ภาษามอญ

ภาษามอญ (มอญพม่า: ဘာသာမန်, มอญไทย: ဘာသာမည်, ออกเสียง: [pʰɛ̤a.sa(ː) mo̤n], ; พม่า: မွန်ဘာသာ) เป็นภาษาในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติกที่พูดโดยชาวมอญที่อาศัยอยู่ในพม่าและไทย ภาษานี้เป็นภาษาของชนพื้นเมืองที่ได้รับการยอมรับในประเทศพม่าและประเทศไทย[2] อักษรมอญที่เก่าแก่ที่สุดนั้นค้นพบที่ จังหวัดนครปฐม ในประเทศไทย หลักฐานที่พบคือจารึกวัดโพธิ์ร้าง พ.ศ. 1143 เป็นอักษรมอญโบราณที่เก่าแก่ที่สุด ในบรรดาจารึกภาษามอญที่ค้นพบในแถบเอเชียอาคเนย์ เป็นจารึกที่เขียนด้วยตัวอักษรปัลลวะที่ยังไม่ได้ดัดแปลงให้เป็นอักษรมอญ และได้พบอักษรที่มอญประดิษฐ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้พอกับเสียงในภาษามอญ[3] ในจารึกเสาแปดเหลี่ยมที่ศาลสูง เมืองลพบุรี ข้อความที่จารึกเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา สันนิษฐานว่า จารึกในพุทธศตวรรษที่ 14 ราว พ.ศ. 1314 อักษรจารึกในศิลาหลักนี้ เรียกว่า ตัวอักษรหลังปัลลวะ[4]

ภาษามอญ
ဘာသာမန် / ဘာသာမည်
ออกเสียง[pʰɛ̤a.sa(ː) mo̤n]
ประเทศที่มีการพูด พม่า
ภูมิภาคพม่าตอนล่าง
ชาติพันธุ์ชาวมอญ
จำนวนผู้พูด2.3 ล้านคน  (2550)[1]
ตระกูลภาษา
ระบบการเขียนอักษรพม่า
(อักษรมอญ)
สถานภาพทางการ
ภาษาชนกลุ่มน้อยที่รับรองใน พม่า
 ไทย
รหัสภาษา
ISO 639-3อย่างใดอย่างหนึ่ง:
mnw – มอญใหม่
omx – มอญเก่า
นักภาษาศาสตร์omx มอญเก่า
บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากล หากระบบของคุณไม่รองรับการแสดงผลที่ถูกต้อง คุณอาจเห็นปรัศนี กล่อง หรือสัญลักษณ์อย่างอื่นแทนที่อักขระยูนิโคด

ยูเนสโกจัดให้ภาษามอญเป็นภาษาในภาวะ "เสี่ยงใกล้สูญ" ใน แผนที่ชุดภาษาใกล้สูญของโลก ประจำปี 2553[5] ภาษามอญเผชิญกับการกลืนกลายทั้งในพม่าและไทยที่ซึ่งผู้สืบเชื้อสายมอญหลายคนสามารถพูดภาษาพม่าหรือภาษาไทยได้เพียงภาษาเดียว ใน พ.ศ. 2550 ผู้พูดภาษามอญมีประมาณ 800,000 ถึง 1 ล้านคน[6] ในประเทศพม่า ผู้พูดภาษานี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคใต้ของประเทศ โดยเฉพาะรัฐมอญ ตามมาด้วยภาคตะนาวศรีและรัฐกะเหรี่ยง[7]

ประวัติ

ภาษามอญในจารึกสมัยกลางเป็นทั้งภาษามอญและอักษรมอญ ประมาณ พ.ศ. 1600 เป็นต้นมา พม่ารับอักษรมอญมาใช้เขียนภาษาพม่าเป็นครั้งแรก ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ตัวอักษรได้คลี่คลายจากตัวอักษรปัลลวะ มาเป็นตัวอักษรสี่เหลี่ยม คือ ตัวอักษรที่เรียกว่า อักษรมอญโบราณ และเปลี่ยนแปลงขนาดเล็กลงในระยะต่อมา

ภาษามอญปัจจุบัน เป็นภาษาในระยะพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลาประมาณ 400 ปีเศษ ในยุคนี้เป็นจารึกในใบลาน มีลักษณะกลม ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของการจารหนังสือโดยใช้เหล็กจารลงบนใบลาน[8]

ไวยากรณ์

การจัดตระกูลภาษา ถือว่าอยู่ในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันอยู่ในแถบอินโดจีนและทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และเมื่อพิจารณาลักษณะทางไวยากรณ์ ภาษามอญ จัดอยู่ในประเภทภาษารูปคำติดต่อ (Agglutinative) อยู่ในกลุ่มภาษาตะวันออกเฉียงใต้ (South Eastern Flank Group) ซึ่งมีนักภาษาศาสตร์ ชื่อ วิลเฮ็ล์ม ชมิท (Willhelm Schmidt) ได้จัดให้อยู่ในตระกูลภาษาสายใต้ (Austric Southern family)

พระยาอนุมานราชธนได้กล่าวถึงภาษามอญไว้ว่า "ภาษามอญ นั้นมีลักษณะเป็นภาษาคำโดด ซึ่งมีรูปภาษาคำติดต่อปน" ลักษณะคำมอญ จะมีลักษณะเป็นคำพยางค์เดียว หรือสองพยางค์ ส่วนคำหลายพยางค์ เป็นคำที่ได้รับอิทธิพลจากภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาบาลีและสันสกฤต และคำที่เกิดจากการเติมหน่วยคำผสาน กล่าวคือ การออกเสียงของคำซึ่งไม่เน้นการออกเสียงในพยางค์แรก จะสร้างคำโดยการใช้การผสานคำ (affixation) กับคำพยางค์แรก เพื่อให้มีหน้าที่ทางไวยากรณ์ อีกทั้งการใช้หน่วยผสานกลางศัพท์ และการใช้สระต่าง ๆ กับพยางค์แรก ในคำสองพยางค์ ก็จะเป็นการช่วยเน้นให้พยางค์แรกเด่นชัดขึ้นด้วย แต่พยางค์หลังเป็นส่วนที่มีความหมายเดิม

กล่าวคือ ภาษามอญ เป็นภาษาที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน ไม่มีการผันคำนาม คำกริยา ตามกฎบังคับทางไวยากรณ์ ประโยคประกอบด้วย คำที่ทำหน้าประธาน กริยา และกรรม ส่วนขยายอยู่หลังคำที่ถูกขยาย[9]

การเรียงประโยคเป็นแบบ ประธาน-กริยา-กรรม (SVO, subject-verb-object) เช่นเดียวกับภาษาไทย คำคุณศัพท์เติมหลังคำนาม กริยาวิเศษณ์เติมหลังคำกริยา คำที่บอกจำนวนอยู่หน้าหรือหลังนามก็ได้ ส่วนคำที่บ่งชี้จำนวนอยู่หลังคำนาม การบอกกาลใช้การเติมคำบอกกาลเช่น "แล้ว" "จะ" เข้าในประโยคแบบเดียวกับภาษาไทย รูปประธานถูกกระทำแสดงโดยการเติมคำบ่งชี้ประธานถูกกระทำไว้หน้ากริยาสำคัญ

สัทศาสตร์

การอ่านตัวอักษรมอญ

ไม่มีเสียงวรรณยุกต์แต่มีการแบ่งเสียงพยัญชนะเป็นเสียงโฆษะและอโฆษะแบบเดียวกับภาษาเขมร

พยัญชนะ

โอษฐชะ
(Bilabial)
ทันตชะ
(Dental)
ตาลุชะ
(Palatal)
จากเพดานอ่อน
(Velar)
จากเส้นเสียง
(Glottal)
เสียงหยุด
(Stops)
p pʰ ɓ~b2t tʰ ɗ~d2c cʰk kʰʔ
เสียงเสียดแทรก
(Fricatives)
sç1h
เสียงนาสิก
(Nasals)
mnɲŋ
พยัญชนะซอนอรันต์
(Sonorant)
wl rj
  1. /ç/ พบเฉพาะคำที่ยืมจากภาษาพม่า
  2. หลายสำเนียงไม่มีเสียงกักเส้นเสียงลมเข้ากลายเป็นเสียงระเบิดแทน

สระ

หน้ากลางหลัง
สระปิดiu
สระกึ่งปิดeəo
สระกึ่งเปิดɛɐɔ
สระเปิดæa

อ้างอิง

อ่านเพิ่ม

  • Aung-Thwin, Michael (2005). The mists of Rāmañña: The Legend that was Lower Burma (illustrated ed.). Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 978-0-8248-2886-8.
  • Bauer, Christian. 1982. Morphology and syntax of spoken Mon. Ph.D. thesis, University of London (SOAS). OCLC 557257650.
  • Bauer, Christian. 1984. "A guide to Mon studies". Working Papers, Monash U.
  • Bauer, Christian. 1986. "The verb in spoken Mon". Mon–Khmer Studies 15.
  • Bauer, Christian. 1986. Questions in Mon: Addenda and Corrigenda. Linguistics of the Tibeto-Burman Area v. 9, no. 1, pp. 22–26.
  • Diffloth, Gerard. 1984. The Dvarati Old Mon language and Nyah Kur. Monic Language Studies I, Chulalongkorn University, Bangkok. ISBN 974-563-783-1
  • Diffloth, Gerard. 1985. "The registers of Mon vs. the spectrographist's tones". UCLA Working Papers in Phonetics 60: 55–58.
  • Ferlus, Michel. 1984. Essai de phonetique historique du môn. Mon–Khmer Studies, XII: 1–90. (ในภาษาฝรั่งเศส).
  • Guillon, Emmanuel. 1976. "Some aspects of Mon syntax". in Jenner, Thompson, and Starosta, eds. Austroasiatic Studies. Oceanic linguistics special publication no. 13.
  • Halliday, Robert. 1922. A Mon–English dictionary. Bangkok: Siam society. OCLC 5013553.
  • Haswell, James M. 1874. Grammatical notes and vocabulary of the Peguan language. Rangoon: American Baptist Mission Press.
  • Huffman, Franklin. 1987–1988. "Burmese Mon, Thai Mon, and Nyah Kur: a synchronic comparison". Mon–Khmer Studies 16–17.
  • Jenny, Mathias. 2005. The Verb System of Mon. Arbeiten des Seminars für Allgemeine Sprachwissenschaft der Universität Zürich, Nr 19. Zürich: Universität Zürich. ISBN 3-9522954-1-8
  • Lee, Thomas. 1983. "An acoustical study of the register distinction in Mon". UCLA Working Papers in Phonetics 57: 79-96.
  • Pan Hla, Nai. 1986. "Remnant of a lost nation and their cognate words to Old Mon Epigraph". Journal of the Siam Society 7: 122–155. ISSN 0304-226X.
  • Pan Hla, Nai. 1989. An introduction to Mon language. Center for Southeast Asian Studies, Kyoto University. OCLC 395220001.
  • Pan Hla, Nai. 1992. The Significant Role of the Mon Language and Culture in Southeast Asia. Tokyo, Japan: Institute for the Study of Languages and Cultures of Asia and Africa.
  • Shorto, H.L. 1962. A Dictionary of Modern Spoken Mon. Oxford University Press. OCLC 4138033.
  • Shorto, H.L.; Judith M. Jacob; and E.H.S. Simonds. 1963. Bibliographies of Mon–Khmer and Tai Linguistics. Oxford University Press. OCLC 2630320.
  • Shorto, H.L. 1966. "Mon vowel systems: a problem in phonological statement". in Bazell, Catford, Halliday, and Robins, eds. In memory of J.R. Firth, pp. 398–409.
  • Shorto, H.L. 1971. A Dictionary of the Mon Inscriptions from the Sixth to the Sixteenth Centuries. Oxford University Press. ISBN 978-0-19-713565-5.
  • Luangthongkum, Therapan. 1992. "Another look at the register distinction in Mon". In The international symposium on language and linguistics, edited by Cholthicha Bamroongraks et al, pp.22–51. Bangkok: Thammasat University.
  • จำปา เยื้องเจริญ และจำลอง สารพัดนึก (2528). แบบเรียนภาษามอญ. กรุงเทพฯ: ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร.

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง