เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์

รายการเรียลลิตีโชว์แข่งขันทำอาหาร

เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ (อังกฤษ: Hell’s Kitchen Thailand) เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทเรียลลิตีโชว์แข่งขันทำอาหารในครัวจริง เพื่อหาผู้ชนะมาเป็นหัวหน้าแผนกครัวในภัตตาคารจริง โดย บริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด ซื้อลิขสิทธิ์จากไอทีวีสตูดิโอส์ของสหราชอาณาจักร นำมาผลิตในรูปแบบของประเทศไทย ดำเนินรายการโดย เชฟป้อม - หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล, เชฟวิลแมน ลีออง, เชฟอ๊อฟ - ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ และเชฟเอียน - พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ทางช่อง 7HD

เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์
ประเภทเรียลลิตี้, การทำอาหาร
สร้างโดยกอร์ดอน แรมซีย์
เค้าโครงจากเฮลล์คิทเช่น (เวอร์ชั่นสหราชอาณาจักร (ต้นฉบับ)
เวอร์ชั่นสหรัฐ (รูปแบบหลัก))
ผู้กำกับศิลป์กฤตพร แย้มสุข
กรรมการ
บรรยายโดยปิยะ วิมุกตายน
ประเทศแหล่งกำเนิดประเทศไทย
ภาษาต้นฉบับภาษาไทย
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิตกิติกร เพ็ญโรจน์
ผู้อำนวยการสร้างนครินทร์ เศรษฐิศักดิ์โก
สถานที่ถ่ายทำเดอะ สตูดิโอ พาร์ค อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
ผู้ลำดับภาพกิตติ ภิญโญ
กล้องกล้องหลายตัว
ความยาวตอน110-120 นาที
บริษัทผู้ผลิตบริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด
ออกอากาศ
เครือข่ายช่อง 7HD
ออกอากาศ4 กุมภาพันธ์ 2567 (2567-02-04) –
ปัจจุบัน

รูปแบบรายการ

เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ เป็นรายการเรียลลิตีแข่งขันทำอาหารที่ใช้รูปแบบการคัดออก (Elimination) อย่างต่อเนื่องเพื่อทดสอบความมุ่งมั่นในการทำอาหารในครัวจริงของผู้เข้าแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาล โดยจากผู้เข้าแข่งขันจำนวน 16 คน จะเหลือผู้ชนะเพียง 1 คน ที่จะได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกครัว หรือ หัวหน้าเชฟ (Head Chef) ในภัตตาคารจริง โดยบริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตรายการแข่งขันทำอาหารที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยหลายรายการ เช่น เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย, มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์, ศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก, สุดยอดเชฟหักเหลี่ยมโหด และ ท็อปเชฟไทยแลนด์ ได้บรรลุข้อตกลงการซื้อลิขสิทธิ์กับไอทีวีสตูดิโอส์ เจ้าของลิขสิทธิ์รายการนี้จากสหราชอาณาจักร เพื่อนำมาผลิตในรูปแบบของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565[1]

เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ นั้น มีความแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในส่วนของหัวหน้าเชฟประจำรายการ เนื่องจากมีจำนวน 4 คน ที่สลับสับเปลี่ยนกันควบคุมครัวในช่วงบริการอาหารเย็นในแต่ละสัปดาห์[2] ทำให้ในทุก ๆ สัปดาห์ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำและเสิร์ฟอาหาร 4 ประเภท โดยจะสลับตามหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ ดังนี้

  1. อาหารตะวันตกดั้งเดิม (Classic Western Cuisine) ดูแลโดย วิลแมน ลีออง (เชฟวิลแมน)
  2. อาหารไทยร่วมสมัย (Contemporary Thai Cuisine) ดูแลโดย หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล (เชฟป้อม)
  3. อาหารตะวันตกสมัยใหม่ (Modern Western Cuisine) ดูแลโดย พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย (เชฟเอียน)
  4. อาหารเอเชียแนวผสมผสาน (Asian Twist) ดูแลโดย ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ (เชฟอ๊อฟ)

ส่วนรูปแบบการแข่งขันของ เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ ส่วนใหญ่ใช้รูปแบบของสหรัฐเป็นหลัก คือรับสมัครผู้เข้าแข่งขันจากทุกสาขาอาชีพ ที่มีประสบการณ์ในการทำอาหาร รวมถึงนักเรียนหลักสูตรการทำอาหาร และเชฟมืออาชีพ เข้าร่วมการแข่งขัน[3] และแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็น 2 ทีม คือ ทีมสีแดง สำหรับผู้หญิง และ ทีมสีน้ำเงิน สำหรับผู้ชาย โดยจะได้รับเสื้อยูนิฟอร์มเชฟที่มีแผงสีนั้น ๆ บนไหล่ และทุกคนจะอยู่ในทีมเดิมตลอดการแข่งขันส่วนใหญ่ แต่การย้ายทีมสามารถเกิดขึ้นได้ หากคณะหัวหน้าเชฟเห็นว่าความสามารถในการทำงานของทั้ง 2 ทีมต่างกันมาก หรือจำนวนผู้เข้าแข่งขันในสัปดาห์นั้นของทั้ง 2 ทีมต่างกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยการย้ายทีมในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะหัวหน้าเชฟ

ภารกิจย่อย (Challenge)

ในรอบภารกิจย่อย เชฟแต่ละคนหรือแต่ละทีมจะได้รับมอบหมายให้ทำอาหารตามโจทย์การแข่งขันของหัวหน้าเชฟในแต่ละสัปดาห์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่มีเวลา 45 นาทีในการทำอาหาร หลังจากหมดเวลา หัวหน้าเชฟจะทำการตัดสินอาหารของเชฟแต่ละคน โดยมีระดับการให้คะแนนตั้งแต่ 0-3 คะแนน ต่อ 1 จาน โดยทีมหรือเชฟที่ได้รับคะแนนรวมสูงสุดจะเป็นผู้ชนะในรอบนี้ และได้รับรางวัล (กิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ภายนอกภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น และรางวัลอื่น ๆ ที่เป็นไปได้) ส่วนทีมหรือเชฟที่แพ้ในรอบนี้จะถูกลงโทษ ซึ่งของรางวัลและบทลงโทษจะมีความแตกต่างกันในแต่ละสัปดาห์

บริการอาหารเย็น (Dinner service)

ก่อนการแข่งขันให้บริการอาหารเย็น จะให้เชฟศึกษาเมนูจากตำราอาหารของหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ หลังจากนั้นเชฟจะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประจำแต่ละฐานครัว (อาหารเรียกน้ำย่อย, เนื้อสัตว์, อาหารทะเล, ซอส, ของตกแต่งหรือเครื่องเคียง และของหวาน) ในห้องครัว และมีเวลา 2 ชั่วโมงในการเตรียมอาหาร โดยประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม เพื่อให้ทั้งคุณภาพอาหารและการนำเสนอออกมาเป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงของภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น และพร้อมสำหรับการให้บริการอาหารเย็นให้กับลูกค้า 100 คน ที่จ่ายเงินมาจองโดยคาดหวังว่าจะได้รับประทานอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน โดยเมนูอาหารสำหรับการให้บริการอาหารเย็นนั้นจะเปลี่ยนแปลงโจทย์ในทุกสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ

หลังเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น (Hell's Kitchen Restaurant) แล้ว หัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะเรียกร้องให้คำสั่งซื้อทั้งหมดสำหรับแต่ละคอร์สในแต่ละโต๊ะต้องออกไปพร้อมกัน และจะส่งคำสั่งซื้อทั้งหมดกลับคืนหากมีการจัดเตรียมรายการใดรายการหนึ่งไม่ถูกต้อง เช่น ทำเมนูออกมาสุกเกินไปหรือดิบเกินไป หรือปรุงรสไม่ถูกต้อง แม้ว่าเขาอาจส่งคำสั่งซื้อที่ไม่สมบูรณ์เพื่อกระตุ้นให้เชฟมารวมกัน ขณะที่เชฟถูกแบ่งออกเป็นสองทีม หัวหน้าเชฟจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วยเชฟสองคนที่เชื่อถือได้ โดยแต่ละคนจะคอยดูแลครัวแต่ละฝั่งด้วยมาตรฐานเดียวกัน และแจ้งเตือนหัวหน้าเชฟเมื่อพบปัญหาต่าง ๆ นอกจากนี้ในแต่ละสัปดาห์ เชฟจากแต่ละทีมจะถูกขอให้เสิร์ฟอาหารให้กับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเชฟข้างครัว

เป้าหมายของหัวหน้าเชฟคือการเสิร์ฟอาหารเย็นให้เสร็จทุกครั้ง แต่หากการทำงานของทีมใดทีมหนึ่งหรือทั้ง 2 ทีม เกิดปัญหาใหญ่ และไม่ผ่านมาตรฐานของภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น หัวหน้าเชฟจะสั่งปิดครัวก่อนเวลา และไล่เชฟออกจากครัวกลับไปยังห้องพักทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การบริหารอาหารเย็นของทีมนั้นสิ้นสุดลงในทันที (ซึ่งในกรณีนี้ลูกค้าที่ได้รับออเดอร์จากทีมที่ถูกปิดครัวจะได้รับประทานข้าวผัดกะเพราไข่ดาว หรืออาจเป็นเมนูอื่นทดแทน และได้รับเงินจองคืนเต็มจำนวน) นอกจากนี้หากเชฟทำอาหารออกมาผิดพลาดถึงจำนวนครั้งที่หัวหน้าเชฟแต่ละคนกำหนด หัวหน้าเชฟอาจไล่เชฟที่ทำผิดพลาดออกจากครัวแบบรายบุคคล (โดยทั่วไปคือ 3 ครั้ง แต่ทั้งนี้ จำนวนครั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลง หรือบางครั้งอาจไม่มีการไล่ออกจากครัวแบบรายบุคคลก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหัวหน้าเชฟแต่ละคน)

การคัดออก (Elimination)

หลังจบการแข่งขันให้บริการอาหารเย็น (หลังปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น) แบ่งได้ 3 กรณี ดังนี้

  • หากไม่มีการปิดครัว หัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะรวบรวมผู้เข้าแข่งขันทุกคนในครัวฝั่งสีแดง และประกาศทีมที่ชนะและแพ้ในรอบบริการอาหารเย็นในสัปดาห์นั้น ซึ่งบางสัปดาห์อาจให้เสมอก็ได้
  • หากมีการปิดครัวเพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ทีมที่ไม่ถูกปิดครัวจะเป็นผู้ชนะในรอบบริการอาหารเย็นของสัปดาห์นั้นไปโดยปริยาย
  • หากปิดครัวทั้งคู่ ทั้ง 2 ทีมจะเป็นทีมที่แพ้ทั้งคู่ไปโดยปริยาย

ทีมที่แพ้จะต้องร่วมกันคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันอย่างน้อย 2 คนที่คิดว่าควรออกจากการแข่งขัน (กรณีเสมอจะคัดเพียง 1 คนของแต่ละทีม) หลังจากประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะหัวหน้าเชฟจะรวบรวมผู้เข้าแข่งขันในห้องรับประทานอาหาร โดยทีมที่ชนะจะนั่งรวมกันอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของคณะหัวหน้าเชฟ ส่วนทีมที่แพ้จะยืนต่อหน้าคณะหัวหน้าเชฟ จากนั้นตัวแทนจากทีมที่แพ้จะเสนอชื่อผู้เข้าแข่งขันที่ควรออกจากการแข่งขันตามที่ได้ประชุมกันไว้ และหัวหน้าเชฟจะเรียกผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเสนอชื่อทั้งหมดออกมายืนด้านหน้า (หรือในบางครั้งหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ สามารถยกเลิกการเสนอชื่อ และ/หรือ เลือกผู้เข้าแข่งขันได้ด้วยตนเองได้ตามความเหมาะสม) และขอให้แต่ละคนอธิบายว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงควรอยู่ในรายการต่อไป

หลังจากผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเสนอชื่ออธิบายเหตุผลในการอยู่ในรายการต่อเสร็จสิ้นแล้ว หัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะตัดสินผู้เข้าแข่งขันให้ออกจากการแข่งขันอย่างน้อย 1 คนในแต่ละสัปดาห์ และในบางครั้งสามารถตัดสินผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ถูกเสนอชื่อให้ออกจากรายการได้ด้วย โดยผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกจะต้องคืนเสื้อยูนิฟอร์มของรายการ และเดินออกจากภัตตาคารผ่านโถงทางเดิน ส่วนหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะส่งผู้เข้าแข่งขันที่เหลือกลับห้องพัก และเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานของคณะหัวหน้าเชฟ เพื่อนำเสื้อยูนิฟอร์มของผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกไปแขวน จากนั้นรูปของผู้เข้าแข่งขันจะถูกเผา ในระหว่างฉากนี้จะมีเสียงพากย์ของหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ เป็นการอธิบายความคิดเห็นของเขาที่คัดผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวออก

เมื่อการแข่งขันดำเนินมามากกว่าครึ่งทาง จนเหลือผู้เข้าแข่งขันตามจำนวนที่คณะหัวหน้าเชฟต้องการ จะเข้าสู่รอบเสื้อดำ (Black Jacket Round) ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่จากทั้ง 2 ทีม จะถูกรวมกันเป็นทีมเดียว และได้รับเสื้อยูนิฟอร์มสีดำ (Black Jacket) เพื่อแสดงว่าพวกเขาเป็นผู้เข้าแข่งขันกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ของฤดูกาลนั้น ๆ แล้วแข่งขันกันต่อจนกระทั่งเหลือผู้เข้าแข่งขัน 2 คนสุดท้ายที่จะผ่านเข้าสู่รอบบริการครั้งสุดท้าย (Final service)

บริการครั้งสุดท้าย (Final service)

ผู้ดำเนินรายการ

ผู้ดำเนินรายการฤดูกาลที่
1
หัวหน้าเชฟ
หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุลหลัก
วิลแมน ลีอองหลัก
ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์หลัก
พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัยหลัก
ผู้ช่วยเชฟ
ทีมสีแดง
พฤกษ์ สัมพันธวรบุตรหลัก
ทีมสีน้ำเงิน
ธีรภัทร ตียาสุนทรานนท์หลัก

ภาพรวมแต่ละฤดูกาล

ฤดูกาลที่ช่วงเวลาออกอากาศชนะเลิศรองชนะเลิศจำนวนผู้เข้าแข่งขันรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ
14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 – ปัจจุบัน16เงินรางวัล 1,000,000 บาท และทำงานในภัตตาคารเครือเฮลล์คิทเช่นในประเทศไทย

ฤดูกาลที่ 1

เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์
ฤดูกาลที่ 1
พิธีกร
จำนวนผู้เข้าแข่งขัน16
สถานที่แข่งขันเดอะ สตูดิโอ พาร์ค อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
ประเทศ  ไทย
การออกอากาศ
เครือข่ายช่อง 7HD
ออกอากาศ4 กุมภาพันธ์ 2567 (2567-02-04) –
ปัจจุบัน

ผู้ดำเนินรายการ

  • หัวหน้าเชฟ (พิธีกร)
  • ผู้ช่วยเชฟ (ประจำทีม)
    • พฤกษ์ สัมพันธวรบุตร (เชฟพฤกษ์) (ประจำทีมสีแดง)
    • ธีรภัทร ตียาสุนทรานนท์ (เชฟอาร์) (ประจำทีมสีน้ำเงิน)

ผู้เข้าแข่งขัน

ในฤดูกาลแรก มีผู้เข้าแข่งขัน 16 คน[2] ซึ่งในตอนแรกถูกแบ่งออกเป็นทีมสีน้ำเงินและสีแดงตามเพศ ดังต่อไปนี้

ชื่ออายุอาชีพลำดับการแข่งขัน
ชภรภัช ดาภาชุติสรรค์ (จิ๊บ)40Executive Chefอยู่ในระหว่างการแข่งขัน
ณัฐศิมาภรณ์ หลักไชย (เคอร์)30Private Chef
นราดล ภู่เกษร (เบียร์)44Head Chef & Owner
ราชวัติ วิเชียรรัตน์ (เก่ง)[ก]42Chef Owner & Executive Chef
ภูเตโช กาญจนกิตติกูล (บิว)37Chef Owner
บุญยวีร์ ภาคย์วิศาล (ลูกจรรย์)[ข]22Creative Chef
อิทธิกร ตั้งวัฒนารัตน์ (มารวย)30Chef Owner & Executive Chefถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 10
วันที่ 21 เมษายน
ภัทฐิชา เดชรุ่งเรือง (เฟน)33Chef Ownerถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 8
วันที่ 31 มีนาคม
กมเลศ ฤทธิ์เดชา (ใบตอง)[ค]32Chef Ownerถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 7
วันที่ 24 มีนาคม
นรี บุณยเกียรติ (แอ้ม)[ง]40Private Chefถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 6
วันที่ 17 มีนาคม
จัมเปียโร่ ควอตาเรโร่ (เปียโร่)
(Giampiero Quartararo)
35Italian Head Chefถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 5
วันที่ 10 มีนาคม
ปิยศักดิ์ กัติยะ (เจมส์)43F&B Executive Chefถูกคัดออกในรอบ "กำจัดตัวถ่วง"
วันที่ 3 มีนาคม
ฐิติพันธุ์ จงยิ่งเจริญ (พริกเผ็ช)28Chef & Food Stylistถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 4
วันที่ 25 กุมภาพันธ์
อรัญญา สาไทย (กบ)54อดีต Chef Ownerถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 3
วันที่ 18 กุมภาพันธ์
สุมาลี วิชัยสิทธิ์ (มาลี)45Sous Chefถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 2
วันที่ 11 กุมภาพันธ์
ซัยยิดซูลกีฟลี ไซห์ฮามิ (ยิส)
(Syedzulkiflee Saihami)
34Chef Ownerถูกคัดออกหลังบริการครั้งแรก
วันที่ 4 กุมภาพันธ์

ความคืบหน้าของผู้เข้าแข่งขัน

ในแต่ละสัปดาห์ สมาชิกในทีมคนหนึ่งของทีมที่แพ้จะถูกขอให้เสนอชื่อเพื่อนร่วมทีมจำนวนอย่างน้อย 2 คน (หรือบางครั้งหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะเป็นผู้เสนอชื่อให้เอง) และ 1 ในจำนวนนั้นจะถูกคัดออกโดยหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ

อันดับผู้เข้าแข่งขันทีมเริ่มต้นสลับทีม
ครั้งแรก
สลับทีม
ครั้งที่ 2
สลับทีม
ครั้งที่ 3
สลับทีม
ครั้งที่ 4
เดี่ยว
ตอน 1ตอน 2ตอน 3ตอน 4ตอน 5ตอน 6ตอน 7ตอน 8ตอน 9ตอน 10ตอน 11ตอน 12
รอประกาศเก่งปิดชนะชนะปิดผ่านแพ้ชนะชนะเสมอเสมอผ่าน
จิ๊บเสนอปิดยึดชนะเสนอ[ก]ชนะชนะชนะเสมอเสมอผ่าน
เบียร์ปิดชนะชนะปิดBoWเสนอชนะชนะเสมอเสมอผ่าน
ลูกจรรย์ปิดปิดยึดชนะผ่านชนะแพ้ปิดเสมอเสมอผ่าน
บิวปิดชนะชนะชนะผ่านชนะแพ้ปิดเสมอเสนอผ่าน
เคอร์ปิดเสนอเสนอชนะเสนอ[ก]แพ้ชนะชนะเสมอเสนอเสนอ
7มารวยปิดชนะชนะเสนอผ่านแพ้ชนะชนะเสนอเสมอออก
8เฟนปิดปิดเสนอชนะเสนอ[ก]ชนะแพ้เสนอออก
9ใบตองปิดปิดยึดชนะเสนอ[ก]ชนะเสนอออก
10แอ้มปิดปิดยึดชนะBoBชนะออก
11เปียโร่ปิดชนะชนะเสนอเสนอ[ก]ออก
12เจมส์ปิดชนะชนะเสนอออก[ข]
13พริกเผ็ชเสนอชนะชนะออก
14กบปิดเสนอออก
15มาลีเสนอออก
16ยิสออก
หมายเหตุ


รายชื่อตอน

ตอนที่ 1: เปิดครัวนรกครั้งแรกกับ Head Chef ครั้งแรกของเชฟวิลแมน

ออกอากาศ 4 กุมภาพันธ์ 2567

ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 16 คน เดินทางด้วยรถตู้ (Mercedes-Benz Sprinter 419 Passenger Van Standard) ที่รายการเตรียมไว้ เมื่อมาถึงหน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น พวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยพรมแดงและเครื่องดื่มต้อนรับ จากนั้นผู้ช่วยเชฟทั้ง 2 คน (เชฟพฤกษ์ กับ เชฟอาร์ มาในรถ ปอร์เช่ 911 3.0 CARRERA 4S CABRIO) และหัวหน้าเชฟทั้ง 4 คน (เชฟเอียน มาใน Ferrari 458 Italia, เชฟป้อม มาใน Aston Martin DB9, เชฟอ๊อฟ มาใน Jeep Wrangler Rubicorn และ เชฟวิลแมน มาใน Bentley Flying Spur) ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่นตามลำดับ ก่อนลงมาแนะนำรูปแบบรายการให้ผู้เข้าแข่งขัน รวมถึงแนะนำของรางวัลว่าผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท และได้รับโอกาสในการปฏิบัติงานจริงในภัตตาคารเครือเฮลล์คิทเช่นที่จะเปิดสาขาแรกในประเทศไทย จากนั้นจึงให้ผู้เข้าแข่งขันเข้าไปในครัวและหยิบผ้ากันเปื้อนของแต่ละคนมาใส่เพื่อเริ่มการแข่งขัน

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีม ต้องส่งตัวแทนเพื่อดวลกันตัวต่อตัวในแต่ละโจทย์อาหาร เพื่อให้หัวหน้าเชฟในแต่ละโจทย์อาหารทั้ง 4 คน ทำการตัดสิน โดยมีเวลา 45 ในการทำอาหาร โดยหัวหน้าเชฟมีคะแนนสูงสุด 3 คะแนน ต่อ 1 จานอาหาร โดยการจับคู่และผลคะแนนเป็นดังนี้
คู่ที่โจทย์การแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
ผู้เข้าแข่งขันคะแนนผู้เข้าแข่งขัน
1อาหารตะวันตกดั้งเดิมกบ31เปียโร่
2อาหารไทยร่วมสมัยแอ้ม21พริกเผ็ช
3อาหารเอเชียแนวผสมผสานเฟน23เบียร์
4อาหารตะวันตกสมัยใหม่ใบตอง12บิว
5อาหารตะวันตกดั้งเดิมเคอร์22เก่ง
6อาหารไทยร่วมสมัยมาลี10[ก]ยิส
7อาหารเอเชียแนวผสมผสานจิ๊บ21เจมส์
8อาหารตะวันตกสมัยใหม่ลูกจรรย์32มารวย
รวมชนะ1612แพ้

หมายเหตุ:

  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ทีมสีแดง: ได้ร่วมดินเนอร์สุดหรูกับเชฟวิลแมน ที่ Octave Rooftop Lounge & Bar at Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit รวมถึงได้สอบถามเมนูที่จะเสิร์ฟให้ลูกค้าในรอบ บริการอาหารเย็น ทั้งหมด
    • ทีมสีน้ำเงิน: ให้ทำความสะอาดครัวทั้งหมด และต้องศึกษาเมนูที่จะเสิร์ฟให้ลูกค้าในรอบบริการอาหารเย็นทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยไม่มีผู้สอน
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 1:
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอสอาหารทะเล
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงแอ้ม, ใบตองกบลูกจรรย์เฟนจิ๊บเคอร์, มาลี
ทีมสีน้ำเงินพริกเผ็ช, ยิสเก่งบิว, เปียโร่เก่ง, บิว, เปียโร่เบียร์มารวย, เจมส์
เมนู
  • King crab Rillette
  • Smoked wild salmon
  • Sear King Scallop
  • เป็ด
    • Pan Sear french duck breast
    • Duck leg Roulade Confit
    • Berry Compote
  • เนื้อวัว
    • Pan Roasted Grain Fed Beef Tenderloin
  • Pan sear Black Grouper
  • Butter Poach Lobster Tail
  • Lemon Mousseline
  • Beaujolais Pear Tarte Tatin
  • Brioche Butter Pudding
    • แขก VIP ในบริการอาหารเย็น:
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทั้ง 2 ทีมมีปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดง ใบตองทำเห็ดโรยหน้าจานแซลมอนขม และจิ๊บทำสแกลลอปดิบ ทำให้ไม่สามารถเสิร์ฟได้ รวมถึงมาลีที่แกะปูผิดพลาดจนพบก้างปูในจานอาหารถึง 2 ครั้ง ส่วนทีมสีน้ำเงินพบก้างปูในจานอาหารจากความผิดพลาดในการแกะปูของยิส ทำให้พริกเผ็ชถูกเรียกไปตักเตือนถึง 2 ครั้ง และบิวทำอาหารจานหลักโดยที่เชฟวิลแมนยังไม่ได้เรียก นอกจากนี้เจมส์ยังทำขนมไหม้ และเบียร์ทำสแกลลอปดิบ เชฟวิลแมนจึงสั่งให้ทั้งคู่กินของที่ตนทำผิดพลาดทั้งหมด ส่วนอาหารจานหลัก ทีมสีแดงก็ทำออกเสิร์ฟไม่ได้ เนื่องจากเฟนทำเบอร์เนสซอสเหลวและข้นเกินไป เชฟวิลแมนจึงสั่งให้เฟนกินซอส หลังจากนั้นเชฟวิลแมนพบก้างปูในจานของทีมสีแดงอีก 2 จาน ซึ่งมาลีเป็นผู้แกะปู จึงทำให้มาลีเป็นคนแรกของรายการที่ถูกไล่ออกจากครัว นอกจากนี้ยังตำหนิกบที่หั่นเนื้อโดยพลการ ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ของหัวหน้าเชฟ (ในสัปดาห์ดังกล่าวคือเชฟวิลแมน) เท่านั้น ส่วนทีมสีน้ำเงิน เก่งทำเนื้อวัวออกมาผิดจากระดับ Medium ที่ลูกค้าสั่งไว้ และพริกเผ็ชทำมันฝรั่งไม่สุก เชฟวิลแมนจึงสั่งให้กินมันฝรั่ง ถือจานดังกล่าวแล้วไล่ออกจากครัวไปอีก 1 คน หลังจากนั้นเชฟวิลแมนพบก้างปูเป็นจำนวนมากในหลายจานของทั้ง 2 ทีม จึงสั่งปิดครัวทั้ง 2 ทีม และไล่ผู้เข้าแข่งขันออกทั้งหมดในทันที
    • ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: มาลี และพริกเผ็ช
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 1: ถูกปิดครัวและแพ้ทั้งสองทีม
  • การคัดออก (Elimination): ในห้องพัก ผู้ช่วยเชฟของทั้ง 2 ทีมได้ไปบอกให้แต่ละทีมเลือกผู้เข้าแข่งขันทีมละ 2 คนที่ทำผิดพลาดมากที่สุดไปให้เชฟวิลแมนคัดออก หลังจากกลับมาที่ครัว เชฟวิลแมนได้ประกาศให้ 2 ทีมแพ้ทั้งคู่ และให้แต่ละทีมเสนอชื่อ 2 คนดังกล่าว โดยทีมสีน้ำเงิน เก่งได้เสนอชื่อยิสและพริกเผ็ช ส่วนทีมสีแดง ในตอนแรกแอ้มตั้งใจเสนอชื่อ 3 คนแต่เชฟวิลแมนไม่อนุญาต จึงประชุมกันใหม่แล้วเสนอชื่อจิ๊บและมาลี โดยฝั่งทีมสีแดง จิ๊บยอมรับว่าเสิร์ฟสแกลลอปดิบทำให้ทีมช้า ส่วนมาลีกล่าวว่าตนรับผิดชอบของหวาน แต่มาช่วยแกะปูเพื่อแบ่งเบาภาระให้ใบตองและแอ้มที่รับผิดชอบอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟวิลแมนจึงถามความรับผิดชอบจากใบตองและแอ้ม โดยใบตองกล่าวว่าตนเป็น 1 ใน 3 ชื่อที่ทีมโหวตในครั้งแรก ส่วนแอ้มกล่าวว่า "ไม่อยากออกค่ะ" ซึ่งทำให้แอ้มถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้รับชมรายการ ในขณะที่ทีมสีน้ำเงิน ยิสสารภาพในภายหลังว่าแกะเนื้อปู แต่ยังยืนยันว่าให้พริกเผ็ชทำมันฝรั่ง พริกเผ็ชจึงกล่าวสวนทันทีว่าทำมันฝรั่งด้วยกัน ทำให้เชฟวิลแมนตำหนิยิสว่าไม่ออกมาร่วมรับผิด และปล่อยให้พริกเผ็ชถูกลงโทษเพียงคนเดียว ถือว่าไม่ยุติธรรมกับพริกเผ็ช หลังจากนั้นจึงให้จิ๊บ มาลี และพริกเผ็ช กลับไปยืนรวมกับเพื่อนร่วมทีมตามลำดับ และตัดสินให้ยิสออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: ยิส พริกเผ็ช จิ๊บ และมาลี
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: ยิส
  • ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ทุกคน แต่ควรต้องออกมายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ถ้าให้คนอื่นรับหน้าแทน คุณก็ไม่มีวันพัฒนา"

ตอนที่ 2: Head Chef ครั้งแรกของเชฟเอียน

ออกอากาศ 11 กุมภาพันธ์ 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีม ต้องทำอาหารตะวันตกสมัยใหม่คนละ 1 จาน โดยใช้เป็ดเป็นวัตถุดิบหลักภายในเวลา 45 นาที หลังจากหมดเวลาแล้ว หัวหน้าเชฟได้ให้ผู้ช่วยเชฟประจำทีมชิมอาหารของทุกคนในทีมนั้น ๆ และเลือก 3 จานที่ดีที่สุดมาให้หัวหน้าเชฟทำการชิมและตัดสิน โดยหัวหน้าเชฟมีคะแนนสูงสุดจานละ 3 คะแนนตามเดิม
คู่ที่การแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
ผู้เข้าแข่งขันคะแนนผู้เข้าแข่งขัน
1ใบตอง12บิว
2จิ๊บ33เก่ง
3ลูกจรรย์32เปียโร่
รวมเสมอ77เสมอ

เนื่องจากคะแนนเท่ากัน เชฟเอียนจึงตัดสินด้วยจานที่แย่ที่สุดของแต่ละทีม โดยเชฟอาร์ได้เลือกจานของเจมส์ ส่วนเชฟพฤกษ์ได้เลือกจานของมาลี และเชฟเอียนได้ตัดสินให้จานที่แย่ที่สุดเป็นของมาลี ส่งผลให้ทีมสีแดงพ่ายแพ้ในรอบนี้

  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
  • รางวัล/บทลงโทษ:
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 2: ในตอนนี้ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องสลับตำแหน่งในฐานครัวจากที่เคยทำในสัปดาห์ที่แล้ว ดังนี้
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
ผู้ช่วยเหลือ (Supporter)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอสอาหารทะเล
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงเคอร์, กบมาลีแอ้มจิ๊บเฟนใบตอง, ลูกจรรย์
ทีมสีน้ำเงินเจมส์, เบียร์เปียโร่พริกเผ็ชเปียโร่มารวยบิวเก่ง
เมนู
  • Day Boat Diver Scallop
  • Marine Lobster
  • Smoked Duck Breast
  • Roasted Beef Filet Mignon
  • Australian Lamb Cutlets
  • Raspberry Frangipane Tart
  • Harvest
    • แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟมาร์ติน บลูนอส เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย และ เชฟตุ๊กตา - สุพัตรา สารสิทธิ์ ผู้เข้าแข่งขันศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก (ฤดูกาลที่ 1)
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทั้ง 2 ทีมยังมีปัญหาตั้งแต่อาหารจานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดง เฟนทำกุ้งล๊อปสเตอร์ดิบถึง 2 ครั้ง ส่วนมาลีทำเนื้อเป็ดออกมาผิดพลาดถึง 3 ครั้ง เชฟเอียนจึงไล่มาลีออกจากครัวเป็นครั้งที่ 2 กบ (ที่ทำงานในแผนกอาหารเรียกน้ำย่อย) จึงมารับหน้าที่ทำเนื้อแทน ส่วนทีมสีน้ำเงิน เปียโร่ทำเนื้อเป็ดออกมาผิดพลาดถึง 3 ครั้ง เชฟเอียนจึงไล่เปียโร่ออกจากครัวเช่นเดียวกัน บิว (ที่ทำงานในแผนกของหวาน) จึงมารับหน้าที่ทำเนื้อแทนเปียโร่ ในอาหารจานหลัก ทั้ง 2 ทีมยังมีปัญหาเหมือนเดิม โดยทีมสีแดง กบทำเนื้อออกมาเป็น Rare และ Medium หลังจากนั้นก็ทำเป็ดในออเดอร์จากแขก VIP ดิบ จึงทำให้เชฟเอียนไล่กบออกจากครัวไปอีก 1 คน จิ๊บ (ที่ทำงานในแผนกซอส) จึงมาทำเนื้อแทน แต่ทว่า จิ๊บก็ทำเนื้อออกมาสุกเกินไป ทำให้เชฟเอียนพาทีมสีแดงไปคุยกันเป็นการส่วนตัวภายในห้องเก็บวัตถุดิบ ในที่สุด เมื่อพวกเขามีปัญหากับการบริหารจัดการเวลาและการสื่อสารในการทำหอยเชลล์และเนื้อเป็ด ในขณะที่มีออเดอร์อีกหลายที่ที่ตกค้าง เชฟเอียนจึงสั่งปิดครัวทีมสีแดง และให้ทีมสีแดงไปประชุมเพื่อเสนอชื่อเชฟ 3 คนให้เชฟเอียนคัดออก ส่วนทีมสีน้ำเงิน เชฟเอียนตำหนิบิวที่ใช้เวลาทำเนื้อนานกว่าเวลาที่บอกจริง หลังจากนั้น เมื่อบิวทำเนื้อ 3 ชิ้นออกมาเย็น (42 องศาเซลเซียส) เชฟเอียนจึงไล่บิวออกจากครัวไปอีก 1 คน แต่หลังจากนั้น ทีมสีน้ำเงินก็เคลียร์ออเดอร์จนหมดโดยไม่มีอุปสรรคอย่างอื่น ทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกที่ชนะในรอบบริการอาหารเย็นของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์
    • ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: มาลี เปียโร่ กบ และบิว
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 2: ทีมสีแดงถูกปิดครัว ทีมสีน้ำเงินชนะ
  • การคัดออก (Elimination): เฟนได้เสนอชื่อ กบ มาลี และเคอร์ ให้เชฟเอียนพิจารณาคัดออก โดยเหตุผลคือกบถูกไล่ออกจากครัว และโหวตตนเองออกแล้ว 2 ครั้ง ส่วนมาลีถูกไล่ออกจากครัวเป็นครั้งที่ 2 และเคอร์สื่อสารในครัวผิดพลาด โดยเพื่อนร่วมทีมหลายคนเห็นด้วย จากนั้นเชฟเอียนได้ถามเคอร์เกี่ยวกับเหตุผลที่เฟนระบุ ซึ่งเคอร์ระบุว่าเหตุผลของเฟนไม่มากพอและไม่ถูกต้อง เพราะจานอาหารเรียกน้ำย่อยที่ถูกตีกลับทั้งหมดมาจากโปรตีนที่เฟนทำไม่สุกเพราะความไม่รอบคอบ แต่ตนออกมายืนเพราะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟเอียนจึงถามเฟนว่าส่งโปรตีนที่ไม่สุกให้เคอร์ได้อย่างไร เฟนตอบว่าตนใช้อุณหภูมิในการทำล็อบสเตอร์ตามสูตรอาหารของเชฟเอียน (71 องศาเซลเซียส) แล้วไม่เพียงพอ และต้องดัดแปลงสูตรเพราะไม่ได้ทำในอุณหภูมิห้องปกติ แต่เชฟเอียนไม่เห็นด้วย และมองว่าเฟนควรออกมายืนด้านหน้ามากกว่าเคอร์ จึงให้เคอร์กลับไปรวมกับเพื่อนร่วมทีม จากนั้นหัวหน้าเชฟได้ถามกบและมาลีถึงเหตุผลที่ตนต้องการอยู่ต่อ แต่เมื่อถามว่าใครควรอยู่ต่อ ทั้งคู่ต้องการให้มาลีอยู่ต่อ เชฟเอียนจึงเรียกสติจากกบ จนในที่สุดกบบอกว่าจะขอสู้ต่อ สุดท้าย เชฟเอียนจึงสรุปว่า มาลีเป็นคนทำเนื้อตั้งแต่ต้นแล้วถูกไล่ออก และกบมาทำเนื้อแทนโดยไม่ใช่หน้าที่โดยตรง จึงตัดสินให้มาลีออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: กบ มาลี และเคอร์
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: มาลี
  • ความคิดเห็นของเชฟเอียน: "เหตุผลเดียวที่ผมเลือกมาลีออกจากครัว เพราะนี่คือการผิดพลาดซ้ำซาก หากผมเก็บตัวถ่วงอย่างมาลีไว้ ครัวอาจจะต้องถูกปิดอย่างแน่นอน"

ตอนที่ 3: Head Chef ครั้งแรกของเชฟอ๊อฟ

ออกอากาศ 18 กุมภาพันธ์ 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในการแข่งขันครั้งนี้ จะมาในรูปแบบ Fast and Delicious ภายใต้โจทย์ อาหารเอเชียแนวผสมผสาน โดยกติกาก็คือ ผู้เข้าแข่งขัน จะต้องจับคู่กันเอง และดวลทำอาหารจากโจทย์ที่กำหนด ซึ่งมีทั้งหมด 4 อย่าง ตามวัตถุดิบที่เตรียมไว้ในกล่อง โดยจะมีเวลาในการทำอาหารในแต่ละโจทย์เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าทีมใดทีมหนึ่งวางจานอาหาร เสิร์ฟให้กรรมการถึงโต๊ะก่อน อีกทีมจะมีเวลาเพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น หากหมดเวลาก่อนถึงโต๊ะ จะถือว่าไม่ทันและไม่ได้คะแนนในโจทย์นั้นๆ ซึ่งคะแนนยังมีสูงสุด 3 คะแนนต่อ 1 จานเหมือนเดิม ซึ่งผลการจับคู่ และอาหาร มีดังนี้
คู่ที่เมนูการแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
ผู้เข้าแข่งขัน 1ผู้เข้าแข่งขัน 2คะแนนผู้เข้าแข่งขัน 1ผู้เข้าแข่งขัน 2
1หอยทอด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแอ้มเฟน02มารวยเบียร์
2ราดหน้าเนื้อเต้าซี่จิ๊บเคอร์0[ก]0เจมส์บิว
3ผักบุ้งไฟแดงใบตอง

กบ10[ข]เปียโร่พริกเผ็ช
4ยากิโซบะลูกจรรย์

11เก่ง
รวมแพ้23ชนะ

หมายเหตุ:

  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ทีมสีแดง: ให้ทำสวน ตัดหญ้า และเช็ดกระจกทำความสะอาดหน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น
    • ทีมสีน้ำเงิน: ได้ขึ้นเรือยอร์ชส่วนตัวที่ท่าเรือโอเชี่ยน มารีน่า รีสอร์ท พัทยา จอมเทียน จังหวัดชลบุรี
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 3:
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอส
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงจิ๊บ, ลูกจรรย์เคอร์, กบเฟนแอ้มใบตอง
ทีมสีน้ำเงินมารวย, เก่งบิวเบียร์, เจมส์พริกเผ็ชเปียโร่
เมนู
  • Triple Tacos
  • Szechuan Chachu Satay Risoni
  • Vietnamese Porkchop Risotto Pate Moose
  • Japanese Wagyu A3 Tenderloin
  • Chilean-sea bass in Cencioni Laksa
  • Apple Crumble Hokkaido Cheesecake
  • Puerto Rican Flan with Coconut Sticky Rice
    • แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟต้น - ธิติฎฐ์ ทัศนาขจร กรรมการตัดสินรายการท็อปเชฟไทยแลนด์ และภรรยา คุณเมย์ - จิรัฐฐา ค้ำพันธุ์
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทีมสีน้ำเงินมีปัญหาเล็กน้อยตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยพวกเขามีปัญหาเรื่องการสื่อสารในขณะที่จัดจานออเดอร์แรก หลังจากนั้นเก่งกับพริกเผ็ชก็บอกเวลาที่ห่างและไม่ตรงกัน จนทำให้เชฟอ๊อฟเข้ามาเตือน แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่มีปัญหาอย่างอื่นในการสื่อสารหรือทำงานในจานเรียกน้ำย่อย หลังจากนั้น ทั้ง 2 ทีมก็มีปัญหากับอาหารจานหลัก โดยทีมสีแดง เคอร์ทำเนื้อออกมาสุกเกินไป ในขณะที่กบถูกตำหนิที่เดินไปเดินมาอย่างไร้จุดหมายแทนที่จะทำหน้าที่เนื้อ หลังจากนั้น เชฟอ๊อฟก็พบเศษพลาสติกที่ติดข้างใต้ของชิ้นปลา ซึ่งกบและเคอร์ไม่รู้ว่าเศษพลาสติกนั้นติดตัวปลามาได้อย่างไร แต่เคอร์ก็ยังทำเนื้อออกมาดิบและก็สุกเกินไป เชฟอ๊อฟจึงไล่เคอร์ออกจากครัว หลังจากนั้นก็เป็นเวลาที่ออเดอร์ของหวานเข้ามา ใบตองจัดจานชีสเค้กไม่ถูกต้องและใส่ไอซ์รอคน้อยเกินไปในจานขนมฟลาน ในขณะนั้นกบทำเนื้อออกมาไม่ได้มาตรฐาน และทำเนื้อหมูสุกเกินไป จนทำให้กบเป็นคนที่ 2 ที่ถูกไล่ออกจากครัว เฟน (ที่ทำงานในแผนกเครื่องเคียง) จีงมารับหน้าที่ทำเนื้อแทน แต่เฟนก็พบว่าเนื้อหมูที่กบทำสุกเกินไปและแห้งทั้งหมด จึงแก้โดยการพยายามเลือกเนื้อหมูที่ดีที่สุดที่กบทำไปเสิร์ฟ แต่เนื้อก็แห้งและสุกเกินไปอีก จึงทำให้เฟนเป็นอีก 1 คนที่ถูกไล่ออกจากครัว ส่วนทีมสีน้ำเงิน บิวบอกเวลาที่ไม่ตรงกันกับที่ทำเนื้อหมูจริง และก็ทำดิบไป 1 ชิ้น แต่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และในจานของหวาน เปียโร่มีจานที่ถูกส่งกลับมาเนื่องจากจัดจานชีสเค้กไม่ถูกต้อง แต่หลังจากนั้น ทีมสีน้ำเงินก็เคลียร์ออเดอร์จนหมด ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ชนะ เชฟอ๊อฟจึงสั่งให้พวกเขาไปยึดครัวทีมสีแดง และไล่ทีมสีแดงออกจากครัวไปทั้งหมด หลังจากยึดครัว ทีมสีน้ำเงินพบว่าเนื้อหมูสุกเกินไปจนแห้งทั้งหมดแล้ว และเนื้อหมูฝั่งสีน้ำเงินก็หมดพอดี จึงแจ้งเชฟอ๊อฟ เชฟอ๊อฟจึงแสดงความรับผิดชอบโดยเดินไปขอโทษลูกค้าและขออนุญาตเปลี่ยนเมนูทั้งหมด และหลังจากทีมสีน้ำเงินเปลี่ยนเมนูแล้ว เชฟอ๊อฟก็นำไปเสิร์ฟให้ลูกค้าด้วยตนเองเพื่อขอโทษลูกค้าอีกครั้ง หลังจากนั้นทีมสีน้ำเงินก็เคลียร์ออเดอร์ของหวาน จนกระทั่งถึงออเดอร์สุดท้าย เชฟอ๊อฟจึงพาทีมสีน้ำเงินทั้งหมดไปเสิร์ฟออเดอร์สุดท้ายและขอบคุณลูกค้า ทำให้เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าได้รับประทานอาหารทั้ง 3 คอร์สครบทุกคน
    • ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: เคอร์ กบ และเฟน
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 3: ทีมสีแดงถูกปิดครัว ทีมสีน้ำเงินชนะและได้สิทธิ์เข้ายึดครัวของทีมสีแดงที่ทำไว้เดิมทั้งหมด
  • การคัดออก (Elimination): เชฟอ๊อฟได้เลือกผู้เข้าแข่งขัน 3 คนที่มีปัญหามากที่สุดในสัปดาห์นี้คือ เคอร์ กบ และเฟน ซึ่งเป็น 3 คนที่ถูกไล่ออกจากครัวทั้งหมด โดยกบและเฟนเห็นว่ากบควรออกเนื่องจากทำเนื้อหมูสุกเกินไปจนแข็งทั้งหมด ส่วนเคอร์เห็นว่าตัวเองควรออกเพราะหลุดโฟกัสในหลายจุด เชฟเอียนเห็นว่าเฟนมีข้อผิดพลาดที่น้อยกว่าอีกสองคนที่เหลือ จึงให้กลับไปรวมกับเพื่อนร่วมทีม จากนั้นเชฟอ๊อฟถามถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของทั้ง 2 คน และถามถึงหมู ซึ่งกบกล่าวว่าตนเป็นคนทำ รวมถึงถามถึงพลาสติกบนเนื้อปลา ซึ่งทั้งเคอร์และกบกล่าวว่าพลาสติกมาจากซอส เชฟป้อมจึงถามความคิดเห็นและความรับผิดชอบจากคนที่ดูแลซอสคือแอ้ม ซึ่งแอ้มก็กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ และขอแสดงความรับผิดชอบในส่วนนี้ ดังนั้น เชฟอ๊อฟจึงสรุปว่าทุกคนควรรับผิดชอบเรื่องพลาสติกร่วมกัน สุดท้าย เชฟอ๊อฟได้เล็งเห็นว่า กบทำเนื้อหมูสุกเกินไปจนแข็งทั้งหมด จนกระทั่งเชฟอ๊อฟต้องเปลี่ยนเมนูให้ทีมสีน้ำเงินที่ยึดครัวทำเมนูอื่นเสิร์ฟให้ลูกค้าแทน จึงตัดสินให้กบออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: กบ เคอร์ และเฟน
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: กบ
  • การย้ายทีม: หลังจากที่กบถูกคัดออกจากการแข่งขันไป เชฟวิลแมนได้เล็งเห็นว่า ผลงานของทีมสีแดงในตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก หากแข่งต่อไปจะมีโอกาสแพ้ได้สูง เชฟวิลแมนจึงเสนอโอกาสให้ทีมสีแดงสามารถเลือกใครก็ได้ 1 คนจากทีมสีน้ำเงินให้มาอยู่ในทีมตัวเอง ซึ่งทีมสีแดงตกลงที่จะเลือกบิวเข้ามาอยู่ในทีมของตัวเอง จากนั้นเชฟเอียนได้ถามความสมัครใจจากทีมสีน้ำเงินว่าจะยินยอมให้บิวไปอยู่ทีมสีแดงหรือไม่ โดยสุดท้ายทีมสีน้ำเงินยินยอม เนื่องจากลูกค้าสำคัญกว่า เชฟเอียนจึงอนุมัติการย้ายทีมในครั้งนี้ ทำให้บิวเป็นสมาชิกของทีมสีแดงในทันที
  • ผู้ที่ย้ายทีม: บิว (ทีมสีน้ำเงินทีมสีแดง)
  • ความคิดเห็นของเชฟอ๊อฟ: "ที่ผมต้องเลือกกบออกจากครัว เพราะเขาไม่สามารถรักษาโอกาสที่เขาขอไว้ได้ การผิดพลาดซ้ำ ๆ ทำให้ผมรู้ว่า เขาไม่เหมาะสมกับเฮลล์คิทเช่นแห่งนี้"

ตอนที่ 4: Head Chef ครั้งแรกของเชฟป้อม

ออกอากาศ 25 กุมภาพันธ์ 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในรอบนี้จะทดสอบความรอบรู้ของผู้เข้าแข่งขันในการทำขนมไทย โดยก่อนการแข่งขัน หัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีม ส่งตัวแทนออกมาชิงสิทธิ์เลือกเมนู ผ่านการกดปุ่มเพื่อทายสำนวนภาษาไทยจากรูปภาพภายในเวลา 5 วินาที เหมือนรูปแบบในช่วงภาพปริศนา ซึ่งเป็นเกมยอดนิยมในรายการเวทีทอง แต่แตกต่างที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวาด และฝ่ายที่ทายถูกจะได้สิทธิ์เลือกเมนูที่กำหนดก่อน จากนั้นผู้เข้าแข่งขันมีเวลา 45 นาทีในการทำขนมไทยที่ตนได้รับให้ถูกต้อง ซึ่งคะแนนได้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคือ คณะกรรมการ จะมีสิทธิ์ให้คะแนน 3 คะแนน ต่อ 1 จานเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมก็คือ คณะกรรมการจะมีสิทธิ์ชิม 2 ท่านต่อ 1 เมนู ฉะนั้น คะแนนในแต่ละจาน จะมีได้สูงสุด 6 คะแนน ต่อ 1 จาน และผลการจับคู่ และขนมไทยที่แต่ละคนได้ มีดังนี้
คู่ที่สำนวนการแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
เมนูที่ได้ผู้เข้าแข่งขันคะแนนผู้เข้าแข่งขันเมนูที่ได้
เชฟ 1เชฟ 2รวมเชฟ 1เชฟ 2
1สอนจระเข้ว่ายน้ำทองเอกแอ้ม123321พริกเผ็ชกล้วยบวชชี
2ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดกะละแมใบตอง011532เบียร์บัวลอยไข่หวาน
3ชาวนากับงูเห่าขนมเปียกปูนใบเตยลูกจรรย์224532มารวยทับทิมกรอบ
4คลุมถุงชนฟักทองแกงบวดเฟน336000เจมส์ปลากริมไข่เต่า
5ไม่ดูตาม้าตาเรือขนมปังสังขยาใบเตยเคอร์336101เปียโร่ข้าวตู
6สาวไส้ให้กากินวุ้นกะทิบิว, จิ๊บ134110เก่งขนมใส่ไส้
รวมชนะ1014241596แพ้

หมายเหตุ: ตัวเอน คือเมนูและผู้เข้าแข่งขันที่ทายสำนวนถูกต้องในแต่ละคู่ และได้สิทธิ์เลือกเมนูก่อน

  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
  • รางวัล/บทลงโทษ:
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 4:
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอส
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงใบตอง, เคอร์จิ๊บลูกจรรย์บิวแอ้ม, เฟน
ทีมสีน้ำเงินเปียโร่, มารวยเบียร์พริกเผ็ช, มารวยเจมส์เก่ง
เมนู
  • พัฟคั่วกลิ้งเนื้อ
  • ยำทวาย - ไก่คลุกงา
  • สเต๊กหมูหวาน - น้ำพริกลงเรือ
  • ข้าวขวัญ - ซี่โครงแกะพริกไทยอ่อน
    • แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีน้ำเงินเท่านั้น คือ ป๊อก - ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ นักแสดงและพิธีกรรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ และ ตั๊ก - นภัสกร มิตรธีรโรจน์ นักแสดงและพิธีกรรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทั้งสองทีมมีปัญหาตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดง เคอร์บอกเวลาทำยำนานเกินไป ซึ่งต่อมาในจานดังกล่าวลูกจรรย์ใส่หัวปลีน้อยเกินไป เชฟป้อมจึงสั่งให้ปรับปริมาณหัวปลีเพิ่ม ต่อมา เฟนและแอ้มทำของหวานโดยไม่ช่วยเพื่อนร่วมทีม ทำให้เชฟป้อมต้องออกมาเตือนทั้งคู่ ส่วนทีมสีน้ำเงิน เปียโร่ไม่ได้ทอดแป้งพัฟไว้ก่อน และพริกเผ็ชลืมลวกหัวปลี ส่งผลให้จานเรียกน้ำย่อยที่ทำไว้ไม่สามารถนำไปบริการลูกค้าได้ ทำให้เชฟป้อมต้องเรียกทั้งทีมไปคุยกันเป็นการส่วนตัวภายในห้องเก็บวัตถุดิบ แต่หลังจากคุยกันแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะพริกเผ็ชลวกหัวปลีออกมาดำเกินไป ในขณะเดียวกัน ทีมสีแดงก็พบปัญหาในการทำอาหารจานหลัก เนื่องจากจิ๊บทำแกะออกมาเป็น Medium และยังถูกตำหนิจากการให้คนอื่นตรวจระดับความสุกของแกะ รวมถึงส่อเจตนาหั่นแกะเองโดยพลการ แต่หลังจากแก้ไขแล้วพวกเขาก็ไม่มีปัญหาอย่างอื่น แต่ทีมสีน้ำเงินซึ่งมีออเดอร์อีกหลายที่ที่ตกค้างจากความผิดพลาดและล่าช้าในการจัดการอาหาร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความไม่พร้อมในการเตรียมเครื่องเคียงของพริกเผ็ช พร้อมกับมีปัญหาการสื่อสารภายในทีม เชฟป้อมจึงสั่งปิดครัวทีมสีน้ำเงิน และให้ทีมสีน้ำเงินไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อเชฟ 2 คนให้เชฟป้อมคัดออก หลังจากทีมสีน้ำเงินถูกปิดครัวลงแล้ว ทีมสีแดงก็นำออเดอร์ที่เหลือบริการลูกค้าจนเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงบริการแขก VIP แทนทีมสีน้ำเงินด้วย ทำให้เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ไม่ถูกปิดครัว และเป็นครั้งแรกที่ชนะในรอบนี้อีกด้วย
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 4: ทีมสีแดงชนะ ทีมสีน้ำเงินถูกปิดครัว
  • การคัดออก (Elimination): เบียร์ได้เสนอชื่อเปียโร่และเจมส์ให้เชฟป้อมพิจารณาคัดออก แต่เชฟป้อมถามเบียร์ทันทีว่า ทำไมพริกเผ็ชและมารวยจึงไม่ถูกเสนอชื่อแทนสองคนดังกล่าว เบียร์ตอบว่าทั้งคู่ทำงานได้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถแล้ว เชฟป้อมจึงสวนกลับทันทีว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะคนทำอาหารเรียกน้ำย่อยและตกแต่งเครื่องเคียง แล้วทำไมจึงไม่ใช่สองคนนั้น โดยเบียร์และเก่งตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า เจมส์ไม่มีข้อผิดพลาด เพราะเจมส์ทำพริกแกงไม่สำเร็จ รวมถึงไม่ได้มีความรับผิดชอบโดยตรงในตำแหน่งใดเลย แล้วเชฟป้อมจึงได้ถามเปียโร่ว่าตัวเองควรจะออกจากการแข่งขันนี้ไหม เปียโร่ตอบทันทีว่าไม่ แต่สำหรับเจมส์นั้นควรออกเพราะไม่มีข้อผิดพลาดเนื่องจากไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย ซึ่งเจมส์ไม่เห็นด้วย เพราะตนเตรียมอาหารในส่วนของตนเสร็จหมดแล้ว ทำให้เชฟป้อมสั่งให้ทั้งทีมกลับไปคุยกันใหม่ว่าใครจะออกจากการแข่งขัน หลังจากนั้น เมื่อทั้งทีมปรึกษาหารือกันเสร็จแล้ว เก่งยังยืนยันเสนอชื่อเปียโร่และเจมส์เหมือนเดิม แต่ทั้งคู่ไม่ยอมรับ และเปียโร่ได้ให้สิทธิ์หัวหน้าเชฟเลือก แต่แล้ว เจมส์ก็เดินออกมายืนเพื่อให้หัวหน้าเชฟคัดออกเพียงคนเดียว โดยให้เหตุผลว่า เมื่อไม่มีใครตัดสินใจ ตนจะโหวตตัวเองออกเอง หลังจากนั้น เชฟเอียนได้เรียกพริกเผ็ชและมารวยออกมาด้วย โดยหัวหน้าเชฟได้ถามหน้าที่ ความรับผิดชอบ และข้อผิดพลาดของพริกเผ็ชกับมารวย หลังจากที่คณะหัวหน้าเชฟปรึกษาหารือกันแล้ว เชฟป้อมเล็งเห็นว่าพริกเผ็ชมีปัญหาในการทำหัวปลีซึ่งทำให้ไม่สามารถนำอาหารไปบริการลูกค้าได้เลยแม้แต่จานเดียว จึงตัดสินให้พริกเผ็ชออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก:
    • โดยทีม: เปียโร่ และเจมส์
    • โดยหัวหน้าเชฟ: เจมส์ (เดินออกมาเอง) มารวย และพริกเผ็ช
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: พริกเผ็ช
  • ความคิดเห็นของเชฟป้อม: "ที่ต้องเลือกพริกเผ็ชออกจากครัวในวันนี้ เพราะพริกเผ็ชไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ จนทำให้ครัวต้องปิดลงอีกครั้ง"

ตอนที่ 5: การกำจัด "ตัวถ่วง" ออกจากครัวนรก

ออกอากาศ 3 มีนาคม 2567

  • การย้ายทีม: ก่อนเริ่มการแข่งขัน คณะหัวหน้าเชฟเห็นว่าทีมสีน้ำเงินในขณะนั้นเสียเปรียบ เพราะเหลือสมาชิกในทีมเพียง 5 คน แต่ทีมสีแดงมีสมาชิกในทีมถึง 7 คน เพื่อให้สมาชิกในทีมเท่ากัน เชฟป้อมจึงถามความประสงค์ในการย้ายทีมของสมาชิกทีมสีแดง ปรากฏว่ามีผู้ที่ยกมือขอย้ายทีม 3 คน คือ จิ๊บ แอ้ม และบิว ตามลำดับ จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ถามเหตุผลในการย้ายทีมของทั้ง 3 คน แต่เชฟเอียนเห็นว่าเคอร์ถูกทีมสีแดงเสนอชื่อให้หัวหน้าเชฟพิจารณาคัดออกอยู่บ่อยครั้ง จึงย้ายเคอร์ไปอยู่ทีมสีน้ำเงิน ทำให้เคอร์เป็นสมาชิกของทีมสีน้ำเงินในทันที
  • ผู้ที่ย้ายทีม: เคอร์ (ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน)
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในรอบนี้จะทดสอบความรอบรู้ของผู้เข้าแข่งขันทุกคนในการทำอาหารจากวัตถุดิบที่ไม่คุ้นเคย โดยก่อนการแข่งขัน หัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีม ส่งตัวแทนออกมาชิงสิทธิ์เลือกวัตถุดิบ ด้วยการทายภาพวัตถุดิบจากการเปิดภาพทีละมุม ฝ่ายที่ทายถูกจะได้สิทธิ์เลือกว่าจะเก็บวัตถุดิบที่ได้ไว้ทำเมนูเอง หรือโยนวัตถุดิบที่ได้ให้อีกฝั่งทำเมนู แต่จะยังไม่ทราบว่าวัตถุดิบถัดไปจะเป็นอะไร จากนั้นผู้เข้าแข่งขันมีเวลา 45 นาทีในการทำเมนูจากวัตถุดิบที่ตนได้รับ ซึ่งผลการจับคู่ และวัตถุดิบที่แต่ละคนได้ มีดังนี้
คู่ที่การแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
วัตถุดิบที่ได้ผู้เข้าแข่งขันคะแนนผู้เข้าแข่งขันวัตถุดิบที่ได้
1อัณฑะวัวลูกจรรย์31เคอร์หัวใจวัว
2สมองวัวใบตอง03มารวยกระเพาะหมู
3ผ้าขี้ริ้ววัวแอ้ม31เจมส์รกวัว
4ตูดไก่เฟน33เบียร์อุ้งตีนจระเข้
5ตัวเดียวอันเดียววัวบิว00เก่งหนังหมู
6หัวแพะจิ๊บ22เปียโร่อึ่งอ่าง
รวมชนะ1110แพ้

หมายเหตุ: ตัวเอน คือวัตถุดิบที่ใช้ทายภาพ และผู้เข้าแข่งขันที่ทายวัตถุดิบนั้นถูก

  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ทีมสีแดง: ได้บินไปที่มาเก๊า เข้าพักที่โรงแรม 6 ดาว โรงแรมมอร์เฟียส ซิตี้ ออฟ ดรีมส์ และได้ไปท่องเที่ยวสถานที่สำคัญในมาเก๊าโดยมีเชฟวิลแมนเป็นผู้นำเที่ยว เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน รวมถึงได้รับประทานอาหารที่ภัตตาคาร 3 ดาว เจด ดรากอน
    • ทีมสีน้ำเงิน: ให้รับประทานข้าวต้มรวมมิตรที่มีวัตถุดิบทั้ง 12 ชนิดให้หมด
  • ภารกิจ "กำจัดตัวถ่วง": ในสัปดาห์นี้ไม่มีการเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น เนื่องจากคณะหัวหน้าเชฟเห็นว่าในการเปิดภัตตาคาร 4 ครั้งที่ผ่านมามีการปิดครัวทุกครั้ง ทำให้พบว่า ทั้ง 2 ทีม มี "ตัวถ่วง" ที่เป็นต้นเหตุของการปิดครัว จึงเปลี่ยนเป็นการแข่งขัน "กำจัดตัวถ่วง" โดยให้เชฟที่เป็นจานที่ดีที่สุดในแต่ละทีมของรอบภารกิจส่วนบุคคล คือ แอ้ม และ เบียร์ เลือกผู้เข้าแข่งขันที่เป็น "ตัวถ่วง" จำนวนทีมละ 3 คนไปแข่งขันในภารกิจคัดคนออก ซึ่งผู้ที่ถูกเลือกให้ไปแข่งขันต่อ มีดังนี้
    • ทีมสีแดง: ใบตอง เฟน และจิ๊บ
    • ทีมสีน้ำเงิน: เจมส์ เปียโร่ และเคอร์

ในรอบนี้มีวัตถุดิบหลักคือปลากะพงแช่แข็ง โดยผู้เข้าแข่งขันทั้ง 6 คน มีเวลา 45 นาทีในการทำเมนูจากวัตถุดิบชนิดนี้จำนวน 4 จาน ให้ออกมามีรสชาติ และมีความคิดสร้างสรรค์ โดยกรรมการมีสิทธิ์ให้คะแนนคนละ 3 คะแนนต่อจาน และผู้ที่ได้คะแนนรวมน้อยที่สุดจะถูกคัดออกในทันที

คนที่ทีมผู้เข้าแข่งขันคะแนนจากหัวหน้าเชฟรวมผล
เชฟป้อมเชฟวิลแมนเชฟอ๊อฟเชฟเอียน
1ทีมสีแดงเฟน11215เข้ารอบ
2ทีมสีน้ำเงินเปียโร่22228เข้ารอบ
3ทีมสีแดงจิ๊บ12216เข้ารอบ
4ทีมสีน้ำเงินเคอร์00112เข้ารอบ
5ทีมสีแดงใบตอง10012เข้ารอบ
6ทีมสีน้ำเงินเจมส์ไม่มีผลคะแนน[ก]ตกรอบ

หมายเหตุ:

  • ผู้ที่ถูกคัดออก: เจมส์
  • ความคิดเห็นของเชฟเอียน: "จากการแข่งขันในวันนี้ เขายังจัดการเวลาได้ไม่ดี ทำให้ผมรู้ว่าเขายังไม่มีการพัฒนา ดังนั้น เขาไม่ควรได้อยู่ต่อ เพราะจะเป็นตัวถ่วงของทีมต่อไป"

ตอนที่ 6: การแก้มือในครัวของเชฟวิลแมน

ออกอากาศ 10 มีนาคม 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
  • ภารกิจแบบทีม (Team challenge): รอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องผลัดกันทำอาหารจำนวน 4 เมนู ตามที่หัวหน้าเชฟกำหนด ภายในเวลาคนละ 7 นาที ซึ่งใน 7 นาทีนี้ รวมถึงการสื่อสารและถ่ายทอดเมนูให้แก่เพื่อนร่วมทีมคนถัดไป โดยที่จะมีเพียงคนที่ทำอาหารคนแรกของแต่ละทีมเท่านั้นที่จะได้ทราบเมนูจากหัวหน้าเชฟ ทั้งนี้ เนื่องจากทีมสีน้ำเงินมีจำนวนสมาชิกน้อยกว่า คนสุดท้ายในทีมสีน้ำเงิน จะมีเวลาในการทำอาหารมากกว่าที่ 14 นาที โดยลำดับของการทำอาหารของแต่ละทีม มีดังนี้
ลำดับที่ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
1บิวเก่ง
2ใบตองมารวย
3จิ๊บเปียโร่
4ลูกจรรย์เคอร์
5แอ้มเบียร์
6เฟน

และผลคะแนนของแต่ละเมนู มีดังนี้

เมนูที่หัวหน้าเชฟชื่อเมนูคะแนน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
1เชฟวิลแมนโพชเอ้กซอสฮอลันเดสโรสตีโปเตโต01
2เชฟป้อมข้าวสวยราดผัดฉ่าซีฟูดไข่ดาวกรอบไข่แดงเยิ้ม02
3เชฟอ๊อฟอูดงเนื้อไข่ออนเซน01
4เชฟเอียนราวีโอลีไข่แดงลาวาไส้ฟักทองบดรีคอตตาชีส ซอสพาร์เมซานเอสพูมา01
รวม (ผล)0 (แพ้)5 (ชนะ)
  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
  • รางวัล/บทลงโทษ:
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 5:
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอสอาหารทะเล
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงบิวเฟนจิ๊บใบตองแอ้มลูกจรรย์
ทีมสีน้ำเงินมารวยเปียโร่เก่งมารวยเบียร์เคอร์
เมนู
  • King crab Rillette
  • Smoked wild salmon
  • เนื้อวัว
    • Pan Roasted Grain Fed Beef Tenderloin
  • Pan sear Black Grouper
  • Butter Poach Lobster Tail
  • Beaujolais Pear Tarte Tatin
  • Brioche Butter Pudding
    • แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟอาร์ต - ศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ กรรมการตัดสินรายการท็อปเชฟไทยแลนด์ และภรรยา คุณปณดา บัณฑิตกฤษดา
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทีมสีน้ำเงินมีปัญหาเล็กน้อยกับจานเรียกน้ำย่อย เนื่องจากเบียร์ทำแซลมอนสุกเกินไป แต่หลังจากแก้ไขแล้วก็ไม่มีปัญหาเพิ่มเติม ต่อมาในอาหารจานหลัก ทีมสีน้ำเงินได้รับออเดอร์พิเศษที่ลูกค้าสั่งมาว่าไม่รับประทานเนื้อวัว เนื้อแกะ และอาหารทะเล เก่งจึงรับอาสาทำอาหารพิเศษจานนี้และนำเสนอให้เชฟวิลแมนฟัง ส่วนปัญหาในช่วงนี้เกิดขึ้นทั้งสองทีม โดยทั้งเปียโร่และเฟนทำเนื้อวัวผิดพลาดออกมาเป็น Medium Rare ในขณะที่เฟนแก้ไขได้สำเร็จ แต่ทีมสีน้ำเงินกลับมีออเดอร์ตีกลับ เพราะเปียโร่ทำ Crépinette ซึ่งเป็นส่วนของเนื้อหมูไม่สุก เชฟวิลแมนจึงสั่งให้เปียโร่กินให้หมดแล้วทำใหม่ เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เชฟวิลแมนจึงนำไปบริการลูกค้าด้วยตนเอง พร้อมเรียกเปียโร่ออกมาขอโทษลูกค้า แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะลูกค้าคนดังกล่าวถือจานมาถามเชฟวิลแมนโดยตรง ซึ่งเชฟวิลแมนได้อธิบายให้ลูกค้าฟังว่าเนื้อวัวที่ทำให้ใหม่นั้นมีสีเป็นปกติ ไม่ไหม้ ถ้าไหม้เกรียมจะต้องมีสีดำทั้งชิ้น นอกจากนี้ ทีมสีน้ำเงินยังมีปัญหาเพิ่มเติมคือ เบียร์ส่งจานเนื้อปลาที่เก่งยังไม่ได้ใส่มันบดไปให้เชฟวิลแมน และยังถูกตำหนิที่นำเนื้อปลาสุกกับเนื้อปลาดิบรวมในถาดเดียวกัน นอกจากนี้ เปียโร่ยังทำเนื้อวัวผิดพลาดอีกถึง 2 ครั้ง แต่พอแก้ไขได้แล้ว กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เนื่องจากลูกค้ากลับบ้านไปก่อน เชฟวิลแมนจึงพูดว่า "ผมรับไม่ได้นะครับ" แล้วจึงเขวี้ยงจานลงพื้นแตกต่อหน้าทีมสีน้ำเงิน อีกทั้งทีมสีน้ำเงินยังมีปัญหากับของหวาน เนื่องจากเคอร์บีบครีมออกมาผิดพลาด แต่พอแก้ไขได้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ อีก ทั้งสองทีมได้นำออเดอร์ทั้งหมดบริการลูกค้าจนเสร็จสิ้น ทำให้เป็นครั้งแรกที่ไม่มีทีมใดถูกสั่งปิดครัวระหว่างบริการอาหารเย็นแม้แต่ทีมเดียว แต่เนื่องจากทีมสีแดงทำอาหารเสร็จก่อนทีมสีน้ำเงินทั้ง 3 คอร์ส ทีมสีแดงจึงเป็นทีมที่ชนะในรอบนี้ และเชฟวิลแมนได้ให้ทีมสีน้ำเงินไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อเชฟ 2 คนให้ตนคัดออก
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 5: ทีมสีแดงชนะ ทีมสีน้ำเงินแพ้
  • การคัดออก (Elimination): เคอร์ได้เสนอชื่อเปียโร่และเบียร์ให้เชฟวิลแมนพิจารณาคัดออก จากนั้นเก่งได้ระบุเหตุผลในกรณีของเปียโร่ว่า เขาทำเนื้อออกมาได้ระดับความสุกที่ผิดพลาด และขาดการสื่อสารทำให้ทีมทำงานช้าลง แต่เปียโร่ยังไม่เห็นด้วย โดยยังคงอธิบายว่า Crépinette ที่ลูกค้าตำหนินั้นตนใช้เนื้อวัวทำ เชฟวิลแมนจึงสวนกลับไปทันทีว่าส่วนนั้นคือเนื้อหมู ซึ่งรับประทานแบบดิบไม่ได้เพราะจะเป็นอันตราย จากนั้นเชฟป้อมได้ถามถึงคนที่ควรออก เปียโร่ตอบว่าเบียร์ควรออกเนื่องจากทำแซลมอนและอาหารทะเลช้า คณะหัวหน้าเชฟจึงถามเพื่อนร่วมทีมที่เหลือ คือมารวย เบียร์ และเคอร์ ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 คนบอกตรงกันว่าเปียโร่ควรออก ทำให้เชฟวิลแมนสรุปได้ว่า หากไม่นับเปียโร่ สมาชิกทีมสีน้ำเงินทั้ง 4 คนมีมติเอกฉันท์ให้เปียโร่ออก ดังนั้น จึงตัดสินให้เปียโร่ออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เปียโร่ และเบียร์
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: เปียโร่
  • การย้ายทีม: หลังจากที่เปียโร่ถูกคัดออกจากการแข่งขันไปแล้ว เชฟเอียนเห็นว่าทีมสีน้ำเงินเสียเปรียบอีกครั้ง เพราะเหลือสมาชิกในทีมเพียง 4 คน แต่ทีมสีแดงมีสมาชิกในทีมถึง 6 คน เพื่อให้สมาชิกในทีมเท่ากัน จึงให้เวลา 1 นาที เพื่อให้ทีมสีแดงประชุมกันและเลือกสมาชิก 1 คนให้ย้ายไปอยู่ทีมสีน้ำเงิน ซึ่งในที่สุด ในช่วง 5 วินาทีสุดท้าย จิ๊บได้ยกมือขอย้ายทีม โดยที่สมาชิกทีมสีแดงคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย เชฟเอียนจึงอนุมัติการย้ายทีมในครั้งนี้ ทำให้จิ๊บเป็นสมาชิกของทีมสีน้ำเงินในทันที
  • ผู้ที่ย้ายทีม: จิ๊บ (ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน)
  • ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "โอกาส ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่าย ๆ ถ้าเราให้โอกาสแล้ว เขายังทำผิดพลาด และไม่รักษาโอกาสนั้นไว้ เขาก็ไม่ควรอยู่ที่นี่"

ตอนที่ 7: การผนึกกำลังกันคุมครัวของเชฟเอียนและเชฟอ๊อฟ

ออกอากาศ 17 มีนาคม 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ เป็นครั้งแรกที่มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหาร ดังนี้
    • เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
    • เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): เนื่องจากในครั้งนี้มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และเป็นการผสมผสานกันระหว่างอาหารตะวันตกสมัยใหม่และอาหารเอเชียแนวผสมผสาน ดังนั้น รอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำอาหารทั้ง 2 โจทย์ข้างต้นให้ออกมาสอดคล้องกัน โดยในโจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสานนั้นใช้เห็ดหอมแห้งเป็นวัตถุดิบหลัก และในโจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่นั้นมีวงล้อที่ระบุวัตถุดิบและเครื่องมือสำหรับการทำอาหารตะวันตกสมัยใหม่ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีม จะต้องส่งตัวแทนครั้งละ 1 คน เพื่อรับวัตถุดิบ และ/หรือ เครื่องมือผ่านการหมุนวงล้อของเชฟเอียน เพื่อใช้ทำเมนูร่วมกับเห็ดหอมแห้ง โดยมีเวลาทำอาหาร 45 นาที และผลการจับคู่วัตถุดิบ/เครื่องมือจากวงล้อ และผลการแข่งขัน เป็นดังนี้
คู่ที่วัตถุดิบ/เครื่องมือ
ที่ได้จากวงล้อ
การแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
ผู้เข้าแข่งขันคะแนนผู้เข้าแข่งขัน
1เครื่องทำวาฟเฟิลใบตอง12เคอร์
2ช็อกโกแลตลูกจรรย์12มารวย
3เนยถั่วเฟน[ก]11เบียร์[ก]
4มาร์ชแมลโลว์บิว[ข]22เก่ง
5แคนาเดียนล็อบสเตอร์แอ้ม32จิ๊บ
รวมแพ้89ชนะ

หมายเหตุ:

  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ทีมสีแดง: ให้ร่วมกันคัดแยกขยะทั้งหมด
    • ทีมสีน้ำเงิน: ได้ไปผ่อนคลายและทำสปาที่บันยันทรีสปา ในโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ
    • บทลงโทษพิเศษ: จากการเดิมพันในคู่ที่ 3 ส่งผลให้เฟนและเบียร์ต้องเปลี่ยนสีและทรงผมให้เป็นสีและทรงเดียวกับฝั่งตรงข้าม
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 6: ในตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟจำนวน 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟเอียนคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟอ๊อฟคุมครัวสีน้ำเงินเป็นหลัก
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอสอาหารทะเล
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงเฟนลูกจรรย์ใบตองแอ้มบิวแอ้ม
ทีมสีน้ำเงินจิ๊บมารวยเคอร์มารวย, เก่งเก่งเบียร์
เมนูอาหารตะวันตกสมัยใหม่
  • Day Boat Diver Scallop
  • Roasted Beef Filet Mignon
  • Harvest
อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
  • Szechuan Chachu Satay Risoni
  • Chilean-sea bass in Cencioni Laksa
  • Puerto Rican Flan with Coconut Sticky Rice
    • แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีน้ำเงินเท่านั้น คือ ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม และ พิม - ซอนย่า คูลลิ่ง นางแบบและนักแสดงชื่อดัง
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทีมสีแดงมีปัญหากับจานเรียกน้ำย่อยเล็กน้อย เนื่องจากแอ้มบีบเพียวเร่ไม่ได้มาตรฐาน ต่อมา ทั้งสองทีมก็มีปัญหาในอาหารจานหลัก โดยที่ลูกจรรย์และมารวยทำเนื้อออกมาดิบเกินไป แต่ก็แก้ไขปัญหาได้สำเร็จ หลังจากที่ทีมสีน้ำเงินบริการอาหารจานหลักเสร็จแล้ว ทีมสีแดงยังมีปัญหาอยู่ เพราะลูกจรรย์ทำเนื้อสุกเกินไป เชฟเอียนจึงเขวี้ยงถาดลงพื้นและให้ทำใหม่ และต่อมาในจานของหวาน ทีมสีแดงมีจานฮาร์เวสต์ที่ถูกตีกลับไปให้ทำใหม่ เพราะมีไอศกรีมที่ละลายอยู่ในจาน แต่ถึงพวกเขาแก้ไขใหม่ถึงสองครั้งก็ยังไม่สำเร็จ เชฟเอียนจึงต้องเรียกทั้งทีมไปคุยกันเป็นการส่วนตัวภายในห้องเก็บวัตถุดิบ แต่หลังจากคุยกันแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากลูกจรรย์กับใบตองจัดจานขนมฟลานผิดถึงสองจาน ทำให้เชฟเอียนจึงเขวี้ยงทั้งสองจานลงพื้นแตกต่อหน้าทีมสีแดงจนแขก VIP ตกใจกลัว รวมทั้งมีจานอาหารของใบตองกับแอ้มถูกตีกลับจากลูกค้า เพราะมีเส้นผมและเศษกระดาษติดมากับขนมในจาน เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เชฟเอียนจึงพาทั้งคู่นำจานใหม่ไปบริการลูกค้าด้วยตนเองเพื่อขอโทษลูกค้า ส่วนทีมสีน้ำเงิน เบียร์ส่งจานของหวานไปให้เชฟอ๊อฟล่าช้า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทีมได้นำออเดอร์ทั้งหมดบริการลูกค้าจนเสร็จ แต่เนื่องจากทีมสีน้ำเงินทำอาหารเสร็จก่อน และมีข้อผิดพลาดน้อยกว่าทีมสีแดง ทีมสีน้ำเงินจึงเป็นทีมที่ชนะในรอบนี้ และเชฟเอียนได้ให้ทีมสีแดงซึ่งทำงานได้แย่กว่าไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อเชฟ 2 คนให้ตนคัดออก
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 6: ทีมสีแดงแพ้ ทีมสีนํ้าเงินชนะ
  • การคัดออก (Elimination): เฟนได้เสนอชื่อแอ้มและใบตองให้หัวหน้าเชฟทั้ง 2 คนพิจารณาคัดออก โดยระบุเหตุผลว่าทั้งคู่ทำของหวานผิดพลาด ทำให้มีเส้นผมและเศษกระดาษในจาน เชฟวิลแมนจึงถามแอ้มถึงข้อผิดพลาดในครัว ซึ่งแอ้มสารภาพว่ามีข้อผิดพลาดจริง โดยได้ออกมารับผิดชอบจานที่มีเส้นผมและเศษกระดาษไปแล้ว แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่าเส้นผมในจานดังกล่าวว่ามาจากไหน นอกจากนั้น แอ้มยังมองว่าใบตองควรถูกคัดออก เชฟป้อมจึงถามใบตอง ใบตองอธิบายว่าตอนแรกตนรับผิดชอบเครื่องเคียง แต่หลังจากเชฟเอียนได้เข้ามาตรวจสอบในช่วง 15 นาทีก่อนเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่นแล้ว พบว่าแอ้มยังทำคาราเมลไม่สำเร็จ จึงสั่งให้เปลี่ยนหน้าที่ ตนจึงไปรับผิดชอบของหวานแทนแอ้ม เชฟป้อมจึงสรุปว่าในส่วนของหวานนั้นเสียหายตั้งแต่แอ้มทำก่อนแล้ว ทำให้ใบตองต้องมาแก้ไขในส่วนนี้แทนแอ้ม ใบตองจึงกล่าวเพิ่มเติมว่าตนคิดว่าเป็นการช่วยเหลือกันในทีม และรู้สึกไม่ดีเพราะตนเองก็ช่วยเหลือแอ้มมาตลอด เมื่อเชฟป้อมถามว่าใครผิด ใบตองจึงตอบว่าเป็นแอ้ม เพราะตนเองไม่ได้ร่วมรับผิดชอบจานฮาร์เวสต์ เชฟเอียนจึงถามเพื่อนร่วมทีมที่เหลือ ซึ่งบิวและลูกจรรย์คิดเห็นตรงกันว่าแอ้มควรออก ดังนั้น เชฟอ๊อฟจึงให้โอกาสใบตองกลับไปพัฒนาตนเองต่อ และเชฟเอียนตัดสินให้แอ้มออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: แอ้ม และ ใบตอง
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: แอ้ม
  • ความคิดเห็นของเชฟเอียน: "แอ้ม คือคนที่ย่ำอยู่กับที่ และไม่สามารถพัฒนาตัวเอง ผมไม่เชื่อว่าเขาจะรับผิดชอบงานที่ยิ่งใหญ่ได้ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกเขาออกจากครัว"

ตอนที่ 8: ความโหดคูณ 2 กับการคุมครัวของเชฟป้อมและเชฟวิลแมน

ออกอากาศ 24 มีนาคม 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
    • เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
    • เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในรอบนี้ มีวัตถุดิบหลักคือ หอยนางรม กระดูกหมู หางล็อบสเตอร์ ปลาเค็ม สันในโคขุน หอยเสียบ ปลาทูสด และขาวัว โดยในการทายวัตถุดิบของผู้เข้าแข่งขัน จะให้ทั้ง 2 ทีมส่งตัวแทนผู้เข้าแข่งขันมาในแต่ละคู่ โดยมีกล่องปริศนาด้านหน้า ภายในบรรจุสิ่งของปริศนา ผู้เข้าแข่งขันจะต้องใช้มือเข้าไปคลำเท่านั้น และทายให้ถูกภายใน 30 วินาที ผู้ที่ทายถูกจะได้เลือกวัตถุดิบข้างต้น ส่วนผู้ที่ทายผิด ฝ่ายตรงข้ามในคู่นั้น ๆ จะเป็นผู้เลือกวัตถุดิบข้างต้นให้ แต่หากผิดทั้งคู่ หัวหน้าเชฟจะเป็นผู้เลือกวัตถุดิบให้ โดยผลการทายสิ่งของปริศนา วัตถุดิบที่ได้ และผลการแข่งขัน เป็นดังนี้
คู่ที่การแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
วัตถุดิบที่ได้สิ่งของใน
กล่องปริศนา
ผู้เข้าแข่งขันคะแนนผู้เข้าแข่งขันสิ่งของใน
กล่องปริศนา
วัตถุดิบที่ได้
1หางล็อบสเตอร์กบบิว33มารวยทุเรียนหอยนางรม
2ปลาเค็มกบใบตอง00เคอร์ปลาดุกขาวัว
3สันในโคขุนลูกจระเข้ลูกจรรย์12เก่งปูน้ำจืดปลาทูสด
4ปลาทูสดหัวหมูเฟน22เบียร์, จิ๊บเงาะหางล็อบสเตอร์
รวมแพ้67ชนะ

หมายเหตุ: ตัวเอน คือผู้เข้าแข่งขันและสิ่งของในกล่องปริศนาที่ทายถูก รวมถึงวัตถุดิบที่ได้เลือกด้วยตนเอง

  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีนํ้าเงิน
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ทีมสีแดง: ให้ทำของกินเล่นเป็นจานพิเศษเพื่อบริการให้ลูกค้าจำนวน 100 คน ก่อนรับประทานอาหารคอร์สหลักในภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น
    • ทีมสีน้ำเงิน: ได้ไปเล่นน้ำที่สวนนํ้าโคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 7: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟจำนวน 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟป้อมคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟวิลแมนคุมครัวทีมสีน้ำเงินเป็นหลัก
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอสอาหารทะเล
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงบิวใบตองเฟนลูกจรรย์
ทีมสีน้ำเงินเคอร์เก่งเบียร์เก่งมารวยจิ๊บ
เมนูอาหารไทยร่วมสมัย
  • ยำทวาย - ไก่คลุกงา
  • ข้าวคลุกนํ้าพริก - กุ้งแม่นํ้าเผา - นํ้าปลาหวาน
  • ขนมโค
อาหารตะวันตกดั้งเดิม
  • Quick Sear King Scallop
  • Pan Sear Duck Breast
  • Lemon Mousseline

หมายเหตุ: ตัวเอน คือ เมนูใหม่

    • จานพิเศษก่อนมื้ออาหาร: บาร์ของทอด​ก่อนอาหารมือหลัก พร้อมเมนูสลัดผัก
    • แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟป้อม - ธนรักษ์ ชูโต เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย และภรรยา เชฟตูน - สุมลนาถ บัณฑิตรัชต์ ผู้เข้าแข่งขัน ท็อปเชฟไทยแลนด์ ซีซั่น 2
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทีมสีแดงมีปัญหากับจานเรียกน้ำย่อยเล็กน้อยเพราะเฟนทำเนื้อหอยออกมาไม่สุก แต่ก็สามารถแก้ไขได้สำเร็จ ต่อมา ทั้งสองทีมมีปัญหากับอาหารจานหลัก โดยทีมสีน้ำเงิน เบียร์ใส่ปริมาณข้าวในจานกุ้งน้อยเกินไป ทำให้เชฟป้อมต้องสั่งแก้ ส่วนทีมสีแดงไม่ได้เตรียมจานอาหารไว้ก่อน รวมทั้งมีปัญหาการจัดการเวลา และเฟนทำไข่เค็มออกมาเล็กเกินไป หลังจากนั้น เบียร์จัดเครื่องเคียงในจานเป็ดไม่ครบ เชฟวิลแมนจึงปาจานแตกต่อหน้าทีมสีน้ำเงินและสั่งให้ทำใหม่ ใบตองทำเนื้อเป็ดออกมาสุกเกินไป และเคอร์ซึ่งมาช่วยเบียร์ทำกระเทียมต้น (Leek) ไหม้ เชฟวิลแมนจึงสั่งให้เคอร์กิน เมื่อคายออกมาจึงให้ไปทำใหม่ ต่อมา เชฟป้อมเห็นว่ากุ้งของทีมสีแดงแห้ง จนพบว่ามันกุ้งหายไป และพบกุ้งที่แกะออกมาผิดพลาด ซึ่งใบตองเป็นคนจัดการ เชฟป้อมจึงต้องเตือนว่าวัตถุดิบทั้งหมดเป็นต้นทุนอาหาร พร้อมเรียกสติใบตองให้กลับคืนมา ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ทีมสีน้ำเงินจัดการอาหารจานหลักครบทั้งหมดแล้ว แต่หลังจากนั้น ทีมสีแดงทำจานเป็ดเกินมาถึง 3 จาน แต่ไม่มีจานกุ้ง เชฟป้อมเล็งเห็นว่าทีมสีแดงมีปัญหาในการจัดการเวลาและวัตถุดิบ ทำให้มีออเดอร์ตกค้างเป็นจำนวนมาก จึงสั่งปิดครัวทีมสีแดงทันที พร้อมสั่งให้ทีมสีแดงไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อเชฟ 2 คนให้เชฟป้อมและเชฟวิลแมนคัดออก หลังจากทีมสีแดงถูกปิดครัวลงแล้ว ทีมสีน้ำเงินก็นำออเดอร์ที่เหลือบริการลูกค้าจนเสร็จสิ้น รวมถึงบริการแขก VIP แทนทีมสีแดงด้วย ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ชนะในรอบนี้
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 8: ทีมสีแดงถูกปิดครัว ทีมสีน้ำเงินชนะ
  • การคัดออก (Elimination): เฟนเสนอชื่อตนเองและใบตองให้หัวหน้าเชฟทั้ง 2 คนพิจารณาคัดออก ทั้งนี้ เฟนได้ระบุว่า ในความคิดตอนแรก คนที่ควรออกคือใบตอง แต่เนื่องจากมีปัญหาตั้งแต่อาหารเรียกนํ้าย่อยซึ่งบิวรับผิดชอบ ทำให้ทุกคนต้องไปช่วยในส่วนนี้ จึงเปลี่ยนความคิดในภายหลังว่าบิวควรออก เชฟอ๊อฟจึงถามว่าทำไมบิวไม่ถูกเสนอชื่อ บิวจึงชี้แจงว่าตนได้มอบหมายให้เฟนทําเฉพาะอกไก่ที่บิวทำแล้วส่วนหนึ่งซึ่งเป็นโปรตีน และตุอีลซึ่งเป็นขนม แต่ส่วนอื่นตนทำเองทั้งหมด แต่เชฟวิลแมนเห็นว่าอาหารทะเลที่เฟนทำนั้นมีปัญหาที่หอยไม่สุก และเชฟป้อมเสริมว่ามีปัญหาเครื่องเคียงทำให้ต้องรอทั้งหมด ส่วนใบตองเห็นว่าเฟนควรถูกคัดออก โดยระบุว่าตอนแรกที่แบ่งงานกัน เฟนจะรับหน้าที่ทำอาหารทะเล แต่เมื่อเข้าครัวทำอาหารจานหลักแล้ว ใบตองกลับรับผิดชอบเพียงคนเดียว แต่เชฟวิลแมนบอกว่าเป็ดที่ใบตองทำสุกเกินไปจนแห้ง และเชฟป้อมเสริมอีกว่าใบตองย่างกุ้งออกมาโดยที่เปลือกไหม้ มีเศษสีดำลงไปในจาน แต่เนื้อกุ้งด้านในยังดิบ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตัวเดียวด้วย เมื่อเชฟป้อมถามอีกครั้งว่าใครควรจะออก ใบตองตอบทันทีว่าข้อผิดพลาดในส่วนนั้นควรจะเป็นตนเองที่ควรถูกคัดออก ดังนั้น เชฟวิลแมนจึงตัดสินให้ใบตองออกจากแข่งขัน โดยใบตองได้กล่าวขอบคุณหัวหน้าเชฟทั้ง 4 คน ก่อนเดินออกจากภัตตาคาร
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เฟน และใบตอง
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: ใบตอง
  • ความคิดเห็นของเชฟป้อม: "ใบตอง ถ้าเขามีความรอบคอบกว่านี้ ก็คงไม่สร้างปัญหาให้ทีมตลอดการแข่งขันจนต้องปิดครัว และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องออกจากเฮลล์คิทเช่น"

ตอนที่ 9: การร่วมกันคุมครัวของเชฟสายโหดอย่างเชฟวิลแมนและเชฟเอียน

ออกอากาศ 31 มีนาคม 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
    • เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
    • เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
  • การย้ายทีม: ก่อนเริ่มการแข่งขัน คณะหัวหน้าเชฟเห็นว่าทั้ง 2 ทีมแข่งขันกันยาก เพราะทีมสีแดงเหลือสมาชิกในทีมเพียง 3 คน แต่ทีมสีน้ำเงินมีสมาชิกในทีมถึง 5 คน เพื่อให้สมาชิกในทีมเท่ากัน เชฟเอียนจึงถามความประสงค์ในการย้ายทีมของสมาชิกทีมสีน้ำเงิน ปรากฏว่ามีผู้ที่ยกมือขอย้ายทีม 2 คน คือ มารวย และเบียร์ จากนั้นเชฟเอียนได้ถามเหตุผลในการย้ายทีมของทั้ง 2 คน และหันไปถามทีมสีแดงถึงสมาชิกทีมสีน้ำเงินที่ต้องการ ซึ่งบิวก็ตอบว่าต้องการให้มารวยมาร่วมทีมเนื่องจากต้องการแข่งขันกับคนที่มีความสามารถ แต่หลังจากนั้นเชฟอ๊อฟได้กล่าวว่าคณะหัวหน้าเชฟไม่ได้ฟังผู้เข้าแข่งขัน และให้ทุกคนย้ายกลับสู่ทีมเดิมที่แต่ละคนอยู่ในสัปดาห์แรกทั้งหมด ทำให้บิวกลับไปเป็นสมาชิกของทีมสีน้ำเงิน และเคอร์กับจิ๊บกลับไปเป็นสมาชิกของทีมสีแดงในทันที
  • ผู้ที่ย้ายทีม:
    • ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน: บิว
    • ทีมสีน้ำเงินทีมสีแดง: เคอร์ และจิ๊บ
  • ภารกิจแบบทีม (Team challenge): ในรอบนี้ ทั้ง 2 ทีม จะต้องทำอาหารเสิร์ฟเชฟทั้ง 6 คน และเด็ก ๆ อายุ 8-12 ปี จำนวน 50 คน รวมทั้งหมด 56 จาน ในรูปแบบของ "Happy Meal" จากวัตถุดิบรสขม ซึ่งได้แก่ มะระ สะเดา และใบขี้เหล็ก เหมือนรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ทุกซีซั่น โดยเชฟทั้ง 6 คน จะมีคะแนนคนละ 3 คะแนน และเด็ก ๆ จะมีคะแนนคนละ 1 คะแนน รวมทั้งหมด 68 คะแนน และผู้เข้าแข่งขันมีเวลาทำอาหาร 45 นาที โดยเมนูและผลคะแนนออกมาดังนี้
ทีมเมนูคะแนนผล
ทีมสีแดงลาซัญญาผักขี้เหล็ก มะระทอดกรอบ และไอศกรีมเกล็ดหิมะสะเดาส้มเสาวรส26แพ้
ทีมสีน้ำเงินเครปผลไม้ ซอสน้ำส้มมะระเจลลี กับไอศกรีมมะระ42ชนะ
  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ทีมสีแดง: ให้ขนวัตถุดิบทั้งหมดกว่า 50 กล่องที่จะใช้ในการเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น จากรถที่มาส่งเข้ามาในครัวแล้วจัดให้เข้าที่ทั้งฝั่งสีแดงและสีน้ำเงิน
    • ทีมสีน้ำเงิน: ได้ปลดปล่อยและระบายความเครียด ด้วยการปาจานใส่หุ่นของคณะหัวหน้าเชฟที่ตั้งอยู่หน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น (เกมที่ใช้ในงาน Heliconia Food Festival ตอน Dark Valentine)
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 8: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟวิลแมนคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟเอียนคุมครัวทีมสีน้ำเงินเป็นหลัก
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอส
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงจิ๊บเฟน, ลูกจรรย์เคอร์
ทีมสีน้ำเงินเก่งเบียร์บิวมารวย
เมนูอาหารตะวันตกดั้งเดิม
  • King crab Rillette
  • Pan sear Black Grouper
  • Butter Poach Lobster Tail
  • Beaujolais Pear Tarte Tatin
อาหารตะวันตกสมัยใหม่
  • Marine Lobster
  • Roasted Beef Filet Mignon
  • Raspberry Frangipane Tart
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทั้ง 2 ทีมพบปัญหาตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดงนั้นลูกจรรย์ทำกุ้งล็อบสเตอร์ดิบ ส่วนทีมสีน้ำเงินจัดจานเรียกน้ำย่อยล่าช้าและเกินเวลาที่กำหนด หลังจากนั้น เบียร์วิ่งไปช่วยจัดจานเรียกน้ำย่อยจนทำเนื้อ 4 ชิ้นที่อยู่บนกระทะไหม้ ต่อมา ลูกค้าส่งจานอาหารกลับมายังทีมสีแดงผ่านเชฟป้อมเพราะพบก้างปู อีกทั้งเก่งจัดจานปูผิดจากต้นฉบับและพยายามจะโกหกเชฟวิลแมนว่าผักเน่าจนไม่เหลือ ในอาหารจานหลัก บิวมีปัญหากับการจดรายการอาหาร เฟนทำเนื้อออกมาไม่ได้มาตรฐานถึง 2 ครั้ง และทีมสีแดงยังมีจานอาหารที่ตีกลับมาอีกครั้งเพราะลูกจรรย์ทำปลาดิบจนลูกค้าตัดปลาไม่ขาด เชฟวิลแมนจึงโยนจานแตกกลางครัวทีมสีแดงและสั่งให้ทำใหม่ เมื่อทำเสร็จแล้ว และเชฟวิลแมนตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง เชฟวิลแมนจึงให้ลูกจรรย์นำจานอาหารไปบริการด้วยตนเองพร้อมขอโทษลูกค้า ต่อมา บิวและเบียร์ก็ถูกลูกค้าตีกลับจานอาหารเพราะทำเห็ดเพียวเร่เย็นเกินไป เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เชฟเอียนจึงพาบิวและเก่งนำจานอาหารไปบริการพร้อมขอโทษลูกค้าเช่นเดียวกัน แต่เฟนกลับทำเนื้อไม่ได้มาตรฐานอีกถึง 3 ครั้ง เชฟเอียนจึงไล่เฟนออกจากครัว ซึ่งจิ๊บที่มารับช่วงต่อจากเฟนก็ทำเนื้อออกมาดิบเกินไป เชฟวิลแมนจึงตัดสินใจรับเนื้อของทีมสีน้ำเงินมาบริการแทน และในจานของหวาน เชฟเอียนตำหนิมารวยที่บอกเวลาไม่ตรงกับที่ทำจริง นอกจากนี้ หลังจากนำจานอาหารดังกล่าวไปบริการลูกค้าแล้ว ลูกค้าก็ตีกลับผ่านเชฟอ๊อฟเพราะแป้งดิบ แต่มารวยกลับแก้ไขไม่สำเร็จ เชฟวิลแมนจึงไล่มารวยออกจากครัวอีกคน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทีมได้นำออเดอร์ทั้งหมดบริการลูกค้าเสร็จพร้อมกัน แต่เนื่องจากทั้งสองทีมมีข้อผิดพลาดเหมือนกัน เชฟเอียนจึงตัดสินให้ทั้งสองทีมเสมอกัน
    • ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: เฟน และ มารวย
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 8: เสมอทั้งสองทีม
  • การคัดออก (Elimination): เนื่องจากเสมอกัน จึงให้ทั้ง 2 ทีม พักร่วมกันในห้องพักรวม หลังจากนั้นเชฟพฤกษ์ได้เดินเข้ามาและบอกให้ทุกคนในทีมร่วมกันเลือกผู้เข้าแข่งขันจำนวน 2 คนที่ทำผิดพลาดมากที่สุด จากทีมใดก็ได้ ไปให้เชฟวิลแมนและเชฟเอียนคัดออก หลังจากกลับมาที่ครัว จิ๊บได้เสนอชื่อเฟนและมารวย ซึ่งเป็น 2 คนที่ถูกไล่ออกจากครัวทั้งคู่ ซึ่งในครั้งนี้ เชฟเอียนได้ให้ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือแสดงความคิดเห็นและร่วมตัดสินเกี่ยวกับความผิดพลาดของทั้งคู่ โดยไม่ได้ฟังเหตุผลของเฟนและมารวย โดย เคอร์ บิว จิ๊บ เก่ง และเบียร์ เห็นว่าเฟนควรออก มีเพียงลูกจรรย์เท่านั้นที่เห็นว่ามารวยควรออก ดังนั้น เชฟวิลแมนจึงตัดสินให้เฟนออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เฟน และ มารวย
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: เฟน
  • ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "ครั้งนี้ผมไม่ได้เลือก แต่ผมให้ทุกคนเป็นผู้เลือก เพราะมันเห็นชัดเจนว่า ใครควรจะอยู่ หรือ ใครควรจะออกจากเฮลล์คิทเช่นแห่งนี้"

ตอนที่ 10: เชฟป้อมและเชฟอ๊อฟ จะมาเฆี่ยนทุกคน

ออกอากาศ 7 เมษายน 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
    • เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
    • เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
  • ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในสัปดาห์นี้ ทางรายการได้เชิญนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทยชุดเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2022 จำนวน 4 คน มาแสดงความสามารถในการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อให้ผู้เข้าแข่งขันรับชม โดยนักกีฬาเซปักตะกร้อที่มา มีดังนี้
  1. เรืออากาศเอก ศิริวัฒน์ สาขา
  2. เรืออากาศโท วิชาญ เต็มโคตร
  3. มฤคินทร์ พันธ์มกร
  4. จ่าอากาศเอก วรายุทธ จันทรเสนา

จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันแข่งกันเตะลูกตะกร้อให้ลงกล่อง โดยฝั่งสีแดงจะได้เตะตะกร้อเพื่อเลือกประเภทอาหารไทย คือ ส้มตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ลาบปลาดุก หมกปลาซิว ต้มขมเครื่องในวัว และ แกงอ่อมไก่บ้าน ส่วนฝั่งทีมสีน้ำเงินจะได้เตะตะกร้อเพื่อเลือกสัญชาติของอาหารที่จะทำ คือ เวียดนาม ฝรั่งเศส กัวเตมาลา อินเดีย ญี่ปุ่น และ อิตาลี ซึ่งแต่ละคู่จะต้องส่งตัวแทนผู้เข้าแข่งขันมาเตะตะกร้อ จากนั้นให้แต่ละคู่ทำเมนูจากอาหารไทยและสัญชาติที่ทั้งคู่เตะตะกร้อลง ภายในเวลา 45 นาที และเนื่องจากสีแดงมีสมาชิกน้อยกว่า ดังนั้นทีมสีแดงจะต้องทำจานสุดท้ายร่วมกันเพิ่มอีก 1 จาน โดยเมนูอาหารไทย สัญชาติ และคะแนนที่แต่ละคู่ได้ มีดังนี้

คู่ที่การแข่งขัน
ทีมสีแดงทีมสีน้ำเงิน
อาหารไทยผู้เข้าแข่งขันคะแนนผู้เข้าแข่งขันสัญชาติ
1ซุบหน่อไม้เคอร์23บิวญี่ปุ่น
2ลาบปลาดุกลูกจรรย์11เบียร์อิตาลี
3หมกปลาซิวจิ๊บ30มารวยอิตาลี
4ต้มขมเครื่องในวัวจิ๊บ, เคอร์, ลูกจรรย์23เก่งกัวเตมาลา
รวมชนะ87แพ้
  • ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ทีมสีแดง: ได้ไปท่องเที่ยวแนวผจญภัยด้วยการโหนสลิงชมวิวทิวทัศน์ท่ามกลางธรรมชาติ (Zip line) ที่ Tree Top Adventure Park จังหวัดกาญจนบุรี
    • ทีมสีน้ำเงิน: ให้ทำ Amuse-Bouche (ของว่างพอดีคำ) เพื่อบริการลูกค้าทั้ง 100 คน โดยมีโปรตีนให้เลือก 3 อย่าง ได้แก่ หอยเชลล์ กุ้ง และปลาแซลมอน รวมถึงมีน้ำผลไม้หลากรส พร้อมโยเกิร์ตจากประเทศฝรั่งเศส เป็นองค์ประกอบหลักในจาน
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 9: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟอ๊อฟคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟป้อมคุมครัวทีมสีน้ำเงินเป็นหลัก
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอส
ผู้รับผิดชอบทีมสีแดงลูกจรรย์เคอร์จิ๊บ
ทีมสีน้ำเงินมารวยบิวเก่งเบียร์
เมนูอาหารเอเชียแนวผสมผสาน
  • Triple Tacos
  • Wagyu Tenderloins
  • Apple Crumble Hokkaido Cheesecake
อาหารไทยร่วมสมัย
  • ยำทวาย - ไก่คลุกงา
  • ข้าวคลุกน้ำพริก - กุ้งแม่น้ำเผา - น้ำปลาหวาน
  • ขนมโค
    • จานพิเศษก่อนมื้ออาหาร: Seafood Amuse-Bouche
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: ทั้งสองทีมมีปัญหาตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีน้ำเงิน มารวยทำจานทาโก้ส่งให้เชฟป้อมช้าเกินไป ทำให้จานยำทวายถูกส่งกลับ ส่วนทีมสีแดง ลูกจรรย์ส่งจานทาโก้ แต่มีไข่นกกระทาไหลเยิ้มลงจาน เชฟอ๊อฟจึงสั่งให้ทำใหม่ ต่อมา ทั้งสองทีมก็มีปัญหากับอาหารจานหลัก ซึ่งบิวและเคอร์ทำเนื้อผิดมาตรฐานหลายครั้ง อีกทั้งเคอร์ยังทำซอสไหม้อีกด้วย หลังจากนั้น เนื้อของทั้งสองทีมไม่มีเหลือ ทำให้ไม่สามารถนำไปบริการลูกค้าได้อีก เชฟป้อมและเชฟอ๊อฟจึงต้องตัดสินใจเปลี่ยนเมนูให้ลูกค้าใหม่จากเนื้อเป็นกุ้ง จากนั้น ทั้งคู่จึงพาบิวและเคอร์นำจานกุ้งไปบริการพร้อมขอโทษลูกค้า ส่วนของหวาน แม้ว่าทั้งสองทีมจะไม่มีปัญหาติดขัดในการจัดการอาหาร แต่ในทีมสีน้ำเงิน เก่งและเบียร์กลับเกิดความไม่พอใจเพราะลูกค้าคนสุดท้ายไม่เรียกจานของหวานจากทีมตนเองสักที จนกระทั่งทีมสีแดงนำจานของหวานไปบริการลูกค้าเสร็จก่อนแล้ว จึงเกิดความกังวลว่าพวกเขาจะแพ้ในการแข่งขันรอบนี้ แต่ในที่สุด ทีมสีน้ำเงินก็บริการของหวานให้ลูกค้าคนสุดท้ายจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้น เชฟป้อมได้แจ้งว่า ถึงแม้ว่าทีมสีแดงจะบริการลูกค้าเสร็จก่อน แต่ก็ไม่มีผลที่จะทำให้ทีมชนะ เพราะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าในการเรียกอาหาร รวมทั้งระยะเวลาการรับประทานอาหารของลูกค้า รวมถึงสอนทีมสีน้ำเงินด้วยว่า หากลูกค้าคนสุดท้ายยังไม่เดินออกจากภัตตาคาร จะต้องบริการให้เสร็จสมบูรณ์ ไม่ควรบ่นหรือแสดงความไม่พอใจออกมา จากนั้นได้สรุปผลการประเมินการทำงานในครั้งนี้ว่า ทั้ง 2 ทีมมีข้อผิดพลาดใกล้เคียงกัน และตัดสินให้ทั้งสองทีมเสมอกัน พร้อมแจ้งให้ทั้งสองทีมเลือกผู้เข้าแข่งขันที่ทำผิดพลาดที่สุดให้ตนเองและเชฟอ๊อฟคัดออกทีมละ 1 คน
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 9: เสมอทั้งสองทีม
  • การคัดออก (Elimination): เคอร์และบิวเสนอชื่อตนเอง โดยเคอร์ได้อธิบายว่าตนทำพลาดในส่วนของเนื้อ จนต้องเปลี่ยนเมนูให้ลูกค้าเป็นกุ้งแทน เชฟอ๊อฟเสริมอีกว่าข้อผิดพลาดอีกอย่างของเคอร์ก็คือ ความล่าช้าในการจัดการเนื้อและกุ้ง ส่งผลให้ลูกค้าต้องรอนาน ส่วนบิวได้อธิบายว่าตนเองผิดพลาดในการจัดการเนื้อถึง 4-5 ครั้ง ทำให้เสียชิ้นเนื้อมากถึง 7 ชิ้น โดยบิวได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยอมรับในข้อผิดพลาด และมีความเป็นนักสู้ พร้อมที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นโดยจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก จากนั้นเมื่อถูกถามว่าใครควรออก เคอร์มองว่าบิวควรถูกคัดออก เพราะจัดการเนื้อผิดพลาดมากกว่าตน ในขณะที่ตนจัดการเนื้อผิดพลาดเพียง 3 ชิ้นสุดท้ายเท่านั้น ส่วนบิวก็มองว่าตนควรถูกคัดออก เพราะตนทำพลาดจนไม่สามารถบริการเนื้อได้ครบ หลังจากที่คณะหัวหน้าเชฟปรึกษาหารือกันแล้ว เชฟป้อมได้ตัดสินให้ทั้งคู่ออกจากการแข่งขัน แต่หลังจากนั้น เชฟป้อมได้เสริมว่า ในการบริการอาหารเย็นทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งสองทีมใช้เวลาจัดการภายในครัวมากถึง 2 ชั่วโมง 30 นาที แต่ในครั้งนี้ ทั้งสองทีมใช้เวลาจัดการไม่ถึง 2 ชั่วโมง ดังนั้น เชฟป้อมจึงตัดสินใจใหม่ โดยไม่มีการคัดผู้เข้าแข่งขันออกจากการแข่งขันในครั้งนี้
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เคอร์ และ บิว
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: ไม่มี
  • ความคิดเห็นของเชฟป้อม: "วันนี้ ถือว่าทั้งสองทีมมีพัฒนาการที่ดีมากขึ้น อยากให้ทั้งสองทีมมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ หวังว่าครั้งหน้า เขาจะทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก"

ตอนที่ 11: ประเดิมความโหดครั้งแรกของรอบเสื้อดำ (Black Jacket) ด้วย Head Chef 3 คน

ออกอากาศ 21 เมษายน 2567

ก่อนเริ่มการแข่งขัน กระดาษสีดำได้ถูกโปรยใส่ผู้เข้าแข่งขัน และมีตู้แสดงจำนวน 7 ตู้ เลื่อนลงมาจากด้านบน ภายในตู้แสดงมีเสื้อยูนิฟอร์มสีดำ (Black Jacket) โดยเชฟเอียนได้ระบุไว้ว่า "ผู้ที่ได้ Black Jacket ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จากทุกโจทย์ ทุกสัปดาห์ จนเป็นกลุ่มคนกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเฮลล์คิทเช่นแห่งนี้" จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 7 คนเข้าไปรับเสื้อดำมาใส่

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ เป็นครั้งแรกมีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 3 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 3 โจทย์อาหาร ดังนี้
    • เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
    • เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
    • เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
  • ภารกิจ (Challenge): ในภารกิจส่วนบุคคลครั้งแรกของรอบเสื้อดำนี้เป็นการทดสอบทักษะการสื่อสาร โดยทางรายการได้เชิญนักมวยมืออาชีพจำนวน 7 คน เข้ามาในรายการ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องจับคู่นักมวย และออกมาสุ่มหยิบเซียมซีเพื่อรับเมนูอาหารที่จะต้องทำ โดยใช้เนยเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารแต่ละเมนู จากนั้นผู้เข้าแข่งขันจะต้องฝึกสอนและบอกวิธีการให้นักมวยทำอาหารที่แต่ละคู่ได้รับอย่างใกล้ชิด โดยต้องสวมเข็มขัดห่างกันเพื่อแยกผู้เข้าแข่งขันกับคู่นักมวยของตนเองออกเป็นระยะไม่ต่ำกว่า 1 เมตร แต่ในระหว่างการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ฝ่าฝืนช่วยกันหยิบจับวัตถุดิบโดยไม่ได้รับอนุญาต เชฟวิลแมนสั่งให้ทีมงานมัดมือผู้เข้าแข่งขันไว้ด้านหลังเพื่อให้ไม่สามารถแตะต้องอุปกรณ์และวัตถุดิบในการทำอาหารใด ๆ ได้ และไม่อนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันชิมอาหารจากฝีมือนักมวยอีกด้วย โดยมีเวลาในการแข่งขัน 45 นาที และผลคะแนนออกมาเป็นดังนี้
ลำดับที่ผู้เข้าแข่งขันนักมวยเมนูคะแนนจากหัวหน้าเชฟรวม
เชฟเอียนเชฟป้อมเชฟวิลแมนเชฟอ๊อฟ
1เคอร์แรมโบ้เลือดเดือด ธนญชัยแลมบ์แร็กซอสมัสมั่น22329
2จิ๊บโบวี่ ตี๋อำมหิตสเต๊กแซลมอนซอสฮอแลนเดสเสิร์ฟพร้อมผักย่าง233311
3ลูกจรรย์เอ็ดดี้ เพชรยินดีทอร์เทลลินีไส้เห็ดครีมซอส12227
4มารวยโยเนียร์ จ.เมืองศรีแฮมเบิร์กซอสมิโซะ232310
5เก่งหรั่งขาว ว.สังข์ประไพรีซอตโตเขียวหวานเนื้อย่าง21227
6เบียร์มหาเวทย์ ก.ทรายหล้าพาสตาเส้นสดเสิร์ฟพร้อมแซลมอนย่างซอสเพสโต333211
7บิวโอเค ซ้ายเอทีเอ็มพอตพายฮังเลหมูตุ๋น21227

เนื่องจากมีผู้ที่ได้คะแนนมากที่สุดเท่ากัน 2 คน คือจิ๊บและเบียร์ คณะหัวหน้าเชฟจึงประชุมร่วมกัน หลังจากนั้นเชฟอ๊อฟได้ตัดสินให้จานที่ดีที่สุดเป็นของจิ๊บ ทำให้จิ๊บเป็นผู้ชนะในรอบนี้ไปโดยปริยาย

  • ผู้ชนะรอบภารกิจ: จิ๊บ
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ผู้ชนะ (จิ๊บ): ได้ไปล่องเรือดินเนอร์สุด Exclusive จาก Khana Yacht Charter ดื่มด่ำไปกับวิวพระอาทิตย์ตกแสนงดงาม ในเส้นทางสุดโรแมนติกกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยได้เลือกเก่งไปร่วมดินเนอร์ในครั้งนี้ด้วย
    • คนที่เหลือ: ให้ใช้แรงงานในการซักผ้าปูโต๊ะให้กลับมาสะอาด
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 10: ในตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 3 คน จึงมีการแบ่งประเภทอาหาร โดยเชฟวิลแมนเป็นผู้เรียกรายการอาหารและตรวจสอบอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟเอียนจะตรวจสอบอาหารจานหลัก และเชฟป้อมจะตรวจสอบของหวานทั้งหมด และในครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องออกไปนำเสนอเมนูที่บริการให้ลูกค้าฟังเพื่อแบ่งเบาภาระของเชฟอ๊อฟด้วย โดยลูกจรรย์รับหน้าที่นี้
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
อาหารทะเลองค์ประกอบเนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอส
ผู้รับผิดชอบมารวยจิ๊บเคอร์เก่งบิวลูกจรรย์, เบียร์
เมนู
  • อาหารตะวันตกดั้งเดิม
    • King Crab Rillette
    • Quick Sear King Scallop
  • อาหารตะวันตกสมัยใหม่
    • Roasted Beef Filet Mignon
    • Australian Lamb Cutlets
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: การเปิดภัตตาคารครั้งแรกในรอบเสื้อดำมีปัญหาตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยมารวยทำสแกลลอปผิดพลาดหลายครั้ง มีทั้งสุกเกินไปและดิบ เชฟวิลแมนจึงเขวี้ยงจานแตกกลางครัว และโยนถาดสแกลลอปทั้ง 2 ถาดลงที่พื้นด้วย อีกทั้งมารวยใช้น้ำมันปริมาณที่มากเกินไปในการจี่สแกลลอป ทำให้การจัดการเวลาล่าช้า ต่อมาในอาหารจานหลัก เคอร์สับสนกับการจัดการอาหาร ทำให้ส่งจำนวนเนื้อวัวและเนื้อแกะผิดพลาด ต่อมาได้รับออเดอร์พิเศษที่ลูกค้าสั่งมาว่าไม่รับประทานเนื้อวัวและเนื้อแกะ (ลักษณะคล้ายกับที่เคยมีในตอนที่ 6) เก่งจึงรับอาสาทำอาหารพิเศษจานนี้เช่นเดียวกับที่เคยทำในตอนที่ 6 หลังจากทำเสร็จแล้วจึงส่งให้เชฟเอียนซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบอาหารจานหลักทำการตรวจสอบ หลังจากตรวจสอบแล้วเชฟเอียนเห็นว่าใช้ได้ เก่งจึงนำจานอาหารดังกล่าวออกไปบริการและนำเสนอลูกค้าด้วยตนเอง ต่อมา บิวและเคอร์ทำเนื้อออกมาเป็นระดับ Rare ถึง 2 ครั้ง แม้ว่าจะช่วยกันแก้ไขได้สำเร็จ แต่เชฟวิลแมนเห็นว่าไม่มีใครจัดเครื่องเคียงบนจานเลย จึงต้องเรียกให้ทุกคนไปช่วยกัน และในจานของหวาน ลูกจรรย์ทำกะทิในจานขนมโคเย็นเกินไป และยังทำจานส้มฉุนพลาดถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกลืมใส่เยลลี่ขิง ส่วนครั้งที่สองใส่ส้มในจานไม่ครบ และต่อมา เชฟป้อมได้เรียกทุกคนออกมาดูเศษสีดำในจานส้มฉุนซึ่งไม่สมควรนำออกไปบริการลูกค้า และให้ทุกคนนำจานกลับไปแก้ไข ระหว่างนั้น เชฟป้อมยังตำหนิลูกจรรย์ที่ไม่ได้ปอกส้มเตรียมไว้ก่อน หลังจากนั้น เบียร์ทำขนมโค 5 จานโดยที่เชฟวิลแมนยังไม่ได้เรียก ทำให้เชฟป้อมต้องเตือนสติ โดยระบุว่าหากเป็นภัตตาคารปกติ การกระทำนี้ถือเป็นการสิ้นเปลืองต้นทุน อย่างไรก็ตาม ทุกคนในทีมก็ได้นำออเดอร์บริการลูกค้าจนสำเร็จ แต่เชฟวิลแมนเล็งเห็นว่าในการบริการครั้งนี้ยังมีความผิดพลาดอย่างมาก จึงแจ้งให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนไปเลือก 2 คนที่ทำผิดพลาดที่สุดมาให้ตนคัดออก
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 10: เสร็จสมบูรณ์
  • การคัดออก (Elimination): มารวยและเคอร์เสนอชื่อตนเอง โดยมารวยอธิบายว่าตนส่งสแกลลอปที่มีทั้งสุกเกินไปและดิบเกินไป พร้อมกับทำสแกลลอปช้า ประกอบกับอาหารที่ส่งไปไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ตนต้องการ ทำให้การบริการอาหารล่าช้ามากกว่าที่ควรจะเป็น ตนเองก็สมควรจะออกด้วยเหตุผลนี้ ส่วนเคอร์อธิบายว่าตนเองทำผิดพลาดในส่วนของอุณหภูมิของเนื้อ โดยเนื้อที่เคอร์ทำผิดพลาดทั้งสองครั้งเป็นแบบ Rare ซึ่งผิดจากที่เชฟเอียนต้องการคือ Medium Rare และยังบอกว่า ถ้ากรรมการจะให้ตนออกจากการแข่งขัน ตนก็จะยอมรับผลการตัดสิน แต่เชฟวิลแมนเล็งเห็นว่าทัศนคติของมารวยนั้นไม่ดีพอที่จะอยู่ในการแข่งขัน เพราะช่วงก่อนเปิดภัตตาคาร เชฟพฤกษ์ได้เข้าไปเตือนมารวยเรื่องแกะปูแล้ว แต่มารวยกลับไม่สนใจปูและต้นทุนทั้งหมดที่สูญเสียไป และในระหว่างบริการ มารวยทำสแกลลอปโดยไม่สนใจว่าเชฟวิลแมนจะเรียกหรือไม่ เพราะกลัวว่าจะทำไม่ทัน ซึ่งส่งผลทำให้สแกลลอปทั้งหมดที่ทำนั้นสุกเกินไปจนนำออกไปบริการไม่ได้ อีกทั้งเชฟวิลแมนยังมองว่ามารวยอาจจะไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของภัตตาคารได้หากจ้างมารวยมาเป็นหัวหน้าเชฟ เพราะไม่ใช่เงินที่มารวยเสียไป จึงตัดสินให้มารวยออกจากการแข่งขัน
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เคอร์ และ มารวย
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: มารวย
  • ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "นี่คือการแข่งขันเฟ้นหาเชฟที่จะมารันครัวของร้านเฮลล์คิทเช่น แต่วันนี้ มารวยทำให้เรารู้ว่า เขายังไม่เหมาะสมในตำแหน่งนั้น ผมจึงเลือกที่จะให้เขากลับบ้านในวันนี้"

ตอนที่ 12: 3 Head Chef 3 สัญชาติอาหาร กับความท้าทายใหม่

ออกอากาศ 28 เมษายน 2567

  • หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 3 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 3 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
    • เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
    • เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
    • เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
  • ภารกิจ (Challenge): (รอเพิ่มข้อมูล)
ลำดับที่ผู้เข้าแข่งขันเมนูคะแนน
1
2
3
4
5
6
  • ผู้ชนะรอบภารกิจ: (รอเพิ่มข้อมูล)
  • รางวัล/บทลงโทษ:
    • ผู้ชนะ (...): (รอเพิ่มข้อมูล)
    • คนที่เหลือ: (รอเพิ่มข้อมูล)
  • บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 11: (รอเพิ่มข้อมูล)
ผู้รับผิดชอบแต่ละฐานครัว และเมนูต่าง ๆ
ประเภทอาหารเรียกน้ำย่อย
(Appetizer)
อาหารจานหลัก
(Main Course)
ของหวาน
(Dessert)
เนื้อสัตว์เครื่องเคียงซอส
ผู้รับผิดชอบ(รอเพิ่มข้อมูล)(รอเพิ่มข้อมูล)(รอเพิ่มข้อมูล)(รอเพิ่มข้อมูล)(รอเพิ่มข้อมูล)
เมนู
  • อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
    • (รอเพิ่มข้อมูล)
  • อาหารไทยร่วมสมัย
    • (รอเพิ่มข้อมูล)
  • อาหารตะวันตกสมัยใหม่
    • (รอเพิ่มข้อมูล)
    • เหตุการณ์ระหว่างบริการอาหารเย็น: (รอเพิ่มข้อมูล)
  • ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 11: (รอเพิ่มข้อมูล)
  • การคัดออก (Elimination): (รอเพิ่มข้อมูล)
  • ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: (รอเพิ่มข้อมูล)
  • ผู้ที่ถูกคัดออก: (รอเพิ่มข้อมูล)
  • ความคิดเห็นของเชฟ...: (รอเพิ่มข้อมูล)

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง