ฮ่องกงของบริเตน
22°16′N 114°09′E / 22.267°N 114.150°Eฮ่องกงของบริเตน (อังกฤษ: British Hong Kong; จีน: 英屬香港; ยฺหวิดเพ็ง: Jing1 suk6 hoeng1 gong2) หรือเรียกอย่างง่ายว่า ฮ่องกง เป็นช่วงสมัยที่ฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี ค.ศ. 1841 ถึง 1997 (ยกเว้นช่วงที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองระหว่าง ค.ศ. 1941 ถึง 1945) เมื่อแรกจัดตั้งมีสถานะเป็นอาณานิคมในพระองค์ ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1781 จะมีสถานะเป็นดินแดนโพ้นทะเลของบริเตน ราชวงศ์ชิงจำยอมต้องยกเกาะฮ่องกงให้แก่บริเตนใหญ่ภายหลังจีนพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง และจำยอมต้องยกคาบสมุทรเกาลูนให้อีกเมื่อพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ในที่สุดก็มีการทำสนธิสัญญาใหม่ขึ้นใน ค.ศ. 1898 ซึ่งให้สิทธิการเช่าฮ่องกงเป็นเวลา 99 ปี ทางสหราชอาณาจักรได้ส่งคืนฮ่องกงแก่จีนเมื่อสัญญาเป็นอันสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1997 การส่งมอบเกาะฮ่องกงในครั้งนั้นถูกมองว่าเป็นจุดสิ้นสุดจักรวรรดิบริเตน
ฮ่องกง 香港 | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1841–1941 ค.ศ. 1945–1997 | |||||||||||||
สถานะ |
| ||||||||||||
เมืองหลวง | วิกตอเรีย (โดยพฤตินัย) | ||||||||||||
ภาษาราชการ |
| ||||||||||||
ศาสนา |
| ||||||||||||
พระมหากษัตริย์ | |||||||||||||
• ค.ศ. 1841–1901 | วิกตอเรีย | ||||||||||||
• ค.ศ. 1901–1910 | เอ็ดเวิร์ดที่ 7 | ||||||||||||
• ค.ศ. 1910–1936 | จอร์จที่ 5 | ||||||||||||
• ค.ศ. 1936 | เอ็ดเวิร์ดที่ 8 | ||||||||||||
• ค.ศ. 1936–1941, ค.ศ. 1945–1952 | จอร์จที่ 6 | ||||||||||||
• ค.ศ. 1952–1997 | เอลิซาเบธที่ 2 | ||||||||||||
ผู้สำเร็จราชการ | |||||||||||||
• ค.ศ. 1843–1844 | เซอร์ เฮ็นรี พ็อตทิงเกอร์ (คนแรก) | ||||||||||||
• ค.ศ. 1992–1997 | คริส แพตเทิน (คนสุดท้าย) | ||||||||||||
รัฐมนตรีอาวุโสด้านการบริหาร[หมายเหตุ 2] | |||||||||||||
• ค.ศ. 1843 | จอร์จ มัลคอล์ม (คนแรก) | ||||||||||||
• ค.ศ. 1993–1997 | อันซอน ชัน (คนสุดท้าย) | ||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | สภานิติบัญญัติ | ||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยวิกตอเรียจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20 | ||||||||||||
• ถูกบริเตนยึดครอง | 26 มกราคม ค.ศ. 1841 | ||||||||||||
29 สิงหาคม ค.ศ. 1842 | |||||||||||||
18 ตุลาคม ค.ศ. 1860 | |||||||||||||
• อนุสัญญาสำหรับการขยายเขตแดนของฮ่องกง | 9 มิถุนายน ค.ศ. 1898 | ||||||||||||
• การยึดครองฮ่องกงโดยญี่ปุ่น | 25 ธันวาคม ค.ศ. 1941 – 30 สิงหาคม ค.ศ. 1945 | ||||||||||||
• ยกคืนฮ่องกง | 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1997 | ||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||
• ค.ศ. 1996 ประมาณ | 6,217,556[1] | ||||||||||||
5,796 ต่อตารางกิโลเมตร (15,011.6 ต่อตารางไมล์) | |||||||||||||
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 1996[2] (ประมาณ) | ||||||||||||
• รวม | 1.54 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ | ||||||||||||
• ต่อหัว | 23,843 ดอลลาร์สหรัฐ | ||||||||||||
จีดีพี (ราคาตลาด) | 1996[2] (ประมาณ) | ||||||||||||
• รวม | 1.60 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ | ||||||||||||
• ต่อหัว | 24,698 ดอลลาร์สหรัฐ | ||||||||||||
จีนี (ค.ศ. 1996) | 51.8[3] สูง | ||||||||||||
เอชดีไอ (ค.ศ. 1995) | 0.808[4] สูงมาก | ||||||||||||
สกุลเงิน | ก่อน ค.ศ. 1895:
ค.ศ. 1895–1937:
หลัง ค.ศ. 1937: | ||||||||||||
| |||||||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ |
ฮ่องกงของบริเตน | |||||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 英屬香港 | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อักษรจีนตัวย่อ | 英属香港 | ||||||||||||
|
แม้ว่าเกาะฮ่องกงและเกาลูนจะถูกยกให้เป็นการถาวร แต่พื้นที่เช่าบริเวณนิวเทร์ริทอรีส์นั้นเป็นดินแดนส่วนใหญ่ และอังกฤษถือว่าไม่มีทางเป็นไปได้ในการแบ่งแยกอาณานิคมที่เป็นเอกภาพออกเป็นส่วน ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะไม่พิจารณาขยายสัญญาเช่าหรืออนุญาต หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการบริหารของอังกฤษ ในที่สุดสหราชอาณาจักรก็ตกลงที่จะทำการถ่ายโอนอำนาจอธิปไตยเหนือฮ่องกงทั้งหมดให้กับจีนเมื่อสัญญาเช่านั้นหมดอายุลงในปี ค.ศ. 1997 หลังจากได้รับ "การค้ำประกัน" ที่จะ "รักษาระบบการปกครอง เสรีภาพ และวิถีชีวิต" เป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี[5]
ประวัติศาสตร์
รัฐบาล
ฮ่องกงเป็นอาณานิคมในพระองค์ของสหราชอาณาจักรและดำเนินการบริหารตามแบบของระบบเวสต์มินสเตอร์ พระราชเอกสารสิทธิเป็นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญของรัฐบาลอาณานิคม โดยพระราชโองการเป็นการกำหนดรายละเอียดการปกครองและจัดระเบียบดินแดนของอาณานิคม
ผู้สำเร็จราชการเป็นหัวหน้ารัฐบาลและได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ให้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนของสถาบันกษัตริย์ในอาณานิคม อำนาจบริหารมีการรวมศูนย์อยู่ที่ผู้สำเร็จราชการซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติและสภาผู้บริหารเกือบทั้งหมด และยังดำรงตำแหน่งประธานของทั้งสององค์กรด้วย[6] รัฐบาลอังกฤษให้การดูแลรัฐบาลอาณานิคม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักรได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการในการเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมของสภานิติบัญญัติและสภาผู้บริหาร[6] และกษัตริย์มีพระราชอำนาจเพียงพระองค์เดียวในการแก้ไขพระราชเอกสารสิทธิและพระราชโองการ
สภาผู้บริหารเป็นผู้กำหนดนโยบายของการบริหารและพิจารณาร่างกฎหมายหลักก่อนที่จะส่งต่อไปยังสภานิติบัญญัติเพื่อพิจารณาอนุมัติ หน่วยงานที่ปรึกษานี้ยังออกกฎหมายลำดับรองภายใต้กฎหมายอาณานิคมที่จำกัด สภานิติบัญญัติอภิปรายการเสนอกฎหมายและรับผิดชอบในการพิจารณางบประมาณ สภาได้รับการปฏิรูปในช่วงปีท้าย ๆ ของการปกครองอาณานิคมเพื่อริเริ่มการมีผู้แทนประชาชนที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น[6] การเลือกสมาชิกสภาทางอ้อมในเขตเลือกตั้งตามกลุ่มผลประโยชน์ทางวิชาชีพ (functional constituency) เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1985 และการเลือกสมาชิกสภาตามความนิยมในเขตเลือกตั้งทางภูมิศาสตร์เริ่มในปี ค.ศ. 1991 การปฏิรูปการเลือกตั้งเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 1994 ทำให้สภานิติบัญญัติมีผู้แทนที่หลากหลาย การบริหารกิจการพลเรือนนำโดยเลขาธิการแห่งรัฐอาณานิคม (ภายหลังคือ รัฐมนตรีอาวุโสด้านบริหาร) ซึ่งเป็นรองผู้สำเร็จราชการโดยตำแหน่ง[6]
ระบบตุลาการตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายอังกฤษ โดยกฎหมายจารีตประเพณีจีนมีบทบาทรองในคดีแพ่งที่เกี่ยวข้องกับชาวจีน[7] ศาลฎีกาฮ่องกงเป็นศาลสูงสุด ทำหน้าที่ตัดสินคดีแพ่งและคดีอาญาทั้งหมดในอาณานิคม ในช่วงต้นยุคอาณานิคมมีการพิจารณาคดีคำร้องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตจากภูมิภาคอื่น ๆ ของจีนที่เกี่ยวข้องกับชาวอังกฤษในศาลนี้ด้วย คณะกรรมการตุลาการของคณะองคมนตรีทำหน้าที่รับการอุทธรณ์เพิ่มเติมจากศาลฎีกาโดยวินิจฉัยออกคำพิพากษาขั้นสุดท้ายในอาณาเขตจักรวรรดิอังกฤษทั้งหมด[8]
นักเรียนนายทหาร
ในปี ค.ศ. 1861 ผู้สำเร็จราชการเซอร์เฮอร์คิวลีส โรบินสัน ได้ก่อตั้งโรงเรียนนายทหารฮ่องกง ซึ่งคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษารุ่นใหม่จากสหราชอาณาจักร ให้เรียนภาษาจีนกวางตุ้งและการเขียนภาษาจีนเป็นเวลาสองปีก่อนที่จะรับเข้าปฏิบัติราชการอย่างรวดเร็ว นักเรียนนายทหารค่อย ๆ เป็นกำลังหลักของการบริหารราชการ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้มีเชื้อสายจีนได้รับอนุญาตให้เข้ารับการศึกษา และต่อมาผู้หญิงก็ได้เข้าศึกษาเช่นกัน นักเรียนนายทหารถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าหน้าที่บริหารในปี ค.ศ. 1950 และพวกเขายังคงเป็นแกนนำของข้าราชการพลเรือนในช่วงที่อังกฤษปกครอง[9]
เศรษฐกิจ
เสถียรภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการคาดเดาได้ของฝ่ายบริหารและระบบกฎหมายอังกฤษ ทำให้ฮ่องกงมีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ[10] ในทศวรรษแรกของอาณานิคมรายได้จากการค้าฝิ่นเป็นแหล่งทุนหลักของรัฐบาล ความสำคัญของฝิ่นลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่รัฐบาลอาณานิคมยังคงมีรายได้จากฝิ่นจนกระทั่งญี่ปุ่นเข้ายึดครองฮ่องกงในปี ค.ศ. 1941[10] แม้ว่าธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาณานิคมยุคแรกจะดำเนินการโดยชาวอังกฤษ อเมริกัน และชาวต่างชาติอื่น ๆ แต่คนงานชาวจีนเป็นกำลังแรงงานหลักในการพัฒนาเมืองท่าแห่งใหม่นี้[11]
ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 คนเชื้อสายจีนจำนวนมากได้กลายเป็นบุคคลสำคัญทางธุรกิจในฮ่องกง เช่น เซอร์ลี กาชิง ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของอาณานิคมในเวลานั้น
เชิงอรรถ
อ้างอิง
บรรณานุกรม
- Snow, Philip (2004). The Fall of Hong Kong: Britain, China and the Japanese Occupation. Yale University Press. ISBN 0300103735.
- Tsang, Steve (2004). A Modern History of Hong Kong. I. B. Tauris. ISBN 978-1-84511-419-0.
ดูเพิ่ม
- Carroll, John M. (2007). A Concise History of Hong Kong. Rowman & Littlefield. ISBN 9780742574694.
- David Clayton (15 April 2007). Hong Kong since 1945: An Economic and Social History (1st ed.). Routledge. ISBN 978-0415202664.
- Endacott, G. B. (1964). An Eastern Entrepot: A Collection of Documents Illustrating the History of Hong Kong. Her Majesty's Stationery Office. p. 293. ASIN B0007J07G6. OCLC 632495979.
- Lui, Adam Yuen-chung (1990). Forts and Pirates – A History of Hong Kong. Hong Kong History Society. p. 114. ISBN 962-7489-01-8.
- Liu, Shuyong; Wang, Wenjiong; Chang, Mingyu (1997). An Outline History of Hong Kong. Foreign Languages Press. p. 291. ISBN 978-7-119-01946-8.
- Ngo, Tak-Wing (1 August 1999). Hong Kong's History: State and Society Under Colonial Rule. Routledge. p. 205. ISBN 978-0-415-20868-0.
- Tsang, Steve (1995). Government and Politics: A Documentary History of Hong Kong. Hong Kong University Press. ISBN 962-209-392-2.
- Welsh, Frank (1993). A Borrowed place: the history of Hong Kong. Kodansha International. p. 624. ISBN 978-1-56836-002-7.
แหล่งข้อมูลอื่น
- "Official web site of the British Hong Kong Government". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 1996. สืบค้นเมื่อ 26 March 2013.
- ฮ่องกงของบริเตน ที่เฟซบุ๊ก
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "หมายเหตุ" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="หมายเหตุ"/>
ที่สอดคล้องกัน