผู้ไท[16][17]
- สังเกน (กลุ่มชาติพันธุ์ไทที่อาศัยอยู่ในรัฐอรุณาจัลประเทศ และรัฐอัสสัม ทางทิศตะวันออกและทิศเหนือของประเทศอินเดีย)
- ซ็องกราน[18] (เขมร) หรือ โมหะซ็องกราน[19] อังกอร์ซ็องกราน[20] หรือ จ๊ะตึกเปรี๊ยะ[21] ก็เรียก(คือสรงน้ำพระในเทศกาลวันหยุดสงกรานต์) ต่อมาเรียกว่า เรียกว่า โจลชนัมทเม็ย (ចូលឆ្នាំថ្)
- สางจัน (ไทใหญ่)[22]
- ปอยสางแก่น หรือ ปอยสางแจ่น (ไทใหญ่ใต้ในรัฐฉาน ประเทศพม่า)[23] คำว่าปอยเป็นภาษาคำเมือง หมายถึง งานเทศกาล[24]
- ปอยซ้อนน้ำ หรือ ปอยสาดน้ำ (ไทใต้ ไทลื้อในสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน)[23]
- เปิงซังกราน (ไทยรามัญในเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี) หมายถึง เทศกาลทำบุญส่งข้าวแช่[25]
- กินสิบสี่ (ไทขาว ไทดำ ไทเติ๊กในจังหวัดเซินลา ประเทศเวียดนาม)[26]
- ตะจาน หรือ ตะจั่ง หรือ ตีงจั่ง (သင်္ကြန်) (ประเทศพม่า)[27][24]
- สง์กรน์ (คำยืมจากภาษาสันสกฤต) หรือ สงฺกนฺตะ (คำยืมจากภาษาบาลี) (ประเทศพม่า)[24]
- ว่านอะต๊ะ (ชาวมอญ)[28]
ประเทศกัมพูชา
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของประเทศกัมพูชาพบคำจารึกว่า ซ็องกรานตะ (Sankranta) ซึ่งมีรากคำมาจากภาษาสันสกฤต ปรากฏตามศิลาจารึก ดังนี้[29]
- ศิลาจารึกยโศธราศรมสมัยพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 (Preah Theat Preah Srei) (K.650) พ.ศ. 1421-1520 พบคำจารึกว่า "...raṅko {A8} śvetatandula liḥ vyar pratidina ○ saṅkrānta raṅko thlva{A9} ṅ...".
- ศิลาจารึกปราสาทพิมานอากาศ (Phimeanakas) (K.291) พ.ศ. 1453 จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา พบคำจารึกว่า "...raṅko liḥ 4 pratidina saṅkrā[nta] {N32} pūjā neḥ nai...".
- ศิลาจารึกเปรี๊ยะนัน Preah Nan (Edicule F) พ.ศ. 1546 จังหวัดกำปงจาม ประเทศกัมพูชา พบคำจารึกว่า "...jalāṅgeśvara saṅkrānta raṅko je 1 pratidina liḥ 1 thlvaṅ □ {5}..."
- ศิลาจารึกปราสาทเสกตาตุย (Prasat Sek Ta Tuy) บนกรอบประตูของซุ้มประตู 2 พ.ศ. 1569 จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา พบคำจารึกว่า "...○ kalpanā caru li[ḥ] ------- pratidina ------------- {26} ḥ mimvāy saṅkrānta..."
- ศิลาจารึกสำโรง (Samrong) (K.258) พ.ศ. 1650 จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา พบคำจารึกว่า "...liṅgapura raṅko je mvay {C14} pratidina saṅkrānta dau pūrvvadvāra je mvay..."
แอมอนีเยร์ (Étienne Aymonier) นักภาษาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาสำรวจศิลาจารึก ทำสำเนา และสำรวจภูมิประเทศดินแดนสยาม-ลาว-เขมรเพื่อสร้างแผนที่ก่อแนวเขต ได้เขียนบันทึกวันขึ้นปีใหม่ของประเทศกัมพูชาเรียกว่า มหาซ็องกราน[30] พบในเอกสารชื่อ Le groupe d'Angkor et L'histoire Vol. III : Le Cambodge ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1904 (พ.ศ. 2447) บันทึกของแอมอนีเยร์ ยังกล่าวถึงความแตกต่างระหว่างวันสงกรานต์ของกัมพูชากับไทยว่า มหาซ็องกราน (Maha Sangkran) ของกัมพูชา หมายถึง วันขึ้นปีใหม่ที่ระบุในปฏิทินขนาดเล็กทางราชการเท่านั้น ส่วนของไทย (สยาม) หมายถึง การเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษซึ่งชาวสยามเรียกวันดังกล่าวว่า สงกรานต์ (Songkran)[30]
ส่วนบันทึกของเลอแคลร์ (Adhémard Leclère) ผู้ว่าการชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาพำนักในกัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส เรียก มหาซ็องกรานต์ (Maha sankrant) [31] หรือ ซ็องกรานต์ (Sankrant)[31] พบในเอกสารชื่อ L’almanach Cambodgien Et Son Calendrier Pour 1907–1908 ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1909 (พ.ศ. 2452) ตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประเทศไทย
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ในประเทศไทยพบคำ สงกรานต์ ซึ่งมีคำจารึกเป็นอักษรขอมโบราณมีความหมายการโคจรของพระอาทิตย์แบบไม่เจาะเฉพาะแค่ราศีเมษ พบได้ดังนี้
- ศิลาจารึกวัดพระธาตุเชิงชุม[32] (สน.2, K.369) พ.ศ. 1543 จังหวัดสกลนคร พบคำจารึกบรรทัดที่ 11 ตัวอักษรขอมโบราณว่า "จำมลกฺรานฺต นุ ชา ปี ทุกฺ นา องฺคุยฺ". แปลว่า "...แด่สงกรานต์ และไว้ประจำแก่..."[33] (ผู้แปล รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ)
- ศิลาจารึกวัดสระกำแพงใหญ่[34] (ศก.1, K.374) พ.ศ. 1585 จังหวัดศรีสะเกษ พบคำจารึกว่า วิศุวสํกรานฺต (Vishuva Sankranti) หมายถึง วันที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะคือเวลาเที่ยง มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน[35]: 9 (ผู้แปล อำไพ คำโท กรมศิลปากร)
- ศิลาจารึกปราสาทหินพิมาย 2[36] (นม.29, K.953) พ.ศ. 1589 อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย พบคำจารึกว่า (สงฺ)กรานฺต หมายถึง วันสงกรานต์ (คือในวันที่พระอาทิตย์โคจรจากราศีหนึ่งไปอีกราศีหนึ่ง)[35]: 9 (ผู้แปล ศ.ฉ่ำ ทองคำวรรณ)
- ศิลาจารึกปราสาทหินพนมวัน 3[37] (นม.1, K.391) พ.ศ. 1625 จังหวัดนครราชสีมา มีคำว่าสงกรานต์ ปรากฏคำจารึกว่า "กฺฤติกาฤกษ สงฺกรานต ศุกรวาร" แปลว่าพระจันทร์เสวยฤกษ์กฤติกาวันศุกร์ และคำจารึกว่า "รงฺโก ถลวง มวยเนะต สงฺกรานต ต ปรวา ทิวสน" แปลว่าข้าวสารหนึ่งถลวง เวลาขึ้นปีใหม่และในเวลาเปลี่ยนปักษ์ (ผู้แปล อ.ทองสืบ ศุภะมารค)[38]: 5
- พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ มีคำว่า สงกรานต์ ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในเหตุการณ์เสด็จยกทัพไปเมืองตองอู พ.ศ. 2142 ว่า "ศักราช ๙๖๑ กุญศก วัน ๕ ๑๑ ฯ ๑๑ ค่ำ เพลารุ่งแล้ว ๒ นาฬิกา ๘ บาท เสด็จพยุหบาตราไปเมืองตองอู ฟันไม้ข่มนามตําบล หล่มพลีตั้งทัพไชย ตําบลวัดตาล แลในเดือน ๑๑ นั้น สงกรานต์พระเสาร์แต่ราศีกันย์ไปราศีตุลย์"[39]: 29
นับตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ความหมายของคำ สงกรานต์ เริ่มมีความหมายแบบเจาะจงถึงการโคจรของพระอาทิตย์จากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ (ปีใหม่สุริยคติฮินดู) ปรากฏตามหลักฐานดังนี้[35]
- นิราศธารโศก ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ เขียนว่า "เดือนห้าอ่าโฉมงาม การออกสนามตามพี่ไคล สงกรานต์การบุญไป ไหว้พระเจ้าเข้าบิณฑ์ถวาย" กล่าวถึงพระราชพิธีออกสนามและสงกรานต์เดือนห้า[35]: 12
- คำฤษฎี พ.ศ. 2374-2377 ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร และ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ ระบุว่า "สงกรานต์ ว่าคือพระอาทิตย์ขึ้นสู่เมศราษี"[35]: 12
- จารึกมหาสงกรานต์ พ.ศ. 2374 (รัชกาลที่ 3) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร[35]: 22
- อักขราภิธานศรับท์ ฉบับหมอบรัดเลย์ พ.ศ. 2416 ระบุว่า "สงกรานต์ คือ กาลเมื่อถึงเดือนห้า และพวกโหรทำเลขคูณหารรู้เวลาอาทิตย์ย้ายราศรี คือยกจากราศรีมีญไปสู่ราศรีเมษปีละหนนั้น"[35]: 12
ส่วนคำ สงกรานต์ ในภาษาอังกฤษที่ใช้ในปัจจุบันเขียนว่า Songkran[40] หมายถึง เทศกาลสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่สยาม และการสาดน้ำซึ่งมีความหมายแตกต่างจากความหมายเดิมของคำว่า สังกรานติ ในภาษาสันสกฤต กล่าวได้ว่าคำ สงกรานต์ เป็นคำภาษาไทยที่มีวิวัฒนาการผ่านการขัดเกลาด้วยวัฒนธรรมไทยมายาวนานตั้งแต่อดีตจนกลายเป็นประเพณีวันสงกรานต์ของไทยจนถึงปัจจุบัน พบในบันทึกของชาวต่างชาติร่วมสมัยดังนี้
- De Beschryving van Japan (The History of Japan) ของหมอแกมป์เฟอร์เขียนจดบันทึกเมื่อ พ.ศ. 2233 รัชกาลสมเด็จพระเพทราชาสะกดว่า Sonkraen[41] และบรรยายถึงพิธีประจำปีของชาวไทยซึ่งทำเมื่อขึ้นปีใหม่เรียกว่า สงกรานต์ (Sonkraen)[42]
- จินดามะณี ตำราไวยากรณ์ไทยฉบับพระสังฆราชปัลเลอกัวซ์[43] (Grammatica Linguæ Thai Auctore D. J. Bapt. Pallegoix) (พ.ศ. 2393) แต่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 สะกดว่า สงกรานต (ไม่มีการันต์) และ Songkran
- สัพะ พะจะนะ พาสา ไท[44] (พ.ศ. 2397) ฉบับพระสังฆราชปัลเลอกัวซ์ บาทหลวงคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสซึ่งเข้ามาพำนักในสยามตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นพจนานุกรมซึ่งแต่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นหนังสือพจนานุกรม 4 ภาษา ประกอบด้วย ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาละติน หนังสือระบุความหมายคำ สงกรานต์ สะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า SONGKRAN ความหมายในภาษาละติน:- "Ad alium locum pergere; angelus qui praesidere anno." ความหมายในภาษาฝรั่งเศส:- "Aller dans un autre endroit; ange qui preside a l'anne." ความหมายในภาษาอังกฤษ:- "To go to another place; angel preside over the year."
- Bangkok Calendar (พ.ศ. 2404) ของหมอบลัดเลโดยสมาคมมิชชันนารีอเมริกัน
- Travels in Siam in the Year 1863[45] (ฉบับภาษาเยอรมัน) (พ.ศ. 2406) แต่งโดย Adolf Philipp Wilhelm Bastian นักพหูสูตชาวเยอรมันศตวรรษที่ 19
- The Siam Repository (พ.ศ. 2414) ของหมอสมิธ
- A Journey Round the World in the Years 1875-1876-1877 (พ.ศ. 2422) โดย John Henry Gray
- The Pearl of Asia: Reminiscences of the Court of a Supreme Monarch[46] (พ.ศ. 2435) โดย Jacob T. Child
- Siam: A Handbook of Practical, Commercial, and Political Information[47] (พ.ศ. 2455) โดย Walter Armstrong Graham
- พจนานุกรมไทย-อังกฤษ (พ.ศ.2487) ของพระอาจวิทยาคม (ยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์)
ส่วนหลักฐานร่วมสมัยของไทยพบใน
- ขุนช้างขุนแผน สันนิษฐานว่าเป็นเสภามุขปาฐะแต่งขึ้นราว พ.ศ. 2143 รัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กล่าวถึงสงกรานต์ที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี มีทั้งประเพณีทำบุญเลี้ยงพระ ขนทรายเข้าวัด และก่อเจดีย์ทราย :-
คำประพันธ์ (บางส่วน)
๏ ทีนี้จะกล่าวเรื่องเมืองสุพรรณ | ยามสงกรานต์คนนั้นก็พร้อมหน้า | |
จะทำบุญให้ทานการศรัทธา | ต่างมาที่วัดป่าเลไลย |
หญิงชายน้อยใหญ่ไปแออัด | ขนทรายเข้าวัดอยู่ขวักไขว่ | |
ก่อพระเจดีย์ทรายเรี่ยรายไป | จะเลี้ยงพระกะไว้ในพรุ่งนี้ |
นิมนต์สงฆ์สวดมนต์เวลาบ่าย | ต่างฉลองพระทรายอยู่อึงมี่ | |
แล้วกลับบ้านเตรียมการเลี้ยงเจ้าชี | ปิ้งจี่สารพัดจัดแจงไว้ | |
— ขุนช้างขุนแผน ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ ตอนพลายแก้วบวชเณร[48] |
- ประชุมพงศาวดาร เรื่อง ก่อพระทรายครั้งรัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกศตอนปลายกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ใช้คำว่า วันมหาสงกรานต์[49] เป็นธรรมเนียมโบราณราชประเพณีของพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาสืบมาแต่ก่อนทั้งพระราชประเพณีก่อพระทราย พระราชประเพณีถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ พระราชประเพณีขนทรายเข้าวัดและประโคมเครื่องดุริยางค์ดนตรี เป็นต้น
- หนังสือพิมพ์รัตนโกษ (หนังสือพิมพ์มิวเซียม) ฉบับจุลศักราช ๑๒๓๙ (พ.ศ. 2420) รัชกาลที่ 5 มีคำสงกรานต์ปรากฏความว่า:- "อนึ่ง ข้าพเจ้าได้สัญญาไว้แก่ท่านทั้งหลายว่า หนังสือรวมเรื่องเล่มใหญ่นี้จะออกให้ทันในสงกรานต์หาทันไม่นั้นคือค้างช้าอยู่ ด้วยหนังสือปฏิทินต้องทำยากแลติดสงกรานต์ ผู้ที่ทำการพิมพ์ก็หยุดไปทำการสงกรานต์ตามธรรมเนียมอยู่บ้าง หนังสือจึงค้างช้าไปออกหาทันสงกรานต์ไม่"[38]: 34
และยังปรากฏตัวสะกดอีกแบบว่า Songkrant[50] (ตัว 't' ไม่อ่านออกเสียง) ปรากฏในเอกสารของพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เอกสาร The Siam Repository (พ.ศ. 2414) ของหมอสมิธ และเอกสารขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ส่วนวารสารชื่อ Kamarupa Anusandhan Samiti (Assam Research Society) ของสมาคมวิจัยรัฐอัสสัม สถาบันวิจัยเก่าแก่ที่สุดทางเหนือและตะวันออกของประเทศอินเดีย เขียนว่า Sangken หรือ Sangkran[51] ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของของกลุ่มชาติพันธุ์ไทที่อาศัยอยู่ทางตะวันออก-เหนือของประเทศอินเดีย
รายชื่อสงกรานต์
ชื่อท้องถิ่น | ที่ตั้ง | เริ่ม | สิ้นสุด |
---|---|---|---|
ปีใหม่ลาว | ลาว | 14 เม.ย. | 16 เม.ย. |
สงกรานต์ | ไทย | 13 เม.ย. | 15 เม.ย. |
สังเกน | รัฐอรุณาจัลประเทศและรัฐอัสสัม (อินเดีย) | 14 เม.ย. | 16 เม.ย. |
ตะจาน | พม่า | 13 เม.ย. | 16 เม.ย. |
โจลชนัมทเมย | กัมพูชา | 14 เม.ย. | 16 เม.ย. |
พัวสุ่ยเจี๋ย | สิบสองปันนา, มณฑลยูนนาน (จีน) | 13 เม.ย. | 15 เม.ย. |
อะรุดตา วะรุดตะดา | ศรีลังกา | 14 เม.ย. | 14 เม.ย. |
ปีใหม่เมือง | จังหวัดเชียงใหม่ และ ภาคเหนือของประเทศไทย | 13 เม.ย. | 16 เม.ย. |
รูปภาพ
- ชาวลาวกำลังสรงน้ำพระในปีใหม่ลาว
- ชาวไทยกำลังรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในประเพณีสงกรานต์
- ชาวกัมพูชากำลังเต้นและตีกลองยาวในโจลชนัมทเมย
- ชาวพม่ากำลังเล่นน้ำในตะจาน
- ชาวศรีลังกาในปีใหม่สิงหล
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ สงกรานต์