ชาวไทยเชื้อสายเขมร

ชาวไทยเชื้อสายเขมร หรือ ชาวเขมรเหนือ (เขมร: ជនជាតិខ្មែរខាងជើង)[1] เป็นคำที่ใช้สื่อถึงผู้มีเชื้อชาติเขมรในภาคอีสานของประเทศไทย[2][3]

ชาวเขมรเหนือ
ជនជាតិខ្មែរខាងជើង
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ
ภาคอีสาน จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดสุรินทร์, จังหวัดศรีสะเกษ
ภาคตะวันออก จังหวัดตราด, จังหวัดจันทบุรี
ภาษา
เขมรเหนือ, ไทย, ไทยถิ่นอีสาน
ศาสนา
พุทธเถรวาท
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง
ชาวมอญ, ชาวว้า และกลุ่มชนมอญ–เขมรอื่น ๆ

ประวัติ

ชาวเขมรเริ่มปรากฏตัวในบริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิเขมร[4] หลังอังกอร์ล่มสลาย ชาวเขมรในภาคอีสานต้องรับอิทธิพลจากไทย ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 อาณาจักรไทยได้ผนวกจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดในอดีตของประเทศกัมพูชา ผู้อยู่อาศัยชาวเขมรกลายเป็นประชาชน โดยพฤตินัย ของพระมหากษัตริย์ไทย และเริ่มการกลืนกลายทางวัฒนธรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นเวลานานขึ้น

ในบันทึกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จำแนกชาวเขมรไว้เป็น 4 พวก คือ จำพวกที่ 1 เขมรที่เป็นชาวสยามแท้ เรียกในราชการว่า เขมรป่าดง เป็นราษฎรเมืองสุรินทร์ สังฆะ ขุขันธ์ จำพวกที่ 2 เขมรเก่า เป็นคนเขมรที่อพยพมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินบ้าง รัชกาลที่ 1 บ้าง พวกนี้อยู่ที่มณฑลราชบุรีโดยมาก จำพวกที่ 3 เขมรกลาง คือ เขมรที่อพยพมาในสมัยรัชกาลที่ 3 พวกนี้อยู่ในมณฑลกรุงเทพและมณฑลปราจีนบุรี โดยมาก จำพวกที่ 4 เขมรใหม่ คือ เขมรที่อพยพตั้งแต่ ค.ศ. 1858 มีมากในมณฑลบูรพา หรือเมืองพระตะบองเป็นต้น[5]

ประชากร

ร้อยละของประชากรในจังหวัดของประเทศไทย
จังหวัดร้อยละของชาวเขมรใน พ.ศ. 2533ร้อยละของชาวเขมรใน พ.ศ. 2543
สุรินทร์[6]63.4%47.2%
บุรีรัมย์[7]0.3%27.6%
ศรีสะเกษ[8]30.2%26.2%
ตราด[9]0.4%2.1%
สระแก้ว[10]ไม่มี1.9%
จันทบุรี[11]0.6%1.6%
ร้อยเอ็ด[12]0.4%0.5%
อุบลราชธานี[13]0.8%0.3%
มหาสารคาม[14]0.2%0.3%

ภาษา

ชาวไทยเชื้อสายเขมรนั้นจะมีภาษาที่แตกต่างออกไปจากภาษาเขมรในประเทศกัมพูชา โดยภาษาเขมรที่ใช้พูดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรืออีสานใต้ จะเรียกว่า ภาษาเขมรถิ่นไทย หรือเขมรบน โดยมีความต่างจากภาษาเขมรในกัมพูชาในเรื่องของหน่วยเสียงสระ การใช้พยัญชนะ รากศัพท์ และไวยากรณ์ โดยผู้ใช้ภาษาเขมรถิ่นไทยจะสามารถเข้าใจภาษาเขมรทุกสำเนียง ส่วนผู้ใช้สำเนียงพนมเปญจะมีปัญหาในการทำความเข้าใจ นอกจากภาษาเขมรถิ่นไทยแล้ว ชาวไทยเชื้อสายเขมรกลุ่มอื่น ๆ ก็สามารถใช้ภาษาเขมรได้ดีโดยเฉพาะกลุ่มที่ติดชายแดนใกล้กับประเทศกัมพูชา อย่างเช่นแถบจังหวัดสระแก้ว จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด

แต่ขณะเดียวกันชุมชนชาวไทยเชื้อสายเขมรในหลายจังหวัดแถบภาคกลางของประเทศที่ตกอยู่ในวงล้อมที่รอบล้อมไปด้วยภาษาไทยกลาง ทำให้ภาษาเขมรในถิ่นนั้นได้รับอิทธิพลของภาษาไทย โดยชุมชนเชื้อสายเขมรหลายชุมชนเลิกการใช้ภาษาเขมร โดยสงวนไว้เฉพาะคนเฒ่าคนแก่ ไม่เผยแพร่ต่อลูกหลาน อย่างเช่นในชุมชนชาวไทยเชื้อสายเขมรในจังหวัดราชบุรี ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ (ฉบับหอสมุดแห่งชาติ) ก็ได้กล่าวถึงการกวาดต้อนเขมรจากเมืองโพธิสัตว์ เสียมราฐและพระตะบองมาไว้ที่ราชบุรี เขมรเหล่านี้ไม่ใช่เขมรลาวเดิมเพราะมีภาษาพูดที่แตกต่างกัน เขมรกลุ่มนี้ใช้ภาษาพูดเช่นเดียวกับเขมรในประเทศกัมพูชา โดยตั้งบ้านเรือนในเขตอำเภอเมืองราชบุรี, อำเภอโพธาราม และอำเภอปากท่อ[15] จากการศึกษาใน พ.ศ. 2546 พบผู้พูดภาษาเขมรประมาณ 8-10 คน มีอายุระหว่าง 70-80 ปี แต่ไม่ได้ใช้ภาษาเขมรสื่อสารกับลูกหลาน เพียงแต่นึกศัพท์ได้เป็นคำ ๆ หรือพูดคุยกับคนรุ่นเดียวกันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น[16] เช่นเดียวกันกับชุมชนชาวไทยเชื้อสายเขมรในจังหวัดนครปฐมซึ่งมีอยู่ตั้งแต่ปากคลองเจดีย์บูชาสะพานรถไฟเสาวภา วัดแค ไปจนถึงวัดสัมปทวน เรียงรายไปตลอดริมแม่น้ำท่าจีน ประมาณ 1 กิโลเมตรประมาณ 30 ครอบครัว แต่มีผู้ใช้ภาษาเขมรเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น[17] ขณะที่ตำบลบ้านโพธิ์และตำบลตลิ่งชัน จังหวัดสุพรรณบุรี มีหมู่บ้านที่ใช้ภาษาเขมรร่วมกับภาษาไทย 7 หมู่บ้าน[18]

การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

นอกจากการแต่งกายชาวไทยเชื้อสายเขมรนั้น จะมีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกันระหว่างคนภายในชุมชนเดียวกันแต่ต่างชาติพันธุ์กัน อย่างเช่น ชุมชนบ้านโซง ซึ่งเดิมเป็นชุมชนของชาวเขมร แต่ต่อมามีชาวไทยเชื้อสายลาวเข้ามาอยู่ภายในชุมชนด้วย โดยหากมีการแต่งงานข้ามกลุ่มกันระหว่างกลุ่ม ก็จะนิยมจัดงานแต่งงานแบบเขมร และชาวไทยเชื้อสายเขมรในชุมชนนี้จะมีความพยายามในการเรียนรู้ภาษาไทยกลางและภาษาลาว

ศาสนา

ชาวไทยเชื้อสายเขมรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ช่วงเข้าพรรษาจะมีประเพณีกันซง ซึ่งเป็นประเพณีการถือศีล นำอาหารไปทำบุญ ที่วัด 8 วัน หรือ 15 วัน นอกจากนั้นยังมีความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษ จะมีประเพณีไหว้บรรพบุรุษ เรียกว่า ประเพณีเบ็นหรืองาน แคเบ็น ซึ่งตรงกับสารทไทย พิธีมงก็วลจองได เป็นพิธีสู่ขวัญแบบพื้นบ้าน นิยมจัดในงานมงคล เช่น งานมงคลสมรส ขวัญนาค โกนจุก ยกเสาเอก ขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น พิธีมอม็วด เป็นพิธีที่ทำเพื่อหาสาเหตุการเจ็บป่วย โดยผู้เข้าทรงจะเชิญวิญญาณมาเข้าสู่ร่าง และจะมีผู้คอยซักถามว่าเหตุใดถึงได้เจ็บป่วย นอกจากนั้นชาวไทยเชื้อสายเขมรยังเชื่อเรื่องโชคราง ของขลัง ฤกษ์ยามเครื่องราง ของขลังบางอย่างสามารถป้องกันภัยและรักษาโรคได้[17]

นอกจากพระพุทธศาสนาแล้ว ชาวไทยเชื้อสายเขมรบางส่วนก็นับถือคริสต์ศาสนาอย่างเช่นในชุมชนวัดคอนเซ็ปชัญ ในซอยมิตตคาม ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ที่ได้กวาดต้อนชาวเขมรที่นับถือศาสนาคริสต์มาอาศัยอยู่ร่วมกับชุมชนชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โดยได้ทำการกวาดต้อนมาประมาณ 500 คน โดยเป็นชาวโปรตุเกส 450 คน และชาวเขมรอีก 100 คน[19] โดยกลุ่มชาวเขมรที่นับถือศาสนาคริสต์ได้นำรูปสลักพระแม่มารี หรือ พระแม่ขนมจีน หรือ พระแม่ตุ้งติ้ง มาด้วย ภายหลังมีการอัญเชิญรูปสลักนี้กลับกัมพูชา แต่ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ทำให้ไปต่อไม่ได้ จึงนำกลับมาประดิษฐาน ณ วัดคอนเซ็ปชัญตามเดิม ด้วยเหตุที่มีชาวเขมรเข้ามาตั้งถิ่นฐานภายในชุมชน จึงทำให้วัดคอนเซ็ปชัญมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง คือ วัดเขมร[19] โดยอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวไทยเชื้อสายเขมรในวัดคอนเซ็ปชัญคือ หมูหัน

วัฒนธรรม

แม้ว่าในปัจจุบันเป็นชนกลุ่มน้อย ชาวเขมรเหนือยังคงรักษาเอกลักษณ์เขมรบางส่วน เช่น นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทแบบเขมร และพูดภาษาเขมรเหนือ มีชาวเขมรเหนือไม่กี่คนสามารถอ่านหรือเขียนภาษาแม่ของตนเองได้[20] เพราะว่าในโรงเรียนรัฐมีการสอนเป็นภาษาไทยเท่านั้น

การเรียนการสอนภาษาไทยนี้ ทำให้คนรุ่นหลังหลายคนใช้ภาษาไทยเป็นสื่อกลางในการสื่อสารได้สะดวกกว่า ใน ค.ศ. 1998 Smalley รายงานถึงการเริ่นต้นความสนใจภาษาและวัฒนธรรมเขมรใหม่ ทำให้มีผู้พูดภาษาเขมรเหนือเพิ่มขึ้นสองเท่ามาตั้งแต่ ค.ศ. 1958[21] อย่างไรก็ตาม การใช้เขมรลดลงในเวลาต่อมา[22]

ในสองทศวรรษที่แล้ว มีการฟื้นฟูวัฒนธรรม 'ท้องถิ่น' ในประเทศไทยโดยรัฐ เช่น วัฒนธรรมเขมร ซึ่งถูกท้าทายจากการนำเรื่องเล่าของรัฐมาใช้และไม่สามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับชาวเขมรเหนือได้อย่างเพียงพอ[23]

ประเพณี

ประเพณีของชาวไทยเชื้อสายเขมรมีจำนวนมาก และส่วนใหญ่จะเป็นพิธีกรรมทางศาสนาตามความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายเขมร เช่น

  • ประเพณีไหว้พระแข เป็นประเพณีชาวไทยเชื้อสายเขมรในตำบลบ้านโพธิ์ และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ที่อพยพตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยพิธีนี้เป็นพิธีบวงสรวงและไหว้พระจันทร์เพื่อเสี่ยงทางฝนฟ้าประจำปี จัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 12 และในวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านจะเผาข้าวหลาม มาทำบุญเลี้ยงพระ ปัจจุบันมีการจัดตามวัด
  • เทศกาลแซนโฎนตาแคเบ็น ซึ่งคำว่า แซนโฎนตา หรือ แซนโดนตา แปลว่า เซ่นปู่ตา หมายถึง การเซ่นผีบรรพบุรุษของชาวไทยเชื้อสายเขมร เป็นประเพณีที่ชาวเขมรถือปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณ จะจัดกันในช่วง แรม 15 ค่ำ เดือน 10 ถึง ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ในเดือน แคเบ็น หรือตรงกับเดือนตุลาคม เช่นเดียวกับสารทไทย แต่ที่แปลกพิสดารคือมีการจัดเซ่นที่เป็นเอกลักษณ์ตามธรรมเนียมประเพณีแบบเขมร โดยก่อนวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 สี่ถึงห้าวัน[24]

ข้อขัดแย้ง

ถึงแม้ว่าชาวเขมรกรมในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ประเทศเวียดนาม ไม่ได้อยู่ใกล้ระดับการประท้วงเลย ชาวเขมรเหนือบางส่วนในภาคอีสานต้องการสิทธิมากกว่าเดิมและต่อต้านการแผลงเป็นไทย และการสู้รบเป็นครั้งคราวระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาในบางครั้งยากลำบาก[25][26]

บุคคลที่มีชื่อเสียง

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง