แจ็ก วิลเชียร์

แจ็ก แอนดรูว์ แกร์รี วิลเชียร์ (อังกฤษ: Jack Andrew Garry Wilshere; เกิด 1 มกราคม ค.ศ. 1992) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝึกสอนให้แก่อาร์เซนอล U18

แจ็ก วิลเชียร์
วิลเชียร์ในปี 2019
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็มแจ็ก แอนดรูว์ แกร์รี วิลเชียร์[1]
วันเกิด (1992-01-01) 1 มกราคม ค.ศ. 1992 (32 ปี)[2]
สถานที่เกิดสตีเวนิจ, อังกฤษ
ส่วนสูง5 ft 8 in (1.72 m)[3]
ตำแหน่งกองกลาง
สโมสรเยาวชน
2001ลูตันทาวน์
2001–2008อาร์เซนอล
สโมสรอาชีพ*
ปีทีมลงเล่น(ประตู)
2008–2018อาร์เซนอล125(7)
2010โบลตันวอนเดอเรอส์ (ยืมตัว)14(1)
2016–2017บอร์นมัท (ยืมตัว)27(0)
2018–2020เวสต์แฮมยูไนเต็ด16(0)
2021บอร์นมัท14(1)
2022AGF14(0)
รวม210(9)
ทีมชาติ
2006–2007อังกฤษ อายุไม่เกิน 16 ปี2(0)
2007–2009อังกฤษ อายุไม่เกิน 17 ปี9(0)
2009อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี1(0)
2009อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี7(0)
2010–2016อังกฤษ34(2)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

ชีวิตช่วงแรก

วิลเชียร์เกิดที่เมืองสตีเวนิจ ฮาร์ทฟอร์ดเชอร์ ปัจจุบันอยู่ที่เมือง ฮิตชิน ฮาร์ทฟอร์ดเชอร์ เขาเติบโตขึ้นที่เมืองฮิตชิน เข้าเรียนโรงเรียนประถมที่ไวต์ฮิล และโรงเรียนเดอะไพรออรี[4] เขาเป็นกัปตันทีมฟุตบอลของเดอะไพรออรี ในชัยชนะเคาน์ตีคัปและดิสทริกคัป ตั้งแต่ชั้นเกรด 7 ถึง เกรด 10 (ราว ม.1-5) และยังเล่นกับฟุตบอลทีมชาติอายุไม่เกิน 15 ปี ตั้งแต่ชั้นเกรด 8 (ม.2) โดยร่วมเล่นกับเจค อาร์เจนต์-มาร์ตินและแจ็ก ลีฟส์ แห่งเลย์ตันโอเรียนต์

ระดับอาชีพ

ทีมเยาวชนและทีมสำรอง

วิลเชียร์ได้เข้าร่วมกับสถาบันสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 ขณะที่อายุได้ 9 ปี หลังจากที่เข้ร่วมเล่นกับสโมสรฟุตบอลลูตันทาวน์เป็นเวลา 2 เดือน[5] และเมื่ออายุ 15 ปี เขาเป็นกัปตันทีมอายุไม่เกิน 16 ปี และยังเล่นบางนัดในทีมอายุไม่เกิน 18 ปี ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2007 วิลเชียร์เป็นส่วนหนึ่งของทีมชนะเลิศแชมเปียนส์ยูทคัป ต่อมาโค้ชของสถาบันสโมสร สตีฟ เบาลด์ ได้ให้เขาเริ่มเล่นกับทีมอายุไม่เกิน 18 ปี ครั้งแรกโดยแข่งกับสโมสรฟุตบอลเชลซี อายุไม่เกิน 18 ปี[6] เขาทำประตูแรกในการแข่งกับสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา อายุไม่เกิน 18 ปี ในชัยชนะ 4–1[7] จากนั้นยิงแฮตทริก ในการแข่งกับสโมสรฟุตบอลวัตฟอร์ตอายุไม่เกิน 18 ปี ได้ทำให้ทีมชนะในแอคาเดมีกรุ๊ปเอ[8] จบฤดูกาลกับทีมอายุไม่เกิน 18 ปี เขาทำประตู 13 ประตู ในการลงแข่งขัน 18 นัด เมื่อเขาอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น[9]

เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 เขาลงแข่งเปิดตัวในฐานะทีมสำรองอาร์เซนอล เมื่ออายุ 16 ปี โดยแข่งกับเรดดิง วิลเชียร์ทำประตูให้กับการแข่งขันที่อาร์เซนอลได้ประตูเดียว สุดท้ายคือผลเสมอ[10] เขาทำประตูในนัดแข่งกับทีมสำรองของเวสต์แฮมในเดือนมีนาคม โดยยิงบอลโค้งเข้าไปในกรอบประตูบน ซึ่งอาร์แซน แวงแกร์ได้จับตามองดูอยู่[11] เขาทำประตู 2 ประตูและช่วยส่งทำประตู 2 ประตู ในการลงแข่งเพียง 3 ครั้งให้กับทีมสำรองในปลายฤดูกาล 2007-08 เขาลงเล่นในทีมชุดอายุไม่เกิน 16 ปี นำชัยชนะในถ้วยอะตาแลนตาคัป และได้ตำแหน่งผู้เล่นแห่งการแข่งขันครั้งนี้ไปด้วย[12] เขามีบทบาทสำคัญในการแข่งขันของอาร์เซนอล ในชุดเอฟเอฟยูทคัป 2009 โดยทำประตูในรอบรองชนะเลิศ[13] และทำให้เขาเป็นผู้เล่นแห่งนัด ในการแข่งขันครั้งแรกกับลิเวอร์พูล เขาช่วยทำประตู 2 ประตูและยังทำประตูได้อีก[14]

วิลเชียร์กำลังอุ่นเครื่อง ก่อนลงแข่งกับ เวสตบรอมมิชอัลเบียน

ฤดูกาล 2008–09

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 วิลเชียร์ได้รับเลือกให้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ ในนัดกระชับมิตรก่อนเปิดฤดูกาล เขาเล่นเปิดตัวในทีมแรกโดยแข่งกับสโมสรฟุตบอลบาร์เนต ลงแทนที่เฮนรี ลันส์บูรี ในครึ่งหลัง ช่วงส่งลูกให้เจย์ ซิมป์สัน ยิง[15] วิลเชียร์ทำ 2 ประตูแรกในนัดที่อาร์เซนอลชนะ บัวร์เกินลันท์ XI ไป 10–2 และอีกครั้งในสองวันต่อมาในนัดกระชับมิตร แข่งกับสตุตการ์ต

ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล อาร์แซน แวงแกร์ ให้โอกาสวิลเชียร์ลงแข่งในทีมแรก ในการเป็นผู้เล่นในฤดูกาล 2008–09[16] โดยเขาได้ใส่เสื้อเบอร์ 19 ซึ่งเขาใส่เบอร์นี้มาจนถึง ณ วันนี้[17] เขาลงแข่งครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก โดยแข่งกับสโมสรฟุตบอลแบล็กเบิร์นโรเวิร์ส ที่อีวูดพาร์ก ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2008 ลงแข่งแทนการเปลี่ยนตัวโรบิน ฟาน เพอร์ซี ในนาทีที่ 84[18] ด้วยอายุ 16 ปี กับอีก 256 วัน ทำให้เขาเป็นผู้เล่นอาร์เซนอลที่อายุน้อยที่สุดในการลงแข่งครั้งแรก โดยสถิติก่อนหน้านี้เป็นของ เซสก์ ฟาเบรกัส[19] หลังจากนั้น 10 วัน เมื่อวันที่ 23 กันยายน วิลเชียร์ทำประตูแรกให้กับอาร์เซนอลในชัยชนะ 6–0 เหนือสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด ในฟุตบอลลีกคัป[20] เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 วิลเชียร์ลงเปลี่ยนตัวแทนในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดเจอกับสโมสรฟุตบอลดีนาโมเคียฟ (Dynamo Kyiv) กลายเป็นผู้เล่นอายุ 16 ปี คนที่ 5 ที่ได้ลงแข่งในแชมเปียนส์ลีก[21] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 วิลเชียร์เซ็นสัญญาฟุตบอลอาชีพครั้งแรก[22] โดยสัญญาถึงเดือนกรกฎาคม ในปีนั้น[23]

ฤดูกาล 2009–10

ในช่วงระหว่างเตรียมตัวสำหรับฤดูกาล 2009–10 วิลเชียร์ทำประตู 2 ครั้งและได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งนัดให้กับอาร์เซนอล ในนัดกระชับมิตรในเอมิเรตส์คัป เมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2009 เขาลงเล่นกับอาร์เซนอล ในชัยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลเวสต์บรอมมิชอัลเบียน ในลีกคัป 2–0 โดยในนาทีที่ 37 เกิดข้อพิพาทระหว่างเขากับเจโรม โทมัส โดยโทมัสผัสหน้าของวิลเชียร์ และได้รับใบแดงไป[24]

ยืมตัวไปโบลตันวันเดอเริร์ส

ในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ได้แข่งในพรีเมียร์ลีก ร่วมกับสโมสรฟุตบอลโบลตันวันเดอเริร์ส ในการยืมตัวไปจนจบฤดูกาล 2009–10[25] เขาลงแข่งในลีกครั้งแรกโดยเป็นทีมเยือน แข่งกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และทำประตูแรกให้กับโบลตัน เป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของเขา และวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2010 ชนะสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ด 2–1[26] เขาสร้างความประทับใจให้กับทีมโบลตัน และทางโบลตันพยายามที่จะเซ็นสัญญายืมตัวเขาอีกฤดูกาล แต่ก็ไม่สำเร็จ[27]

ฤดูกาล 2010–11

วิลเชียร์ในนัดเจอกับเบอร์มิงแฮมซิตี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2010

ในฤดูกาล 2010–11 ถือเป็นฤดูกาลแจ้งเกิดของวิลเชียร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2010 วิลเชียร์เริ่มเล่นในนัดพรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับอาร์เซนอล โดยพบกับลิเวอร์พูล ที่สนามแอนฟิลด์[28] ในสุดสัปดาห์ถัดมาแข่งกับสโมสรฟุตบอลแบล็กพูล โดยเขาเป็นคนช่วยจ่ายลูกยิงประตู เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ลงการแข่งขันในแชมเปียนส์ลีกครั้งแรก ได้ช่วยจ่ายลูกยิงและมีผลงานการเล่นที่น่าประทับใจ[29] วิลเชียร์ได้เป็นผู้เล่นอาร์เซนอลแห่งเดือนกันยายน ค.ศ. 2010[30] เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ได้ใบแดงครั้งแรกในเกมพรีเมียร์ลีก ในนัดเจอกับสโมสรฟุตบอลเบอร์มิงแฮมซิตี จากการปะทะกับนีกอลา ซีกิช[31]

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ทำประตูแรกในแชมเปียนส์ลีก โดยชิปข้าม อันดรีย์ ปีอาตอฟ (Andriy Pyatov) ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม ในรอบแบ่งกลุ่มที่เจอกับสโมสรฟุตบอลชาคห์ตาร์โดเนตสค์ ชนะไป 5-1[32] เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ได้เซ็นสัญญาระยะยาวฉบับใหม่[33] เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดอาร์เซนอลพบสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา ชนะไป 4–2 วิลเชียร์ได้รับคำชมในผลงานที่แข่งกับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา โดยทีมชนะไป 2-1 ในนัดนี้เขาส่งผ่าน 93.5% โดย 91% เกิดขึ้นใน 1 ใน 3 ส่วนของสนาม ในแดนคู่แข่ง[34][35][36] ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลอาร์แซน แวงแกร์ พูดถึงผลงานครั้งนี้ของเขาว่า "โดดเด่น"[37] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2011 วิลเชียร์ได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ และยังอยู่ในรายชื่อทีมแห่งปีของฤดูกาล 2011 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมอื่นของอาร์เซนอล ซาเมียร์ นาสรีและบาการี ซาญา[38]

ฤดูกาล 2016–17

ในช่วงต้นฤดูกาล 2016–17 ก่อนการปิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนตัวผู้เล่นในรอบแรก วิลเชียร์ได้ย้ายไปยังบอร์นมัท สโมสรในระดับเล็กกว่าในพรีเมียร์ลีกเช่นเดียวกัน ในแบบยืมตัว เนื่องจากฤดูกาลก่อนหน้านั้น วิลเชียร์ได้รับบาดเจ็บแทบจะไม่ได้ลงเล่นเกือบทั้งฤดูกาล แม้ว่าจะติดทีมชาติไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ก็ตาม แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มาก[39] กอรปกับอาร์เซนอลได้ซื้อตัวเล่นกองกลางเข้ามาเพิ่ม เช่น โมฮัมหมัด เอลเนนี หรือกรานิต จากา ทำให้ต้องเสียตำแหน่งตัวจริงไป โดยมีสโมสรต่าง ๆ ตัวการตัววิลเชียร์มากถึง 21 สโมสร[40]

รูปแบบการเล่น

วิลเชียร์เป็นนักฟุตบอล ที่เลื่องชื่อในด้านการส่งผ่านบอล การเลี้ยงลูก วิสัยทัศน์ การเคลื่อนไหวและการเล่นรวมกัน[41][42][43] โอเวน คอยล์ ผู้จัดการทีมโบลตันวันเดอเรอร์ส ในช่วงการยืมตัวอยู่ในโบลตัน ชื่นชมความสามารถเขาว่า "หยุดฝ่ายตรงข้ามที่ครองลูกและสามารถเอามาได้" ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้สูง เขายังได้ถูกเปรียบเทียบกับอดีตนักฟุตบอลอังกฤษ พอล แกสคอยน์ ในด้านคุณลักษณะการเล่นกองกลาง อย่างไรก็ตาม หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชนของอาร์เซนอล เลียม เบรดี กล่าวว่า วิลเชียร์มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ในช่วงต้นของอาชีพ[44]

วิลเชียร์เล่นในหลาย ๆ ตำแหน่ง อย่างเช่น กองกลางตัวรุก ปีก และควบคุมช่องว่างระหว่างกองหลังและกองกลาง เขาเกือบเล่นในทุกตำแหน่งที่ว่านี้ในฤดูกาล 2010-11 แวงแกร์ยังกล่าวว่า "เขาเป็นผู้เล่นที่ทั้งรุกและรับ มากกว่าการเป็นกองกลางเฉย ๆ"

การแข่งขันระหว่างประเทศ

วิลเชียร์และบ็อบบี ซาโมรา ในนัดเปิดตัวกับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ในนัดแข่งกับฟุตบอลทีมชาติฮังการี เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2010

ตั้งแต่ ค.ศ. 2006 ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ได้เลือกวิลเชียร์เพื่อเล่นให้กับทีมชาติ ในช่วงอายุของเขา โดยวิลเชียร์ในขณะที่อายุ 14 ปี ในลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ อายุไม่เกิน 16 ปี ในการแข่งวิกตอรีชีลด์ ในปี ค.ศ. 2006 เมื่ออายุ 15 ปี เขาลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ อายุไม่เกิน 17 ปี จากนั้นมีชื่อในทีมฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป อายุไม่เกิน 17 ปี ในปี 2009 ลงเล่นใน 2 นัดแรก เป็นตัวหลักในการกดดันในเกมที่ 2 ที่แข่งกับเยอรมนี ก่อนที่จะออกไปหลังจากบาดเจ็บ ทำให้เขาอดลงเล่นในนัดสุดท้าย[45][46] หลังจากการแข่งขันนี้ ทำให้เขาอยู่ในรายชื่อ 10 ดาวรุ่งแห่งการแข่งขันนี้[47]

เขายังได้รับคำชมจากผู้จัดการทีมชาติอังกฤษฟาบีโอ กาเปลโล ที่แสดงให้เห็นว่า เขามีโอกาสที่จะลงเป็นกองกลางในทีมผู้เล่นฟุตบอลโลก 2010 แต่ก็พลาดไป เขายังเป็นตัวสำรองในทีมชาติอังกฤษอายุไม่เกิน 21 ปี โดยลงแข่งครั้งแรกในนัดเจอกับเนเธอร์แลนด์[48]

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2010 เขาถูกเรียกตัวในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในนัดกระชับมิตร เจอกับฟุตบอลทีมชาติฮังการี เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม[49] เขาลงแข่งครั้งแรกในฐานะตัวแทนทีมชาติอังกฤษเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ในนาทีที่ 83 โดยลงแทนสตีเวน เจอร์ราด ในนัดเจอกับฮังการี[50] และทำให้เขาเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษที่อายุน้อยที่สุด อันดับ 10[51]

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 เขาลงเป็นตัวจริงลงสนามครั้งแรกให้กับทีมชาติอังกฤษ ในนัดกระชับมิตรเจอกับฟุตบอลทีมชาติเดนมาร์ก เขาสร้างความประทับใจถึงแม้ว่าจะเล่นในตำแหน่งไม่คุ้นเคย กับกองหลัง และได้คำชมจากฟาบีโอ กาเปลโล[52]

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก ระหว่าง สโลเวเนีย กับ อังกฤษ วิลเชียร์สามารถทำประตูแรกให้กับทีมชาติได้ และยิงได้ถึง 2 ลูก ด้วยลูกยิงไกลในนาทีที่ 57 และ 74 ผลโดยรวมอังกฤษเป็นฝ่ายเอาชนะไป 3-2 ประตู ซึ่งนัดนี้ทำให้วิลเชียร์ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศส รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษได้เลือกตัววิลเชียร์ติดทีมชาติไปด้วย ทั้งที่ในฤดูกาลที่ผ่านมา วิลเชียร์เจ็บแทบทั้งฤดูกาลและได้ลงเล่นให้อาร์เซนอลเพียงแค่ 3 นัด (คิดเป็นเวลา 141 นาที) เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ฮอดจ์สันถูกวิจารณ์อย่างมาก และเมื่ออังกฤษตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฮอดจ์สันก็ได้ลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบ [53] [54]

สถิติ

สโมสร

สโมสรฤดูกาลลีกเอฟเอคัปลีกคัปยูโรปรวม
นัดประตูช่วยจ่ายยิงประตูนัดประตูช่วยจ่ายยิงประตูนัดประตูช่วยจ่ายยิงประตูนัดประตูช่วยจ่ายยิงประตูนัดประตูช่วยจ่ายยิงประตู
อาร์เซนอล2008–09100200311200811
2009–10100100200300700
โบลตันวอนเดอเรอส์ (ยืมตัว)2009–1014110000000001411
อาร์เซนอล2010–1127122004037134028
อาร์เซนอล2011-12000000000000000
อาร์เซนอล2012-1325004101003103320
รวม (อาร์เซนอล)291250091412135539
รวมตลอดทั้งอาชีพ43235009141213694129
(สถิตินับถึงการแข่งขันในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2013)[55]

ทีมชาติ

ทีมชาติสโมสรปีนัดประตูช่วยจ่ายยิงประตู
EnglandArsenal20100 (1)00
20113 (0)00
Total3 (1)00

ชีวิตส่วนตัว

เมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2011 แฟนสาวของเขาลอเรน นีล ให้กำเนิดบุตรชาย โดยตั้งชื่อว่า อาร์ชี แจ็ก วิลเชียร์ โดยเกิดเมื่อเวลา 15.06 น. (เวลาสหราชอาณาจักร) น้ำหนักตัว 7 ปอนด์ 11 ออนซ์

เกียรติประวัติ

อาร์เซนอล

ชนะเลิศ:

  • พรีเมียร์แอคะเดมีลีก: 2008–09
  • เอฟเอยูทคัป: 2008–09
  • เอฟเอคัพ: 2014

รองชนะเลิศ:

ทีมชาติ

ชนะเลิศ:

  • วิกตอรีชีลด์: 2006, 2007

ส่วนตัว

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง